บลูทูธดีกว่าครับ

Bluetooth
Digital file >> Analog Signal >> WIRE(+Noise) >> Analog Sound + Noise
Digital file >> Digital Signal >> MOD >> Bluetooth >> DEMOD >> DIGITAL DATA >> ANALOG SOUND without Noise

การส่งผ่านโดยใช้ Analog Signal ผ่านตัวกลาง ยังไง สัญญาณก็ไม่เหมือนต้นฉบับแน่นอนครับ
แต่ถ้าส่งผ่านโดยใช้ Digital Signal ผ่านตัวกลางอะไรก็แล้วแต่ สัญญาณถูก Rebuild ใหม่โดยตัวรับที่หูฟัง สามารถทำได้เหมือนต้นฉบับทุกประการ

จึงมีบริษัทที่ทำสายสัญญาณออกมามากมาย
ซึ่งยังไงก็ไม่เหมือนต้นฉบับแน่ๆ เพียงแต่คุณลักษณะโดยธรรมชาติของสายที่ออกแบบ จะเบนเสียงไปทางไหน ถูกใจหูคนฟังหรือป่าว สามารถออกแบบได้

แต่ยังไงรับประกันได้เลยว่าไม่ตรงกัน ต้นฉบับ 100%แน่นอน ถ้ายังใช้การส่งสัญญาณผ่านสายเป็น Analog signal อยู่

ถ้าเป็น Digital signal ผ่านสายแล้วมี demod ที่หูฟัง อันนั้นอีกอย่างนึง

ให้นึกถึง ทีวีเสาอากาศ กับทีวีจานดาวเทียมครับ analog vs digital เทียบความชัดความครบของภาพดู

แนะนำว่า ของแบบนี้ต้องลอง ครับ, theory ไม่สู้ ทดลอง ครับ

แต่ว่า ....ส่วนตัวผมว่า aux ยังไงก็เสียงดีกว่า, จะ bluetooth aptx หรือ stream ผ่าน wifi ที่ว่า เป็น CD quality ,แต่เอาจริงๆ ..ยังไงมันก็สู้ไม่ได้ เสียงมันจะแบนๆ บี้ รายละเอียดหาย ,

เคยเทียบ apple TV stream ผ่าน itune VS airplay ผ่าน iphone โดยใช้ setting อื่นๆ เหมือนกัน , เสียง stream ผ่าน itune ก็ยังดีกว่าชัดเจนครับ รายละเอียดกว่า ช่องไฟกว้างกว่า แหลมกว่า เบสดีกว่า

ผมว่า bluetooth ดีกว่า aux ชัดๆ เรื่องเดียวคือสะดวกสบาย ไม่ต้องลุกเปลี่ยนเพลง , แต่อื่นๆปัจจุบันยังสู้ไม่ได้ครับ , เรียกว่าพอแก้ขัด แต่ถ้าจะเอาดีๆ ยังไม่ผ่าน

ถ้า Bluetooth ธรรมดา เคยอ่านเจอว่ามันจะมีการบีบไฟล์ครับ คือ เอาไฟล์ Lossless Stream ผ่าน Bluetooth มันจะโดนบีบเป็น Lossy โดยอัตโนมัติ เพื่อให้ Stream ไปได้ แต่ปัจจุบันมี aptX มาช่วยเรื่อง Stream lossless ให้ได้ครบตามต้นฉบับมากที่สุด แต่ก็ยังมี Loss อยู่ดีครับ แต่น้อยกว่าเดิมมาก จนเค้าบอกคุณภาพระดับเทียบเท่า CD คงหมายถึง ส่วนที่ตัดออก เป็นส่วนที่มนุษย์ไม่ได้ยิน แต่สุดท้ายมันก็จะไปกระทบเรื่องความลื่นไหล และพวกปลายเสียงเล็กๆน้อยๆ ที่คงสู้ผ่านสายไม่ได้

