Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

เหน่งบาตัดแปะ....เซียน ในแผ่นดินสยาม (๑)

เหน่งบา

21/09/2015 08:27:43
1,866
หัวข้อนี้มีสามกระทู้ครับ
เป็นเรื่องของเซียนจริง..คนที่ได้รับการขนานนามคำนำหน้าว่าเซียน

ถ้าพูดถึงคำว่าเซียน อย่างเป็นกิจจะลักษณะ ขอตัดแปะข้อมูลจากวิกิพีเดียเป็นข้อมูลอ้างอิงก่อน
ซึ่ง"เซียน"(แน่นอนว่ามาจากภาษาจีน) เป็นคำที่เน้นเฉพาะเจาะจงจากความเชื่อในลัทธิเต๋า(ไม่ใช่พุทธ)ดังนี้

ในลัทธิเต๋า เซียน (จีน: 仙) หมายถึงนักสิทธิ์ บรรลุถึงอมตภาพทางร่างกายและวิญญาณ

ลำดับชั้น
คัมภีร์จงลฺหวี่ฉวนเต้าจี๋ (鐘呂傳道集) ซึ่งจงหลี ฉวน และลฺหวี่ ต้งปิน เซียนในกลุ่มแปดเซียนเป็นผู้ประพันธ์ขึ้น ได้จำแนกเซียนออกเป็น 5 ชั้น[1] ได้แก่

กุ่ยเซียน (鬼仙) คือคนที่มีพลังยินมากเกินไป และหมดพลังชีวิต มีลักษณะคล้ายแวมไพร์หรือปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง อาศัยอยู่ในภูมิของผี
เหรินเซียน (人仙) คือมนุษย์ที่มีพลังยินหยางอย่างสมดุล จนมีชีวิตเป็นอมตะได้ ไม่แก่หรือเจ็บไข้ได้ป่วย แต่ยังมีความหิวกระหายและต้องการเครื่องนุ่งห่มอย่างมนุษย์ทั่วไป อาศัยอยู่ในมนุษยภูมิ
ตี้เซียน (地仙) เมื่อพลังยินเปลี่ยนไปเป็นพลังหยางอย่างสมบูรณ์ ร่างกายจะอยู่ได้โดยไม่ต้องกินอาหาร น้ำดื่ม หรือเสื้อผ้า ไม่รู้ร้อนรู้หนาว อาศัยอยู่ในโลก
เสินเซียน (神仙) ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นไอ และสามารถแปลงร่างเป็นสิ่งใดก็ได้ ยังอาศัยอยู่ในโลกเพื่อสอนเต๋าแก่มนุษย์ อาศัยในโลกวิญญาณ เมื่อสั่งสมบุญจนเพียงพอก็จะได้รับอาณัติสวรรค์ให้เลื่อนขั้นไปอยู่บนสวรรค์
เทียนเซียน (天仙) คือวิญญาณอมตะที่ถูกรับขึ้นสวรรค์ ในระยะแรกจะได้ปกครองน้ำ ต่อมาจะได้รับมอบหมายให้ปกครองโลกและสวรรค์ตามลำดับ สามารถท่องเที่ยวไปมาระหว่างโลกกับสวรรค์ได้

