จริงๆแล้วผมซื้อมันมาได้ 2 เดือนแล้วล่ะครับ พอดีไปเที่ยวญี่ปุ่นมาเห็นราคาทนไม่ไหวก็เลยต้องจัด 555 ล้อเล่นครับ ผมเล็งมาตั้งนานแล้วตัวนี้ ชอบ อยากได้หูฟังไร้สายเป็นทุนเดิมเพราะเป็นคนซุ่มซ่ามครับ 555 เคยมั๊ย นั่งฟังอะไร แว่บๆผุดลุกผุดนั่ง สายเสยพันกันเครื่องกระจุยกระจาย 5555+ แถมบางครั้งต้องถอดๆสวมๆ น่าเบื่อครับ
เมื่อก่อนผมเคยใช้ Bose OE2 มาก่อนนะครับ เนื่องจากตัว Bluetooth ตัวนี้เป็น On Ear เหมือนกัน ดังนั้นรีวิวนี้จะเปรียบเทียบกับตัว OE2 และหูฟัง Bose อีกตัวที่เป็น Bluetooth เหมือนกัน (AE2W) นะครับ
*****คุณสมบัติคร่าวๆของตัวหูฟัง*****
http://www.bose.com/controller?url=/shop_online/headphones/wireless_headphones/soundlink_oe_headphones/index.jsp
ถ้าเทียบตัวนี้กับตัว OE2 แล้ว การประกอบกับวัสดุที่ใช้ "เหนือชั้นกว่าเยอะ" ตัว OE2 นี่บอกตรงๆว่าเวลาใช้กลัวหักมากครับดูก๊องแก๊ง แต่ตัว Bluetooth ตัวนี้ปึ้กกว่าเยอะ การพับเก็บ ข้อต่อ ปึ้กมาก ที่เก็บหูฟังก็ดูดีกว่าบึ้กกว่า แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งคอนเซปท์เดิมคือ เสียงดี ใส่สบาย น้ำหนักเบา ใช้งานง่าย
การเชื่อต่อ Bluetooth ต่อได้ 2 devices พร้อมกัน ผมใช้ iphone 6 กับ ipad air อยู่ก็ไม่มีปัญหา โดยหน้าจอของ iphone หรือ ipad ที่กำลังใช้งานอยู่จะโชว์สถานะของแบตเตอรี่ เราก็ดูได้ว่าตอนนี้แบตเหลือกี่เปอร์เซนต์แล้วใกล้หมดยั้ง , การใช้งานก็สลับกันไปมาทั้ง 2 device ครับ , สมมุติว่าเราฟังเพลงอยู่กับ ipad แล้วมีคนโทรเข้ามาที่ iphone
หูฟังจะบอกเลยว่าใครโทรเข้ามา เราก็กดรับสายและคุยได้เลยหล่อๆ เสร็จแล้วก็ฟังเพลงจาก ipad ต่อ สะดวกสุดๆๆๆ นอกจากนี้ก็ยังควบคุม เพิ่มเสียง ลดเสียง สลับเพลง , siri , นึกภาพปุ่มควบคุมหูฟังของ iphone แต่ย้ายมันมาอยู่บนตัวหูฟัง ด้านขวา เวลาจะใช้ก็คลำๆดู หาง่ายและ กดง่ายมากๆ เพราะปุ่มมันนูนออกมาในระดับที่ต่างกัน เล่นแป๊บเดียวก็ชินแล้วครับ , ส่วนถ้าใครใช้ Android อันนี้ฟังได้อยู่ แต่การควบคุมปุ่มกดต่างๆ ผมไม่แน่ใจว่าจะเวิ้กไหม เพราะไม่มีเครื่องทดสอบ เท่าที่ลองหาข้อมูลจากเว้บต่างประเทศ รู้สึกว่าจะเวิ้กเป็นบางปุ่มเท่านั้นครับ จะไม่ full support เหมือนทางฝั่ง iOS
Bluetooth รู้สึกว่าจะไกลประมาณ 30 ฟุต เหลือเฟือครับถ้าบ้านไม่ได้กว้างมาก บ้านทาวน์เฮ้า บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ผมว่าโอเคเลย
เสียงจะขาดๆหายๆ ถ้าเราเริ่มจะออกทะเลไปไกลเกินกว่า 30 ฟุต จากการใช้งานของผมในชีวิตประจำวัน พอเลย บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 50 ตารางวา ครอบคลุมเลยครับ ทั้งชั้น 1, 2 หน้าบ้าน เป็นความสุขสุดๆกับชีวิตไร้สาย นึกภาพฟังเพลงไปทุกที่ เดินไปทั่วบ้าน ล้างจาน รดน้ำต้นไม้ ทำกับข้าว เข้าห้องน้ำ ไม่ต้องถอดหูฟัง ไม่มีสายมาเกะกะ แถมใครโทรมา ก็รับสายได้หล่อๆไม่ต้องกลัวว่าจะพลาดสายสำคัญ
