รออ่านด้วย สงสัยมาตลอด ไม่ใช่ว่า ถักเยอะกว่า กำไรเยอะกว่านะ 555

ยกตัวอย่างง่ายๆละกันครับ

ทองแดงทัก 4 ตามสไตล์ทองแดงจะเสียงที่อุ่นแล้วก็เนื้อร้องกับเบสกำลังดีสไตล์ทองแดง

ทองแดงทัก 8 ก็จะได้เสียงตามสไตล์ทองแดงทัก 4 แต่จะเป็นแบบเลเวลอัพขึ้นมาอีกขั้นนึง (เพราะตัวนำเพิ่มขึ้น)

ข้อดี ทัก 4
- น้ำหนักเบา
- พกพาง่าย
- เสียงได้ตามต้องการ

ข้อเสียทัก 4
- เสียงอาจจะได้แบบที่ยังไม่พอใจจึงต้องขยับเป็นเส้นอื่นหรือว่าทัก 8

ข้อดี ทัก 8
- เสียงดีขึ้นจากทัก 4 (ในกรณีที่แมทชิ่งเข้ากันด้วยนะครับ ถ้าไม่แมทชิ่งอาจจะไม่ชอบเสียง)

ข้อเสียทัก 8
- พกพาลำบาก
- หนักหู
- เสียงอาจจะไม่ชอบอาจจะชอบทัก 4 มากกว่า

ปล.อันนี้จากประสบการณ์ที่ผมเจอมานะครับ

อันนี้คล้ายๆกับเครื่องเสียงบ้านครับ สายหูฟังเปรียบไปก็เหมือนกับสายลำโพง พวกเครื่องเสียงบ้านเค้าจะดูเรื่องวัสดุตัวนำ และขนาดตัวนำ รวมถึงเทคนิคการตีเกลียวและการหุ้มฉนวน หรือการชีลด์ต่างๆ แต่พอมาเป็นสายหูฟังก็จะคล้ายๆกันครับ

คือการถัก 4 แล้วเป็น 8 ก็คือจะได้ขนาดหน้าตัดที่ใหญ่ขึ้น ทำให้สัญญาณเดินทางได้ดีขึ้น และเดินทางได้ครบถ้วนทุกความถี่ทุ้มกลางแหลมได้มากยิ่งขึ้น ก็เลยต้องจ่ายมากขึ้นอีกนั่นเอง

แต่ไม่ทุกกรณีครับ หน้าตัดมากขึ้น อาจจะทำให้เบสมีขนาดมากขึ้น อาจจะขาดความกระชับกว่าสายที่หน้าตัดเล็กกว่าก็เป็นได้ครับ 555

ขอบคุณสำหรับคำตอบครับผม ^^

อีกสิ่งหนึ่งของข้อดีในการถักสายหลายๆเส้นก็คือ ความต้านทานของตัวนำจะลดลงครับ
ทำให้ปล่อยสัญญาณเสียงได้รวดเร็วกว่า ซึ่งจะทำให้ดนตรีมีความสมจริง ไทม์มิ่งรวดเร็วมากยิ่งขึ้นจ้าา ^^

เข้ามาอ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลยครับ ผมก็อยากเปลี่ยนสายของ sony xba z5 พอดี

ผมกลับเห็นว่า สายถักพอจำนวนหลายเส้น สัญญาณที่วิ่งในแต่ละเส้นมันจะถึงปลายทางไม่พร้อมกัน เพราะยังไงด้วยความยาวและคุณสมบัติของสายแต่ละเส้นที่ไม่มีทางเท่ากันเป๊ะๆ

พอสัญญาณถึงปลายทางไม่พร้อมกัน เสียงที่ได้จะเป็นเสียงที่นวลๆไม่กระชับจัดเจน บางคนชอบ บอกว่าให้เสียงที่นุ่ม เบสดี บางคนไม่ชอบ บอกว่ามันเบลอ(ลองนึกถาพ ว่าวาดรูปๆเดิมแต่วาดซ้ำหลายๆที ยิ่งจำนวนวาดซ้ำมาก ภาพก็จะยิ่งเบลอ แบบเดียวกันเลยครับ)
คงต้องลองดูครับแล้วแต่คนชอบ