ถ้าในเมืองไทย ความหมายของคำว่าเซียน อาจไม่เน้นเฉพาะผู้ปฏิบัติบรรลุทางลัทธิเต๋าอย่างเดียว สรุปใจความง่ายๆ ผู้ที่เป็นเซียน จะหมายความรวมถึง ผู้ที่ข้ามขอบเขตของมนุษย์ ไปสู่ระดับเดียวกับเทพเจ้าทั้งที่ยังมีชีวิตนั่นเอง
ไม่ใช่ว่าตายแล้วไปเป็นเทพเจ้า ยกตัวอย่างเช่น เทพเจ้ากวนอู ซึ่งประกอบคุณงามความดีและผลแห่งกรรมดีอำนวยให้ได้ไปสู่ภพภูมิที่สูงขึ้น
หากแต่ เซียน จะเป็นมนุษย์ที่เป็นเหนือกว่ามนุษย์โดยที่ยังไม่ตาย
>
>
>
เรื่องที่จะนำมาเล่าสู่กันฟัง เป็นบุคคลสามท่านที่คนทั่วไปเรียกกันว่า เซียน ซึ่งพวกท่าน อยู่ในประเทศไทย ส่วนหนึ่งคือมีความเกี่ยวพันกับชาวจีนและมีเงื่อนไขวัตรปฏิบัติที่เหนือคนธรรมดา ที่ผมทราบมา มีสามท่าน โดยจะเล่าเรียงลำดับกระทู้ตามเวลา ท่านแรกมีชีวิตอยู่ในช่วงรัชกาลที่ห้า อีกสองท่าน เกิดก่อนปีพ.ศ.๒๕๐๐ และละสังขารไปในปี ๒๕๑๖ และ ๒๕๒๒

เรื่องแปลกก็คือ พวกท่าน ละสังขารไปในท่านั่งสมาธิทั้งสิ้น
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

เหน่งบา

21/09/2015 08:28:20
1,866



หัวข้อนี้มีสามกระทู้ครับ
เป็นเรื่องของเซียนจริง..คนที่ได้รับการขนานนามคำนำหน้าว่าเซียน

ถ้าพูดถึงคำว่าเซียน อย่างเป็นกิจจะลักษณะ ขอตัดแปะข้อมูลจากวิกิพีเดียเป็นข้อมูลอ้างอิงก่อน
ซึ่ง"เซียน"(แน่นอนว่ามาจากภาษาจีน) เป็นคำที่เน้นเฉพาะเจาะจงจากความเชื่อในลัทธิเต๋า(ไม่ใช่พุทธ)ดังนี้

ในลัทธิเต๋า เซียน (จีน: 仙) หมายถึงนักสิทธิ์ บรรลุถึงอมตภาพทางร่างกายและวิญญาณ

ลำดับชั้น
คัมภีร์จงลฺหวี่ฉวนเต้าจี๋ (鐘呂傳道集) ซึ่งจงหลี ฉวน และลฺหวี่ ต้งปิน เซียนในกลุ่มแปดเซียนเป็นผู้ประพันธ์ขึ้น ได้จำแนกเซียนออกเป็น 5 ชั้น[1] ได้แก่

กุ่ยเซียน (鬼仙) คือคนที่มีพลังยินมากเกินไป และหมดพลังชีวิต มีลักษณะคล้ายแวมไพร์หรือปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง อาศัยอยู่ในภูมิของผี
เหรินเซียน (人仙) คือมนุษย์ที่มีพลังยินหยางอย่างสมดุล จนมีชีวิตเป็นอมตะได้ ไม่แก่หรือเจ็บไข้ได้ป่วย แต่ยังมีความหิวกระหายและต้องการเครื่องนุ่งห่มอย่างมนุษย์ทั่วไป อาศัยอยู่ในมนุษยภูมิ
ตี้เซียน (地仙) เมื่อพลังยินเปลี่ยนไปเป็นพลังหยางอย่างสมบูรณ์ ร่างกายจะอยู่ได้โดยไม่ต้องกินอาหาร น้ำดื่ม หรือเสื้อผ้า ไม่รู้ร้อนรู้หนาว อาศัยอยู่ในโลก
เสินเซียน (神仙) ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นไอ และสามารถแปลงร่างเป็นสิ่งใดก็ได้ ยังอาศัยอยู่ในโลกเพื่อสอนเต๋าแก่มนุษย์ อาศัยในโลกวิญญาณ เมื่อสั่งสมบุญจนเพียงพอก็จะได้รับอาณัติสวรรค์ให้เลื่อนขั้นไปอยู่บนสวรรค์
เทียนเซียน (天仙) คือวิญญาณอมตะที่ถูกรับขึ้นสวรรค์ ในระยะแรกจะได้ปกครองน้ำ ต่อมาจะได้รับมอบหมายให้ปกครองโลกและสวรรค์ตามลำดับ สามารถท่องเที่ยวไปมาระหว่างโลกกับสวรรค์ได้

