สำหรับตัวผมนะครับ ไปครั้งแรกที่งามวงวานนะครับ ประทับใจครับ ขอลองสองตัวคือ 215 กับ im70
im70 ไม่มีปัญหา แต่ 215 ก้ออาการเดียวกัน ผมเลยบอกว่า "พี่ครับ ข้างซ้ายไม่ติดอ่าครับ"
พอพี่ขอลองฟังก้อบอกว่า "น่าจะเป็นที่สายนะครับ เดี๋ยวเปลี่ยนให้นะครับ" ผมว่าก็บริการดีนะ
แต่ไม่รู้ว่าทุกสาขารึเปล่า เพราะผมไปไม่หมดทุกสาขา ผมสะดวกแค่ วามวงวาน



ปล.ความเห็นส่วนตัวนะครับ

ปรบมือให้ จขกท ครับที่เข้ามาเป็น กระจกเงาสะท้อนให้ร้านเฮีย ส่วนใหญ่สาขานี้คนจะเข้ามา ชมกันซะมากกว่า(รวมทั้งผมด้วย555) ถ้าเป็นเรื่องจริงไม่ต้องกังวลหรอกครับ ผมว่าเฮียเขาก็อยากฟัง ฟีดแบคด้านลบเหมือนกัน อันไหนไม่ดี เดี๋ยวเฮียคงปรับปรุงให้เอง

ขอบคุณครับ คุณ @NonNaKub @tangkoo

แต่ยังไงผมยังประทับใจในมิตรภาพและสังคมโดยรวมของพื้นที่เว็บนี้ ตั้งแต่วันแรกถึงทุกวันนี้ครับ

ครับผม ตัวผมเองประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เข้ามาอ่านกระทู้ในบอร์ดนี้แล้วครับ ดูแล้วเป็นกันเองกันทุกคน และจากที่ผมไปอุดหนุนที่สาขางามวงวาน ประทับใจในบริการจริงๆครับ ดูจริงใจดี เป็นกันเอง คุยได้ทุกเรื่อง รับฟังทุกอย่างจากลูกค้าดีครับ

สายของ Shure ถ้าถอดเข้าถอดออกบ่อยๆ ตรงขั้วมันจะหลวมครับ ผมเคยสงสัยว่ามันติดแน่นรึเปล่า ลองดึงเข้าดึงออกบ่อยๆ ตอนแรกข้างซ้ายหลวมกว่า ตอนนี้ข้างขวาก็หลวมตาม แต่ปัญหาคือมันหลวมแล้วหลวมเลย ถ้าขยับๆเสียงจะติดๆดับๆ ต้องพยายามอยู่นิ่งๆครับ เป็นข้อเสียของขั้วหูฟังแบบนี้ครับ

​สวัสดีครับคุณ Waranont ​ผมเอลวิสนะครับ ซึ่งได้รับมอบหมายจากเฮียให้ดูแลสาขาพารากอนครับผม ก่อนอื่นเลยต้องกราบขออภัยคุณ Waranont จริง ๆ ครับ สำหรับผมแล้วเรื่องบริการเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นผมจึงถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้นล่ะครับผม พรุ่งนี้เช้าผมจะรีบทำการประชุมและทำการตักเตือนพนักงานในสาขาให้ระวังและใส่ใจมากกว่านี้เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดและสะเพร่าในบริการเช่นนี้อีกครับผม และต้องขอขอบคุณที่ช่วยชี้ให้เห็นจุดบกพร่องดังกล่าวด้วยนะครับ

เรื่องสายไม่ดีที่พารากอน เราก็เคยเจอ แต่ว่าบอกเค้าว่า น้องหาเส้นใหม่มาให้หน่อยได้มั้ย เค้าก็จะไปคุ้ยหามาให้อยู่นะคะ คิดว่าลองกันเยอะอ่ะ

แต่จะบอกว่า บางทีรู้สึกเหมือนกันว่า พนักงานบางคนจะดูแข็งๆ หน่อย บางคนก็สุภาพโคตรๆ ด้วย (บางทีเยอะไปค่ะน้องคะ) สาขานี้เป็นสาขาที่ไปลองของบ่อยมากเพราะสะดวก แต่บางทีหงุดหงิดมากกว่าพนักงานคือเสียงดังที่รบกวนจากในห้าง หรือไม่ก็ลำโพงหน้าร้านมากกว่า

ไปบ่อยๆ เด๋วเค้าจำหน้าได้ก็หายเองมั้ง แบบเรา 5555 (เกรงใจอ่ะ ลองเยอะจริงๆ นะ)

เพิ่งเห็นคุณเอลวิสมาตอบ อย่าดุแรงมากเลยนะ จริงๆ ไปบ่อยๆ พอจะเข้าใจ บางทีเหมือนพนักงานเค้าเกร็ง เพราะลูกค้าสาขานี้ออร่าแร๊งแรง

ผมไปฟังบ่อย...หลังๆไม่ได้ซื้อ ว่าจะ ว่าจะทุกที ผมสังเกตเอานะ ด้วยความท่ีสาขานี้คนเยอะครับ เยอะมากๆ เข้าๆออกๆบ่อย พนักงานต้องดูแลเยอะ คนเข้า คนออก คนฟัง บางทีอาจจะไม่ทั่วถึง อีกมุมอาจจะเป็นพนักงานใหม่ด้วย (บางคนผมไม่คุ้นหน้าจริงๆ) ก็อาจจะมีตึงๆบ้าง แต่หลายคนผมก็ยังเอ่ยปากชมกับเฮียไปเลย ว่าผมว่าคนนี้บริการดีนะ ผมชอบสาขานี้เพราะอะไร...

ส่วนเรื่องทางเทคนิคหูฟัง ก็คงมี อย่าง w 40 ตอนที่ผมไปลองเป็นจุกโฟม ปรกติจะเป็นจุกยาง ส่วนตัวผมคิดว่าจุกโฟมมันน่าจะสกปรกง่ายกว่าตัวอื่นๆ พอมันยวบๆ นุ่มๆมันๆนี่ดูไม่จึดเหมือนกัน

แต่เข้าใจในมุมพนักงานครับ หัวกระไดไม่แห้งเลย ให้กำลังใจครับ ค่อยๆปรับปรุงครับ

เรื่องเสียงจากงานตรงกลางลานนี่จริงครับ ดังมากจนหมดอารมณ์เลย แต่คงแก้ไมได้เนอะ ดีที่ไม่ได้มีประจำ

เอลวิส คืนนี้จะซ้อมดีดไข่เอาไว้ก่อนหรือเปล่า 555+

ขอบคุณคุณ waranont เจ้าของกระทู้มากๆๆครับ เรื่องนี้เดี๋ยวผมนำเข้าประชุมด่วนในจันทร์ที่จะถึงนี้เลยครับ ปัญหาอันนี้ผมพอจะทราบอยู่เหมือนกัน แต่ได้เคยกำชับไปว่า หากเดโมตัวไหนสภาพไม่ดี ให้ทางสาขาตรวจสอบและดำเนินการส่งกลับ พร้อมกับนำตัวใหม่จากสำนักงานไปเปลี่ยนเป็นตัวเดโมตัวใหม่

แต่ฟังจากที่เล่ามา น่าจะเหมือนทางพนักงานพอจะทราบอยู่ว่าเดโมบางตัวน่าจะมีปัญหา แต่ไม่ได้นำส่งกลับทีเดียว หรืออาจจะรอรวบรวมแล้วส่งกลับทางสำนักงานมากกว่าครับ และอาจจะเผลอเรอลืมทดสอบปัญหาเพิ่มเติม

