เท่านั้นยังไม่พอครับ ภาครับ Bluetooth ของเจ้า Audioengine B2 ยังได้ดึงสัญญาณดิจิตอลจากเครื่องเล่นเพลง มาถอดรหัสเสียงด้วย DAC ของตัวเอง ที่ใช้ Chip DAC ของ Texus Instrument เบอร์ PCM5102A โดยสามารถถอดรหัสเสียงรูปแบบ PCM ได้ถึง 24bit นู่นเลยครับ คราวนี้แหละถ้าเครื่องเล่นเพลง ตัวไหนภาค DAC ไม่เจ๋งพอ เอามาต่อ Bluetooth ฟังกับลำโพงตัวนี้ เสียงดีกว่าการต่อสายแน่ๆแล้วล่ะ และสามารถเชื่อมต่อแบบ Aux ด้วยสาย 3.5mm ได้อีกหนึ่งช่องด้วยครับ

มาเริ่มแกะกล่องกันเลยดีกว่าครับ Audioengine B2 นั้นออกแบบ Packaging ได้สวยงาม และสะดวกในการหิ้วมากๆๆครับ รายละเอียดต่างๆเขียนบอกไว้ที่ตัวกล่องอย่างครบถ้วน ซึ่งจริงๆและจะมีกล่องชั้นนอกให้อีกชั้นนึง เพื่อลดปัญญหากล่องเสียหายจากการขนส่งครับ เป็นการทำ Package ที่ใส่ใจต่อผู้บริโภคมากๆ

เปิดกล่องมาก็เจอกับคู่มือการใช้งาน และเสา Bluetooth อยู่ในถุงพลาสติกใสๆ และมีถุงผ้าอีกหนึ่งถุงใส่สายสัญญาณ และสายไฟมาให้ครับ แต่แต่สายแถมยังใส่ถุงผ้านุ่มนิ่มติดมาให้ คิดดูและกันว่าปราณีตขนาดไหน ^^

สายที่แถมมาให้เป็นสาย Mini-Mini 3.5mm. ความยาว 1.5เมตร และสายไฟหัวแบบ EU ท้าย C7 ความยาว 1.5 เมตร อย่างละเส้นครับ ซึ่งสายที่แถมมาให้นี้เป็นเกรดธรรมดาๆใช้งานทั่วไป ถ้าอยากรีดประสิทธิภาพเสียงขึ้นไปอีกสามารถซื้อสายมาอัพเกรดเพิ่มได้ในภายหลังจ้าาา

จากนั้นดึงโฟมด้านบนออกก็จะเจอกับหน้ากากลำโพงที่ใส่มาอยู่ในซองโฟมกันกะแทกครับ เป็นหน้ากากสีเทาอ่อน ระบบแม่เหล็กครับ แค่เอาไปแปะที่ด้านหน้า หน้ากากลำโพงก็จะยึดติดกับตัวลำโพงได้อย่างเหนียวแน่นหนึบ จะดึงออกยังต้องออกแรงเลยล่ะ 5555

จากนั้นก็ถึงตัวลำโพงแล้วครับ มาในห่อผ้าอีกแล้ว แถมคราวนี้มีซองโฟมกันรอยห่อลำโพงอยู่อีกชั้นนึงด้วยครับ รับรองได้เลยว่าลำโพง Audioengine B2 ทุกตัว จะถึงมือทุกท่านอย่างปลอดภัยไร้ริ้วรอยใดๆ เพราะว่า Package เค้าเนี๊ยบที่สุด ตั้งแต่ผมเคยเห็นมาเลยครับ

Audioengine B2 มีกำลังรวมขับเหลือเฝือถึง 60 วัตต์ (30 วัตต์/ข้าง) ด้วยภาคแอมป์ class AB ที่ทำงานแบบ Dual Chanel ตอบสนองความถี่ตั้งแต่ 65Hz-22kHz ตัวตู้นั้นออกแบบมาได้สวยงาม Vintage สุดๆ ซึ่งดูจากดอกลำโพงด้านหน้าแล้วคล้ายๆกับ ลำโพง Audioengine รุ่น A2 สองตัวมาวางต่อกัน และตัวตู้มีให้เลือก 3 แบบครับ คือ Walnut, Black Ash และ Zebrawood ครับผม ส่วนของตัวที่ผมเอามารีวิวนี้คือ Walnut ครับผม ลายไม้ทั้งหมดของ B2 เป็นแบบ Veneer Wood ครับ คือการเอาผิวไม้แท้ๆเฉือนบางๆมาแปะทำลายให้ตัวตู้ ดูลายไม้ซะก่อนครับ สวยสดงดงามแท้ๆๆ

ซึ่งตัวตู้ของ B2 นั้นออกแบบโดยใช้ไม้ยอดนิยมอย่าง MDF ซึ่งสามารถคุมคุณภาพเสียงได้ง่าย และไม่ค่อยมีปัญหากับสภาพอากาศ และความชื้นของแต่ละประเทศครับ โดยตัวตู้ของ Audioengine B2 ใช้ไม้ MDF หนาถึง 18mm. เกือบๆสองเซนติเมตรเลยทีเดียว เพื่อช่วยลดการสั่นครางของตัวตู้เมือเราเปิดเพลงดังๆ หรือเสียงเบสต่ำๆก็ไม่ทำให้ตู้ของ B2 สั่นจนเสียงเพี๊ยนให้ได้ยินครับ

มาถึงตัวดอกลำโพงกันบ้างครับ Audiorngine B2 ใช้ดอกลำโพงเสียงต่ำ 2 ดอก แยกซ้ายขวา เป็นลำโพงขนาด 2.75" กรวย Kevlar วัสดุเดียวกับที่ใช้ทำเสื้อเกราะกันกระสุนขนาด ที่ขึ้นชื่อเรื่องความนิ่งของเสียง เพราะสามารถรองรับความถี่เสียงต่างๆได้ครบถ้วน ไม่มีการบิดตัวในขณะเปร่งเสียง ทำให้ความเพี๊ยนของเสียงต่ำมากๆๆครับ และยังมีการออกแบบขดลวด Voice Coil แบบพิเศษที่เรียกว่า Advance Voice Coil ทำให้ความร้อนสะสมในลำโพงต่ำ และสามารถตอบสนองต่อการผลักตัวของแม่เหล็กลำโพงได้อย่างดีครับ