ถ้าในเมืองไทย ความหมายของคำว่าเซียน อาจไม่เน้นเฉพาะผู้ปฏิบัติบรรลุทางลัทธิเต๋าอย่างเดียว สรุปใจความง่ายๆ ผู้ที่เป็นเซียน จะหมายความรวมถึง ผู้ที่ข้ามขอบเขตของมนุษย์ ไปสู่ระดับเดียวกับเทพเจ้าทั้งที่ยังมีชีวิตนั่นเอง
ไม่ใช่ว่าตายแล้วไปเป็นเทพเจ้า ยกตัวอย่างเช่น เทพเจ้ากวนอู ซึ่งประกอบคุณงามความดีและผลแห่งกรรมดีอำนวยให้ได้ไปสู่ภพภูมิที่สูงขึ้น
หากแต่ เซียน จะเป็นมนุษย์ที่เป็นเหนือกว่ามนุษย์โดยที่ยังไม่ตาย
>
>
>
เรื่องที่จะนำมาเล่าสู่กันฟัง เป็นบุคคลสามท่านที่คนทั่วไปเรียกกันว่า เซียน ซึ่งพวกท่าน อยู่ในประเทศไทย ส่วนหนึ่งคือมีความเกี่ยวพันกับชาวจีนและมีเงื่อนไขวัตรปฏิบัติที่เหนือคนธรรมดา ที่ผมทราบมา มีสามท่าน โดยจะเล่าเรียงลำดับกระทู้ตามเวลา ท่านแรกมีชีวิตอยู่ในช่วงรัชกาลที่ห้า อีกสองท่าน เกิดก่อนปีพ.ศ.๒๕๐๐ และละสังขารไปในปี ๒๕๑๖ และ ๒๕๒๒

เรื่องแปลกก็คือ พวกท่าน ละสังขารไปในท่านั่งสมาธิทั้งสิ้น
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

เหน่งบา

21/09/2015 08:29:11
1,866



ข้อมูลส่วนนี้ตัดแปะมาจากหนังสือกฎแห่งกรรม ของคุณ ท.เลียงพิบูลย์ ตอน ปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่

จากข้อมูลที่มี ท่านเป็นคนจีนอพยพเข้ามาอยู่ในเมืองไทยในสมัยรัชกาลที่ ๕ ทำอาชีพเป็นลูกจ้างปลูกผักทำสวนอยู่ในตำบลหัวตะเข้ ลาดกระบัง
ท่านเป็นคนดีขยันหมั่นเพียร มัธยัสถ์ และกตัญญู อยู่มาไม่นานก็เก็บหอมรอมริบซื้อที่มีไร่ผักเป็นของตัวเองและส่งเงินกลับไปให้แม่ที่เมืองจีนได้
หนุ่่มเล้าเอี๊ยะฮง มีความรักกับสาวชาวไทย ซึ่งพ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่ได้รังเกียจว่าเป็นเจ๊กจีน เพราะเป็นอยู่ว่าเป็นคนดี ขยัน ไว้ใจได้
เมื่อคิดจะแต่งงานสร้างชีวิต ก็แจ้งกลับไปบอกแม่ทางบ้านที่เมืองจีน คาดหวังว่าคงไม่มีปัญหาอะไร
คำตอบกลับมาหลังจากหลายเดือนผ่านไป(ส่งจดหมายได้ทางเรือกลไฟสถานเดียว) คือ ไม่อนุญาต และบอกให้หนุ่มเอี๊ยะฮงเดินทางกลับเมืองจีนไปแต่งงานกับผู้ที่มารดาหมั้นหมายหาคู่เตรียมไว้ให้ พร้อมบริภาษตัดเป็นตัดตายหากไม่ยอมทำตาม