คือเดโมบางตัวสภาพยังใช้ได้คือมีอาการติดดับนิดเดียว(จริง) บางทีน้องๆเค้าก็จะไม่ได้ส่งกลับครับ แต่เผลอซักพัก อาการลุกลามอาจจะหนักกว่าเดิม และก็ไม่ได้ทดสอบทวนอีกรอบ ก็เลยกลายเป็นว่าลูกค้าที่มาลองฟัง ฟังทดสอบได้ไม่สมบูรณ์ครบถ้วน


สำหรับการสื่อสารของน้องๆบางคนที่ดูแข็งๆไปมั่ง ผมจะกำชับให้เอลวิสดูเพิ่มเติมครับ บางทีมีน้องฝึกงานปนอยู่ด้วยก็อาจจะเป็นได้ ส่วนบางคนที่นิ่มจนน่าเตะ เดี๋ยวผมจะเตะก้นซักป้าบครับ 555 เพราะผมเองก็รู้สึกว่าเราบริการอย่างสุภาพที่สุดก็ดูดีแล้ว แต่จะให้นิ่มเป็นขนมกลีบลำดวนแบบชาววัง อันนี้ก็ดูขัดๆๆยังไงชอบกลเหมือนกัน 555

แนะนำติชมมาได้เลยนะครับ ผมเก็บข้อมูลและปัญหาตลอดเวลาครับไม่ต้องห่วง 555

ผมก็ไปรับของที่สาขานี้มาหลายครั้ง เท่าที่เคยไปมาหลายสาขา (ดิจิตอลเกทเวย์ พันธ์ทิพย์งามวงศ์วาน พันธ์ทิพย์ประตูน้ำ) สาขานี้ถือเป็นสาขาที่ไฮโซเป็นอันดับต้นๆ (รองจากเรือธงที่ยังไม่เคยไปละมั้ง) พนักงานต้อนรับก็ทรีทลูกค้าดีมาก บริการดีจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นรานขายหูฟัง !! (คือผมไปร้านหูฟังมาหลายร้านแล้ว ร้านส่วนใหญ่จะสไตล์โชห่วยน่ะครับ คือต้องสนิทกันระดับหนึ่งถึงจะเริ่มเป็นกันเอง) แถมพนักงานเยอะด้วย ^^"

แต่ถึงบริการดียังไง บางทีปัญหามันก็หลุดเข้ามาหาได้เหมือนกันครับ ยังดีที่น้องผู้จัดการสาขานี้ ค่อนข้างคล่อง ไหวพริบดี แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี อันนี้ต้องขอชมครับ ^^

ยังไงก็ขอให้แก้ไขปรับปรุงการบริการให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปนะครับ

อ้อ ไม่ใช่แค่บริการครับ ที่ต้องปรับคือระบบจอง/รับสินค้านี่แหละ เจอมากับตัวเหมือนกัน
คิวที่ไปจอง Yuin G2 นี่แหละ อันนี้ไม่ใช่ปัญหาบริการ แต่เป็นปัญหาการจัดการระบบข้อมูล ผมโพส์ทจองไปพร้อมระบุเบอร์โทรและสถานที่รับของไปแต่แรก แต่ข้อมูลที่เก็บกลับมีแค่ชื่อ -*- ก่อนไปผมก็มาโพสท์ไว้ก่อนว่าจะไปรับที่ไหนวันไหน ก็ไม่ได้อัพเดตข้อมูลผม

วันที่ไปรับ น้องเขาก็ทำหน้างงๆ เพราะไม่มีข้อมูลเบอร์โทรและสถานที่รับ เลยไม่มีของที่สต็อครอไว้ให้ (ทั้งๆ ที่แจ้งไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเบอร์โทรอะไร รับที่ไหน) ดีที่น้องผู้จัดการแก้ปัญหาโดยการตัดสต็อคคนอื่นมาให้ผมก่อน นี่ถ้าผมไปรับคิวหลังๆ ท่าทางจะไม่ได้ของเหมือนกัน ^^" ก็อยากให้ปรับปรุงระบบจองของ/รับของให้ดีกว่านี้น่ะครับ จะได้ไม่มีอะไรขลุกขลัก เวลามีการสั่งจองเยอะๆ แล้วของมีปริมาณน้อย เกิดมีคนจองแล้วไม่ได้ขึ้นมา งานจะเข้าเอานะครับ

รบกวนถามทางร้านหน่อยครับ? ว่าสาขานี้ต้องเปิดเพลงจากลำโพงโชว์พลังเสียงซะหน่อยตลอดรึเปล่าครับ?
เพราะเคยเข้าไปสองสามครั้ง ก็ได้ยินเสียงลำโพงตลอด จำได้ว่าเป็น Harman Kardon ตัวใสๆทีนึง Marshall หน้าร้านอีกทีนึง ก็มองรอบๆในร้านมีแต่ลูกค้าใส่หูฟังอยู่ วันนั้นที่ลองหูฟังอยู่เลยเร่ง volume ดังเกินปกติไปพอสมควร ไม่งั้นโดนเพลงจากลำโพงกลบหมด ตอนนั้นผมก็ไม่คิดมาก ถือว่า ทดลองฟังดูสิว่าหูนี่กันเสียงภายนอกได้มากแค่ไหน แต่ถ้าเป็นหู open ท่าจะแย่นะครับ

สำหรับผมหากรักใคร รักจริง...จะรอ-รอดูว่าท่านแคร์มะ.....ถ้าไม่ หรือท่านไม่พร้อมจริงๆๆ
สรุปหากท่านพยายาม-ตามติด...บริการเราจริงๆๆ มีของหรือไม่...หาให้ได้หรือไม่? ค่อยว่ากัน
ผมจะไม่ละ ฅนที่รักง่ายๆๆ...สำหรับผมเองครับ

สาขาพารากอนคนเยอะมาก

บางทีพนักงานทำงานต่อเนื่องอาจหงุดหงิดไปบ้าง ผมว่าพูดกับเด็กไปตรงๆเลยว่าคนไหนเริ่มอารมณ์ไม่ดี ให้เข้าไปหลังร้านสงบสติอารมณ์ กินกาแฟดื่มน้ำฟังเพลง ให้หายเครียดก่อนแล้วค่อยออกมาบริการที่หน้าร้านต่อ

สำหรับอีกเรื่องครับ เฮีย การผูกใจลูกค้า เช่น จำชื่อเล่น เบอร์โทร เคยซื้ออะไรไปบ้างแล้ว ส่ิงเหล่านี้เป็นพรสวรรค์ของแต่ละบุคคล แต่ไม่เหนือบ่ากว่าแรงที่จะทำ เพราะสินค้าที่เฮียขาย ซื้อที่ไหนก็ได้ แต่ทำไมต้องมาซื้อที่ มั่นคง

เหมือนร้านกล้องถ่ายรูป ร้านหนึ่ง ชั้นล่าง แถวมาบุญครอง พนักงานทั้งร้านแมร่งเกือบจำชื่อลูกค้าที่มาค่อนข้างบ่อย ได้เกือบทุกคน เคยซื้ออะไรไปบ้างแล้ว

ของแบบนี้เล็กๆ น้อยๆ แต่มันผูกใจลูกค้าได้นานเท่านาน ซื้อแมร่งแล้วซื้ออีก

ตามคุณ drHuahed ผมไปมาเมื่อประมาณปีใหม่ ขอลองเฮดโฟนแบบเปิด Alessandro 1e แต่ฟังไม่ได้เลย

เนื่องจากเสียงลำโพงของร้านเหมือนกัน

มีน้องที่จำได้นะคะว่าซื้ออะไรไป ถ้าจำไม่ผิด บรีส ละมัง เพียงแต่วันนั้นมาทักแล้วผิดคิวไปหน่อยเพราะเอาอีกอันไป ส่วนคนที่ว่ามีแข็งๆ บ้างก็เป็นบางเวลา เวลาปกติๆ ดีๆ ก็มีหน่ะ เวลาลูกค้าเข้ามาเยอะๆ หันไปบริการคนโน้นที คนนี้ที มันก็ต้องมีเอ๋อกันบ้าง