ส่วนของไดร์เวอร์เสียงแหลม เป็นขนาด 3/4" จำนวนสองตัว แยกซ้ายขวาเช่นกัน วัสดุตัวโดมทำจากผ้าไหม ที่ให้เสียงใส รายละเอียดชัดเจน แต่ยังคงไว้ซึ่งความอ่อช้อย นุ่มนวลฟังสบายๆ โดย Driver ตัวนี้ใช้แม่เหล็กแบบ neodymium magnets ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องของแรงผลักที่ดี น้ำหนักเบา และความร้อนสะสมน้อย ทำให้ได้ Sesitivity ที่ดี และยังได้เรื่องของความทนทานสูงอีกด้วยครับ

ส่วนตรงกลางระหว่าง Driver เสียงต่ำทั้งสองตัว มีการเจาะช่องเป็นเส้นตรงยาวๆแนวตั้งสองเส้น นี่ก็คือช่อง Bass Reflex ที่ใช้ตูนเสียงต่ำให้ลงได้ลึกขึ้น และตอบสนองความถี่ได้กว้างมากขึ้นครับ ซึ่งโดยปกติเราอาจจะเห็นเป็นช่องวงกลมทั่วไป แต่อันนี้เป็นสูตรของ Audioengine โดยเฉพาะครับ และยังได้ทำการออกแบบรู Bass Reflex ไว้ด้านหน้า เพื่อให้สามารถจัวางลำโพงตัวนี้ได้ง่ายขึ้น วางติดผนังได้โดยไม่ทำให้เสียงเบสหนักเกินไปจนล้นล่ะจ้าาา

มาต่อกันที่ด้านหลังกันเลยครับ ทางด้านซ้ายสุดบนจะเป็นที่ปรับเสียง หรือ Volume Control ซึ่งเป็นลูกบิดแบบ Aluminium Anodize สีเงิน และถัดลงมาเป็นช่องเสียบ Input แบบ 3.5mm Mini Jack อีกหนึ่งช่องครับ เอาไว้เสียบสายจากมือถือ เครื่องเล่นเพลงต่างๆ หรือ TV เข้าช่องนี้ได้เลย

ถัดจากลูกบิด Volume มา ก็จะเป็นไฟ LED สีขาว บอกสถานะการทำงานครับ ซึ่งถ้ายังไม่มีการ Pair หรือจับคู่ลำโพงกับเครื่องเล่น ไฟดวงนี้จะกระพริบถี่ๆ และหลังจาก Pair แล้วไฟสีขาวนี้จะติดค้างครับ และนอกจากจะเป็นดวงไฟ LED แล้วมันยังเป็นปุ่มในตัวด้วยครับ สามารถใช้ล้างค่าในการ Pairing เครื่องเล่นต่างๆได้เลย เพียงแค่กดค้างไว้จนไฟ LED เปลี่ยนเป็นกระพริบเหมือนเดิมครับ

และถัดไปอีกหน่อยก็คือ ช่องไว้ใส่เสาอากาศ Bluetooth ที่มีแถมมาให้ในชุดครับ เสาตัวนี้แหละทีเด็ดเลย เพราะมันช่วยให้รับสัญญาณได้ไกลมากๆๆ ไม่มีสะดุด หรือขาดๆหายๆเลยแม้แต่น้อย ซึ่งผมลองเดินไปไกลๆเกิน 10 เมตร ก็ยังสามารถรับสัญญาณเพลงได้ปกติเหมือนกับอยู่ใกล้ๆเลย ของเค้าเด็ดจริงๆ

ส่วนทางด้านขวาของลำโพง จะเป็นช่องเสียบสายไฟแบบ C7 แบบมาตรฐาน ที่สามารถเปลี่ยนสายอัพเกรดได้ในภายหลัง และสวิตช์เปิด-ปิดลำโพง ข้างๆกัน ซึ่งภาคไฟของ Audioengine B2 นั้นเป็นแบบ Auto Switching ครับ คือสามารถรองรับไฟได้ตั้งแต่ 100V-240V / 50-60Hz สามารถนำเจ้าลำโพงตัวนี้ไปใช้ได้ทั่วโลก โดยไม่ต้องกังวลเรื่องโยกสวิตท์ปรับแรงดันไฟอีกต่อไป ปล่อยให้วงจรไฟข้างในเค้าจัดการเองครับผม ^^

เอาหน้ากากลำโพงแบบ แถบแม่เหล็กมาให้ชมกันชัดๆอีกทีครับ เวลาใส่เพียงแค่เอาหน้ากากไปใกล้ๆ ก็จะดูดติดกับลำโพงแล้วครับ ถ้าหากเอาไปใกล้ๆแล้วไม่ดูดกัน ให้หมุนกลับหัวเอาอีกด้านมาแตะที่หน้าลำโพงแทน ก็จะดูดกันแล้วครับ แถมติดแล้วแน่หนา ไม่มีหลุดง่ายๆครับ

มาเริ่มทดลองฟังกันเลยดีกว่าครับ ก่อนอื่นเริ่มด้วยการเล่นแบบ Bluetooth ครับ ซึ่งก็ต้องเริ่มทำการจับคู่ หรือ Pairing ก่อน ซึ่งก็ง่ายดายมากๆ Search ปุ๊บเจอปั๊บ ไม่เหมือนบางตัวที่ต้อง Search หลายรอบกว่าจะเจอ แถมเจอเจ้า Audioengine B2 แล้ว ยังสามารถ connect ได้รวดเร็วอีกด้วยครับ

หลังจากนั้นก็เริ่มทดสอบเล่นเพลงครับ โดยแว่บแรกที่ได้ฟังเสียงของ Audioengine B2 ก็คือ เสียงมันเหมือนไม่มีการ Compress หรือบีบอัดครับ ไม่เหมือนกับลำโพง Bluetooth ส่วนใหญ่ที่ผมเคยทดสอบมา เมื่อเราเล่นเพลงผ่าน Bluetooth เสียงมันจะเหมือนอั้นๆ หรือรายละเอียดเสียงหุบๆยังไงก็ไม่รู้ แต่พอเป็น Audioengine B2 เสียงทุกอย่างมันถูกเปิดเผยออกมาอย่างชัดเจนเหมือนกับการต่อสายฟัง ซึ่งจากที่ผมฟังดูแล้ว น่าจะเกิดจากภาครับของ B2 นี้ ไม่ได้อาศัยภาค DAC ของเครื่องเล่นเราเลยครับ มันดึงข้อมูล Digital ก่อนถอดรหัสเสียง มาถอดด้วยวงจรของตัวลำโพงเอง ที่ใช้ Chip DAC อย่างดีของ TI PCM5102A จึงทำให้เสียงของมันได้รายละเอียดออกมาครบๆ เปิดเผยและชัดเจนทุกตัวโน้ตจริงๆ