ครับ วิมานทลาย....
ด้วยความกตัญญูต่อมารดาเป็นที่ตั้ง เอี๊ยะฮงปรึกษากับคนรัก แล้วตัดใจทำตามคำสั่งของแม่ ขายบ้านขายสวนที่ก่อร่างสร้างขึ้นมา ขายทรัพย์สินที่มี รววบรวมเงินทองกลับเมืองจีน เพื่อไปแต่งงานและใช้ชีวิตที่เมืองจีนตามคำสั่งบุพการีด้วยความชอกช้ำระกำใจ

เพื่อที่จะไปพบว่า กว่าจะเดินทางไปถึงว่าที่เจ้าสาวซึ่งเคยหมั้นหมาย ก็กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับคนอื่นเพราะเข้าใจว่าเอี๊ยะฮงจะไม่ยอมกลับมาเนื่องจากได้ข่าวว่ามีคนรักที่เมืองไทยและคิดจะแต่งงาน

โลกพลิกกลับ สำหรับคนที่ต้องตัดใจละทิ้งชีวิตและทุกอย่างที่เมืองไทยเดินทางกลับมา

เอี๊ยะฮงตัดสินใจยกเงินทองทรัพย์สินที่มีอยู่ให้แม่ และคิดจะกลับไปเมืองไทยเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง คราวนี้ทางแม่ไม่ได้ห้ามหรือขัดขวาง เพราะก็เห็นอยู่ว่าเรื่องราวดำเนินไปอย่างไร

เขาเดินทางรอนแรมกลับมาเมืองไทย ด้วยจิตใจจดจ่ออยู่กับหญิงคนรัก วาดหวังถึงอนาคตที่งดงามอีกครั้ง ไม่ได้แจ้งข่าวล่วงหน้า ด้วยหวังจะให้คนรักตื่นเต้นดีใจ(คือถึงแจ้งจดหมายไป ก็ไม่ได้เร็วกว่าที่ตัวเองจะเดินทางกลับเมืองไทย)

เมื่อถึงหัวตะเข้ เอี๊ยะฮงพบว่าสิ่งที่หวังไว้ไม่มีวันเป็นจริงได้อีกแล้วในชีวิตนี้
คนรักของเขาตกลงปลงใจแต่งงานออกเรือนไปกับชายอื่น เพราะที่ลาจากกัน เขากลับไปเมืองจีนคราวนั้น คิดว่าคงไม่ได้พบกันอีกแล้วตลอดชาติ

คนสมัยนี้อาจโทรความล่าช้าของการเดินทางสื่อสาร ทว่า เหตุปัจจัย ความเป็นจริงของแต่ละยุคสมัย ก็มีข้อจำกัดความพอดีในตัวของมันอยู่
ไม่อาจโทษอะไรได้นอกจากชะตากรรม

เอี๊ยะฮงหมดอาลัยตายอยาก ไม่ได้มุมานะหากินสร้างตัวอีกแล้ว เขาปลงตกกับความไม่นอนของโลก ตัดสินใจมุ่งหน้าทางธรรม ถือศิลกินเจนุ่งห่มขาวตลอดชีวิต อาศัยอยู่กับโรงเจแถวนั้น รับจ้างทำงานไปวันๆเพื่อยังชีพ มีเงินเหลือก็เจียดส่งไปให้แม่ กลางคืนก็นั่งสมาธิบำเพ็ญเพียรภาวนาใต้ต้นใหญ่ เป็นปกติวิสัยที่ชาวหัวตะเข้ได้พบเห็น

คืนหนึ่งที่ตำบลหัวตะเข้ เกิดเหตุกการอัศจรรย์ มีสภาพเหมือนพายุใหญ่ฟ้าคะนองแลบเป็นแสงสว่างเห็นทั่วไป แต่ไม่มีฝนตก มีแต่ลมพายุพัดแรง ต้นไม้ใหญ่น้อยเอียงเอนอ่อนไหวไปมาแทบจะน้อมลงดิน จนผู้คนหวาดกลัวหลบอยู่แต่ในบ้านด้วยเกรงอันตราย แต่พอรุ่งเช้าอากาศปกติ ทุกคนที่ออกมาสำรวจเหตุการณ์ ไม่พบความเสียอะไรเกิดขึ้นกับบ้านเรือน ต้นไม้ในหมู่บ้าน เหมือนเมื่อคืนไม่ได้มีพายุพัุดจัดมาก่อน และพายุใหญ่นั้นมีอยู่เฉพาะบริเวณตำบลหัวตะเข้ ตำบลใกล้เคียง ไม่มีที่ใดปรากฎว่ามีสภาพการของพายุในคืนนั้น

