ผมในนามของสมาชิกของ
.
.
...."munkonggadge"...
.
.
.
ผมชื่อ"ย่องมาฟัง"ตั้งแต่ผมได้เข้ามาเป็นสมาชิกในนี้ผมบอกตามตรงเลยว่าผมรู้สึกอบอุ่นมากๆครับมีปัญหาอะไรข้องใจอยากถาม ถามได้เลย ไม่ต้องเกี่ยวกับหูฟังก็มีคนตอบ ส่วนตัวผมเองก็ตั้งกระทู้มาเยอะตอบกระทู้มาก็เยอะ ตั้งแต่อ่านมาผมเป็นคนหนึ่งเลยครับที่ออกมายืนยันหนึ่งเสียงเลยว่าข้อความนี้เป็นข้อความที่ดีที่สุด อ่านแล้วทำให้ผมมองย้อนกลับไปได้เลยว่าผมใช่ชีวิตกับเงินทองยังไง ผมคิดว่าข้อความของพี่ต่อข้อความนี้สมควรที่จะได้เป็นข้อความที่ดีที่สุดในการเตือนสติให้คนได้รู้จักของคำว่า "การรู้จักใช้ชีวิตให้พอเพียง" ครับ
.
.
.
นี้คือข้อความของพี่ "Tokiotorr" ครับ
คนเรามันจะรู้ค่าของเงินหนึ่งบาทก้อตอนที่เรามีเงินอยู่ห้าบาทนั่้นแหล่ะคับ
ผมเป็นคนประเภทที่ทำอะไรแบบไม่คิดหน้าคิดหลังมาก่อน
สมัยหาเงินเองได้ ก้อเที่ยวไปเรื่อย กินเหล้า ติดเด็กคาราโอเกะ(ของเค้าดีจิงๆ)
สมัครบัตรเครดิต เป็นว่าเล่น ยิ่งมียิ่งรูด พอถึงวันนึง มันเหมือนคนเพิ่งตื่น พึ่งได้สติ
ทำไมกรูมีหนี้ตั้ง สองแสนกว่าบาทวะ ไปทำอะไรมาบ้างวะเนี่ย แทบไม่เป็นผู้เป็นคน
โดนเค้าทวงทั้งทางโทรศัพท์ มาหาที่บริษัท โอย สารพัดจะอาย
ไหนจะโดนเพื่อนรักกันโกงเงินที่กู้มาจะทำธุรกิจไปอีก(
จำได้ไม๊สมัยก่อน มีการหิ้ว nokia 8210 มาจาก ฮ่องกง ราคาแบบแจ่มมาก
ผมโนเพื่อนโกงไปอีกแสน สรุปเบ็ดเสร็จ เป็นหนี้เกือบสามแสน
ตอนนั้นกินเงินเดือน หมื่นสี่ ประมาณนี้ เครียดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
คิดฆ่าตัวตายหนีปัญหาตั้งหลายครั้ง ผมเก็บอยู่คนเดียวอยู่เกือบปี ทนไม่ไหว
ไปสารภาพ กับพ่อแม่ผม ท่านไม่ได้ว่าอะไรผมเลย แค่บอกว่า
"คนเราไม่มีทางที่มันจะสำเร็จไปได้ทุกอย่าง มีเรื่องให้เจ็บบ้างก้อดีแล้ว
จะได้เป็นบทเรียน พ่อกับแม่ไม่มีเงินก้อนจะช่วยใช้หนี้ให้หรอก แต่พ่อกับแม่
พร้อมจะเป็นกำลังใจให้ในทุกๆครั้งที่ลูกล้มลงอีก"
ผมก้อได้สติว่าไม่มีเวลาให้เรามานั่งเศร้าสนิมสร้อยอีกแล้ว
ผูกเองก้อต้องแก้เอง ผมก้อเลยมานั่ง วางแผนเลยว่ามีเงินเข้าเท่าไหร่
รายจ่ายอันไหนต้องจ่ายก่อนหลังอย่างไร ใช่เงินทุกอย่างให้มีประโยชน์ที่สุด
อย่าไปหนีคนทวงหนี้มัน โทรไปหามันแทนบอกว่า มาช่วยกรูคิดหน่อยว่าจะใช้หนี้กันยังไง
เมื่อก่อนเคยแต่หลบ ไม่เคยจ่าย ตอนนี้มาเลย จะให้เดือนละพันจนกว่าจะหมด เอามั้ย
เอา ทำสัญญากัน อันไหน ประนอมหนี้ได้ ก้อว่ากันไป
รายจ่ายส่วนตัวที่เคยใช้ ก้อตัดออกให้หมด ค่าเหล้า ค่าบุหรี่
ค่าโทรศัพท์หาแฟน(เลิกแม่งไปซะหากเค้าไม่เข้าใจเรา)
