ทำให้เพลง 24 bit มีระดับความดังที่ละเอียดกว่า 16 bit เวลาไล่เสียงพวก dynamic จะไหลลื่นกว่า ตามเทคนิคแล้ว จะดีกว่า 16 bit แน่นอน แต่ฟังออกรึเปล่าก็อีกเครื่อง
ทำให้เพลง 24 bit มีระดับความดังที่ละเอียดกว่า 16 bit เวลาไล่เสียงพวก dynamic จะไหลลื่นกว่า ตามเทคนิคแล้ว จะดีกว่า 16 bit แน่นอน แต่ฟังออกรึเปล่าก็อีกเครื่อง
ในทางเทคนิคแล้ว ไฟล์ 24 bit เหนือกว่าอยู่แล้วครับ
แต่ในทางปฎิบัติ ฟังเพราะกว่าหรือไม่ ถ่ายทอดและเข้าถึงอารมณ์เพลง หรือความเป็นดนตรีได้ดีกว่าหรือเปล่า อันนี้เป็นอีกประเด็น
ผมมีเพื่อน 2-3 คน ที่มีเครื่องเล่น hi-res แพงๆ มีไฟล์ 24 bit แต่ในห้องฟังเพลงหลักกลับพบว่าฟังเพลงจากครื่องเล่นซีดีบ้านเป็นหลัก อย่าง Rega apollo, burmester cd player, Ayre CX series ซะงั้น
ในทางเทคนิคแล้ว ไฟล์ 24 bit เหนือกว่าอยู่แล้วครับ
แต่ในทางปฎิบัติ ฟังเพราะกว่าหรือไม่ ถ่ายทอดและเข้าถึงอารมณ์เพลง หรือความเป็นดนตรีได้ดีกว่าหรือเปล่า อันนี้เป็นอีกประเด็น
ผมมีเพื่อน 2-3 คน ที่มีเครื่องเล่น hi-res แพงๆ มีไฟล์ 24 bit แต่ในห้องฟังเพลงหลักกลับพบว่าฟังเพลงจากครื่องเล่นซีดีบ้านเป็นหลัก อย่าง Rega apollo, burmester cd player, Ayre CX series ซะงั้น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 33
หูดับ
06/05/2015 23:47:54
ไปถามฝรั่งเพิ่มเติม เขาบอกว่าให้ดูทฤษฏี Nyquist Theory ซึ่งบอกว่า
A signal can be perfectly captured and reconstructed, so long the signal is band limited and sampled at equal intervals at a frequency at least twice the highest frequency present.
ไปถามฝรั่งเพิ่มเติม เขาบอกว่าให้ดูทฤษฏี Nyquist Theory ซึ่งบอกว่า
A signal can be perfectly captured and reconstructed, so long the signal is band limited and sampled at equal intervals at a frequency at least twice the highest frequency present.
Andrew Scheps, "Lost in Translation: Audio Quality in Streaming Media" | Talks at Google
Lost In Translation with Andrew Scheps provides an engaging, revelatory and humorous presentation of current audio format comparisons. The demonstration showcases the auditory differences of master recordings played back in different formats such as vinyl, CD, MP3, AAC and online streaming models.
Scheps (http://www.uaudio.com/blog/artist-int...) has engineered and mixed for some of the biggest acts in the business, including Adele, Metallica, Red Hot Chili Peppers, Linkin Park, Green Day and U2. He is a two-time GRAMMY® winner for his work on the Red Hot Chili Peppers' Stadium Arcadium and Adele's 21 albums and was named the 2012 International Engineer of the Year by the UK's Music Producers Guild.
แนะนำให้ลองฟัง Google Talk ของ Andrew Scheps อันนี้ครับ ผมว่าอธิบายได้ดีและเห็นภาพมากๆ เสียดายที่ติดลิขสิทธิ์เค้าเลยตัดช่วงที่เปิดเพลงทดสอบให้ฟังว่า lossy, lossless, 24bit แตกต่างกันอย่างไรครับ
Andrew Scheps, "Lost in Translation: Audio Quality in Streaming Media" | Talks at Google
Lost In Translation with Andrew Scheps provides an engaging, revelatory and humorous presentation of current audio format comparisons. The demonstration showcases the auditory differences of master recordings played back in different formats such as vinyl, CD, MP3, AAC and online streaming models.