555
มันยังน้อยไป

เพราะเจ้าบรีสเนี่ยแหละผมเลยโดน

ibasso dx90
fiio e17 alpen 2
Klipsch X7i
Bose soundtrue
สายสัญญาณเทพ ซองหนังใส่ 90

ฝีมือเจ้าบรีสแหละ แมร่งเอ้ยเล่นกรูตัวเบาเลย

ขอบคุณทุกท่านสำหรับข้อแนะนำ ติชม นะครับ รับรองว่าผมไม่นิ่งเฉย หรือฟังเฉยๆแล้วผ่านๆๆไปแบบขอไปที แต่เก็บเอาไปปรับปรุงทุกอันแน่นอนครับ 555

อย่างเรื่องการเปิดลำโพงนี่ จริงๆผมเองเป็นคนสั่งให้เปิดลำโพงคู่ที่อยู่หน้าสุดไว้หน่อยนึงกันเงียบเหงาครับ คือบอกไว้ว่าให้เปิดแบบคลอๆพอเป็นแบ๊คกราวด์มิวสิคครับ แต่อาจจะมีน้องๆคนไหนมันส์มือมากไปหน่อย เร่งโวลุ่มจนดังเกินไป อันนี้เดี๋ยวผมเช็คอีกทีว่าควรเอาไงดี

ผมเคยตั้งใจจะหาลำโพงห้อยไว้บนเพดาน แล้วเปิดให้ได้ยินคลอๆไกลๆ แต่เห็นว่าโชว์ลำโพงก็เลยเปิดตัวที่วางโชว์ซะเลยน่ะครับ 555 ส่วนเรื่องอีเว้นท์นั้น เรื่องนี้ผมปวดหัวตั้งแต่ก่อนจะเซ้งร้าน คือเสียงมันดังมากๆๆ แต่สังเกตุดูในแต่ละวัน มันจะเป็นแค่บางช่วง ไม่เกิน 20-30 นาที ก็เลยใช้วิธีทำใจเอา

ตอนแรกนึกว่าจะทำประตูปิดกันเสียงไว้ ก็ไม่น่าจะได้ผลดี เพราะคนจะไม่รู้ว่าข้างในมีอะไร และขายอะไร ผมเลยใช้วิธีที่ดีที่สุดคือ ทำกระจกหน้ากั้นไว้ครึ่งนึง(ซึ่งช่วยอะไรไม่ได้มากนัก) แต่เรื่องเสียงกวนนี้ ท่านใดต้องการมาลองฟังแบบเสียงรบกวนน้อยๆ อาจจะต้องปรับเวลามาที่ร้านช่วงก่อนเที่ยงครับ ช่วงนี้ชิลมากๆๆ คือทั้งห้างจะไม่ค่อยมีเสียงดังเท่าไหร่

ขอบคุณทุกท่านครับ เดี๋ยวจะไปสะกิดเจ้าบรีสมาอ่านซะหน่อยนะครับ 555

เฮียคับฝากคอมเม้นพี่หลุยส์ด้วยเลิกหลอกผมได้แล้ว 5555+

ขอโอกาสพูดในส่วนของลำโพงบ้างนะครับ

ก่อนที่ผมจะได้ซื้อลำโพง ก็ตระเวนลองร้านเฮียไปทั้งสาขางามวงศ์วาน, Digital gateway, Paragon
มันไม่ค่อยสะดวกในการลองฟังเลยครับ

เช่น
- งามวงศ์วาน เป็นห้องปิดขนาดเล็ก ถ้าลองเสียงลำโพงดังๆ ลูกค้าคนอื่นได้ยินเสียงแทรกหูฟังแน่ๆ เลยไม่กล้าลองมาก
- DGW สาขานี้เป็นเหมือนคีออสเลยครับ คนเดินผ่านพลุกพล่านมาก ตอนลองเสียงเลยได้ยินไม่ถนัด
- Paragon พื้นที่กว้างดี ส่วนที่ใช้ลองลำโพงจะอยู่ด้านหน้า ค่อนข้างแยกเป็นสัดส่วน เหมาะที่จะลองลำโพงมากกว่าอีกสองสาขาที่ไปมา แถมมีลำโพงให้ลองฟังหลากหลายดี

สุดท้ายเลยได้ Marshall Standmore ที่ paragon เพราะมีโอกาสลองฟังมากที่สุด จนตัดสินใจได้ครับ

ปล. พนักงานบริการดีหมดทุกสาขานะครับ แต่ที่พารากอน ต้องยอมรับว่าคนเข้ามาลองเยอะ พนักงานก็เหนื่อยเป็นธรรมดา ส่วนน้องบางคน(ส่วนน้อย)ก็มี service mind น้อยจริงๆแหละ แต่ผมเชื่อว่าทุกคนถ้ามีความตั้งใจจริงก็สามารถพัฒนาทักษะต่างๆได้ครับ

ผมเองก็ไปลองพารากอนบ่อยสุดเพราะสะดวกเรื่องเดินทาง ไม่ได้ติดใจเรื่อง service mind ของพนักงานนะ ผมว่าลุกค้าเยอะขนาดนั้น มาลองแล้วไปเยอะแยะ(ผมด้วย) บางช่วงคนเยอะขนาดต้องดักน้องเพื่อตัวเองจะได้ขอลองตัวที่อยากลอง ทำได้ขนาดนี้ก็เจ๋งมากแล้ว ตรงนี้ขอชื่นชม

แต่ปัญหาที่ผมเจอกลับเหมือนๆ จขกท ที่ผมเจอบ่อยสุดคือ macbook + สาย usb + dac เพราะผมมักขอลองแต่หู fullsize ที่เคยเจอเช่น

1. เนื่องจากผมเป็น windows user ใช้ mac ไม่ค่อยเป็นจริงๆ ไปถึงหน้าจอก็เปิดโปรแกรมเล่นเพลงอยู่นะ แต่กด play แล้วไม่ดัง ก็งงสิ ก็กดๆไป จำได้ว่าเคยไปลองที่อื่นเค้าจะเปิดอีกโปรแกรมขึ้นมาด้วยมันถึงจะดัง เห็น icon คุ้นๆ ก็กดไป เอะก็ยังไม่ดัง จนเรียก พนง มาเค้าเลยมาเลือก device ให้ถูกอัน แอบสงสัยว่าทำไมไม่เปิดไว้ให้พร้อม ผมก็ไม่ได้ไปตอนเช้านะค่ำๆอีกต่างหาก และเข้าใจว่าโปรแกรมบน mac ถ้าไม่ตั้งใจกดปิดมันไม่น่าปิดได้ง่ายๆ ทั้งๆที่ itune ก็เปิดทิ้งไว้

2. พอเปิดให้เสียงดังได้ usb ดันเสีย เส้นสีฟ้าอ่อนๆ เสียงป๊อกแป๊กๆ ฟังไมไ่ด้ "อืม usb มันไม่ค่อยดีคับ" จบ ทนลองป๊อกแป๊กต่อได้แป๊บนึง ไม่ไหว เลิก กลับบ้าน สรุปว่าไม่มีสิ่งใดในเซ็ตนี้พร้อม อันนี้ผมตีความเข้าข้างให้ว่าคงเสียที่ port ของ mac เลยทำไรให้ไม่ได้ละมั้ง คงไม่ใช่สาย