เช้าวันรุ่งขึ้นสิ่งที่ทำให้ชาวหัวตะเข้แตกตื่นเป็นข่าวใหญ่เล่าลือกันต่อๆไปก็คือ จีนเล้าเอี๊ยะฮง ซึ่งปกตินั่งสมาธิตัวตรงอยู่ใต้ต้นไม้ ได้หมดลมไปเสียแล้ว โดยที่พายุใหญ่ที่พัดจัดในตำบลหัวตะเข้เมื่อคืนไม่ได้แผ้วพานกับร่างนั้นเลย มองดูคล้ายยังมีชีวิต ซึ่งคนส่วนมากถือว่าถ้าจิตดับขณะนั่งอยู่ในสมาธินั้น เป็นผู้สำเร็จ คำร่ำลือก็แพร่ออกไปจากตำบลไปสู่ตำบลอื่นๆ มีคนนำสิ่งของอาหารผลไม้มากราบไว้บูชาร่างนั่งสมาธิที่ไม่เน่าเปือย มากมายมหาศาล และบอกต่อๆกันไปว่า เล้าเอี๊ยะฮง ได้สำเร็จเป็นเซียนไปแล้วเมื่อคืนนั้น ฟ้าดินจึงได้บันดาลให้เกิดพายุขึ้นอย่างมหัศจรรย์

เมื่อมีคนหลั่งไหลมามากเข้า ก็มีคนบริจาคร่วมกันสร้างศาลให้เป็นที่อยู่ของร่างโค้วเซียน มีคนมาปิดทองร่างที่นั่งสมาธิของท่านจนมองแทบไม่เห็น ซึ่งก็คือศาลเจ้าเอี๊ี๋ยะฮงเซียน...แต่ไม่ใช่ในปัจจจุบัน(เดี๋ยวจะเล่าประเด็นนี้ต่อ)

ต่อมาทางเมืองจีน ทางบ้านบ้านของโค้งเอี๊ยะฮงเห็นลูกชายหายไปไมได้ส่งข่าวคราวมานาน จึงขอให้น้องชายของสามี ผู้เป็นอาของโค้วเอี๊ยะฮงมาสืบข่าวคราว ว่ายังอยู่ดีหรือเป็นอะไรจีงเงียบหายไป เมื่ออามาถึงเมืองไทย ก็ตรงไปที่ตำบลหัวตะเข้ ครั้นได้ทราบข่าวว่าหลานชายได้สำเร็จเป็นเซียนไปแล้ว แทนที่จะดีใจเพราะหลานชายเป็นผู้มีบุญบารมีจึงได้เป็นเซียน แต่ผู้เป็นอากลับโกรธแค้น เข้าไปในศาลชี้หน้าร่างเซียน กล่าวคำหยาบบริภาษว่า "เจ้านี่ขาดความกตัญญูกตเวที หนีเอาตัวรอด ปล่อยให้มารดาต้องทุกข์ทรมานอยู่บ้านในเมืองจีน ตัวเองหนีไปเป็นเซียน แต่เป็นลูกอกตัญญูต่อแม่บังเกิดเกล้า"

แล้วก็เกิดเรื่องน่าอัศจรรย์ขึ้น เพราะซากร่างที่นั่งสมาธิตัวตรงแห้งกรังมานานแล้วนั้น ได้ค้อมก้มลงมาข้างหน้า ซึ่งคนทั้งหลายต่างพากันตีความหมายว่า โค้วเซียนได้ก้มลงสารภาพผิดที่ได้ทอดทิ้งมารดาบังเกิดเกล้า อาของท่านเห็นปาฏิหาริย์เกิดต่อหน้าดังนั้นก็ไม่กล้าว่ากล่าวอะไรอีก

นี่คือที่มาของศาลเอี๊ยะฮงเซียนครับ
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

เหน่งบา

21/09/2015 08:30:05
1,866



ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

เหน่งบา

21/09/2015 08:38:20
1,866



ปัจจุบัน ศาลเจ้าโค้วเอี๊ยะฮงเซียนมีสองที่ ???