สรุป ถ้าฟัง Lossless ผ่าน Aux ดีกว่า Bluetooth ครับ เพราะสัญญาณส่งไปครบกว่า ไม่โดนบีบ แค่ Loss จากคุณภาพสาย และข้อต่อนิดๆหน่อยๆ แต่ถ้าส่งผ่าน Bluetooth ข้อมูลมันโดนบีบอัดไปในตัว ต้นทางไปไม่ครบ แล้วยังต้องไป Loss ที่ส่วนของตัวรับอีก ยังไงก็สู้สายไม่ได้ ^^

ถ้าหากภาครับภาคส่งของ Bluetooth คุณภาพไม่ดีพอ Bandwidth ต่ำ เสียงสู้สายดีๆไม่ได้แน่ๆครับ
เพราะมันจำเป็นต้องบีบข้อมูล หรือเปลี่ยนรูปแบบไฟล์ก่อนส่ง แล้วค่อยไปถอดรหัสกลับมาอีกทีที่ภาครับ
ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้มีผลต่อข้อมูลเพลงของเราแน่นอนครับ
โดยเฉพาะเรื่องของ Jitter หรือความผิดพลาดทางสัญญาณดิจิตอล ซึ่งมีผลต่อเสียงมากๆครับ

เอาเป็นว่าสมัยก่อนทางทฤษฎีเค้าบอกว่า MP3 128k มีค่าเท่ากับ CD Audio ซึ่งจริงๆแล้วยังห่างกันเยอะมากครับ

เท่าที่ทดลองฟังเองมาหลายๆ กรณี

ต่อ aux ด้วยสายคุณภาพดีๆ เสียงดีกว่าใช้ Bluetooth เยอะคับ

แทบไม่ต้องใช้ความพยายามก็แยกออกได้ัน (ถ้าฟังไฟล์ wav ขึ้นไป)

ถ้าแบบที่ คห.1 บอกมา คงไม่มี DAC ราคาเป็นหมื่น เป็นแสน หรอกครับ

หัวใจสำคัญของ Digital คือชิพถอดระหัสครับ รวมถึงวงจรประกอบตัวชิพด้วย

ถ้าของไม่ดีเสียงมันก็เพี้ยน แปลงไปเรื่อยๆ เสียงยิ่งห่วย ลองดูนะครับในระบบเดียวกัน

(A to D)source > DAC > analog (สาย RCA) > แอมป์ กับ

(A to D)source > BT converse (wireless) > BT reconverse > DAC > แอมป์

ความต่างระหว่าง BT ต่างกับ AUX คือ

คุณภาพเสียง BT จะขึ้นกับ ภาค BT ทั้งส่ง และ รับ รวมทั้ง DAC ของเครื่องรับ

ส่วน AUX คุณภาพเสียง จะขึ้นกับ DAC ของเครื่องส่ง กับ สายสัญญาณ

จะเห็นว่า ภาค BT ถ้าแปลงไปไม่ดี หรือ ถอดกลับไม่ดีเสียงก็เพี้ยนละ

ดังนั้นถ้า bt ดีๆ อย่างเป็นเทคโนโลยี LDAC ของ sony ทั้งรับและส่ง ร่วมกับ dac ที่ดี ด้วยก็จะได้คุณภาพเสียงที่ดีกว่า aux ถูกต้องใช่มั้ยครับ 

บลูทูธ VS สายสัญญาณ ไม่จบง่ายๆ จากการใช้งานจริง ทดลองมาเป็นร้อยครั้งแล้ว ยังไง บลูทูธ ก็เสียงดีกว่า ชัดเจน มากมายด้วย

เคยเทียบสายกับบูลทูธแล้ว ผมฟังแล้วแยกไม่ออกครับ ผมว่ามันเหมือนกัน T_T 

ในด้าน bluuetooth ก็ต่างกันด้วย
2.0 ธรรมดา
4.0 พอใช้
5.0 ดี
5.1 ดีกว่า