3. รอบล่าสุด ห่างจากเหตุการณ์ 1,2 หลายเดือนไปรับ G2A เห็นเปลี่ยนสาย usb ไปใช้ธรรมดาๆอยู่ อะ แสดงว่าเปลี่ยนสายเสียละ (หรือไม่ใช่ port หว่า) ลองซะหน่อย อยากได้ K712 อยู่ อยากลอง marantz ด้วย เหมือนเดิมกดเล่นเพลงเล้วเสียงไม่ดัง เรียกน้องคนที่เอาหูมาให้ก็ทำไม่เป็น ไม่ดังก็เดินไปเฉยๆ เราก็งงๆ มันหลายเดือนที่ไม่ได้จับ mac ลืมเรื่องเปิดอีกโปรแกรมไป นั่งงงอยู่สักพัก มองไปมองมาทุกคนก็งานยุ่งไม่มีใครมองมา ลากได้ พนงอีกคน ก็มาปรับโน่นนี่แต่ก็ไม่ดัง ก็เดินไปอีก ว่าจะถอดใจละ จนคุณเอลวิสเดินผ่านมาจึงลากมาดูให้ ก็แค่เปิดอีกโปรแกรมขึ้นมาก็ดัง จึงได้ลอง ฟังไปพักใหญ่ๆ น้องคนที่ 2 ถึงมาถามว่าดังหรือยังคับ อืม...

แต่หลังจากเสียงดัง การบริการเรื่องขอลองเปลี่ยนรุ่นโน้นรุ่นนี้ สอบถามอะไรทุกคนก็บริการด้วยดีนะครับ ไมไ่ด้ติดขัดอะไรอีก

ปล.แอบรู้สึกว่า mac+dac+หู ที่ตั้งทิ้งไว้ ทั้งๆที่มันเป็นเซ็ตแพงแต่เป็นตัวที่ไม่มี พนง สนใจ เพราะลูกค้าเดินมา ใครๆก็คงหยิบฟัง(แต่ไม่ดัง) ไม่เหมือนตัวอื่นๆที่ต้องขอลองให้หยิบให้

เล่าเพราะอยากให้ปรับปรุงนะคับ ไมได้โกรธเคืองอะไร อันนี้มันง่ายๆเอง เสียดาย จริงๆหลังจากนี้ผมคงเปิดเองเป็นแล้วหละ จำได้ 555

เรื่องเสียงกวนกันของร้านเครื่องเสียงอันนี้ผมทำใจอย่างเดียวคับ แผนกเครื่องเสียงตามห้าง ผมเอาไว้เดินชมอย่างเดียว จะลองต้องไปตามร้าน ซึ่งจะมีปัญหาน้อยกว่า แต่ไม่ใช่ไม่มี คนขายยังยืนคุยกับลุกค้าคนอื่นข้างๆผมตอนผมลองลำโพงด้วยซ้ำ 555

ร้านเฮียถึงปิดกระจกตอนนี้คนก็รู้จักหมดแล้วหละคับว่าขายอะไร ไม่น่าห่วงละ 555

อ้อ นึกออกอีกแหะ หัวแปลง 6.3-3.5 เพราะ marantz เป็นรูใหญ่ ตอนลอง 712 ก็โอเค เพราะมีตัวแปลงติดอยู่แล้ว ของลองเทียบกับ HD700 ซึ่งเป็นแจ๊คเล็ก ปรากฏว่ามันใช้หัวแปลงของ 712 ไมไ่ด้ ก็บอกน้อง เค้าก็หาๆให้ แล้วบอกว่าไม่มี มีแต่แบบเกลียวแบบเดียวกับ 712 ซึ่งมันใช้ไมไ่ด้ จบ เลิก

ในใจแอบคิด ร้านเฮียขายหูฟังนะ ไม่มีแจ๊คแปลงที่ใช้ได้เนี่ยนะ มึนๆ อะไม่ลองก็ได้ฟระ กำลังถอดใจ แต่เผอิญก้มมองไปที่โต๊ะข้างๆ มีอันนึงแอบอยุ่แถวๆขอบโต๊ะ หยิบขึ้นมาบอกน้องอย่างดีใจ เจอแล้วๆ รอดไป ได้ลอง 555

ปล.พิมเสร็จแอบคิดว่าทำไมเคสเยอะ หรือผิดที่หน้าตาผมมันส่อว่าจะไม่ซื้อหว่า 555

ขอบคุณคุณ Five และ คุณ Draco ที่ช่วยแนะนำมาข้อมูลอย่างแน่นเลยครับ 555

เรื่องลำโพงนี่หนักใจสุดๆเหมือนกัน 555 คือของสองสิ่ง(หูฟังและลำโพง) มันเป็นของอยู่ในกลุ่มเดียวกัน หมวดเดียวกัน แต่ดันเป็นของแสลงกัน คือคนฟังหูฟังต้องการความเงียบ แต่คนลองลำโพงต้องการความดัง ผมเคยมีประสบการณ์แบบนี้มาจากมั่นคงเรือธงแล้วครับ ตอนแรกร้านเรือธง จะแบ่งเช่ากับร้านไฮไฟเลิฟเวอร์ของคุณหมูหวาน

ตอนแรกคิดว่าไม่มีปัญหาเท่าไหร่ แต่ปรากกว่าคนลองลำโพงก็ต้องใช้เวลา คนลองหูฟังก็ต้องการสมาธิ สุดท้ายต้องแยกออก เพราะไม่งั้นจะยิ่งอีรุงตุงนังหนักขึ้น โดยเฉพาะสาขาเรือธงนี่ไม่ได้เลย เพราะคนที่มาฟังนั้นส่วนมากเป็นนักเล่นที่ขึ้นมาระดับแอดวานซ์แล้ว สมาธิคือสิ่งสำคัญ

สำหรับสาขาอื่นๆเรื่องการขายลำโพงนั้น เจอปัญหาอยู่เนืองๆแต่ยังไม่ถึงขั้นสาหัส เพราะบางร้านจะเป็นแนวโอเพ่น เสียงกวนมันดังอยู่แล้ว แต่พวกสาขาที่ประตูปิดอย่าง ประตูน้ำ และงามวงศ์วานอันนี้มีปัญหาบ้างแต่ก็ไม่มากนัก เรียกว่าระดับพอทนว่างั้นล่ะ 555

ผมเคยคิดจะเปิดมั่นคงสปีคเกอร์อยู่เหมือนกัน คือร้านเดียวโดดๆเลย มีแต่ลำโพง ไม่มีหูฟัง แต่ก็ยังนึกในใจว่า เดี๋ยวคนลองลำโพงพร้อมกันซัก 2-3 คน เสียงก็จะตีกันอีก ตอนนี้เท่าที่นึกออก ผมว่าคงต้องประชุมเรื่องทีมงานที่ต้องคอยดูแลสถานการณ์รวมถึงสอดส่องว่าในเวลาขณะนั้นลูกค้ากำลังต้องการทดสอบอะไรกันบ้าง อันนี้ผมประชุมด่วนจันทร์นี้ครับ 555

อีกข้อมูลจากคุณ draco อันนี้น่าจะมาจากพนักงานบางคนยังใหม่เรื่องพวกนี้ คือพวกการเล่น dac นั้นมันไม่ตายตัวนัก คือบางโปรแกรมเปิดมาเจอเลย บางตัวไม่เจอ บางตัวต้องรีสตาร์ทใหม่ แมคกับวินโดว์เปิดใช้งานต่างกัน แมคหาเจอ วินโดว์หาไม่เจอ โปรแกรมคนละตัวเปิดเจอเลย กับไม่เจอเลย ซึ่งอันนี้ผมยอมรับตรงๆว่า เป็นเรื่องยาก(เล็กน้อย) สำหรับน้องๆครับ