เทียบกับ Kimber มีทั้ง 4 tc , 8 tc , 12 tc ใช้ตัวนำแบบเดียวกัน แต่จำนวนสายที่ถักแตกต่างกัน ตัว 12 tc เสียงโดยรวมดีกว่า 4 tc และ 8 tc

จากความรู้ทางด้านวิศวกรรม นะครับ ไม่แน่ใจว่า สายสัญญาณกับ สายไฟธรรมดา จะมีความต่างกันไหม แต่ถ้าไม่ต่างและ มองว่าสัญญาณที่ส่งไป เป็นกระแสไฟฟ้าเหมือน จะมี ทฤษฏีที่เกี่ยวค้องตามนี้ ครับ

โดยปกติกระแสไฟฟ้าที่จ่ายให้ตัวนำ จะชอบวิ่งแค่ที่ผิวของตัวนำ เราจะเรียกปรากฏการณ์ นี้ว่า "Skin Effect" โดยผลจากปรากฏการณ์นี้ทำให้ loss ในสายมากขึ้น ซึ่งถ้ามีสายตัวนำหลายสาย มาถักกัน จะทำให้เพิ่มพื้นที่ผิวในการส่งสัญญาณมากขึ้นทำให้ loss ในสายนั้นน้อยลง
ตามที่คุณ หมูหวานได้ ตอบไว้ครับ

แต่มันจะมีเรื่องการถักอย่างไรไม่ให้เกิดสัญญาณรบกวนเข้ามาแทรก และถักอย่างไรให้ loss ระหว่างสาย นั้น น้อยที่สุด ซึ้งอาจต้องศึกษาเพิ่ม ในเรื่องวิธีการถักสาย

ปล.ไม่แน่ใจว่าถูกหรือปล่าวนะครับ เพราะเป็นทฤษฎีของ สายไฟบ้าน

เรื่อง skin effect ไม่มีผลน่ะครับ เพราะสายที่เอามาถักมันมักจะไม่ใช่แกนเดี่ยวอยู่แล้ว เป็นสายฝอยซึ่งลดเรื่อง skin effect ไปแล้วครับ

จริงๆยิ่งถักจะยิ่ง loss เพราะการถักจะต้องใช้ความยาวสายเพิ่มขึ้น สัญญาณแทนที่จะวิ่งตรงๆกลับต้องวนไปมาตามสายที่ถัก บางลายต้องใช้สายยาวกว่าเส้นตรงๆถึง 50% แถมพอเป็นการถัก มันจะมี loss เนีื่องจากค่า C ภายในสาย และสายจะมีค่า L เพิ่มขึ้น ผลคือความถี่สูงจะโดนดูดไป พอคนมาฟังก็จะรู้สึกว่าสายถักเส้นเยอะๆเบสดีกว่า ก็ความถี่สูงมัน loss ไปส่วนนึงนั่นเอง

แต่นั่นเป็นการพูดถึง สายถักน้อยเส้น กับสายถักมากเส้น(ที่ถักออกมาแล้วขนาดเท่าๆกัน) แต่ถ้าสายถักมากเส้น แต่สุดท้ายออกมาเส้นโตกว่าสายน้อยเส้น
ด้วยจำนวนตัวนำที่มากขึ้น กระแสวิ่งได้ดีกว่า เมื่อหักลบกับความยาวที่ต้องเพิ่มแล้ว สายถักมากเส้นจะให้กระไหลได้ดีกว่าครับ แต่กระแสมากกว่าก็ส่วนกระแส แต่ความถี่สูงก็ยัง loss ในสายอยู่ดี สุดท้ายสายถักหลายเส้นก็ดีเรื่องเบสว่างั้น

ถ้ากรณีสายเงิน หรือสายทองแดงถักผสมกะเงินหล่ะคะ
สายเงินเดี่ยวๆยังพอรู้คุณสมบัติ แต่เห็นมีบางสายถักผสมแล้วนึกทางเสียงไม่ออก

ความเห็นส่วนตัว ผมว่าบอกเสียงจากวัสดุนี่บอกยาก เพราะวัสดุชนิดเดียวกัน แต่การผลิตหรือฉนวนคนละชนิดนี่ก็เสียงไปคนละเรื่องกันครับ สายทองแดงบางเส้น เสียงใสกว่าสายเงินก็มี