ค่าเสื้อผ้า ค่าภาษีสังคมต่างๆ ตอนนั้นผมก้อเป็น engineer อยู่คนนับถือก้อเยอะ
แต่ผมก้อต้องบอกไปครงๆว่า อย่าให้ซองผมเลยผมไม่มีตังใส่ ขอไปช่วยลงแรงแทนแล้วกัน
อายก้ออาย แต่ก้อต้องทำ ลูกน้องมาขอยืมตังค์ ร้อยนึงยังไม่มีให้มันเลยครับ
เอาข้าวมากินเองทุกวัน ให้แม่ทอดไข่ แกง เกิง อะไรก้อแค่กินได้ อายไม๊ ที่ต้องมานั่งกินข้าว
อยู่คนเดียว อายครับ แต่ ก้อต้องทำ จากที่เคยนั่ง มอไซค์รับจ้างออกมาขึ้นรถเมไปทำงาน
ก้อปั่นจักรยานเอา ประหยัดวันละ ยี่สิบ เดือนนึงก้อหกร้อยนะเอ้า
เดินผ่านร้านลูกชิ้นของโปรด ไม้ละห้าบาท ยังซื้อกินไม่ได้เล้ย เพราะ
ในกระเป๋า เอามาเฉพาะ ค่ารถเมล์ สามบาทห้าสิบเท่านั้น ผมมีเงินเหรียญห้าสิบสตางค์
เหรียญสลึงอยู่ ก้อเอามาใช้ซะ ตอนจ่ายค่ารถเมล์แรกๆก้ออาย แต่ก้อต้องทำ
ผมบังคับตัวเองไม่ให้มีรายจ่ายที่ไม่จำเป็นอยู่อย่างนี้ สองปีครับ
หนี้ผม เหลือ ห้าหมื่นกว่าบาท พอดีถูกหวยไปได้งานใหม่ เงินเดือนเยอะกว่าเดิมสองเท่้า
ทีนี้ ทุกอย่างก้อสบายขึ้นครับ สองเดือนต่อมาหนี้ก้อหมด คิดในใจก้อบอกตัวเองว่า
เราจะไม่ให้มันเป็นอย่างนั้นอีกแล้ว หลังจากนั้นมาเงินทุกสตางค์ ที่ผมมีผมก้อใช้อย่างรู้คุณค่ามาตลอด
บัตรเครดิตยังใช้อยู่ แต่จ่ายเต็มทุกครั้ง ไม่ปล่อยให้มันได้ดอกเบี้ยเราอีก
จนทุกวันนี้ผมบอกกับตัวเองว่า หากไม่ได้มีโอกาสผ่านเรื่องราวร้ายๆในอดีต ผมก้อคงไม่รู้ค่าของเงิน
เหมือนในปัจจุบันนี้หรอกครับ ผมภูมิใจในตัวเองมาก ไม่ได้ภูมิใจที่ใช้หนี้หมด แต่
ภูมิใจที่ทำให้พ่อกับแม่ ปลื้มใจที่เราเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงตัวเองได้สำเร็จ
ผมก้อเก็บเรื่องนี้เป็น masterpiece ไว้ค่อยสอนน้อง สอนหลาน พร้อมกับเตือนตัวเองอยู่เสมอ
ว่า จะใช้เงินอย่างไรมันขึ้นอยู่กับเรา ชีวิตเราเราจะเล์อกซ้ายหรือขวามันก้ออยู่ที่เรา
เลือกทางเดินให้เหมาะสมกับตัวเอง ดีที่สุด
อย่างหากพี่เป็นเว่อ (จขกท.) ก้อคงจะทำแบบเดียวกัน แต่ หากเป็นปัจจุบันนี้
อยากได้อะไร ก้อคงจะต้องเก็บเงิน ก่อน ไม่ซื้อเสื้อผ้าซักสองเดือน ไม่ซื้ออย่างอื่นที่เรา
อยากได้ หรือไปหางานพิเศษทำ มีหลายคนในนี้ที่เก็บตังจากการทำงาน KFC ไปซื้อหูฟังที่อยากได้
ทำอย่างนั้น ท้องเราก้อไม่ต้องหิว แถมยังภูมิใจที่ได้มาด้วยความพยายามอีกต่างหาก
ผมขอโทษหากทำให้กระทู้มันหดหู่ไปด้วยเรื่องความหลังของผม แค่อยากจะเอาประสบการณ์มาให้ท่านอื่นๆ
ได้เป็นบทเรียน หากท่านไดไม่เห็นด้วยกับมุมมองของผมก้อ ขออภัยมานะที่นี้ด้วยครับ
"ไม่มีทางที่วันของเรามันจะมืดไปตลอดหรอก สักวันมันต้องสดไสแค่เราอดทนรอแค่นั้นเอง"
.
.
.
.
.
.
ขอขอบคุณ"พี่ต่อ"สำหรับข้อความดีๆแบบนี้นะครับ