แต่ผมพยายามจัดการเทรนนิ่งพนักงานตลอดเวลาให้เข้าใจเรื่องเหล่านี้ให้ดียิ่งขึ้นอยู่ครับ 555 เรียกว่าพอทราบปัญหาอยู่เหมือนกัน แต่เดี๋ยวผมจะประชุมเรื่องนี้อีกรอบเรื่องความไม่พร้อมของอุปกรณ์ที่จัดเซ็ทไว้ ผมเดาว่าบางทีคนมาลอง ก็จะคลิกนู่นคลิกนี่ไปเรื่อย แล้วพอลุกกลับไป โดยมากไม่มีใครมาเซ็ทกลับที่เดิม หรือมาเช็คว่าพร้อมใช้หรือเปล่า

พอลูกค้ารายใหม่เข้ามาหยิบฟัง ก็กลายเป็นว่าไม่ดัง พอไม่ดัง เรียกพนักงานน้องใหม่ที่ยังไม่ค่อยชำนาญมาแก้ไข ก็กลายเป็นเลิ่กลั่กหน้าตาตื่นไปหมด ซึ่งปัญหานี้ผมจะดูแลแก้ไขอีกทีครับ ผมยังมั่นใจว่าน้องๆอาจจไม่ได้คอยปรับตั้งมาตำแหน่งเดิมตลอดทุกครั้งที่ลูกค้าลุกออกไป

เปรียบไปก็เหมือนร้านก๊วยเตี๋ยวล่ะครับ ที่คนกินเสร็จเรียกเก็บเงินเดินออกไปแล้ว แต่โต๊ะไม่มีคนเก็บและไม่มีคนเช็ด เก้าอี้ไม่ดึงกลับตำแหน่งเดิม ซึ่งน่าจะเทียบเคียงกับที่พารากอนได้เหมือนกัน 555 ถ้าน้องๆคอยสอดส่องเพียงเล็กน้อย พอลูกค้าลุกเดินออกไป เสียเวลาตรวจสอบเซ็ทที่จัดไว้ให้อยู่ตำแหน่งพร้อมฟัง ผมว่าทุกอย่างก็น่าจะเรียบร้อย

อันนี้ปัญหาที่เกิดในกระทู้นี้ น่าจะมาจากพนักงานไม่ได้ตรวจสอบของให้พร้อมใช้อยู่ตลอดเวลา แต่ทั้งหมดทั้งปวงก็น่าจะสาขาพารากอนนั้นเป็นช้อปปิ่งมอลล์ที่คนเดินเข้าออกทั้งวัน และยิ่งบางช่วงนั้นแน่นเพราะคนเดินห้างพร้อมใจกันเดินเข้าเดินออก ทำให้บางครั้งการดูแลไม่ทั่วถึงจริงๆครับ

แต่น้องๆที่พารากอนทุกๆคนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานดี เอาใจใส่ และมีใจรักบริการกันทุกคนครับ แต่อาจจะมีเรื่องขาดความเข้าใจ และอาจจะละเลยในรายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้ แต่ปัญหาเหล่านี้แก้ไขได้แน่นอนครับ เพราะเด็กทุกคนผมมันใจว่าเค้าตั้งใจ 555

โพสต์นี้ของผมก็แทบจะเป็นการประชุมของร้านแล้วล่ะครับ เพราะพรุ่งนี้แต่ละคนคงต้องเข้ามาอ่านที่ผมทักท้วงไว้อย่างแน่นอนครับ 555

ขอบคุณมากๆๆคร้าบบ 555

ขอบคุณ คุณเอลวิส & เฮีย & ทุกๆ ท่านครับ ที่เข้ามาร่วมกันแสดงข้อคิดเห็น

ผมก็เข้าใจกับทุกสภาพแวดล้อมและเหตุผลตามที่ทุกท่านให้ข้อคิดเห็นล่ะครับ จึงมาโพสต์ในลักษณะการแชร์ความรู้สึกจากประสบการณ์ที่ได้ไปใช้บริการ โดยหวังว่าจะเป็นกระทู้เปิดในช่วงบวกมากกว่า เพราะจะทำให้ร้านเกิดการปรับปรุงที่ดีขึ้น ส่วนเราๆ ลูกค้าก็สบายใจและมีความสุขกับการใช้บริการเรื่อยๆ

P.S. เหตุการณ์ตามกระทู้ของผม คือผมไปตอนห้างเพิ่งเปิดเลยครับ พนักงานเต็มร้าน ยังไม่มีลูกค้าเลย ผมนี่แหล่ะลูกค้าคนเดียวที่เข้าไป (พนักงานยังว่างกันทุกคนนะ ยืนคุยกันดังกว่าลำโพงในร้านอีกครับ)

เข้ามาอีกรอบ ว่าจะมาอวยเอลวิสโทษฐาน เข้ามามอบตัวอย่างรวดเร็ว555 จริงๆอีกสิ่งที่ผมประทับใจ ร้านมั่นคงมากๆ ก็ตรงเวลามีคอมเพลน จากลูกค้าเข้ามา พนักงานร้านจะรีบ เข้ามารับฟังทุกครั้ง ไม่ปล่อยให้อารมณ์ลูกค้า คุกรุ่นนานเกินไป และผมก็ชอบการเปิดประเด็น ของท่าน จขกท ด้วยมันทำให้สิ่งที่ ทุกคนคิดว่าเป็นเรื่อง เล็กๆน้อยๆอยู่ในใจ ได้ระบายออกมา ไอ้ครั้นจะตั้งกระทู้เอง ก็เกรงว่าคนอื่นจะหาว่าเยอะอีก ถือว่าเป็นคุนูปการต่อ ทั้งทางร้านเองและเพื่อนร่วมวงการด้วยนะครับ555

เพิ่มเติมนิดนึงนะครับ

ซื้อสายมาใช้กับ Shure 846 และ 535 อย่างละเส้นครับ (Effect Audio Thor SIlver, Crystal)
ผมคิดว่าสายน่าจะมีการให้ลูกค้าลองมาเยอะ เพราะตัวที่ผมซื้อก็คือตัวที่ผมลองฟัง

ใช้สักพักมีอาการติดๆดับๆ ทั้งสองเส้นเลยครับ สอบถามทางร้านก็บอกอาการปกติ เพราะอาจมีขั้วหลวม

พอหมดประกันเท่านั้นแหละ เสียงหายรัวๆเลยครับ และไม่สามารถซ่อมได้ และทางร้านไม่มีช่างซ่อม
ผมเลยต้องติดต่อกับทาง Effect Audio และส่งไปซ่อมที่ สิงคโปร์ ค่าส่งกับค่าซ่อมก็เอาเรื่องเหมือนกันครับ

ซ่อมเสร็จ อาการติดๆดับๆ หายเลยครับ ขยับยังไงเสียงก็ไม่หายครับ

ไม่ได้มีปัญหากับทางร้านอะไรนะครับ
แต่ผมคิดว่าน่าจะแยกตัว Demo กับตัวขายรึเปล่าครับ(หรือสินค้าบางตัวไม่สามารถแยกได้)

ปล. Shure เสียงติดๆดับๆ ไม่ปกตินะครับ ต้องเป็นที่สายไม่ก็หูฟัง (อยู่ในประกัน Shure ให้เปลี่ยนนะครับ)

เสนอเรื่องเล็กๆน้อยๆ จะทำหรือไม่ทำก็ได้


ติดป้ายชื่อเล่นพนักงาน เช่น "เฮียมั่นคง" , "หลุยส์ มั่นคง"


