หลักๆของการใช้ EQ ก่อนเลยนะครับ เราควรจะ cut มากกว่า boost เช่นความถี่ไหนที่มันเด่นหรือล้นออกมามากๆ ก็ไปลดมัน มากกว่าจะไป boost ย่านความถี่อื่นๆขึ้นมา ถ้า boost ก็ไม่ควร boost มากนักเพราะอาจเกิดความเพี้ยนได้
20-60 hz ความถี่ส่วนนี้ หูเราบางทีอาจแทบไม่ได้ยิน แต่จะรับรู้ได้จากการสั่นเสียมากกว่า ในกรณีมี subwoofer
bass 60-200 hz เสียงเครื่องดนตรีหลายๆอย่างในช่วงความถี่ต่ำเริ่มที่ตรงนี้ เช่น กลอง kick drum เสียงกีตาร์เบสตัวต่ำๆ ในช่วง 200 hz เป็นช่วงเริ่มต้นของเสียง boom ของอะคูสติกกีตาร์ เปียโน และเครื่องสายต่างๆ หลักๆของการบูสหรือคัทความถี่ย่านนี้ ก็เพื่อลดหรือเพิ่มอิมแพคของดนตรี
upper bass- lower midrange 200-800hz เสียงร้องย่านความถี่ต่ำ เสียงเปียโน หรือ กีตาร์โน๊ตต่ำๆ คัทความถี่ช่วง 200 นี้ทำให้เสียงเปิดมากขึ้น ในช่วง 800 เป็นช่วงที่เป็นเสียง body ของเครื่องดนตรี การปรับช่วงนี้จะเริ่มส่งผลกับเสียงหลักๆ
midrange 800-2000 hz ช่วงนี้เป็นเสียงที่ได้ยินมากสุด
uppermid 2000-4000 hz เสียง snare เครื่องเป่าต่างๆเช่นทรัมเป็ต บูสความถี่ย่านนี้ช่วยเพิ่มความชัดเจนของ vocal resonance และพวกเสียงเปียโน และกีตาร์
presense/sibilance 4000-7000 hz เป็นช่วงความถี่สูงของเครืองดนตรีต่างๆ การบูสช่วงต้น 4000 นี้ทำให้เกิด presentation ของเครื่องดนตรีและเสียงต่างๆ ในช่วงปลายของ 7000 คือเสียง ซ ส .... ในกรณีที่เสียงบาดหูหรือฟังแล้วล้า ลองลดย่านนี้ลงไปครับ
sparkles 7000-12000 hz เป็นช่วงที่ส่งผลกับความ clear ของเสียงย่านสูง ถ้าเสียงแหลมเสียดแทง ให้ลดย่านนี้ ถ้าเคลียร์ไม่พอ ก็บูส
air 12000-16000 เสียงย่านนี้ได้ยินน้อยมาก หูบางคนก็แทบไม่ได้ยินย่านนี้แล้ว การปรับมีผลกับ higher overtone มีผลกับเอฟเฟคของเสียงต่างๆ การบูสช่วงนี้ ทำให้เสียงฟังแล้วเปิดมากขึ้น แต่การบูสมากไปอาจทำให้เสียงฟังแล้วไม่เป็นธรรมชาติ
เอามาลงคร่าวๆไว้เป็นไอเดียครับ ไม่ได้ลงลึกมาก ถูกผิดชี้แนะได้ครับ มือใหม่หัดฟังคนนึงครับ :)