Scheps (http://www.uaudio.com/blog/artist-int...) has engineered and mixed for some of the biggest acts in the business, including Adele, Metallica, Red Hot Chili Peppers, Linkin Park, Green Day and U2. He is a two-time GRAMMY® winner for his work on the Red Hot Chili Peppers' Stadium Arcadium and Adele's 21 albums and was named the 2012 International Engineer of the Year by the UK's Music Producers Guild.
ระหว่างไฟล์ 16 bit vs 24 bit เพลงเดียวกัน mastered เดียวกัน หรือต่างกันก็ได้
หรือแม้แต่ 16 bit vs 16 bit เพลงเดียวกัน mastered ต่างกัน
ฟังแล้ว รู้สึกต่างกันอย่างไรครับ ตรงไหนที่รู้สึกต่าง
ระหว่างไฟล์ 16 bit vs 24 bit เพลงเดียวกัน mastered เดียวกัน หรือต่างกันก็ได้
หรือแม้แต่ 16 bit vs 16 bit เพลงเดียวกัน mastered ต่างกัน
ฟังแล้ว รู้สึกต่างกันอย่างไรครับ ตรงไหนที่รู้สึกต่าง
สรุปว่า คุณหูดับ ลองแล้ว
และมีความสามารถแยกแยะออกระหว่าง 16 bit กับ 24 bit มันต่างกัน
แต่คุณหูดับ ไม่รู้ว่าไฟล์ไหนคือ 16 bit ไฟล์ไหนคือ 24 bit
แหะๆ ผมเข้าใจถูกไหมครับ
หรือว่า ฟังแยกออกทั้ง ไฟล์ 24 bit กับ 16 bit
แต่จากการฟังของคุณหูดับไม่รู้ว่าอันไหนมันดีกว่ากัน
สรุปว่า คุณหูดับ ลองแล้ว
และมีความสามารถแยกแยะออกระหว่าง 16 bit กับ 24 bit มันต่างกัน
แต่คุณหูดับ ไม่รู้ว่าไฟล์ไหนคือ 16 bit ไฟล์ไหนคือ 24 bit
แหะๆ ผมเข้าใจถูกไหมครับ
หรือว่า ฟังแยกออกทั้ง ไฟล์ 24 bit กับ 16 bit
แต่จากการฟังของคุณหูดับไม่รู้ว่าอันไหนมันดีกว่ากัน
ปล. ผมฟังเพลงผ่านคอมเฉยๆไม่มี DAC แยก รู้สึกแต่ว่ามันไม่เพราะ
ผมเลยฟังแต่ CD ด้วย CD player ครับ ไพเราะเสนาะหู
ตอนนี้รองบสอย DAC มาฟังไฟล์ริบด้วยมือระดับพระกาฬอยู่ครับ ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 59
หูดับ
11/05/2015 07:52:50
dac ของ macbook pro with retina รองรับ 24bit อยู่แล้วอ่ะ ถามฝรั่งใน head-fi เขาบอกว่า dac ของ apple macbook pro with retina รุ่นใหม่คุณภาพระดับ top quality อยู่แล้ว ไม่มีการ alter sound ใดๆทั้งสิ้น convert ได้สัญญาณอย่างที่มันควรจะเป็นแล้ว
ตกลงจำเป็นต้องซื้อ dac ข้างนอกมาใช้แทนจริงๆหรือ? คุณภาพดีกว่า dac ของ apple เยอะมั๊ยอ่าา?
dac ของ macbook pro with retina รองรับ 24bit อยู่แล้วอ่ะ ถามฝรั่งใน head-fi เขาบอกว่า dac ของ apple macbook pro with retina รุ่นใหม่คุณภาพระดับ top quality อยู่แล้ว ไม่มีการ alter sound ใดๆทั้งสิ้น convert ได้สัญญาณอย่างที่มันควรจะเป็นแล้ว
ตกลงจำเป็นต้องซื้อ dac ข้างนอกมาใช้แทนจริงๆหรือ? คุณภาพดีกว่า dac ของ apple เยอะมั๊ยอ่าา?