ศาลเดิม อยู่ในตลาดหัวตะเข้
ศาลใหม่ อยู่นอกตลาดออกมาอีกฝั่งถนน เข้าซอยมาไม่ไกล
ที่มีสองศาลก็เพราะ เกิดความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ครับ ซึ่งเอาคร่าวๆว่า ประชนชนแถบนั้นเห็นควรมาสร้างศาลใหม่เนื่องจากมองว่าคณะกรรมการศาลเจ้าเดิมทุจริต และดูเหมือนจะได้ร่างของเซียนมาไว้ที่ศาลใหม่ด้วย

แต่...

ร่างเซียนที่อยู่กับทั้งสองศาล เป็นร่างที่จำลองขึ้นมาครับ ไม่ใช่ร่างเซียนดั้งเดิม ซึ่งมีเงื่อนงำในการถูกลักพาไป บ้างก็ว่าเพื่อจะลอกเอาทองคำไป บ้างก็ว่าร่างที่ถูกนำไปศาลใหม่ ถูกทำลายโดยผู้เสียผลประโยชน์จากการที่ศาลใหม่ได้ร่างเซียนไป

แม้ศาลใหม่นี่ กว่าจะสร้างได้สำเร็จ ก็มีปัญหาคาราคาซังเกิดเรื่องราว จนบางครั้งเกิดเรื่องถึงกับชีวิต...

จากรูปที่เห็น รูปแรกเป็นรูปถ่ายเมื่อนานมากมายแล้ว สันนิษฐานว่าเป็นรูปของร่างเซียนดั้งเดิม

รูปที่สองจะเห็นว่า ไม่ใช่รูปของร่างเดียวกัน

รูปที่สาม สี่ จะเป็นรูปเซียนที่ศาลใหม่ครับ ตอนนี้ผู้คนไปไหว้ที่ศาลใหม่เสียมากกว่า
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

เหน่งบา

21/09/2015 08:39:58
1,866



ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

raymee_4

21/09/2015 13:03:41
19



หลงผิดอยู่ตั่งนาน นึกว่าแบบนี้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

mryong

21/09/2015 20:20:51
2
รอติดตามครับกำลังสนุกเลยทีเดียว
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

stocamadas

22/09/2015 08:18:40
3
เกร็ดประวัติศาสตร์พี่เหน่งบาดีทุกอันเลยครับ ผมติดตามตลอด เด็กแฟนต่วยตูน พอพี่เหน่งบามาเขียนนี่เข้าทางเลย ขอบคุณครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 9

เหน่งบา

22/09/2015 08:43:20
1,866



วันที่ท่านละสังขาร ดูเหมือนจะตรงกับวันขึ้น๑๕ค่ำเดือน๓ คือตรงกับวันมาฆะบูชาครับ ก็จะมีธรรมเนียมจัดงานทำบุญฉลองที่ศาลทุกปี

เนื่องจากท่านถือศีลกินเจในช่วงท้ายของชีวิต ของที่จะนำมาไหว้บูชาท่าน ต้องเป็นของเจเท่านั้นครับ

เกร็ดเกี่ยวกับเรื่องอภินิหารของท่าน ก็คงคล้ายที่อื่นครับ ผู้คนมากมายที่มากราบไหว้บูชา่บนบานศาลกล่าวของโชคลาภ ขอให้สัมฤทธิ์ผลในสิ่งที่ปรารถนาแล้วก็ได้ตามประสงค์ หรือการเสี่ยงเซียมซีถามอนาคต ช่องทางในการดำเนินชีวิตกิจการค้า เหล่านี้ หลายคนก็ประจักษ์ในความแม่นยำ