เสียงของเจ้า Audioengine B2 นั้น จะแตกต่างจากลำโพง Bluetooth ที่ผมเคยทดสอบอย่างมากครับ เพราะรายละเอียดเสียงมันชัดเจนมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงต่ำที่ลึก เก็บตัวเร็ว และหัวโน้ตเบสนั้นเป็นเม็ดๆ ไม่มีมัวหรือคลุมเครือ เสียงกลาง และเสียงร้องที่โปร่งลอยมีมิติ การเอื้นเสียงหรือน้ำหนักขึ้นลงของเสียงร้องนั้นลื่นไหลครบถ้วน จนไปถึงเสียงกลางที่ใสสะอาดกรุ๊งกริ๊งสุดๆ รายละเอียดชัดเจนจนลำโพงหลังหลายหมื่นยังต้องมองค้อนเลยครับ

ผมลองต่อสาย 3.5mm จากมือถือเครื่องเดียวกัน ฟังเพลงเดียวกันทดสอบเสียงดู ปรากฎว่าเสียงที่ได้แทบไม่แตกต่างจาก Bluetooth เลยครับ แถมการฟังผ่าน Bluetooth ยังมีบางจุดที่ดีกว่าด้วยซ้ำ ผมคิดว่าหากจะเอาเครื่องเล่นมาต่อให้เสียงดีกว่า การฟังผ่าน Bluetooth ของ Audioengine B2 คงต้องเปลี่ยนสาย 3.5mm ให้ดีขึ้นกว่าสาย Stock หรือไม่ก็เครื่องเล่นต้องมีภาค DAC ในตัวที่เสียงดีๆหน่อย ไม่งั้นต่อ Bluetooth ฟังก็ฟินได้แล้วครับ เป็นลำโพงไร้สายตัวแรกที่ผมว่าเสียงมันสามารถเทียบกับการต่อสายได้อย่างน่าตกใจ คงต้องยกความดีความชอบให้ DAC ในตัวของ B2 ครับผม

ขอลองของอีกที ด้วยการเอา Player เทพๆอย่าง Astell&Kern AK240SS มาลองต่อกับเจ้า Audioengine B2 ดูซะหน่อย ซึ่งแน่นอนครับ เสียงมันดีกว่าการต่อ Bluetooth ฟังเยอะเลยล่ะ แต่อย่างที่รู้ๆกันครับ ว่าเครื่องเล่นอย่าง AK240SS ราคามันเท่าไร ไกลกว่าลำโพงเยอะ 555 แต่เอาเป็นว่าการทดสอบนี้ทำให้ผมได้รู้อีกอย่างครับ ว่าเจ้า B2 นั้นมีความไวต่อความเปลี่ยนแปลงของ Source ที่เอามาต่อฟังมากๆๆครับ คือถ้าไฟล์เพลงไหนที่บันทึกมาดีๆ เจ้าลำโพงตัวนี้จะดันรายละเอียดออกมาได้ครบๆทุกเม็ดเลยครับ และอีกสิ่งที่ดีจนน่าตกใจก็คือ มิติเสียงของมันครับ เป็นลำโพงชิ้นเดียวที่ให้มิติเสียงอย่างกับลำโพง Stereo เลยล่ะ ทั้งความกว้าง และความลึกของเวที แถมเสียงใหญ่เกินตัวอีก อยากเห็นหน้าคนออกแบบจริงๆครับ ว่าทำลำโพงตัวนี้ออกมาได้ไง ในราคาแค่นี้

สำหรับท่านที่กำลังมองหาลำโพง Bluetooth แบบตั้งโต๊ะไว้ใช้งาน และอยากได้เรื่องรายละเอียดเสียง เสียงต่ำกระชับเก็บตัวเป็นเม็ดๆได้ดี เสียงเครื่องดนตรีชัดเจนเป็นโน้ตๆ เสียงร้องโปร่งลอยไหลลื่น เสียงแหลมชัดใสไม่มีม่านหมอก กำลังขับเยี่ยมเสียงใหญ่เต็มห้อง มิติเสียงกว้าง ภาครับ Bluetooth ดี ฟังแล้วเสียงไม่ดรอป แถมเชื่อต่อได้ไกลมากๆโดยไม่มีสะดุด

ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในลำโพง Audioengine B2 ตัวนี้แล้วครับ กับค่าตัว 10,900 บาทของมัน ผมรับรองว่าไม่ต้องไปหาลำโพงอื่นมาเทียบครับ ตัวนี้คือทีเด็ดของลำโพง Bluetooth ใน Range นี้ ที่ผมเคยทดสอบมา แต่ยังไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ครับ ลองเข้ามาฟังเสียงของมันก่อน ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมา ผมมั่นใจว่าต้องซู้ดปาก แล้วหิ้วกลับบ้านแน่นอนครับ ^^


ลำโพง Audioengine B2 Powered Bluetooth Speaker
ราคา 10,900 บาท
พี่หมูหวาน 086-810-7374
www.hifilover.com
Email : contact@hifilover.com
Line id : HIFILOVER
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCCz05VSC8b048lxY6Hnw-xQ

อ่านจบแล้วคันทันทีเลยครับ หน้าตามันดูดีมากๆเลยครับ

หน้าตายังกะลำโพงเซนเตอร์เลย

@Valentine ครับ
ว่างๆแวะมาลองฟังได้เลยครับ เสียงแจ่มมากๆๆเลยล่ะ

@ สมัครเล่น ครับ
เออจริงพี่ หน้าคล้ายๆลำโพง Center เลย แถมคล้ายๆเอา Audioengine A2 สองตัวมาต่อกันครับ
แต่เสียงดีกว่าที่ผมคาดไว้เยอะเลย ยิ้งฟังยิ่งฟินฝุดๆๆ ^^