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 60
caprice
11/05/2015 08:05:01
5
Macbook Pro with Retina มีภาคถอดหรัสสัญญาณ 24 บิทในตัวเหรอครับ
ผมขอลิ้งค์หน่อยครับผมลองดูข้อมูลแล้วหาไม่เจอ
Macbook Pro with Retina มีภาคถอดหรัสสัญญาณ 24 บิทในตัวเหรอครับ
ส่วนตัวผมเห็นด้วยกับคุณ Men in Black นะครับ
อยากให้คุณหูดับ ฟังสบายๆ ชอบไฟล์ไหนฟอร์แมทไหนก็ฟังไปตามนั้น เพลินสุดแล้ว ^^
แต่ถ้าเข้าประเด็นเรื่องความสนใจในการแยกแยะไฟล์ hires กับ 16 bit ของคุณหูดับ
ผมก็ไม่รู้ว่าคุณหูดับจับสังเกตในส่วนไหนของเพลง และเพลงที่คุณหูดับใช้แยกแยะมันแนวไหน
หูฟังหรือลำโพงคุณหูดับดีพอเหมาะสมไหม เป็นต้น
ถ้าเพลงที่ใช้เป็นแนว audiophile ลอง norah jones อัลบั้นยอดฮิตก็ได้
ผมฟังผ่านแอมป์ ผ่านลำโพงนะครับ ไม่ได้ผ่านหูฟัง ฟังจาก source ที่เป็น cd ผ่านเครื่องเล่น cd player (rega) และ cd rip และ 24 bit ผ่าน dac จาก notebook
พิจารณาเฉพาะไฟล์ผ่านคอม 24 bit จะให้เวทีเสียงที่กว้างกว่า ระยะระหว่างชิ้นดนตรีมีมากกว่า
บรรยากาศเสียงทั้งการทอดยาวของปลายเสียง และบรรยากาศที่หุ้มตัวเสียงอยู่ชัดเจนกว่า เมื่อเทียบกับ 16 bit ที่ได้จาก cd rip
ส่วนตัวผมเห็นด้วยกับคุณ Men in Black นะครับ
อยากให้คุณหูดับ ฟังสบายๆ ชอบไฟล์ไหนฟอร์แมทไหนก็ฟังไปตามนั้น เพลินสุดแล้ว ^^
แต่ถ้าเข้าประเด็นเรื่องความสนใจในการแยกแยะไฟล์ hires กับ 16 bit ของคุณหูดับ
ผมก็ไม่รู้ว่าคุณหูดับจับสังเกตในส่วนไหนของเพลง และเพลงที่คุณหูดับใช้แยกแยะมันแนวไหน
หูฟังหรือลำโพงคุณหูดับดีพอเหมาะสมไหม เป็นต้น
ถ้าเพลงที่ใช้เป็นแนว audiophile ลอง norah jones อัลบั้นยอดฮิตก็ได้
ผมฟังผ่านแอมป์ ผ่านลำโพงนะครับ ไม่ได้ผ่านหูฟัง ฟังจาก source ที่เป็น cd ผ่านเครื่องเล่น cd player (rega) และ cd rip และ 24 bit ผ่าน dac จาก notebook
พิจารณาเฉพาะไฟล์ผ่านคอม 24 bit จะให้เวทีเสียงที่กว้างกว่า ระยะระหว่างชิ้นดนตรีมีมากกว่า
บรรยากาศเสียงทั้งการทอดยาวของปลายเสียง และบรรยากาศที่หุ้มตัวเสียงอยู่ชัดเจนกว่า เมื่อเทียบกับ 16 bit ที่ได้จาก cd rip
ลองหาอัลบั้มที่เป็น Master ระดับ 24bit/96kHz แท้ๆ แล้วมาทำการ Down Sampling เหลือ 16/44.1
เสียงที่ได้จะฟังแตกต่างกันชัดเจนครับ แต่ถ้าคนละ Master แผ่นคนละปั๊ม ผมว่าอันนี้คงไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ครับ
และชุดฟังก็น่าจะพอสมควรอยู่ถึงจะแยกง่ายหน่อย เหมือนเอาไฟล์ VCD ไปเปิดในจอ TV 20 นิ้ว
กับเอาไฟล์ VCD ไปเปิดใน LED 50" ผมว่าอย่างหลังมันจะแสดงความแตกต่างของไฟล์ได้อย่างชัดเจนกว่าจ้าา
ลองหาอัลบั้มที่เป็น Master ระดับ 24bit/96kHz แท้ๆ แล้วมาทำการ Down Sampling เหลือ 16/44.1
เสียงที่ได้จะฟังแตกต่างกันชัดเจนครับ แต่ถ้าคนละ Master แผ่นคนละปั๊ม ผมว่าอันนี้คงไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ครับ
และชุดฟังก็น่าจะพอสมควรอยู่ถึงจะแยกง่ายหน่อย เหมือนเอาไฟล์ VCD ไปเปิดในจอ TV 20 นิ้ว
กับเอาไฟล์ VCD ไปเปิดใน LED 50" ผมว่าอย่างหลังมันจะแสดงความแตกต่างของไฟล์ได้อย่างชัดเจนกว่าจ้าา
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 68
หมูหวาน
11/05/2015 23:52:54
573
ผมว่าเรามาจัด Event กันดีไหมครับ เรื่องไฟล์ Format ต่างๆ แล้วก็ไฟล์ Red Book CD กับไฟล์ Hi-Res และ DSD
ฟังเทียบกันให้หมด ว่าฟังออกหรือไม่ออก แล้วร่วมสนทนากันไปเลย ^^
ผมว่าเรามาจัด Event กันดีไหมครับ เรื่องไฟล์ Format ต่างๆ แล้วก็ไฟล์ Red Book CD กับไฟล์ Hi-Res และ DSD
ฟังเทียบกันให้หมด ว่าฟังออกหรือไม่ออก แล้วร่วมสนทนากันไปเลย ^^
หูดับ: What do you do for a living?