ถ้าลองทำ ก็ทำดูสักระยะนึงก็ได้ ถ้าไม่ดีก็เอาออก

** มีทั้งข้อดี -ข้อเสีย นะ สุดแล้วแต่จะคิดกัน

เรื่องสายราคาแพงไม่มี Demo เนี่ย จริงๆ ไม่ติอ่ะ เข้าใจ เพราะไม่ค่อยมียี่ห้อที่มีตัวแทนไทย แต่ที่ขัดใจคือ ต้องลองของแกะจากห่อ มันยังไม่เบิร์น ยังไม่ใช่เสียงจริงของมันมากกว่า ^^

จริงๆผมเล่าตั้งยาวแต่ชี้ประเด็นไม่ชัด ประเด็นของผมจริงๆมีแค่ว่า

"เมื่อจัดการปัญหาให้เรียบร้อยไม่ได้ ไม่ควรเดินจากไปเฉยๆ เพราะเมื่อลุกค้าไม่ได้ลองจะซื้อได้อย่างไรกัน แค่นั้นเองคับ"

จริงๆ การที่คุณเป็น พนักงานขายนี่ ผมว่าการจะมาบอกลูกค้าเยอะแล้วเหนื่อยไม่ไหว
นี่ก็ใช่ที่นะครับ เพราะลูกค้าเยอะหมายความว่าคุณมีโอกาสได้ค่าคอม อัพยอดขายให้ทางร้าน

ผมจะบอกให้ว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่มีService Mind ยึดถือในอัตตาตัวเอง
ชอบคิดว่าเป็นเรื่องเสียศักดิ์ศรี

จริงๆอย่างเคสที่เกิดขึ้น แค่พยายามหาสายหรือถ้าแล้วมันไม่มีหรือรู้ตัวอยู่แล้วมันไม่มีจริงๆแค่ เอ่ยกับลูกค้า พี่ขอประทานโทษทีครับ โค้งนิดๆเหมือนญี่ปุ่นทำ คุณพี่ลองตัวอื่นแทนไหมครับ ไหนๆก็เสียเวลามาแล้ว อยากลองอยากเล่นตัวไหน เด๋วผมนำมาให้ลอง
ทุกอย่างจบ ความโกรธความเหวี่ยงถึงไม่หายแต่ก็แทบไม่ถือสาแล้ว

สิ่งสำคัญ ที่อยากฝากถึง ผู้จัดการ คือ ไม่ใช่การเรียกประชุมมากำชับ
สำคัญคือควรจะปรับทัศนคติ บุคลากรยังไง ให้แก้ปัญหา หรือมีทัศนคติเชิงบวกในการแก้ปัญหาเรื่องแบบนี้ให้กับลูกค้าได้ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยเกิดจากความรู้สึกที่รับผิดชอบต่อความรู้สึกลูกค้า

เพราะจบเคสนี้เดี๋ยวก็มีเคสอื่น

พนักงานบริการสุดท้ายอยู่ที่่ไหวพริบ

ลูกค้าคนนี้ชอบ พินอบพิเทา ลูกค้าคนนี้ชอบให้ชี้นำความเห็นเหมือนเพื่อน ลูกค้าลักษณะอาจมาแบบไม่มีเป้าหรือมาลองทดลองฟัง ลูกค้าบางคนชอบ ให้อยู่ห่าง ปล่อยให้ลองไป
ถึงเวลายกมือก็ต้องเห็น

ของพวกนี้มันไม่มีสอนกันในตำราเรียนหรอกครับ ต่อให้อบรมก็สอนกันไม่ได้
ต่อให้ กำชับว่าต้องยกมือไหว้ลูกค้า บางคนก็ยกแบบไหว้ไปที
ทั้งที่จรืงๆการไหว้ เป็นการทักทาย ไม่ใช่เป็นการ ยกให้อีกฝั่งมีเกรียติกว่าสักหน่อย

การขายของพยายามเรียนรู้คนไว้ คุณจะกลายเป็นโคตรเซลส์ได้ไม่ยาก
ทุกคนทำงานเพื่อเงิน เพราะฉะนั้น เราจะทำยังไงจะดูดเงินจากลูกค้าได้
แต่เป็นการดูดที่แบบว่าเค้ากลับไปเค้า ไม่ตัวเบา เค้าอยากมาอีกเพราะไม่ยัดเยียด
ขายแบบดอกเดียวแบบที่เซลล์นิยมทำกัน

เจ้าของแฮปปี้ หัวหน้าแฮปปี้ เราก็แฮปปี้
อย่าให้ร้านเฮียมั่นขายของอยู่ได้เพราะชื่อเสียงเฮียมั่น

ได้อ่านและทำความเข้าใจกับทุกความคิดเห็นแล้ว รู้สึกดีนะครับที่กระทู้นี้เป็นการเปิดมาให้ร่วมกันแสดงความเห็นเชิงบวก ซึ่งผมก็หวังเหมือนทุกท่านครับ ว่าร้านเฮียจะเป็นลำดับแรกที่เราๆ จะคิดถึงเมื่อต้องการสินค้า และได้รับบริการที่ดี ประทับใจทุกครั้งที่ได้แวะไป

สุดท้ายแล้ว ก็ต้องฝากเฮีย และผู้มีส่วนร่วมในการรับผิดชอบดูแลร้านทุกท่านนำไปพิจารณาครับ

ขอบคุณทุกท่านครับในบอร์ดนี้ครับ

สาขานี้ผมว่าแล้วแต่คนจริงๆนะครับ 555

เคยพาเพื่อนไปลองๆหา Inearที่ถูกใจ ตัวผมก็มองๆจ้องๆ B&W P3 กับ Senn Urbanite (ชื่อนี้ป่าวหว่า)ตอนช่วง Urbanite เปิดตัวพอดี

คือพนักงานก็รีบพุ่งเข้ามาถามเลยนะครับว่า ลองดูได้นะครับ... ก็เลยลองซะเพลิน จนเพื่อนออก (ละเพื่อนก็ไม่ได้ซื้อด้วย 555) ก็ยังเดินมาบอก สนใจสอบถามเพิ่มได้นะครับแล้วก็ยิ้มให้..

ชื่นชมครับเฮีย สาขานี้ผมว่าบริการดีที่สุดเท่าที่เคยแวะแต่ละสาขาของเฮียแล้วนะ 555

กดไลค์ความเห็น32 มีเนื้อหา สาระ ตรรกะที่ควรใส่ใจอย่างยิ่ง ไม่ใช่แค่เหตุการณ์เฉพาะหน้า แต่ควรปลูกฝังความคิดservice mink ให้เข้าไปในใจเลยครับ ไม่ใช่เพียงแต่วันนี้พรุ่งนี้ แต่ถ้าทำได้ ก็จะมีความหมายต่ออนาคตของแต่ละคนเลยด้วยซ้ำ

ประโยคสุดท้ายก็ทั้งประทับใจและปะทะใจเลยครับ "อย่าให้ร้านเฮียมั่นขายของอยู่ได้เพราะชื่อเสียงเฮียมั่น"

+ แสน + ล้าน ให้คห.32 ด้วยอีกคนครับ

และถ้าวันไหนพนักงานทุกๆคนในร้านมีความตั้งใจทำงานเพื่อบริษัทด้วยความแน่วแน่แล้ว
เมื่อนั้นเฮียมั่นกับเบียสก็ออกทัวร์เที่ยวรอบโลกได้อย่างสบายใจเลยจ้าาาาาา 555

ชอบแนวคิดของคห.32

ขอบคุณ คุณ Once18 มากๆครับ 555

เห็นด้วยทุกประการจริงๆ อย่างแรกเลยที่ยากที่สุด คือการหาคนที่มีพื้นฐานและมีใจอยากจะเป็นนักขายที่ดี หรือมีจิตวิญญาณของคนรักงานบริการ ส่วนมากจุดแรกที่ล้มเหลวก่อนเพื่อนก็คือการรับสมัครคนครับ เรียกว่าหายากจริงๆ เหมือนการเหวี่ยงแหมาก่อน แล้วมากรองให้เหลือคนที่ใช่ ซึ่งก็มีเล็ดลอดมามากบ้างน้อยบ้าง