ราคาชวนฝันดีครับ555 ถ้าวางลำโพงแนวตั้ง มีผลอะไรกับเสียงมั้ยครับ

@tangkoo คร้าบบบ
ตัวนี้สามารถวางแนวตั้งได้ครับ เพราะว่าการออกแบบ Driver นั้นทำมาเป็นเส้นระนาบเดียวกันหมด
สามารถวางได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน ไม่เหมือนกับบางตัวที่มีการเยื้องกันของเสียงต่ำแล้วเสียงแหลมครับ

ขอบคุณครับ งั้นถามอีกข้อถ้า มี souce ตัวเดียว สามารถ pair ไปยังลำโพงสองตัวได้หรือเปล่าครับ แล้วสัญญาณจะดร๊อปลงมั้ยครับ

เป็นลำโพงที่ลุงปุ๊ยยังโดน 5555

หมูหวานแต่ก่อนน้ำหนักสูสีกับลุงปุ๊ย ตอนนี้ลดลงเหลือแค่รุ่นแบนตั้มเวทแล้วแฮะ 555

ตัวนี้เทียบกับ b&o beoplay a2 เสียงแตกต่างกันยังไงบ้างครับพี่หมูหวาน ?

@tangkoo ครับ
ตัวนี้สามารถ Pair เครื่องเล่นได้ทีละเครื่องครับ แต่สามารถต่อ Aux ได้อีกหนึ่งตัวต่างหากจ้าา ^^

@tudtee ครับ
หากเทียบกับ A2 น่าจะลำบากครับ เพราะโดยส่วนใหญ่ลำโพงพกพาจะสู้ลำโพงเสียบปลั๊กเล่นไม่ได้อยู่แล้วครับ
ส่วนแนวเสียงนั้น A2 กับ B2 เสียงมาแนวทางเดียวกันเลยล่ะ แต่ Audioengine B2 จะได้เรื่องความดัง เสียงต่ำๆที่ดีกว่า ไดนามิกดี และมิติเสียงที่กว้างใหญ่เต็มห้องครับ

ขอบคุณมากครับ เห็นระยะส่งมันไกลดี กะว่าจะวางไว้ในครัวตัวนึง กับในส้วมอีกตัวนะครับ555

เดี๋ยวต้องไปลองมั่ง

15 เมตร ผ่านน๊ะสำหรับผม
เดินเข้าส้วมสัญาณไม่หลุดอ่ะที่บ้าน

น่าสนใจมากครับ
เคยใช้ A5+ ยังติดใจไม่หายเลย

ไม่กล้าไปลองเลยเรา เดี๋ยวโดนอีก 555

วันนั้นนั่งดูเฮียรีวิว นาฬิกาปลุก JBL ที่มี Bluetooth กับ USB Charger ในตัว ก็โดนไปทีนึงแล้ว นี่ถ้าไปลองฟังตัวนี้อีกมีหวังไม่รอดแหงม

@ตั่วปุ๊ย
เล่นเปิดตอนเข้าส้วยเลยหรอครับ 555
ตัวนี้รับสัญญาณได้ไกลจริงครับ ถาครับสัญญาณเค้าแจ่มจริง

@ น้าทอมมี่
วันไหนแวะผ่านมาเข้ามาลองฟังได้เลยครับ
ตัวเล็กๆแบบนี้เสียงแจ่มเกินตัวจริงๆจ้าา

@พี่โย
ตัวนี้ถ้าได้ลองฟังรับรองว่ารอดยากจริงๆ ลุงปุ๊ยยังโดนเลย 555
วันก่อนมีลูกค้าแวะผ่านๆ พอได้ฟังก็ซื้อเลยครับ ไม่ได้ตั้งใจมาซื้อลำโพง ภรรยาเค้าทำหน้างงเลยครับ 555

รายอะเอียด ของเสียงเมื่อเปรียบเทียบกับ marshall stanmore เป็นไงพี่หมู

เทียบกับ polk hampden เป็นยังไงบ้างครับ
เล็งไว้ทั้งสองตัว กำลังสะสมเงินวันละ 2 บาท 555

เทียบ bose c20 ด้วยครับ ตอนนี้ bose สั่นไปหมดแล้ว

@nutpongsak ครับ
เทียบกับตัว Stanmore เจ้า B2 จะได้เรื่อง Detail รายละเอียดเสียงแต่ละย่านครบๆกว่าครับ
แต่ความหนักแน่นและเสียงเบสหนักๆ อาจจะเป็นรอง Stanmore อยู่บ้างจ้าา
B2 เหมาะสำหรับท่านที่ชอบฟังเพลงรายละเอียดสูงๆ ฟังแล้วชัดเจนทุกโน้ตจริงๆครับ

@ olala_audio ครับ
ตัว B2 ใสเคลียร์กว่าครับ แต่ Polk ได้เรื่องเสียงร้องที่มีเนื้อหนัง และ laid-Back กว่า
ซึ่งถถ้าฟังความดังพอๆกัน จะได้แนวเสียงคนละแบบครับผม

@ tudtee ครับ
แนวเสียงมันจะออกคนละแบบเลยครับ Bose นั้นเน้นนุ่มนวล ฟังสบายๆ ไม่ชัดเจนมากนัก
แต่ตัว audioengine B2 จะเน้นเรื่อง Detail กับรายละเอียดชิ้นดนตรีแบบชัดเจนทุกๆย่านจ้าา

b2 เทียบกับ bose sl3 ต่างกันแค่ไหนครับ

Bose SL3 มันเป็นลำโพงพกพาครับ ค่อนข้างเสียเปรียบลำโพงเสียบปลั๊กแบบ Audioengine ครับ
เจ้า B2 จะให้เสียงที่กว้างกว่า ดังกว่า แล้วก็รายละเอียดชัดเจนจะแจ้งกว่าครับ ในขณะที่ Bose ออกนุ่มนวลๆ ฟังสบายๆจร้าา ^^

อ่านแล้วคันเลย ฮือๆ

@bigboat คันแล้วต้องจัดครับ มันถึงจะหายคัน 555

สายด่วนจากลุงปุ๊ยโทรเข้ามาล็อคลำโพง Audioengine B2 อีกตัวแล้วครับ
ใช้แล้วถูกใจมากๆๆ น้องสาวมาฟังแล้วให้สั่งให้อีกตัวครับ รับรองว่าลุงปุ๊ยผู้พิถีพิถัน
ซื้อ B2 สองตัวขนาดนี้ เสียงดีแบบไม่ต้องสงสัยเลยจ้าา 5555