ฝรั่ง: Music Producer, Composer, Audio Engineer, Audio Post Production
เพราะฉะนั้นเป็นคนทำดนตรีแน่นอน
ไปถามอีกคน ว่ามีผลทดสอบแบบ ABX test ให้ดูบ้างมั๊ย ว่ามีใครฟังออกบ้าง เลยได้ลิ้งนี้มา
archimago.blogspot.de/2014/06/24-bit-vs-16-bit-audio-test-part-ii.html
ท่อนสรุปน่าสนใจมาก
In a naturalistic survey of 140 respondents using high quality musical samples sourced from high-resolution 24/96 digital audio collected over 2 months, there was no evidence that 24-bit audio could be appreciably differentiated from the same music dithered down to 16-bits using a basic algorithm (Adobe Audition 3, flat triangular dither, 0.5 bits).
ไปถามมาเพิ่มละ
หูดับ: What do you do for a living?
ฝรั่ง: Music Producer, Composer, Audio Engineer, Audio Post Production
เพราะฉะนั้นเป็นคนทำดนตรีแน่นอน
ไปถามอีกคน ว่ามีผลทดสอบแบบ ABX test ให้ดูบ้างมั๊ย ว่ามีใครฟังออกบ้าง เลยได้ลิ้งนี้มา
archimago.blogspot.de/2014/06/24-bit-vs-16-bit-audio-test-part-ii.html
ท่อนสรุปน่าสนใจมาก
In a naturalistic survey of 140 respondents using high quality musical samples sourced from high-resolution 24/96 digital audio collected over 2 months, there was no evidence that 24-bit audio could be appreciably differentiated from the same music dithered down to 16-bits using a basic algorithm (Adobe Audition 3, flat triangular dither, 0.5 bits).
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 78
Windows X
15/05/2015 15:13:48
Same logic as most people couldn't tell the different between 320kbps mp3 and 1411kbps wav
Same logic as most people couldn't tell the different between 320kbps mp3 and 1411kbps wav
ปล. การฟังแบบซีเรียสบางทีก็ส่งผลดี จะได้ไม่ต้องซื้ออุปกรณ์แพงโดยไม่จำเป็น แบบจ่ายแพงเพราะเป็นเหยื่อของ marketing word ต่างๆอ่ะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 86
Windows X
15/05/2015 23:08:36
337
บางทีผมก็ขำนะ ที่นั่งฟังเพลงเพราะๆอยู่ดีๆแล้วดันกลายเป็นเหยื่อการตลาดของ marketing word ไปซะละ
บางทีผมก็อยากจะหูดับไปกับเขาบ้าง จะได้ downmix เพลง 16-bit ลงมาเป็น CD ฟังได้ไม่ต่างจากไฟล์ hires
บางทีผมก็ขำนะ ที่นั่งฟังเพลงเพราะๆอยู่ดีๆแล้วดันกลายเป็นเหยื่อการตลาดของ marketing word ไปซะละ
บางทีผมก็อยากจะหูดับไปกับเขาบ้าง จะได้ downmix เพลง 16-bit ลงมาเป็น CD ฟังได้ไม่ต่างจากไฟล์ hires
