อ้างอิงจากนี่ครับ http://proplugin.com/2014/11/music-listening-sound-good/
เครดิตผู้เขียน คุณ G-7 The Review
เหมือนเคยมีคนตั้งกระทู้แบบนี้แล้ว ผมขอถามซ้ำอีกทีแล้วกันครับ
จากบทความนี้ สามารถนำมาอ้างอิงได้มั๊ยครับ
" เรื่อง “เสียงดี” เป็นสิ่งที่หลายๆคนคงจะคาใจมานาน เพราะมันเป็นคำถามมาตรฐานที่คนใช้หูฟัง หรือสนใจหูฟังต้องเจอ และบางคนเองก็สงสัยว่า หูฟังอันไหนถึงจะเสียงดีกันแน่ และแบบไหนถึงจะเรียกว่าเสียงดี ?
ด้วยความที่มันไม่มีมาตรฐานกลางมากำหนดให้เราได้รู้ว่าเสียงที่ดีเป็นแบบไหน คนส่วนใหญ่เลยเลือกเอามาตรฐานตัวเองมาใช้แทน ซึ่งความชอบแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน บางคนชอบเบสมากๆ คลั่งเบสแบบไม่ลืมหูลืมตา เมื่อเจอหูฟังที่เบสเยอะๆ กระแทกแรงๆ ก็บอกว่านี่แหละ “เสียงดี” แต่พอเจอคนที่ชอบเสียงแหลมคมๆ เบสน้อยๆ กลางชัดๆมาฟัง ขานั้นก็จะบอกว่า “เสียงห่วย” เพราะเบสเยอะจนล้น จนบวม ฟังอะไรไม่รู้เรื่อง ซึ่งปัญหาพวกนี้มันเกิดจาก “ความชอบ” มากกว่า “ความเข้าใจ” ดังนั้นเพื่อให้การฟังเพลงเป็นในทิศทางเดียวกัน เวลาบอกต่อๆให้คนอื่นๆไปซื้อไปหามาลองเค้าจะได้ไม่ fail เราควรจะมาทำความเข้าใจถึงสิ่งที่ควรจะเรียกว่า “เสียงดี” ดีกว่าครับ
นิยามของหูฟัง “เสียงดี”
หูฟังที่เสียงดีจริงๆ จะต้องมีองค์ประกอบที่ครบถ้วนครับ ทั้งเสียงสูง เสียงกลาง และเสียงต่ำ ที่ลงตัวและมีบาลานซ์ที่ดี ไม่มีย่านไหนล้ำหน้าเกินย่านอื่น รวมไปถึง soundstage , Headstage ที่อยู่ในระดับที่ดี และมี Focus ชิ้นดนตรีที่ชัดเจน เป็นตัวเป็นตน สิ่งเหล่านี้จะเป็นองค์ประกอบหล่อหลอมให้หูฟังตัวนึงกลายเป็นหูฟังที่เสียงดีขึ้นมา ซึ่งรูปแบบองค์ประกอบอย่างนี้จะมีในหูฟังราคาถูกไปยันหูฟังราคาแพงๆเลยทีเดียว แต่ของแพงกับของถูกย่อมแตกต่างในคุณภาพของแต่ละส่วนซึ่งเดี๋ยวจะมาว่ากันอีกที แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น เรามาดูว่าแต่ละส่วนที่เรียกว่า”ดี”ได้นั้น ควรจะเป็นยังไง
เสียงสูงคือ ?