5555

น้องสาวมาที่บ้านเมื่อวันอังคาร นั่งฟังได้แพล๊ปเดียว คว้าของผมใส่รถกลับบ้านไปฟังเลย เพราะอยากได้แบบไร้สายมานานแล้ว หาเสียงดีดีไม่ได้เลย มีแต่ลำโพงเสียงแบบซอยทิพวารี 555

เอ้า..!!! รอช้าทำไม จองไว้ก่อนเดี๋ยวของหมด 55555

วันเสาร์ไปเอา...เด้อ หมูหวาน

ได้เลยครับลุงปุ้ย ผมแแปะกล่องล็อคของไว้ให้แล้วนะครับ ไม่ต้องกลัวว่าของจะหมดจ้าา
แล้วเจอกันนะครับลุง 555

อุ๊บ๊ะ!! น่าโดนฝุดๆ สิ้นปีก็เพิ่งจัดswan m50wร้านคุณหมูหวานมาตัวละ เบิร์นยังไม่น่าจะครบเลย555 คันอีกแล้วว เก็บตังไม่เคยทันจริงๆเว็ปเฮียนี่ของเล่นเยอะมาก
ถ้าอยากเอามาฟังเพลงร้อง แบบหวานฉ่ำ เห็นรีวิวแล้วตัววนี้น่าจะตอบโจทย์
ปล.เจ้า swan ก็คงเก็บเอาไว้ฟังแนวบ้าพลัง มันส์ๆละกันนะ(เดี๋ยวมันน้อยใจ) 555+
ปล.2 ถ้า dx90+aune b1 เสียบต่อตรง เสียงน่าจะดีกว่าต่อผ่าน bluetooth ใช่มั้ยครับคุณหมูหวาน

มาแฟ้วครับ วิดีโอรีวิว Audioengine B2 สำหรับท่านที่ไม่มีเวลาอ่าน สามารถรับชมในรูปแบบวิดีโอได้เลยจ้าาา ^^

ลุงปุ๊ยพอเครื่องติดนี่มีเบิ้ลเลยนะครับ

@Smallworld ครับ
ถ้าเป็นเครื่องเล่นเพลงโดยเฉพาะอย่าง DX90 เสียงดีกว่าการต่อ Bluetooth ครับ
แต่ถ้าเป็นพวกมือถือทั่วๆไป รับรองว่าต่อ Bluetooth กับเจ้า B2 ให้เสียงที่ดีกว่าจ้าา ^^

วันนี้ลุงปุ๊ย หรือพี่เบิ้มของเรามารับเจ้า Audioengine B2 ตัวที่ 2 เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับผม
โดยเปลี่ยนใจจากลาย Walnut เป็น Zebra wood แทนครับลวดลายสวยใช้ได้เลยครับสำหรับลายนี้
ท่านใดสงสัยว่าทำไมลุงปุ๊ยถึงซื้อสองตัว เสียงมันดีขนาดไหน ต้องลองเข้ามาฟังดูคร้าบบบ ^^

ถ้าเทียบกับ Q acoustics BT3 ละครับ

การใช้งานคนละแบบครับ Q Acoustics อาจจะต้องมีเรื่องการจัดวางลำโพงหน่อย
เพราะมันเป็นลำโพง Stereo ครับ ส่วน audioengine B2 จะใช้งานง่ายๆ จัดวางง่ายๆ
เสียงโทนโดยรวมออกมาใกล้กัน แต่มิติจะสู้ลำโพง Stereo ไม่ได้ครับผมม ^^

ขอแปะรีวิวมั่งฮี่ 555

ไม่ทราบว่าร้านเฮียมั่นขายด้วยไหมครับบ

มีขายครับ ค่าย audioEngine B2 มีที่มั่นคงด้วยจ้าๆๆๆๆ 555

โอเคครับผม จะได้ไปลองฟังหลังช่วงสอบบบ ขอบคุณครับเฮียมั่น

อยากให้ลงรูปลายไม้ Black Ash และ Zebra Wood แบบชัด ๆ มั้งครับ

เรื่องรูปของ Zebra Wood กับ Black Ash พรุ่งนี้ผมจะถ่ายมาให้ดูกันนะครับ
ทั้งสองสีสวยกันคนละแบบจ้าาา ^^

คุณหมูหวานครับ เพลงที่ร้องว่า ฟ้ากอดดาว ในคืนลมหนาวกอดจันทร์ นี่เพลงอะไร ของใครร้องหรือครับ. ขอบคุณครับ

ใช่เพลงนี้หรือเปล่าครับ อัดดีมากๆ ผมฟังผ่าน EL8 ทั้งเสียงร้อง ทั้งชิ้นดนตรี แยกกันเด็ดขาด เสียงเจ๊นรีกระจ่างก็หวานซะหยดย้อยเชียว

ชื่อเพลง ฝันกอดเธอ อัลบั้ม ริมน้ำคืนหนึ่ง ครับ ร้องโดย แพงพลอย โมราวงศ์

ตามที่คุณ choti23 บอกเลยจ้าา เพลงชื่อฝันกอดเธอ ร้องโดยแพลงพลอยครับผม เสียงไพเระามากๆจ้า

เพลงนี้ซินะครับ


เนื้อเพลงคล้ายๆกัน อิๆ

ใช่แล้วครับน้าอ่าง ค่ายนี้เค้าบันทึกเสียงมาแจ่มจริงๆจ้าา ^^

แฮะๆผมชอบเพลงแนวนี้มาก รีบไปหาข้อมูลเลย cd ชุดนี้หาซื้อยากจริงๆ ใครมีแหล่งช่วยชี้จุดหน่อยครับ ในเมืองตามแนวรถไฟฟ้าก็ยิ่งดีใหญ่เลยครับ อิๆ

เพราะจริงๆ. ครับ
ขอบคุณมากครับ

เมื่อวานพาเพื่อนไปลองฟัง B2 พอดีเพื่อนเพิ่งซื้อ Bose Soundlink 3 มาหยกๆ หลังจากฟังอยู่สักพัก แกตัดสินใจซื้อเลย ส่วน Bose Soundlink 3 แกบอกจะเอาไปขายต่อ ใครที่กำลังหาลำโพง Bluetooth อยู่เจอตัวนี้ต้องเสียตัว เอ๊ยไม่ใช่ ต้องเสียตังก์ทุกรายครับ