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 87
hvk
16/05/2015 19:41:38
ผมก็เป็นคนที่ถือหาง 16 bit ที่มาสเตอร์ดีๆมาตลอดนะครับ ส่วนตัว HD tracks ส่วนใหญ่มาสเตอร์สู้พวก mobile fidelity, audio fidelity ไม่ได้ครับ ทว่าผมก็มีเพลงจาก HD tracks อยู่ในเครื่องเช่นกัน เล่นผ่าน DAC ใช้กับคอม ฟังผ่านทั้งลำโพงทั้งหูฟัง
สำหรับผมนั้นมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยครับ ที่จะหาไฟล์ 16 บิต กับ 24 บิต ที่ทำมาสเตอร์เดียวกันมาเทียบครับ อย่าง Linda Ronstadt ชุด What's New ผมว่าของๆ K2HD 16 บิต ฉ่ำ เสียงมีบอดี้ แยกแยะชัดเจนกว่าของๆ HD tracks ครับ แต่ HD tracks Diana Krall, The Look of Love ก็ดีกว่าแผ่นปั๊ม USA ที่ผมมี
แถมผมก็ลองคล้ายๆคุณ Window X ลองไปเรื่อยๆเล่นๆ เอา 24 bit มาเป็น 16 บิต แล้วลองเทียบ อันนี้ก็มองว่า 24 บิต ดีกว่าชัดเจน แต่ก็ยังถือว่าไม่ใช่การทดสอบที่เชื่อถือได้มากนัก เพราะตัวผมเอง ก็ถือว่าไม่เข้าใจการ down sampling ดีนัก และอาจจะทำอะไรต่อมิอะไรมั่ว หรือผิดพลาดได้ เลยสรุปตรงๆไม่ได้นัก ว่าอันไหนจะดีกว่า
ผมก็เป็นคนที่ถือหาง 16 bit ที่มาสเตอร์ดีๆมาตลอดนะครับ ส่วนตัว HD tracks ส่วนใหญ่มาสเตอร์สู้พวก mobile fidelity, audio fidelity ไม่ได้ครับ ทว่าผมก็มีเพลงจาก HD tracks อยู่ในเครื่องเช่นกัน เล่นผ่าน DAC ใช้กับคอม ฟังผ่านทั้งลำโพงทั้งหูฟัง
สำหรับผมนั้นมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยครับ ที่จะหาไฟล์ 16 บิต กับ 24 บิต ที่ทำมาสเตอร์เดียวกันมาเทียบครับ อย่าง Linda Ronstadt ชุด What's New ผมว่าของๆ K2HD 16 บิต ฉ่ำ เสียงมีบอดี้ แยกแยะชัดเจนกว่าของๆ HD tracks ครับ แต่ HD tracks Diana Krall, The Look of Love ก็ดีกว่าแผ่นปั๊ม USA ที่ผมมี
แถมผมก็ลองคล้ายๆคุณ Window X ลองไปเรื่อยๆเล่นๆ เอา 24 bit มาเป็น 16 บิต แล้วลองเทียบ อันนี้ก็มองว่า 24 บิต ดีกว่าชัดเจน แต่ก็ยังถือว่าไม่ใช่การทดสอบที่เชื่อถือได้มากนัก เพราะตัวผมเอง ก็ถือว่าไม่เข้าใจการ down sampling ดีนัก และอาจจะทำอะไรต่อมิอะไรมั่ว หรือผิดพลาดได้ เลยสรุปตรงๆไม่ได้นัก ว่าอันไหนจะดีกว่า
ว่าแต่ เห็นคุณ Windows X แนะนำให้ไปทดสอบ test.tidalhifi.com แทนที่จะมาเถึยงกัน ซึ่ง comment ที่อยู่บนๆ ข้าพเจ้าได้พูดถึงการทดสอบนี้ไปแล้วว่ามันเป็น damn easy test มันง่ายไป
ลอง test ที่ยากขึ้น อย่างเช่นการฟังเพลงที่ rip มาจาก cd เป็น wav แล้ว เล่นผ่าน Oversampling DAC ดูสิ เวลาเล่น ห้ามตัว player ใช้ EQ หรือ filter ใดๆทั้งสิ้นในการไปแตะต้อง audio data ไฟล์มายังไง ปล่อยออกไปอย่างนั้นเลย ท่านสังเกตุความผิดปกติของเสียงบ้างไหม?
