ยกตัวอย่างของ DAC A ครับ DAC ตัวนี้ก็ทำหน้าที่สร้างสัญญาณ Analog ขึ้นมาจากข้อมูลที่ได้รับ ซึ่งแน่นอนว่ามันจะต้องช่องว่างระหว่างจุด ทำให้ DAC A ต้องมีการคำนวนและสร้างสัญญาณเสียง ให้ดีที่สุด เพื่อให้เสียงใกล้เคียงกับต้นฉบับก่อนที่จะเป็นไฟล์เพลงครับ ซึ่งหน้าที่การเดาตรงนี้สำคัญมากๆๆ ทำให้เกิดความแตกต่างของเสียงขึ้นมาครับ ผมลองลากเส้นสีเขียวแทนสัญญาณ Analog ที่ DAC A สร้างให้เราครับ
ยกตัวอย่างของ DAC A ครับ DAC ตัวนี้ก็ทำหน้าที่สร้างสัญญาณ Analog ขึ้นมาจากข้อมูลที่ได้รับ ซึ่งแน่นอนว่ามันจะต้องช่องว่างระหว่างจุด ทำให้ DAC A ต้องมีการคำนวนและสร้างสัญญาณเสียง ให้ดีที่สุด เพื่อให้เสียงใกล้เคียงกับต้นฉบับก่อนที่จะเป็นไฟล์เพลงครับ ซึ่งหน้าที่การเดาตรงนี้สำคัญมากๆๆ ทำให้เกิดความแตกต่างของเสียงขึ้นมาครับ ผมลองลากเส้นสีเขียวแทนสัญญาณ Analog ที่ DAC A สร้างให้เราครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3
หมูหวาน
25/03/2015 18:46:29
573
ส่วนอันนี้เป็น DAC B ที่มีความสามารถสูงกว่า DAC A เพราะสามารถสร้างสัญญาณได้ Smooth และใกล้เคียงต้นฉบับมากกว่าครับ ซึ่งแน่นอนว่า DAC B ย่อมสามารถปล่อยเสียงเพลงมาให้เราได้ไพเราะกว่า ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นศาสตร์ในการออกแบบที่ยุ่งยากมากๆครับ ถ้าต้องการจะให้ DAC ตัวนึงนั้น ให้เสียงที่ดี ยิ่งฟังเพลง Bit Rate ต่ำๆแล้วเสียงดีได้นั้น ยิ่งต้องดีไซน์เก่งเป็นพิเศษเลยครับ
ส่วนอันนี้เป็น DAC B ที่มีความสามารถสูงกว่า DAC A เพราะสามารถสร้างสัญญาณได้ Smooth และใกล้เคียงต้นฉบับมากกว่าครับ ซึ่งแน่นอนว่า DAC B ย่อมสามารถปล่อยเสียงเพลงมาให้เราได้ไพเราะกว่า ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นศาสตร์ในการออกแบบที่ยุ่งยากมากๆครับ ถ้าต้องการจะให้ DAC ตัวนึงนั้น ให้เสียงที่ดี ยิ่งฟังเพลง Bit Rate ต่ำๆแล้วเสียงดีได้นั้น ยิ่งต้องดีไซน์เก่งเป็นพิเศษเลยครับ