เสียงสูงคือ เสียงแหลมนั่นแหละครับ ปรกติย่านเสียงสูงจะอยู่ราวๆ 5k ขึ้นไป แต่ปรกติหูคนเรามาตรฐานความสามารถในการได้ยินเสียงจะอยู่ที่ 20-20khz ดังนั้น ย่านสูงเลยมักจะกำหนดให้อยู่ที่ 5k-20khz แต่เลยจาก 5k ขึ้นไปก็นับเป็นย่านสูงหมดอยู่แล้ว
เครื่องดนตรีที่จะอยู่ในย่านนี้ก็มักจะเป็นพวกฉาบ , แฉ , ไฮแฮท และเครื่องเคาะทั้งหลาย อย่าง ไทแองเกิล ซึ่งเสียงของย่านนี้จะต้อง คม ชัด แต่ไม่บาดหู และมีปลายเสียงที่ทอดตัวได้ดี หรือที่บางคนเรียกว่า “ปลายเสียงสูงพริ้ว” นั่นแหละครับ
หูฟังที่เป็นแบบ Single Driver หรือใช้ driver ตัวเดียว มักจะมีปัญหาอยู่อย่างนึงคือ เวลาที่ปรับให้ย่านสูงชัดมากขึ้น ก็จะไปทำให้เสียงย่านกลางสูง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเสียงร้อง เด่นตามขึ้นมาด้วย ผลก็คือ จะทำให้เสียงนักร้องจัดจ้านบ้าง แหบบ้าง ซึ่งจะต่างจากพวก Multi-Driver หรือพวกที่ใช้ driver ข้างละหลายๆตัว ที่จะทำเสียงให้ลงตัวได้ดีกว่า เพราะไปปรับกันที่ crossover แทน และไม่จำเป็นต้องไป boot เสียงที่ตัวลำโพงซึ่งเป็นการสร้างภาระให้ดอกลำโพงโดยไม่จำเป็น
เสียงกลางคือ ?
เสียงกลางก็คือเสียงที่อยู่ในระดับกลางๆ ไม่สูงและไม่ต่ำ โดยปรกติจะมีความถี่อยู่ี่ราวๆ 200Hz ไปจนถึง 5Khz ซึ่งก็จะไปบรรจบกับย่านเสียงสูงพอดี ซึ่งย่านกลางจะแบ่งออกเป็น Mid Low , Mid และ Mid High
โดยปรกติย่านนี้มักจะมีเสียงของชุดกลอง และเสียงร้องรวมๆอยู่ด้วยกัน ซึ่งใน set กลองที่อยู่ย่านนี้ก็จะเป็นพวก ทอม และ สแนร์ โดยเฉพาะสแนร์จะอยู่ไปทาง Mid High ในขณะที่เสียงร้อง จะกินครบทุกย่าน เพราะนักร้องแต่ละคนมีระดับเสียงที่ไม่เท่ากันอยู่แล้ว
เสียงกลางที่ดีจะต้องมีความอิ่ม มีเนื้อมีหนัง มีมวลและการ focus ที่ดี เสียงจะต้องไปหนาเกินไปจนฟังแล้วอึดอัด และไม่กลวงจะไม่รู้สึกถึงตัวตนของนักร้อง โดยปรกติหูฟังในระดับล่างๆไม่เกิน 2000 ที่ดีจริงๆนั้น มักจะให้เนื้อและ focus ที่ดี แต่ขาดมวล ส่วนหูฟังแพงๆก็มักจะให้ได้ครบแต่ก็ต้องใช้แอมป์เข้าช่วยเพราะให้ได้ศักยภาพออกมาเต็มที่
เสียงต่ำคือ ?
เสียงต่ำก็คือเสียงเบสที่เราๆคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว โดยปรกติเสียงต่ำจะแบ่งเป็น Upper Bass ,Mid Bass และ Deep Bass ซึ่งส่วนของ Upper Bass จะเป็นเด่นที่ช่วงของ impact Bass หรือเสียงหัวโน้ตเวลาเหยียบกระเดื่องนั่นเอง ปรกติลำโพงที่ให้เบสเยอะๆจะได้ยินตรงย่านนี้ชัดเป็นพิเศษ และมักจะตามด้วย middle bass เบสแบบบวมๆหนาๆ ปิดท้ายด้วย deep bass ที่ลากปลายเบสกันไปยาวๆ ผลสรุปที่ได้คือ ลำโพงบ้านหม้อ หรือ ลำโพงลูกทุ่ง นั่นเอง