การใช้งานตัวนี้ใช้ได้ต่อเนื่อง 15 ชั่วโมง ชาร์จไวด้วยครับแค่ 15 นาทีอยู่ได้ถึง 2 ชั่วโมง , Bose จะแถมสาย micro usb มาให้ เราก็เสียบแล้วชาร์จธรรมดากับ port usb คอม , ถ้าสายนี้หายก็ไปซื้อใหม่ที่ไหนก็ได้ครับเพราะเป็นสาย micro usb ทั่วไปอยู่แล้ว ส่วนถ้าแบตหมดสามารถเอาสายหูฟังมาเสียบเพื่อฟังได้ "แต่ในระหว่างนี้จะชารจ์ไปด้วยไม่ได้ครับ" คือนึกภาพออกนะ จะฟังก็ฟัง จะชาร์จก็ชาร์จ ทำไปพร้อมกันไม่ได้
*****เสียง เสียง เสียง*****
ดีกว่า OE2 เยอะครับ เพราะมีระบบ active equalization เสียง เบส หนา นุ่ม และหนักแน่นกว่าตัว OE2 เยอะ ฟังสนุกมากครับ ผมลองไปฟังเทียบกับตัว around ear และรุ่นต่างๆของ Bose แล้ว เกือบทุกตัว ผมชอบเสียงจากตัวนี้มากที่สุดครับ แถมยังใส่สบาย ไม่ร้อนหู ไม่เทอะทะ น้ำหนักเบา บวกกับการที่มันไร้สาย ทำให้ผมแทบจะใส่มันอยู่ตลอดเวลาตอนอยู่บ้าน เพราะมันแทบจะไม่ต้องถอด เว้นไว้แต่ตอนชารจ์เท่านั้น
*****เปรียบเทียบกับตัว AE2W*****
http://www.bose.com/controller?url=/shop_online/headphones/wireless_headphones/ae2w_headphones/index.jsp
ในราคาที่เท่ากันครับ สิ่งที่ต่างกัน ข้อดีข้อเสีย มีดังนี้ ผมจะเริ่มที่ตัว oe bluetooth ก่อนแล้วกันนะครับ
- ตัว OE Bluetooth เล่นต่อเนื่องได้นานกว่า คือ 15 ชั่วโมง แต่ตัว AE2W เล่นได้แค่ 7 ชั่วโมงเท่านั้น
- ตัว OE Bluetooth มีระบบ voice prompt ที่มันคุยกับเราได้ บอกว่าตอนนี้หูฟังกำลังคอนเน้กกับอุปกรณ์ไหนอยู่ พูดบอกสถานะแบตเตอรี่ บอกชื่อคนโทรเข้า(เท่าที่มันจะอ่านออก 5555)
- กันเสียงภายนอกได้ดี ทั้งๆที่มันไม่ใช่หูฟังกันเสียงนะครับ แต่มันกันเสียงจากภายนอกได้ดีมาก
- ที่เก็บหูฟัง OE Bluetooth ดูดีกว่าที่เก็บของตัว AE2W ซึ่งเป็นถุงผ้าบางๆเท่านั้น
- การพับเก็บ การสวมใส่ ดูไม่เทอะทะ พกพาง่าย สะดวกกว่า
- ตัว OE Bluetooth มีสีขาวให้เลือกด้วย แต่ตัว AE2W มีแต่สีดำอย่างเดียว (ถือเป็นข้อดีได้มั๊ย)
- ตัว OE Bluetooth ออกมาทีหลัง เลยน่าจะดีกว่า 555555+
- ข้อดีของ AE2W ที่ดีกว่า
- ถ้าแบตหมด สามารถถอดไอ้ตัว Bluetooth (ไอ้ติ่งนั่น) ไปแยกชาร์จได้ แล้วเราก็ฟังผ่านสายในช่วงนั้น แต่ถ้าเป็น OE Bluetooth จะทำไม่ได้ จะฟังไปพร้อมกับชาร์จไม่ได้
- น่าจะใส่สบายกว่า เพราะเป็นการคลอบทั้งหู ถ้าใส่ไปนานๆจะไม่เจ็บหูเท่าไร แต่อาจร้อนหูแทน 5555
*****ข้อสังเกตุ*****
ตัว OE Bluetooth เป็นหูฟังที่มีแบตในตัวคือบิ้วอิน ถ้าวันใดแบตเสื่อม อาจต้องเปลี่ยนทั้งหูฟังครับ ในขณะที่แบตของตัว AE2W คืออีติ่งนั่น ถ้าแบตเสื่อมก็เปลี่ยนแค่ติ่งนั่นก็พอครับ ไม่ต้องเปลี่ยนทั้งหูฟัง อันนี้เป็นข้อสังเกตุของผมนะ ใครไปซื้อก็ถามกับเซลล์ก็ได้ แต่เดาว่าน่าจะเป็นอย่างนี้แหละ
*****สรุป*****
ชอบสุดๆครับเพราะมัน "เสียงดี ใส่สบาย ไร้สาย ใช้งานง่าย " ทำให้ชีวิตสะดวกขึ้นอีกเย้ออออครับ ใครที่เป็นแฟน Bose ไม่ควรพลาดครับ ใครมีคำถามก็ฝากไว้ได้ครับ แล้วเดี๋ยวจะเข้ามาตอบ