ครั้งไฟไหม้ตลาดเก่าหัวตะเข้ เป็นที่โจษจันเล่าต่อๆกันมาว่า เมื่อไฟลามไปถึงศาลองค์เซียนแต่หยุดแค่นั้นแล้วม้วนเปลวไฟกลับลงคลองเฉยเลย(อันนี้ทราบจากคนที่มีแฟนเป็นคนลาดกระบัง)

ที่บ้านผมมีรูปปั้นขององค์เซียนตั้งบูชาไว้ตั้งแต่เด็ก หรือจะว่าไปก็ตั้งแต่ก่อนผมเกิดครับ

ถ้าจากประสพการณ์ตรง สมัยก่อนอาปา(พ่อ)ผม ไปไหว้ไถ่ถามโชคเคราะห์ บนบานขอให้บรรลุสิ่งที่หวังทั้งเรื่องการค้ากับ "อาเซียน"ที่ตัวตะเข้อยู่เนืองๆ ไม่ต้องเล่าในส่วนปลีกย่อยที่พ่อผมเห็นว่า ศักสิทธิ์ เช่นถามเรื่องการค้า โชคชะตา เอาแค่ลูกหกคนในบ้านผม มีการขอลูกจากอาเซียนให้เป็นเพศใดได้ด้วย
คิดโดยหลักการ ไม่แน่ใจว่าขอได้ หรือรู้ล่วงหน้า แต่สำหรับบางน้องผมบางคน ทีแรกเสี่ยงทายว่าเป็นหญิง แล้วมีการบนบานว่าจะทำบุญ เพื่อให้ได้เพศชาย โดยที่เมื่อบนแล้ว คำทำนายก็เปลี่ยนตามคำบนบาน
...และตอนคลอดออกมา ก็เป็นเพศตามที่ถามหรือบนบาน ถึงห้าคน ^ ^ (คนที่ห้าเป็นผู้หญิง ตามที่เสี่ยงเซียมซีถาม เป๊ะ)เรียกว่า ลูกห้าหกคนในบ้าน จากการเสี่ยงเซียมซีถาม เท่ากับว่า ระบุเพศได้ตั้งแต่ก่อนเกิด และได้ผลตรงตามคำทำนายทุกคน
ถ้าจะว่าบังเอิญ ก็เป็นความบังเอิญที่...ตรง เกินไปหน่อยครับ สรุปก็คือ แม่นมากนั่นแหละครับ

สหายธรรมของผมก็เคยเจอทีเด็ด คือพี่ท่านต้องไปธุระกับแฟนที่ศาล(ซึ่งเป็นคนลาดกระบัง)เมื่อเสร็จภาระกิจ แฟนก็ชวนไหว้องค์เซียน ซึ่งขั้นตอนเยอะมากต้องใช้ธูปเป็นห่อ ไหว้โน่นนี่ให้ครบ สหายธรรมท่านเล่าว่า รู้สึกเบื่อๆแต่ก็ต้องทำตามแบบเสียไม่ได้ให้มันเสร็จๆไปกันแฟนบ่น
ไหว้เสร็จแฟนชวนเขย่าเซียมซี เขาก็รับมาเขย่าๆเลขออกมาแล้วพี่ท่านก็ไปเอาใบเซียมซีมาอ่านมีเนื้อความว่า

" ท่านไม่มีความเคารพ ให้ทำพิธีใหม่อีกครั้ง......................."!!!????

สหายผมนี่บอกว่า เหมือนโดนฟ้าผ่ากลางกระบาล แบบว่า เฮ้ยย!! มีงี๊ได้ไง มันมีใบแบบนี้ด้วยเหรอ ... โอย ยอมๆแล้วครับผมผิดๆ แล้วก็ทำพิธีไหว้ใหม่อย่างตั้งอกตั้งใจ
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

เดียว

22/09/2015 09:28:10
1,067
อ่านเพลินเลยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
"เหน่งบาตัดแปะ....เซียน ในแผ่นดินสยาม (๑)"