เสียงเบสที่ดีจริงๆ ควรจะให้ impact bass หรือ upper bass ที่พอเหมาะ คือมีแรงปะทะออกมาที่อยู่ในระดับพอดี ไม่เว่อร์จนล้ำหน้าเสียงย่านเอง คำว่า”ล้ำหน้า”นี่หมายถึง ไม่ควรเด่นกว่าย่านอื่นๆ เพราะมันเป็นแค่ตัวประกอบที่ให้จังหวะเท่านั้น และต้องให้ middle bass ที่ดี มีความเป็น “เมโลดี้เบส” หรือถ้าจะให้เห็นภาพให้ลองนึกถึงการดีดของกีต้าร์เบสครับ ซึ่งจะต้องได้ยินเป็นจังหวะและความหนาของแต่ละเสียงที่ไม่เท่ากัน เพราะพวกหูฟังแย่ๆเบสเยอะๆ จะได้ยินเสียงกีต้าร์เบสแต่ละเส้น หนาเท่ากันหมด ซึ่งปรกติเพลงที่อัดมาดีจริงๆ ให้กีตาร์เบสนำมักจะไม่ค่อยมีปัญหาแม้่จะใช้กับหูฟังห่วยๆก็ตาม แต่ถ้าเป็นเพลงทั่วๆไปที่ใช้กีต้าร์เบสเป็นพระรอง มักจะฟังแทบไม่รู้เรื่องเลยว่าเค้ากำลังดีดเบสอยู่
ดังนั้น การจะเรียกว่าดีได้ เบสควรจะครบถ้วน คือ ต้องมีเบสที่ครบช่วง ทั้ง Middle , Upper และ Deep Bass ซึ่งส่วนใหญ่มักจะมาตายที่ middle bass เพราะมันยากในการจะจูนให้ย่านนี้ลงตัว และมักจะเป็นย่านที่ผมเช็คเรื่องเสียงก่อนเลย เพราะหูฟังที่ดีจริงๆ มักจะให้ย่าน Middle Bass ได้ดีเช่นกันครับ
Focus คือ ?
ด้วยความที่หูฟังมันทำงานในแบบ Stereo คือแยกเป็นซ้ายและขวา เมื่อสร้างเสียงก็จะสร้างเสียงที่ตรงกลาง ดังนั้นการที่หูฟังจะเทพ หรือ ไม่เทพ ความสามารถในการ focus ให้เกิด image ตรงกลางอย่างชัดเจนนี่ถือเป็นจุดสำคัญครับ
ถ้านึกภาพไม่ออก ก็ให้ลองนึกถึงกล้องส่องทางไกล ปรกติเวลาเราซูมกล้อง เราก็ต้องค่อยๆปรับ focus จนกว่าภาพจะนิ่ง ภาพจะคม ซึ่งหูฟังหรือลำโพงก็เช่นเดียวกันครับ แต่ลำโพงยังสามารถขยับตำแหน่งเพื่อให้ Focus ชัดได้ ในขณะืั้ที่หูฟังมันทำไม่ได้ครับ เนื่องจากมันต้องเสียบตรงๆเข้าที่หูเรา ดังนั้นมันจึงเป็นการวัดศักยภาพของหูฟังจริงๆว่าจะทำให้ focus ได้ดีแค่ไหน หูฟังที่ดีและหูฟังที่แพงๆเลยมักจะ Focus ได้ชัดเจนดีมากๆ ยิ่ง focus ดีเท่าไหร่ image หรือภาพพจน์ ก็จะยิ่งชัดเจนมากขึ้นจนรู้สึกถึงตัวตนของนักร้องและชิ้นดนตรีแต่ละชิ้นได้ชัดเจน
โดยปรกติ หูฟังที่ Focus ได้ดี มักจะแยกชิ้นดนตรีได้ดีด้วย
Image คือ ?
image หรือ ภาพพจน์ หรือก็คือสิ่งที่เราหลับตาแล้วเห็นภาพนั่นเอง โดยปรกติ image ก็จะหมายถึงถึงทุกๆอย่างในเสียงเพลง ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างนักร้อง , กีต้าร์ , ตำแหน่งกลอง และอื่นๆ ซึ่งการที่จะมี image ที่ดีและชัดเจนได้นั้นก็จะต้องมีเรื่องของการ focus เข้ามาช่วย
ปรกติ image ที่ดีต้องมีขนาดที่พอเหมาะ คือ ไม่ใหญ่จนเบียดชิ้นดนตรีอื่นๆ หรือไม่เล็กจนน่าอึดอัด และควรจะให้รูปทรงที่ดีเป็น 3 มิติ ไม่แบนราบเป็นหน้ากระดาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับ soundstage ด้วย เพราะบางทีหูฟังที่ให้ image ใหญ่ๆ แต่ฟังแล้วดีไม่อึดอัดก็มี นั่นเพราะหูฟังตัวนั้นให้ soundstage ที่กว้าง พอได้ image ที่ใหญ่มาประกบมันก็เลยลงตัว
Soundstage และ Headstage คือ ?