ทุกวันนี้ผมค่อนข้างเลือกพนักงานที่มีทัศนะคติที่ดีต่อคนอื่นและต่อองค์กรก่อน ส่วนเป็นไม่เป็นมักจะมาฝึกฝนกันทีหลัง ซึ่งก็อย่างที่คุณ Once18 แนะนำล่ะครับ เราต้องมาปรับทัศนคติเด็กก่อน ตรงนี้คุณแพะจะดูแลและปรึกษากันกับผมและคุณเบียสอยู่ตลอด พนักงานคนใดมาฝึกงาน ถ้าพ้นช่วงฝึกงานแล้ว ทัศนคติไม่ดีขึ้น หรือไม่ดีแม้แต่กับเพือนร่วมงาน ผมจะไม่ให้ผ่านงานเด็ดขาด

แต่กับพนักงานที่มีใจบริการที่ดีจริงๆ ดูแลลูกค้าได้ แต่ไม่ได้มีความรู้เรื่องหูฟังมาก่อน อันนี้บางครั้งผมให้ผ่านงานเหมือนกัน ถือว่าได้เด็กที่ดีก่อนแล้วก็มาฝึกเอาก็แล้วกัน ซึ่งพอบางคนฝึกงานผ่านบรรจุเป็นพนักงานจริงๆ อาจจะไม่รู้สินค้าดีพอ ผมจะพยายามให้รุ่นพี่คอยกระตุ้นและชวนให้เค้าเล่นเป็น และค่อยๆฝึกฝนเพิ่มไปเรื่อย ซึ่งข้อนี้ต้องขออภัยทุกท่านเหมือนกัน ถ้าบางทีพนักงานบางคนเหมือนจะไม่แม่นยำ แต่ผมเชื่อว่าเค้าพยายามอยู่ครับ 55

แตุ่สดท้ายก็จะมาตกที่ไหวพริบ และทักษะของแต่ละคนจริงๆ คือตัวผมเองทุกวันนี้ คอยติวและอบรมระดับผู้จัดการตลอด แต่ไม่ได้อบรมพนักงานขายรุ่นใหม่ๆด้วยตนเองเท่าไรนัก จริงๆผมชอบอบรมเด็กด้วยตัวเองทุกๆคน แต่เนื่องจากคนน้อย การหยุดสลับหมุนเวียนกันมาอบรมตรงๆๆทำได้ลำบาก แต่เดี๋ยวผมจะหารือว่าจะจัดรอบเล่นเองยังไงดีแน่นอนครับ 555

ทุกวันนี้เจ้าแพะจะคอยดูแลเรื่องนี้อยู่โดยตรง ซึ่งผลงานที่ผ่านมาของเจ้าแพะ ผมว่าทุกคนน่าจะพอโอเคนะครับ ผมว่าเค้าทำได้ดีจนผมเองก็แปลกใจ คือเจ้าแพะนั้นเป็นรุ่นแรกที่ปล้ำและคลุกวงในกับผมเยอะมากกว่าใคร ผมก็เลยมั่นใจและมอบหมายให้ดูแลตรงนี้ครับ รวมถึงเจ้าเอลวิสอีกคนที่ดูแลสาขานี้อีกคน ผมก็ว่าเค้าทำได้ดี แต่ก็ยังคงมีอะไรเล็ดลอดหลงหูหลงตามาเรื่อยๆ

ขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำจริงๆครับ เพราะโลกเราทุกวันนี้ จะสำเร็จหรือไม่ขึ้นกับเพื่อนร่วมทีมของเรานี่ล่ะครับ ผมหรือเจ้าเบียสทำได้อยู่สองคนร้านก็เจ๊งอยู่ดีครับ 555 เพราะยังไงถ้าต้องการขยับขยายงานให้เติบโต เพื่อนร่วมทีมของเราคือสิ่งที่สำคัญที่สุด

เดี๋ยวต้องขออนุญาตไปจัดแถวเพื่อนร่วมทีมเพิ่มเติมอีกแน่นอนครับ ^^

สงสัยเฮียต้องทำห้องเก็บเสียงไว้ลองลำโพงแล้วล่ะ ^^

ส่วนตัวผมว่า ถ้าสาขากลางเมือง อย่าง พารากอน เกตเวย์ ถ้าต้องการลองลำโพง แบบจริงๆ จังๆ ก็สามารถไปลอง ที่ร้าน hifilover ที่อัมรินทร์ได้นะครับ อยู่ไม่ห่างกันมาก แค่เดินแล้วเมื่อย555 ถือว่าออกกำลัง แล้วก็แวะไปลองหูฟังที่เรือธงด้วยซะเลย ทั้งสองร้านบรรยากาศเหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการตั้งใจฟังจริงๆ ส่วนสาขารอบนอก ผมว่ายากเนื่องด้วยสถานที่

นายธนาคารใหญ่แห่งหนึ่ง คิดจะสละตำแหน่ง ประธานใหญ่ให้ลูกชายคนเดียว
เค้าให้ลูกชายไปฝึกงานทุกตำแหน่ง ตั้งแต่หน้าที่คนทำความสะอาด ยาม จนถึง
รองประธาน และที่สุดก็ประธาน เป็นเวลาหลายปี เพราะอะไร?

ลูกชายคิดว่า พ่อคงจะให้เราไปเรียนรู้งานทุกชนิด เพื่อเราจะได้เก่งงานนทุกด้าน
และคนส่วนใหญ่ก็คิดอย่างนั้น

พ่อ:คิดว่า: ที่ฉันให้แก รู้จัก"ใจ"ของคนเป็นลูกน้อง ในหน้าที่นั้นๆ
เวลาที่แกเข้าห้องน้ำบริษัท แกจะได้ช่วยทำทำความสะอาดก่อนออกมา
ไม่ใช่ทิ้งให้เป็นหน้าที่ พนักงาน เวลาแกเห็นยามหลับใน แกจะได้เข้าใจว่า
คนเรามันหลับนัยได้ทุกเวลา เวลาที่เห็นพนักงานคุยโทรศัพท์ในเวลางาน
แกจะได้เข้าใจว่า เค้าอาจมีธุระจำเป็นมากก็ได้
พ่อกำลังสอนแกว่า บางเรื่องแกทำเป็นไม่เห็นบ้างก็ได้ ไม่ต้องใส่ใจทุกเรื่อง
เน้น.....เฉพาะเรื่องสำคัญๆก็พอ อีกอย่างหนึ่งคือให้รู้จักใช้คนให้เหมาะกับงาน

เพราะลูกชายไม่เคยเข้าใจสิ่งที่พ่อสอน ทุกวันนี้ธนาคารนี้
จึงดำรงอยู่ได้ด้วยความมั่นคง แต่ไม่รุ่งเรืองเหมือนสมัย ปู่ และพ่อบริหาร

คนเป็นลูกน้องก็จะมองหา "เจ้านาย"ที่สมบรูณ์ที่สุด
คนเป็นเจ้านายก็จะมองหา"ลูกน้อง"ที่สมบรูณ์ที่สุด

มันไม่มีจริงหรอก "ที่สมบรูณ์ที่สุด"

ผมก็ขายของ เห็นมาเยอะแล้ว คนเข้ามาซื้อของ พอมีเงินวางก้ามใหญ่...
แกไม่ตามใจฉันๆไปร้านอื่นนะ...
- เห็นเยอะ ลูกน้องที่ทำงานแบบขอผ่านไปที ก็บางวัน เจอคนหลายแบบ
คนมันก็เบื่อก็เซ็งเป็นเหมือนกัน จะให้ยิ้มรับตลอดเวลา มีแต่คนบ้าเท่านั้นที่ทำได้

-อยู่กันคนละมุม มันก็มองต่างมุมกัน

ถ้าอยากได้แบบที่เราต้องการ ก็ลองลงมา เป็นคนบริการบ้าง จะทำได้แบบที่เรา
คิดหรือเปล่า?