test นี้ก็ยังง่ายกว่า 16 bits vs 24bits อยู่เยอะนะ
เพื่อนคุณ Windows X เป็นแฟนพันธ์แท้ Windows หรือเปล่าเนี๊ยะ
wav กับ aiff ต่างกันแค่ header กับ byte order ซึ่ง optimize สำหรับ processor คนละแบบ Intel, Moto, ...ฯลฯ
มันไม่มีความต่างในเชิง audio data ที่ทำให้เกิด sonic difference แต่อย่างใด
เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า 2 format นี้สามารถ interchangeable ได้ หมายความว่าแลกเปลี่ยนกันได้ ใช้แทนกันได้ โดยทั่วไปคนใช้ Windows ก็ใช้ wav คนใช้ Mac ก็ aiff จะเอา wav หรือ aiff ไปเปิด ใน DAW ก็ได้ข้อมูล audio data เหมือนกันเป๊ะ
ว่าแต่ เห็นคุณ Windows X แนะนำให้ไปทดสอบ test.tidalhifi.com แทนที่จะมาเถึยงกัน ซึ่ง comment ที่อยู่บนๆ ข้าพเจ้าได้พูดถึงการทดสอบนี้ไปแล้วว่ามันเป็น damn easy test มันง่ายไป
ลอง test ที่ยากขึ้น อย่างเช่นการฟังเพลงที่ rip มาจาก cd เป็น wav แล้ว เล่นผ่าน Oversampling DAC ดูสิ เวลาเล่น ห้ามตัว player ใช้ EQ หรือ filter ใดๆทั้งสิ้นในการไปแตะต้อง audio data ไฟล์มายังไง ปล่อยออกไปอย่างนั้นเลย ท่านสังเกตุความผิดปกติของเสียงบ้างไหม?
test นี้ก็ยังง่ายกว่า 16 bits vs 24bits อยู่เยอะนะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 104
Windows X
18/05/2015 22:16:54
337
ตรงนี้ลองไปศึกษาเรื่อง endian และ byte order ดูก่อนครับ เดี๋ยวจะยาว ลองบันทึกเสียงเป็น wav/aiff เทียบกันดูก็ดีครับเพราะในเชิงข้อมูลนั้นดูไม่ต่างกันก็จริงครับ แต่ขั้นตอนการ playback และการบันทึกนั้นมีผลเล็กๆน้อยๆหมดครับ ไม่งั้นจะมีแผ่นที่บันทึกแบบ DMM (Direct Metal Mastering) ของค่าย Stockfish หรือ Mastering ที่บันทึกจาก Mixer ตรงๆอย่างของ T-Toc Records ออกมาทำไม ในเมื่ออัดมามันก็เป็น bit ข้อมูลชัดเจนเหมือนกัน แล้วทำไมต้องทำแผ่น bluespec แผ่น glass cd ด้วยถ้าข้างในเป็นแค่ 0-1 ลองไปศึกษาดูก่อนดีไหมครับว่าที่มาที่ไปของที่ผมเล่ามานั้นคืออะไร
คุณพูดเหมือนคนมีความรู้นะครับแต่ความรู้ที่พูดมานั้นยังไม่ผ่านการใช้งานจริงเลยจะพูดอะไรก็พูดได้ และที่สำคัญ ถ้ามีคนบอกว่าเค้าฟังแล้วชอบอะไรมากกว่าอะไรนี่คุณจะไปยุ่งอะไรกับเขาครับ เขาลองแล้วพอใจอะไรก็เป็นเรื่องที่คุณควรจะเคารพความเห็นของคนอื่นบ้างนะครับ คุณฟัง 16/24 bit ไม่ต่างก็ไม่มีใครไปว่าอะไรคุณสักหน่อย