@น้าอ่างครับ
ลองดูที่ร้าน taan ชั้น 3 อัมรินทร์ พลาซ่า
ใกล้ๆร้านผมดูครับ เคนเห็นมีแผ่นนี้อยู่จ้าา ^^

@ somkiatr คร้าบบบ
ตอนนี้เหลือยุให้พี่สมเกียรติซื้อแล้วล่ะครับ
ใจแข็งจริงๆ ฟังแล้วไม่รู้สึกเคลิ้มอยากได้บ้างหรอครับ 555

555 ฟังแล้วยอมรับว่าเกือบเสียตัวเหมือนกัน แต่ที่บ้านไม่มีที่วางแล้วครับ ลำโพง 5 คู่แล้ว ที่ออฟฟิสก็เปิดดังไม่ได้ ถ้ารับเทิร์น M200 MKIII จะดีมาก ตอนนี้เลย เปลี่ยนมาเล่นหูฟังแทน รอคุณหมูหวานเอา Aune B1 มาเพิ่มอยู่

อยากอัพ จาก sl3 มาเจ้านี่เลยย ถ้าไม่ติดเรื่องขนาด อิอิ

รบกวนช่วยเปรียบเทียบให้หน่อยครับ ส่วนตัวฟังเพลง 50 ดูหนัง 50 ครับ(ดูหนังต่อจาก Ipad ฟังเพลงต่อจาก Ipod และ Note4 ครับ)

1.swan m50w ชอบที่เบสน่าจะใหญ่ดี และเสียงซ้ายขวาน่าจะแยกกันชัดเจนเวลาดูหนัง แต่ไม่สะดวกเรื่องขนย้ายเลยครับ เพราะทำงานย้ายไป ตจว เรื่อยๆ
2.Audioengine B2 ชอบที่น่าจะเคลื่อนย้ายสะดวก(แต่ต้องเสียบไฟ ไม่เป็นไรครับ เน้นตั้งไว้ที่ห้อง และย้ายมาฟังใน Office) ฟังเพลงน่าจะโอเค แต่เบสกับการแยกซ้ายขวาเวลาดูหนังคงจะขาดหายไป
3.bose soundlink mini ชอบที่พกพาไปไหนมาไหนได้ตลอด แต่เสียงคงสู้ท้ัง 2 ตัวด้านบนไม่ได้

ปล.ไม่ได้เคยลองฟังเสียทั่้ง 3 ตัวเลยนะครับ หรือมีตัวอื่นๆ แนะนำอีกรบกวนด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ

@oishizeed25 ครับ
ถ้าหากดูหนังถึง 50% นั้น ลำโพง 2.1 แบบ M50W น่าจะตอบโจทย์ที่สุดครับ
แต่ถ้าหากมีปัญหาเรื่องการขนย้าย จำเป็นต้องเล่นลำโพงชิ้นเดียว และสามารถดูหนังได้ดี
ลองดูเป็น Marshall Stanmore ดีกว่าครับ เจ้าตัวนี้จะให้เบสที่ดุดันที่สุดในลำโพงแบบเสียบปลั๊กชิ้นเดียวจ้าา

พี่หมูครับ แผ่นริมน้ำคืนหนึ่ง ถ้ามีอยู่ที่อัมรินทน์ผมคงไม่กล้าไปครับ บอกตามตรงกลัวครับ กลัวเจอพี่หมูกับพี่หลุย์ คราวที่แล้วไปแป๊ปเดียวหมดไปเกือบสามหมื่น เหอๆ กลัวๆๆๆๆ

ไม่ทราบว่าตอนนี้มีของอยู่หรือเปล่าครับ
สี walnut ครับ

@ knotty302 ครับ
ตอนนี้สี Walnut หมดเกลี้ยงเลยคร้าบบบบ ทางศูนย์แจ้งว่าเกือบๆเดือนถึงจะเข้ามาครับ
ตอนนี้เหลือแต่สี Black ASH ครับผม

@oishizeed25 ผมตอบในฐานะคนมี swan m50w ไว้ในครอบครอง
ผมว่าดูหนังมันตอบโจทย์เลยนะ ถ้าพื้นที่จำกัด ฟังเพลง มันก็พอใช้ได้นะครับ
ถ้าฟังร๊อคมันส์ๆ เพลงหนักหน่วง นี่สะแด่วมาก แต่ถ้าเพลงร้อง หวานฉ่ำ มันยังไม่โดนครับ
ฟังแล้วไม่เคลิ้ม ผมนี่ยังอยากจะไปสอยเจ้า Audioengine B2 เลยครับ เก็บตังอยู่ อย่าเพิ่งเลิกนำเข้ามานะครับคุณหมูหวาน รอผมก่อน 555+

@Smallworld คร้าบบบ
ถ้าฟังเพลงร้องเด่นลอยหวานฉ่ำนี่ Audioengine B2 ตอบโจทย์แน่ๆครับ
และยังนำเข้ามาจำหน่ายอย่างต่อเนื่องแน่นอนจ้าา เพราะตอนนี้ของสั่งมาไม่พอขายจริงๆครับ
ใครได้มาฟังเป็นต้องโดนล่ะจ้าา ^^

เพื่อนผมซื้อสี สี Black ASH ไป ผมว่าสวยไม่แพ้ลายอื่นๆนะครับ ลองไปสัมผัสตัวจริงดูครับ

สีดำครับ

ตอนนี้สีดำก็เหลือตัวเดียวแล้วครับพี่สมเกียรติ ของล็อตใหม่กว่าจะเข้า น่าจะนานพอดูเลยล่ะ

B2 นี่เหมาะกับสายไฟอัพเกรดตัวไหนครับพี่

B2 นี้ผมแนะนำเป็นสายไฟขอ Pangea AC-14 ครับ จะช่วยเรื่องเนื้อหนัง แล้วก็เบสต่ำให้ลงลึกขึ้นอีกหน่อยจ้าา ^^