Soundstage นั้นหมายถึง เวทีเสียง หรือความกว้างของเสียง ซึ่งถ้าให้เห็นภาพง่ายๆก็คือ ระยะที่ไกลที่สุดของเสียงที่ได้ยิน โดยส่วนใหญ่หูฟังมักจะให้ soundstage ไม่เท่ากัน มีทั้งกว้างทั้งแคบปนๆกันไป แต่ soundstage ที่ดีต้องกว้าง และกว้างอย่างพอเหมาะ คือกว้างในขณะที่มี image ที่กำลังพอดี ถ้า image เล็กเกินไปแต่ soundstage กว้างเป็นแม่น้ำฮวงโห ก็จะทำให้รู้สึกโหลงเหลงจนฟังเพลงไม่เพราะ ในขณะเดียวกัน ถ้า soundstage แคบเกินไป ก็จะทำให้ฟังเพลงแล้วอึดอัดเพราะเสียงมากระจุกรวมกันไปหมด รวมไปถึงชิ้นดนตรีที่จะถูกบีบมาจนชิดและตีกันนัว เนื่องจากความกว้างของ soundstage จะช่วยส่งผลที่ดีให้กับการแยกชิ้นดนตรีด้วย
soundstage จะแยกออกเป็น Soundstage ด้านกว้าง และ Soundstage ด้านลึก ซึ่งคู่นี้ต่างกันตรงที่ soundstage ด้านกว้างก็คือระยะห่างของเสียงกับหูเราที่แยกออกไปจากข้างๆตัวเราทั้งทางซ้ายและขวา แต่ Soundstage ด้านลึก คือ เวทีเสียงที่สร้างทางด้านหลังหัวของเรา ซึ่งการจะให้คุณภาพของหูฟังดีนั้น จะต้องมี soundstage ทั้งกว้างและลึก รวมไปถึงมี Headstage ที่ดีด้วย
Headstage หรือ มิติเสียงกลาง หรือ เวทีเสียงด้านสูง ซึ่งจะเป็นส่วนที่เลยขึ้นไปจากหัวของเรา ยิ่งสูงยิ่งลึกยิ่งดี โดยปรกติหูฟังที่ให้ครบเครื่องนั้นหายากมาก ถึงมีก็จะแพงมากๆ และหูฟังแพงๆหลายตัวก็ไม่ได้ให้ครบทุกอย่าง บางทีก็มี Headstage ที่ดีแต่ soundstage แคบ และบางทีก็ให้ soundstage ที่ดี แต่ Headstage เตี้ย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการ design ของผู้ผลิตด้วย
การที่จะเรียกว่าหูฟังนั้นดีได้จึงควรจะประกอบไปด้วยทุกๆส่วนที่เสมอกัน ทั้ง เสียงสูง เสียงกลาง และเสียงต่ำที่ดี ครบเครื่อง ไม่ล้ำหน้าย่านใดย่านนึง soundstage และ Headstage ดี การแยกชิ้นดนตรีดี ซึ่งพวกนี้จะมารวมตัวกันก่อให้เกิดผลของเสียงที่ดีเช่นกัน
ปกติหูฟังราคาแพงๆมักจะให้คุณภาพของเสียงในแต่ละย่านที่ดีกว่าหูฟังถูกๆ เช่น เสียงกีต้าร์ที่กรีดลงมาเป็นเส้นรู้สึกถึงเนื้อและรายละเอียด หรือไม่ก็ย่านเบสที่แน่น เสียงกลางที่หวาน ทอดตัวและเก็บรายละเอียดได้ตั้งแต่ต้นยันผ่อนลมหายใจ ในขณะที่หูฟังที่ดีแต่ราคาไม่สูงก็จะมีศักยภาพเท่าที่ระดับราคาที่ตัวเองเป็น ของเหล่านี้ขึ้นอยู่กับวัสดุที่นำมาใช้ ตั้งแต่ Driver , สาย และ แจ๊ค เพราะคุณภาพเสียงย่อมขึ้นกับวัสดุด้วยเช่นกัน "
……………………………………………………….