ก่อนอื่นเลย ในรูปนี่เป็น Diagram ง่ายๆที่ผมทำให้ดูครับ ขั้นตอนหลักๆของการบันทึกเพลงนั้น ก็คือการต่อเสียงจากไมค์ หรือเครื่องดนตรีต่างๆ นั้นมาเข้าที่ Mixer เพื่อทำการปรับแต่งเสียง และความดังขอเครื่องดนตรี ก่อนจะรวม และผสมเสียงทั้งหมด ส่งออกไปยัง Audio Interface ซึ่งมีหน้าที่เป็น ADC (Analog to Digital Converter) และแปลงให้เป็น Data ออกทาง Port USB หรือ Firewire เอาไปต่อกับคอมพิวเตอร์ เพื่อทำการเก็บข้อมูลเสียงในรูปแบบ Data Digital อีกครั้งครับ คราวนี้เราก็เก็บข้อมูลเสียงเรียบร้อยแล้ว

มาแยกดูที่ละส่วนครับ เริ่มจากตัว Mixer นะครับ เจ้าตัวนี้มีหน้าที่ปรับแต่งเสียงของเครื่องดนตรี หรือนักร้อง ชดเชยเสียงทุ้ม-กลาง-แหลม และความดังของแต่ละเครื่องดนตรี ให้ออกมากลมกลืนกัน หรือให้ได้เสียงตามที่ Producer ต้องการครับ ในส่วนที่ผมบอกนี้จะเป็นการบันทึก แบบอัดสดๆเล่นพร้อมกันหมดนะครับ แต่เราสามารถบันทึกทีละชิ้นก็ได้ โดยเก็บข้อมูลเสียงแต่ละชิ้นไปทำการ Mix ในโปรแกรมตัดต่อเพลงของคอมพิวเตอร์ก็ย่อมได้ครับ ซึ่งจะยืดหยุ่นกว่า ในการปรับแต่งเสียงในภายหลังครับ แต่บางที Mixer เก็บเสียงชิ้นดนตรีเดียวหลายๆไมค์ก็มีครับ อย่างเช่นการเก็บเสียงของกลองนั้น อย่างน้อยน่าจะต้องใช้ไมค์ 3 ตัว ทำให้ Mixer มีส่วนสำคัญในการปรับแต่งเสียงมากๆๆครับ ก่อนส่งไปให้ Audio Interface

Audio Interface นั้นมีส่วนสำคัญมากๆครับ เพราะในภาค ADC (Analog to Digital Converter) นั้นมีการทำงานหลายขั้นตอน และมีผลอย่างมากกับ Mastering เพลงที่ได้ โดยเริ่มจากเมื่อมันรับสัญญาณเสียงเข้ามา ก็จะทำหน้าที่สร้างสัญญาณสัญญาณดิจิตอลจากความสูงในการ Swing ขึ้นลงของรูปคลื่นเสียง Analog โดยเราเรียกในส่วนนี้ว่าขั้นตอน PAM (pulse amplitude modulation) เพื่อทำการสุ่มเก็บตัวอย่างของชุดข้อเสียงที่ป้อนเข้ามา โดยต้องกำเนิดความถี่ในการสุมเก็บตัวอย่างเข้าไป อย่างเช่น 44.1kHz หรือ 48kHz เป็นต้น แล้วทำการ Modulation กัน จนออกมาเป็นสัญญาณ PAM เพื่อส่งไปทำหน้าที่ quantization ต่อไปครับ

การ quantization นั้นคือการเอาข้อมูล PAM ที่ได้ มาทำการจัดระเบียบตาม Bit depth และ Sample rate ที่กำหนดไว้ ซึ่งอย่างในรูปนั้นเป็นตัวอย่างของการจัดระดับเสียงแบบ 4 bit ครับ จัดระดับความสูงของสัญญาณได้ 16 ระดับครับ ซึ่งมันจะเอาสัญญาณ PAM เส้นสีเทา มาปรับระดับให้ลงกับความสูง 16 ขั้นนี้เท่านั้น ซึ่งถ้าสังเกตการเก็บข้อมูลจุดสีน้ำเงินเทียบกับ เส้นสีแดง จะเห็นได้ว่ามันไม่สามารถเก็บข้อมูลได้ตรงกับเส้นสีแดงทั้งหมด เพราะว่าความถี่ และ Bit Depth ไม่ละเอียดเพียงพอในการเก็บต้นฉบับให้ใกล้เคียงความเป็นจริงครับ ซึ่งมาตรฐาน 16bit 44.1kHz จะมีระดับความสูงตามแกน y ถึง 65,536 ระดับ ซึ่งก็จะเก็บข้อมูลได้ละเอียดกว่า 4 bit แบบนี้เยอะครับ ทำให้ใกล้เคียงต้นฉบับมากกว่า

