Sony MDR CD 900ST หูฟัง Studio Monitor ระดับตำนาน
ขออธิบายคร่าวๆก่อน ว่าเป็นตำนานยังไงนะครับ
1.เป็นหูฟัง Studio มาตรฐานของญี่ปุ่น ห้องอัดส่วนใหญ่ มีหมด
2.ออกมาตั้งแต่ ค.ศ.1989 ขายจนถึงวันนี้ = ='
3.ไม่มีประกัน (พังก็ซ่อมเองนะครับ แต่มีอะไหล่ตลอด ซ่อมง่าย)
4.ใช้เวลา จูนเสียง 3 ปี เพื่อที่จะได้ใช้เป็นหูฟังห้องอัดของ Sony music
5.ขนาดห้องอัดเสียง Jvc ยังใช้อะครับ 55 แต่เอาเทปมาปิดไว้
6.ผลิตที่ญี่ปุ่น และขายที่ญี่ปุ่นเท่านั้น แถมไม่ใช่ว่าจะหาง่ายๆ
มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ
Classic สุดๆต้องเริ่มด้วยประวัติ และรางวัลครับ (เชดดดด)
-ทำที่โรงงาน Sony Taiyo ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเครื่องเสียงและไมโครโฟนสำหรับแผนกมืออาชีพของ Sony โดยที่นี้จะเน้นใช้แรงงานคนพิการผลิตสินค้าด้วยมือครับ
-ได้รับรางวัล GOOD DESIGN LONG LIFE DESIGN AWARD 2014 ซึ่งจะมอบให้กับสินค้าปัจจุบันที่วางขายมามากกว่า 10 ปีขึ้นไป และเป็นงานออกแบบที่มีอิทธิพลและเป็นที่ชื่นชอบของผู้ใช้ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน โดยขณะกรรมการตัดสินจะรับฟังความคิดเห็นจากบุคคลภายนอกประกอบการพิจารณาด้วย
ปล.ส่วนมากมันจะพูดไปแล้วครับ เลยไม่ค่อยมีอะไรให้เขียน =/\=
First Impression :
-แวบแรกที่เห็น ทำไมมันอันเล็กนิดเดียวเองฟระ = = (ปกติ Monitor ที่เจอ จะเป็น Full size แต่นี้ On ear ขนาดเลยเล็กสินะ)
-น้ำหนัก เบามาก(เนื่องจาก Body ส่วนมากเป็นพลาสติก แต่ก้านเป็นอลูมิเนียมครับ)
-ด้านการออกแบบ สวยแบบเก๋าๆครับ เรียบแต่ดูหรูมาก ผิวแบบด้าน เป็นรอยยากดี
-ใส่ค่อนข้างสบายครับ ไม่เจ็บหัวเลย แถมก้านงอได้กว้างมาก แต่ด้วยความที่เป็น On ear อาจจะไม่สบายเท่า Full size ครับ ฟองน้ำโดนหูซะส่วนใหญ่ กระจายแรงได้ดีครับ แต่เรื่องกันเสียงนี้ เท่าที่ลองมา กันได้ระดับ On ear ทั่วไป (ห้องอัดมันควรจะเงียบอยู่แล้ว เลยไม่ออกแบบมาให้กันเสียงข้างนอก)
-Jack เป็นแบบ jack ใหญ่ครับ (1/4 นิ้ว) ออกแบบมาต่อเข้า อุปกรณ์เครื่องเสียง แต่พอจะใช้นอกสถานที่ ต้องหาหัวแปลง ซึ่งพอต่อตัวแปลงเป็น 3.5 mm แล้วเเจ็กจะโคตรยาวครับ อาจจะไม่สะดวกเวลาตอนเดินทางเท่าไหร่
มาเข้าสู่เรื่องเสียงเลยดีกว่าครับ
ของที่ใช้ในการทดสอบ
Sony Walkman F886, หัวแปลง Furutech 1/4 เป็น 1/8 และก็ตัวหูฟัง CD900ST ครับ
อย่างที่ทราบกันแล้วว่ามันเป็น หูฟัง Monitor เสียงเลยเป็นแนวแบนๆครับ เสียงทุกย่านจะอยู่ในระดับเดียวกันหมด เสียงไม่มีการกลบกัน มิติกว้าง แหลมคม แต่ไม่บาดหู กลางฟังสบาย ไม่เด่นหรือ น้อยจนเกินไป เบสลูกไม่โต impact มี ฟังแล้วไม่อึดอัด และไม่กลบย่านกลาง รายละเอียดเสียงบอกตามตรงว่า ครบครับ
ขอเจาะเป็นเครื่องดนตรีแยกๆ ลงไปนะครับ
-เสียงฉาบกลอง หรือ พวกเครื่องเคาะนี้ เก็บรายละเอียดได้ดี แหลมพอดีๆ ไม่บาดหู
-เสียงหายใจ หรือ พวกbackground นี้ ได้ยินค่อนข้างชัดครับ มีหลายๆเพลง ที่ตอนใช้ เจ้านี้ฟังแล้วจะงง ว่าเพลงมีเสียงนี้ด้วยเหรอ ?!?