ขอบคุณครับพี่หมูหวาน ตอนนี้มีของไหมครับ ถ้ามีมีสีอะไรเหลือบ้างคร้าบ

ตอนนี้จะเหลือแต่สีดำแล้วครับ
ศูนย์แจ้งว่าของจะเข้าอีกทีช่วงเดือนหน้านู่นเลยจ้าา

ขอบคุนคับ ไม่รีบๆ รอวอลนัทดีก่า อิอิ

ของล็อตใหม่เข้ามาหรือยังครับ
รออยู่ครับผม

ของยังมาไม่ถึงเลยจ้าา ตอนนี้มีลูกค้าจองไว้หลายท่านมากๆ
ของเข้ามาแล้วจะรีบมาแจ้งด่วนๆเลยจ้าา ^^

ตอนนี้ได้ข่าวจากทางศูนย์แจ้งว่าของจะมาถึงช่วงปลายๆเดือนนี้แล้วนะครับผม
สำหรับท่านใดที่รอ Audioengine B2 อยู่ เตรียมตัวกันได้แล้วจ้าา ^^

เสียงต่างกันกับ a2+ มั๊ยครับ

ตัวนี้เสียงออกเนียนๆกว่า A2+ นิดนึงครับ แต่จัดวางง่ายกว่าครับผมม
ส่วน A2+ จะได้เรื่องปลายแหลมพริ้วกว่า แล้วก็สามารถจัวางให้มีมิติเสียงได้ เพราะเป็นลำโพง 2ch. ครับ

ของมาแล้วเหรอครับ คุณหมูหวาน ถ้ามาแล้วจองลาย walnut 1 ตัวครับ

ของมาแล้วคร้าบบบ ตั Walnut ใกล้หมดแล้วล่ะ
เดี๋ยวผมเก็บไว้ให้ชุดนึงนะครับ ^^

สนใจ ตัว วอนัท ครับผม อยู่ ตจว. มีบริการ ส่ง ตจว. ไหมครับ

มีบริการจัดส่งครับผม ไม่เกินสองวันได้รับของจ้าา
ตอนนี้สีวอลนัทใกล้จะหมดแล้วเน้อออ

Audioengine B2 สามารถใช้ในร้านกาแฟขนาด 6 x 8 เมตร ได้ไหมครับ หรือ มีตัวใดพอแนะนำได้บ้างครับ

Audioengine B2 สามารถใช้ในร้านกาแฟได้สบายๆเลยครับ
อีกตัวนึงที่แนะนำคือ Marshall Stanmore จ้าา
ทั้งสองตัวนี้สามารถใช้ในร้านกาแฟได้อย่างดีเลยล่ะครับ

ของยังมีไหมครับ วันเสาร์ว่าจะเข้าบางกอกไปลองฟัง

ตอนนี้น่าจะเหลืออยู่นะครับ ตัวลายไม้ Zebra กับสีดำน่ะมีชัวร์ๆ แต่ Walnut ต้องขอเช็คอีกทีครับ
ที่ร้านมีของให้ลองฟังก่อนตัดสินใจจ้าา ^^

ลองผ่าไส้ในของลำโพง Audioengine B2 มาดูซะหน่อย ว่าเครื่องเคราเป็นยังไงบ้าง
ขอบ้างว่าด้านในวงจรจัดเต็มจริงๆครับ ^^

ถ้าเปรียบเทียบกับ creative soundblaster roar sr20 จะมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้างครับ
ขอบคุณมากครับ

ตัวลำโพงแบบเสียบปลั๊กนั้นได้เปรียบลำโพงพกพามากๆๆเลยครับ อาจจะเทียบกันไม่ได้
ถ้าหากต้องการพกพาด้วย ตัว SR20 ROAR นั้นเสียงคุ้มราคามากๆ แต่ถ้าเจอลำโพง B2
ซึ่งเป็นแบบเสียบปลั๊ก มันจะสู้ B2 ไม่ไหวล่ะจ้าา

พี่หมูหวานครับลำโพงอย่างเจ้า B2กับstanmore นี่อายุการใช้งานจะมีถึง10ปีได้มั้ยครับ ถ้าลำโพงไม่แตกซะก่อนก็คงเสียที่ระบบไฟ ถ้าระบบไฟเสียนี่จะซ่อมได้ที่ไหนบ้างครับ ผมใช้stanmoreซื้อจากร้านเฮีย ถ้าเสียตอนประกันหมดแล้ว จะยังส่งซ่อมที่ร้านเฮียได้รึเปล่าครับ
อีกคำถามครับ เจ้าstanmore ต่อแบบmini-mini,mini-rca,bluetooth ต่อแบบไหนให้เสียงดีที่สุดครับ แตกต่างแบบชัดเจนมั้ยครับ และมีวิธีต่อแบบอื่นอีมั้ยครับที่ให้เสียงที่ดียิ่งขึ้น ขอบคุณครับ.
ปล.ผมเชียร์เพื่อนให้ซื้อเจ้าB2อยู่ครับ แต่ยังไม่มีเวลาไปลองฟัง ถ้ามีโอกาสเหมาะๆจะพาเพื่อนไปลองฟังที่ร้านครับผม

เสียงดีตั้งแต่แกะกล่องเลยครับเฮีย เสียงกลางโดนใจผมมาก รายละเอียดดี เบสโอเครมากครับ ไม่ขาดไม่เกิน ที่สำคัญคือยิ่งฟังยิ่งเพลิน เสียงโดยรวมมันไม่เหมือนลำโพงบลูทูธทั่วๆไปจริงๆครับ เสียงมันเหมือนย่อส่วนหรือจำลองเสียงจากชุดเครื่องเสียงราคาแพงๆ ตอนแรกผมไม่ได้คาดหวังอะไรมากกับลำโพงราคาระดับนี้ แค่กะเอามาฟังเพลินๆเฉยๆไม่คิดอะไรมาก พอซื้อมาฟัง ผมอึ้งเลย!
เสียงมันเกินค่าตัวไปมาก ยิ่งถ้าเรานั่งฟังในระยะใกล้ๆด้วยแล้ว บอกได้คำเดียว สุดยอด

@ taweelap คร้าบบบ
ตัวนี้เห็นเล็กๆ แต่รายละเอียดเสียงไม่ธรรมดาจริงๆครับ ถ้าชอบฟังเพลงเพลินๆใสๆ
ใช้งานในห้องไม่ใหญ่มาก รับรองว่าตอบโจทย์ได้ดีเลยจ้าาา
นอกจากเสียงแล้วดีไซน์ยังแจ่มด้วยนะ เป็นเฟอร์สวยๆในห้องได้ด้วย 5555