ตรงนี้ลองไปศึกษาเรื่อง endian และ byte order ดูก่อนครับ เดี๋ยวจะยาว ลองบันทึกเสียงเป็น wav/aiff เทียบกันดูก็ดีครับเพราะในเชิงข้อมูลนั้นดูไม่ต่างกันก็จริงครับ แต่ขั้นตอนการ playback และการบันทึกนั้นมีผลเล็กๆน้อยๆหมดครับ ไม่งั้นจะมีแผ่นที่บันทึกแบบ DMM (Direct Metal Mastering) ของค่าย Stockfish หรือ Mastering ที่บันทึกจาก Mixer ตรงๆอย่างของ T-Toc Records ออกมาทำไม ในเมื่ออัดมามันก็เป็น bit ข้อมูลชัดเจนเหมือนกัน แล้วทำไมต้องทำแผ่น bluespec แผ่น glass cd ด้วยถ้าข้างในเป็นแค่ 0-1 ลองไปศึกษาดูก่อนดีไหมครับว่าที่มาที่ไปของที่ผมเล่ามานั้นคืออะไร
คุณพูดเหมือนคนมีความรู้นะครับแต่ความรู้ที่พูดมานั้นยังไม่ผ่านการใช้งานจริงเลยจะพูดอะไรก็พูดได้ และที่สำคัญ ถ้ามีคนบอกว่าเค้าฟังแล้วชอบอะไรมากกว่าอะไรนี่คุณจะไปยุ่งอะไรกับเขาครับ เขาลองแล้วพอใจอะไรก็เป็นเรื่องที่คุณควรจะเคารพความเห็นของคนอื่นบ้างนะครับ คุณฟัง 16/24 bit ไม่ต่างก็ไม่มีใครไปว่าอะไรคุณสักหน่อย
ฮือ... คุณ Windows X เล่นบอกให้ข้าพเจ้าไปศึกษาเรื่อง big endian / little endian, byte order เลยหรือนี่
เคยเที่ยวเล่นอยู่ใน headquarter ของบริษัทที่ออกแบบ WAV มาตั้งนาน ไม่คิดว่าจะโดนไล่ไปศึกษาเรื่องเบสิคๆเหล่านั้นอีก เอิ๊ก เอิ๊ก
ฮือ... คุณ Windows X เล่นบอกให้ข้าพเจ้าไปศึกษาเรื่อง big endian / little endian, byte order เลยหรือนี่
เคยเที่ยวเล่นอยู่ใน headquarter ของบริษัทที่ออกแบบ WAV มาตั้งนาน ไม่คิดว่าจะโดนไล่ไปศึกษาเรื่องเบสิคๆเหล่านั้นอีก เอิ๊ก เอิ๊ก
ถ้าเป็นความรู้เบๆคุณก็น่าจะรู้นะครับว่าเครื่อง Mac เมื่อก่อนใช้ Big Endian Architecture และ PC เป็น Little Endian พื้นฐานของ WAV เป็น Little Endian ไม่เหมือน Aiff ที่เมื่อก่อนออกแบบมาสำหรับเครื่อง Mac ที่เป็น Big Endian เลยต้องมี bit swap มาไล่เรียงใหม่ มันเลยฟังออกมาไม่เหมือนกันซะทีเดียว แม้ aiff ทุกวันนี้จะเป็น little endian ด้วยกันก็ได้แล้วแต่โครงสร้าง format มันก็ไม่ได้เหมือนกัน wav ซะทีเดียวเหมือนเดิมครับ
ถ้าเป็นความรู้เบๆคุณก็น่าจะรู้นะครับว่าเครื่อง Mac เมื่อก่อนใช้ Big Endian Architecture และ PC เป็น Little Endian พื้นฐานของ WAV เป็น Little Endian ไม่เหมือน Aiff ที่เมื่อก่อนออกแบบมาสำหรับเครื่อง Mac ที่เป็น Big Endian เลยต้องมี bit swap มาไล่เรียงใหม่ มันเลยฟังออกมาไม่เหมือนกันซะทีเดียว แม้ aiff ทุกวันนี้จะเป็น little endian ด้วยกันก็ได้แล้วแต่โครงสร้าง format มันก็ไม่ได้เหมือนกัน wav ซะทีเดียวเหมือนเดิมครับ
แหม่ เล่นโต้ตอบความเห็นกันแบบนี้ เดี๋ยวจะจิกกัดกันแรงขึ้นไปใหญ่
คุณ Windows X ลองกลับไปอ่านตั้งแต่เม้นต์แรกมาเลยนะ จะเห็นว่าข้าพเจ้าไม่ได้เป็นผู้เริ่มจิกกัดใครก่อนเลย
คุณ Windows X กล่าวว่า