คราวนี้เราก็จะได้ข้อมูล Digital แบบ PCM มาแล้วครับ สามารถระบุได้ว่าเป็น Bit depth เท่าไร Sample Rate เท่าไร ซึ่งยิ่งละเอียดมากๆ ข้อมูลที่ได้ยิ่งมีความใกล้เคียงต้นฉบับมากที่สุดครับ ถามว่าทำไมเค้าไม่เก็บข้อมูลด้วย Bit Depth และ Sample Rate สูงๆเลยล่ะ อันนี้จริงๆก็สามารถทำได้นะครับ แต่เนื่องจากอุปกรณ์ที่ใช้ และพื้นที่การเก็บข้อมูลต้องเยอะมากๆๆ แถมข้อสำคัญมันอยู่ที่การเก็บเสียงในขั้นตอน Analog มาด้วยครับ ถ้าทำในจุดเริ่มต้นตั้งแต่สัญญาณเสียงต้นทางดีๆแล้ว การทำเพลง 16bit ก็อาจจะดีกว่า 24bit ที่ไม่ใส่ใจในการเก็บเสียงขั้นตอนของ Analog ครับผม

ได้ข้อมูลแบบ PCM เสร็จแล้วสามารถส่งชุดข้อมูลแบบมีรูปแบบ ส่งไปยังภาค Digital Interface เพื่อแปลงข้อมูลเป็น USB หรือ Firewire ส่งต่อไปยังคอมพิวเตอร์ และทำการเก็บข้อมูล หรือตัดต่อ ใส่เครื่องดนตรีแต่ละชิ้น เพิ่มความดังเปลี่ยนแปลงข้อมูลในรูปแบบดิจิตอลได้ทั้งหมดครับ ซึ่งจุดสำคัญในการบันทึกเสียงของห้องอัดขั้นตอนนี้ก็จะเหมือนกับ ที่ผมเล่าคราวที่แล้ว แต่คราวนี้จะมีเรื่องอุปกรณ์เพิ่มขึ้นมาอีกหลายชิ้น ซึ่งอันนี้มีผลอย่างมากกับการบัทึกเสียงครับ สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของ Producer ด้วย ว่าจะให้เสียงออกมาอย่างไร เดี๋ยวตอนหน้าผมจะเล่าเรื่อง Bit Depth และ Sample Rate เพิ่มเติมครับผม ติดตามอ่านกันต่อให้ได้นะครับ ^^

พี่หมูหวาน มาอีกแล้ว ... ความรู้ล้วนๆ ^_^

ผมเข้าใจเรื่อง 16bit กับ 24bit มากขึ้นเลยครับ ขอบคุณพี่หมูหวาน

คราวหน้าผมจะมาเจาะลึกเรื่อง Bit Depth และก็ Sample Rate อีกครั้งนึงครับ
และถัดไปก็จถึงส่วนของ DAC แล้วล่ะครับ คอยติดตามกันให้ดีจ้าาา ^^

เคยสงสัยว่า เพลงตะก่อนที่อัดเสียงเป็นโมโนเนี่ย กว่าเค้าจะรีมาสเตอร์ออกมาจนใสกิ๊งได้เนี่ย ต้องปั้นกันขนาด

มาแล้วครับติวเตอร์หมูหวาน ได้จัดทำวิดีโอสำหรับคลายข้อสงสัย แบบง่ายๆ และเห็นภาพชัดเจนมาให้ชมกันครับ อาจจะไม่มีกราฟฟิคสวยงามแต่รับรองว่าได้รับสาระเต็มๆจ้าา

เรียนรู้เรื่องไฟล์ Digital โดยหมูหวาน
ตอนที่ 1 การแปลงเสียงจาก Analog เป็น Digital

เห็น Mixer แล้ว ยิ้มหวานให้กับตนเองครับ น่ำลายหกเลยครับท่าน

ถ้าเป็นผมเจอ Mixer ขนาดนั้น ผมคงตาลาย ทำอะไรไม่ถูกแน่ๆครับ 5555

PCM ตอนท้าย ย่อมาจากอะไรครับ ขอบคุณครับ

PCM ย่อมาจาก pulse code modulation ครับผม

ลูกพี่หมู สาระและความรู้ ล้วนๆ