ใช่ครับเฮียหมู รายละเอียดมันมีให้ครบ เสียงร้องหวานๆนี่ผมให้สอบผ่านเลยครับ เข้าขั้นดีเยี่ยม
ส่วนถ้าใครกังวลเรื่องเสียงเบส ผมบอกได้เลยครับว่า เหลือพอครับ แถมมีคุณภาพอีกด้วย
ความเห็นส่วนตัวผม ผมว่าเสียงกลางมันเหมือนลำโพงสไตล์อังกฤษ แต่เบสมันออกแนวลำโพงสไตล์อเมริกา
ส่วนเสียงแหลม ออกสไตล์ลำโพงยี่ห้อ NHT ครับ คือเป็นละอองฝอยฟังสบายแต่มีบอดี้
รวมๆกันแล้วเค้าจูนเสียงออกมาได้กลมกล่อมมากๆครับ
อีกประเด็นหนึ่งที่อยากบอกเพิ่มเติมคือเสียงกลางถ้าท่านใดยังจำลำโพงในตำนาน อย่าง
Epos es11 ได้ ผมบอกได้เลยครับว่าเสียงกลางของb2 กับepos es11 มันคล้ายๆกันเลยครับ

ตัวนี้จูนเสียงมาได้กลมกล่อมจริงๆครับ สไตล์เสียงนั้นเป็นอย่างที่คุณ taweelap จริงๆครับ
มันทำให้ผมนึกถึงลำโพงสไตล์อย่าง EPOS แล้วก็ AR เลยครับ
ตอนสมัยเด็กๆผมต้องโดดเรียนแอบไปนั่งสิงสถิตย์อยู่แถว ดิโอลด์สยาม นั่งฟังเพลงร้านเครื่องเสียงไปเรื่อยเลยล่ะ 555

โดนเรียนไปเหล่หญิงแถวนั้นหรือว่าไปฟังเพลงครับเฮีย555+

โดยส่วนตัวผมว่ารุ่น b2 คนออกแบบมันเก่ง+ความฟลุ๊ค เสียงมันเลยออกมาโป๊ะเช๊ะ
ตอนนี้ผมเบินลำโพงไปประมาณ 10 ชม เสียงมันยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ กะว่าครบ 100 ชม เสียงที่ได้คงน่าตกใจ!

แหม่ๆๆ ออกแบบมาได้เสียงดีแบบนี้ไม่น่าเป็นเรื่องฟลุ้คแล้วล่ะคร้าบบบ 55555

รุ่นนี้กับ A2+ ใช้ดุหนัง 30% อันไหนน่าสนกว่าครับ

ไหนน้า taweelap อายุ 40 กว่า ยังหนุ่มฟ้อ ผมดำเต็มหัวเลยอ่ะ 555

จริงๆเฮียหมู555
ทำธุรกิจยังต้องมี เก่ง+เฮง เลย 555 เครื่องเสียงนอกจากคนออกแบบต้องเก่งแล้ว องค์ประกอบ วัตถุดิบ และความบังเอิญต้องมาพร้อมกันด้วย555
สงสัยอีกหน่อยเจ้า b2 อาจเป็นลำโพงบลูทูธในตำนานก็อาจเป็นได้555+

@จริงๆครับเฮียมั่น เมษาปีหน้าก็42 แล้ว แต่ก่อนผมนี่ไซด์เดียวกับเฮียหมูหวานเลย เพิ่งจะมาผอมได้ประมาณ2-3 ปีหลังนี่เองค้าบบ
555

@Mozeครับ อันนี้ต้องรอ้ฮียหมูเข้ามาตอบครับเพราะผมไม่เคยลองตัว a2 เลยบอกไม่ได้ ถ้าเน้นฟังเพลงแบบสเตอริโอ น่าจะเข้าทางa2 มั้งครับ แต่ถ้าต้องการสะดวกด้วย ตัวb2 จะได้เปรียบกว่า คร่าวๆประมานนี้ครับ

@Moze ครับ
ถ้าใช้ดูหนังด้วยผมแนะนำเป็น A2+ จะเหมาะสมกว่าครับ
เพราะมันมีความเป็นสเตอริโอชัดเจน เสียงวิ่งซ้าย ขวา ได้ดีกว่าครับผมมม ^^

ช่วงนี้คนลดความอ้วนเยอะแหะ ผมคิดว่าน่าจะเกิดจากค่ายาสมัยนี้แพง เลยลดความอ้วนกันเยอะเลย 5555

ที่ลดเพราะเอาตังไปซื้อเครื่องเสียงหมดเลยกินแต่มาม่าครับเฮียหมู5555

ยิ่งฟังยิ่งใช่ รายละเอียดมาพร้อมความละเมียดละไม แนะนำเลยครับ ไม่ผิดหวังจิงๆครับเฮียหมู

Audioengine B2 ต่อบลูทูธกับมือถือที่รองรับ และไม่รองรับ aptX เสียงที่ได้มีความแตกต่างกันหรือป่าวครับ

ถ้าเป็นมือถือที่รองรับการส่งแบบ aptX จะให้เสียงที่ดีกว่าครับผม
สามารถเช็ครายชื่อมือถือที่รองรับ aptX ได้จากลิงก์นี้จ้าา

http://www.aptx.com/category/phones

Audioengine B2

1.มือถือ(aptx) ต่อบลูทูธ + B2

2.DX 80 ต่อสาย mini to mini + B2

***เพลง 16/44.1

ต่อแบบไหนเสียงดีกว่ากัน แล้วต่างกันมากหรือป่าว ครับ

ถ้าหากเป็นสองแบบนี้ DX80 ต่อสาย Mini-Mini ไปเข้า Audioengine B2 เสียงดีกว่าครับผม
แต่ถ้าเอามือถือต่อตรงไปเข้า B2 เสียงอาจจะสู้ผ่าน Bluetooth ไม่ได้ครับ เพราะ B2 มันรับ Bluetooth
ไปถอดรหัสด้วย DAC ในตัวอีกทีจ้าา

แล้วถ้าเป็น DX80 vs AUNE X1S ต่อกับเจ้า B2

***เพลง 16/44.1

เสียงต่างกันมากหรือป่าวครับ แบบไหนเสียงดีกว่ากันครับ

Aune X1S ดีกว่าครับ เพราะว่ามันเป็น DAC แบบตั้งโต๊ะ ได้เปรียบกว่าเยอะเลยจ้าา