“คุณพูดเหมือนคนมีความรู้นะครับแต่ความรู้ที่พูดมานั้นยังไม่ผ่านการใช้งานจริงเลยจะพูดอะไรก็พูดได้ “
แหม่ เล่นโต้ตอบความเห็นกันแบบนี้ เดี๋ยวจะจิกกัดกันแรงขึ้นไปใหญ่
คุณ Windows X ลองกลับไปอ่านตั้งแต่เม้นต์แรกมาเลยนะ จะเห็นว่าข้าพเจ้าไม่ได้เป็นผู้เริ่มจิกกัดใครก่อนเลย
คุณ Windows X กล่าวว่า
“คุณพูดเหมือนคนมีความรู้นะครับแต่ความรู้ที่พูดมานั้นยังไม่ผ่านการใช้งานจริงเลยจะพูดอะไรก็พูดได้ “
สิ่งที่คุณอธิบายมามันเป็นแค่เชิงทฤษฎีในอุดมคติครับ การ bit swap มันทำให้เกิด jitter เพิ่มใน CPU เพราะมี process เพิ่ม แทนที่จะอ่านแล้วจัดเรียง data ลง memory block ตรงๆไปเรื่อยๆต้องมานั่ง swap ก่อนวางเป็นพักๆไป คนทำ JPLAY เขียนระบบ memory management ในการส่งข้อมูลไฟล์เพลงเดียวกันเสียงยังต่างเลย คิดอะไรมากกับ format ไฟล์ที่มีการจัดการ mapping ต่างกัน ถ้าไม่มีผลจริงทำไม flac ยังมีคนขอให้ทำ uncompressed flac ออกมาได้ล่ะครับ
นอกจากเรื่องนี้แล้ว คุณก็มีข้อเสียอีกข้อคือคิดว่ารู้อะไรก็สรุปไปแบบนั้นเลยไม่ฟังไม่เคารพความเห็นคนอื่นบ้าง ใครชอบ wav มากกว่า aiff ก็บอกไปว่าเค้าหูเทพหูทอง ใครได้อ่านคงจะรู้สึกดีนะครับ อย่างผมบอกว่า save เป็น wav ก็เหมารวมไปว่าใช้ Windows คนใช้ Mac ใช้ OS X บันทึกเป็น wav ก็มีเยอะครับ ดูนี่เป็นตัวอย่างได้
สิ่งที่คุณอธิบายมามันเป็นแค่เชิงทฤษฎีในอุดมคติครับ การ bit swap มันทำให้เกิด jitter เพิ่มใน CPU เพราะมี process เพิ่ม แทนที่จะอ่านแล้วจัดเรียง data ลง memory block ตรงๆไปเรื่อยๆต้องมานั่ง swap ก่อนวางเป็นพักๆไป คนทำ JPLAY เขียนระบบ memory management ในการส่งข้อมูลไฟล์เพลงเดียวกันเสียงยังต่างเลย คิดอะไรมากกับ format ไฟล์ที่มีการจัดการ mapping ต่างกัน ถ้าไม่มีผลจริงทำไม flac ยังมีคนขอให้ทำ uncompressed flac ออกมาได้ล่ะครับ
นอกจากเรื่องนี้แล้ว คุณก็มีข้อเสียอีกข้อคือคิดว่ารู้อะไรก็สรุปไปแบบนั้นเลยไม่ฟังไม่เคารพความเห็นคนอื่นบ้าง ใครชอบ wav มากกว่า aiff ก็บอกไปว่าเค้าหูเทพหูทอง ใครได้อ่านคงจะรู้สึกดีนะครับ อย่างผมบอกว่า save เป็น wav ก็เหมารวมไปว่าใช้ Windows คนใช้ Mac ใช้ OS X บันทึกเป็น wav ก็มีเยอะครับ ดูนี่เป็นตัวอย่างได้
ปล. ผมก็เป็นหนึ่งในคนที่ฟัง CD และ 16 bit เป็นหลักฮะ
Jazz เก่าๆ นี่ผมก็ชอบที่บันทึกมาเป็น mono มากกว่าครับ
24 bit ผมชอบฟังพวกคลาสสิคกับพวก jazz บรรเลงครับ ^^
ปล. ผมก็เป็นหนึ่งในคนที่ฟัง CD และ 16 bit เป็นหลักฮะ
Jazz เก่าๆ นี่ผมก็ชอบที่บันทึกมาเป็น mono มากกว่าครับ
24 bit ผมชอบฟังพวกคลาสสิคกับพวก jazz บรรเลงครับ ^^