-เสียงกีตาร์ กีตาร์ไฟฟ้า ฟังแล้วจืดๆครับ เหมือนตอนไปห้องซ้อมเปะ แต่พอเล่นเพลงมันๆ เสียงแตกนี้ ฟังแล้วฟินครับ มันแตก แต่ก็ยังมีรายละเอียด 55 ส่วนคลาสสิค ช่วงนี้สายสั่น นี้รู้สึกได้เลยครับ ว่ามันสั่น ตัวนี้ เสียงฟังคลาสสิคได้สบายๆครับ
-เสียงกลอง อาจจะฟังแล้ว ไม่มันหรือ ซะใจ เท่า หูฟัง Sony ตัวอื่นๆนะครับ เพราะเป็นแนว Monitor เลยได้เบสสไตล์ Sony ไม่เยอะ กระเดือง ตึ้บๆครับ แต่ไม่หนักขนาดหูฟังสั่น ส่วนพวกเคาะๆนี้ ดีครับ รายละเอียดเยอะ
-นอกนั้น เสียงจะออกแนวธรรมชาติครับ ฟังแล้วสบายหูดี
สุดท้ายเรื่องเสียง ผมขอสรุปว่า ฟังได้ทกแนวครับ แต่อาจจะไม่ได้ซะใจ เหมือนพวกที่จูนเสียงมาแล้วเท่าไร ใครที่ชอบฟังเสียงไม่ได้ปรับ หรืออยากรู้ว่า เสียงจากห้องอัดเป็นอย่างไร ห้ามพลาดครับ
บทสรุป
ถือว่าเป็นหูฟังอีกตัว ที่มีประวัติตำนานเล่าขานมาช้านาน(แหม่) และ เป็นที่นิยมอย่างมากในวงการเพลง เสียงที่ให้มา บอกตามตรงว่าคุ้มครับ แต่ก็ขึ้นอยู่กับคุณเหมือกัน ว่าชอบเสียงแนวไหนด้วย
ถ้าคุณชอบฟังเพลงที่ไม่ได้ปรับเสียงอะไรมา หรือ ถ้าทำงานเรื่องเสียงนี้ ตัวนีเป็นตัวที่ผมจะแนะนำเป็นตัวแรกๆเลยครับ
ข้อดี : เบา ใส่สบาย สายยาวมาก เสียงเป็นธรรมชาติ และที่สำคัญ เฟี้ยวครับ 55
ข้อเสีย : การกันเสียง อยากให้เพิ่มกว่านี้ นิดนึง
พับเก็บไม่ได้
ถอดสายไม่ได้ อาจจะพกลำบากหน่อย (แต่มันก็ไม่ได้ออกมาให้พกสินะ 55)
Credit ข้อมูล : About AT1987
ปล.เป็นกระทู้แรก ที่ผมรีวิวหูฟังครับ หากมีอะไรอยากให้แก้ล่ะก็ บอกได้เลยครับ ^^