ที่นี่เมืองไทยนะครับ ไม่ใช่ญี่ปุ่น ดีเกินไป เค้าก็อิจฉา ขยันเกินหน้า เค้าก็ใส่ร้าย
ถ้าคนไทยถูกปลูกฝังมาให้มีความรับผิดชอบสูงแบบคนญี่ปุ่น
เมืองไทยเป็นเจ้าโลกไปนานแล้ว

ที่ผมพิมพ์ไว้เนี่ย จะบอกว่า สมัยเรียนทำงานร้านอาหารอิตาเลียน นะฮะ
ชื่อดังเลยแหละ จนมีสาขาไปมากมาย

เจอหมดแหละครับลูกค้าทุกประเภท ปัญหาคือ เราก็ต้องมองมุมกลับ
เราจะคอนโทรลอารมณ์ลูกค้ายังไง?

สถานที่ ที่ผมทำ 300 ที่นั่งแบบยังไม่ฟูล Capacity
แบ่งโซนกันก็ เฉลี่ย ลูกค้า60-80คน
ออดเดอร์ก็ต้องรับ จานก็ต้องเคลียร์ออกจากโต๊ะ ครัวก็ต้องไปประสานไวน์ก็ต้องแนะนำ ไวน์ก็ต้องคอยริน
รับออดเดอร์มาก็ต้องไปคีย์ ทุกอย่างแข่งกับเวลาหมด เจอลูกค้าจอมอีดิทเมนู เจอลุกค้ายังตัดสินใจสั่งไม่ได้ ในขณะที่ลูกค้าโต๊ะอื่นก็ทยอยมาใหม่

ลูกค้าโต๊ะนี้กินเสร็จก็ต้องเก็บโต๊ะแข่งกับเวลา เพราะลูกค้าจองรออยู่

ผมทำจากเด็กยกอาหาร จน ใช้เวลา7เดือน ข้ามมาถึง Supervisor
แล้วโซนที่ผมอยู่มีพนักงานมากสุด 3คน แต่เอาอยู่


ลองนึกถึงตัวเราเองเข้าไปร้านๆ นึง แล้วถูกปล่อยเป็นสูญญากาศ
มันก็เช่นเดียวกัน ลูกค้าจะเหวี่ยงหรือไม่เหวี่ยงแต่คงไม่มีใครชอบใจ
ในสถานการณ์แบบนี้แน่นอน

วิธีแก้ปัญหา ก็นึกว่าเราเป็นเจ้าของงานเลี้ยง ลำดับแรก แขกทุกท่านต้องมีตัวตนตนก่อน
ถึงบอกว่าใช้เซนส์ ลูกค้า ท่านนี้เข้ามา มีMenu ในใจอยู่แล้ว เราก้ต้องรีบปิดเกมก่อนไปโต๊ะอื่น มาโต๊ะนี้ยังลังเล หลายความเห็นไม่รู้จะสั่งอะไร แนะนำเบื้องต้น หรือ Recommend
ให้ใช้เวลาตัดสินใจ เราก็ปลีกตัวไปรับลูกค้าท่านอื่น ในเวลา10นาที ท่านสามารถ
ดูแลลูกค้าได้เกือบหมดแล้ว แล้วก็วนกลับมาใหม่คอยดูลุกค้าในภาพรวมๆ

เพื่อนร่วมงานชอบนินทาลูกค้า ก็เจอ แล้วสำคัญคืออย่าต่อประเด็นเวลาเพื่อนร่วมงานคนนึง นินทาลูกค้า หรือบ่นลูกค้า เพราะมันกระจายความคิดลบแผ่กระจาย
ซึ่งน้องสาขานี้มีพฤติกรรมแบบนี้ ทราบกันอยู่แก่ใจดี

ถ้าทำงานบริการแล้วหงุดหงิดลูกค้า ผมว่า ไปนั่งคีย์ข้อมูลหน้าจอ ทำงานคนเดียวดีกว่า

ลูกค้ากลับมาเพราะบริการ

ผมเองอ่านบอร์ด Gadget มา ตั้งแต่ Pantip Tech เห็นเฮียมั่นมา
ร้านเฮียประสบความสำเร็จเพราะอะไร ส่วนนึง มาจากเฮียด้วยต้องยอมรับ
แล้วที่มีสาขาไปทั่วจนทุกวันนี้ เพราะ แกรีวิว ได้สุดยอดจริงๆ กระตุ้นต่อม คัน
แล้วที่สำคัญ เทสของเฮียค่อนข้างถูกจริต ของคนส่วนใหญ่ด้วยเรียกว่า
จับไอ้นี่มาขายคุณไม่ผิดหวัง

แล้วที่สม่ำเสมอของเฮียคือความใส่ใจลูกค้า

ผมไปร้านเฮีย ตั้งแต่อยู่ชั้นล่าง พันทิพย์ประตูน้ำ บอกเลยว่าไม่ประทับใจพนักงาน
ไปเรือธง ผมว่าก็โอเคพัฒนาไปมากขึ้น ทุกอย่างมันต้องมาจากปรัชญาของเจ้าของนั่นแหละ ถ่ายทอดลงไปสู่ทีมงาน

ผมไม่ได้มีอคติอะไรกับที่ สาขาพารากอน ไปทุกครั้งก็ได้รับการบริการที่ดี
ที่ผมประทับใจคือ คนใส่แว่นขาวๆ หน้าจีนๆ ตาไม่มีเหล่าเต๊ง พนักงานท่านนี้
มีจิตวิญญาณเทคแคร์ลูกค้าสูงมาก แม้ คนนั้นไม่ได้ซื้อกับตนเองก็ตาม

ทำธุรกิจไม่ง้อลูกค้า ก็ต้องมีจุดขายอย่างอื่นหละครับ

+1000 Once18 องค์ความรู้และคำแนะนำมากๆครับ เห็นภาพตาม แล้วเข้าใจสิ่งที่จะสื่อได้เด่นชัดเลย

จริงๆ สเกลร้านมั่นคงทำได้ขนาดนี้ สำหรับผมก็ว่าเจ๋งแล้วนะ ผมยังเคยนึกเล่นๆว่า ถ้าผมเป็นเฮียแล้วมีคนเข้า มาล้อเฮ้ยไอ้โล้นอย่างโน้นอย่างนี้ รับรองมีบ้านบึ้ม555 งานที่ยากที่สุด สำหรับทุกบริษัท ทุกองค์กร ก็คืองานทรัพยากรบุคคลนี่แหละ คนเก่งใครก็อยากได้ แต่ไม่เท่าคนขยัน ขยันอย่างเดียวแต่โง่ก็เหนื่อย เก่งแต่โกงก็ปวดกบาล หายากจริงวุ้ย คนที่ทั้ง เก่ง ขยัน ซื่อสัตย์ เป็นคนดี555

ผมชอบร้านมั่นคงมากเลยครับบริการดีมากครับ ตอนรับ เทคแคร์ เป็นกันเองมาก
แต่ผมเลี่ยงที่จะเข้าไปทีสาขาพารากอน เพราะผมไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่แต่ก็เห็นใจ
เพราะว่าคนค่อยข้างเยอะ ครั้งต่อๆมาผมไปที่ สาขาDigital gateway มากกว่า

ส่วนตัวผมชอบสาขางามวงศ์วาน ร้านสบายๆดี แต่ย้ายมาข้างล่างแล้วอึดอัดนิดนึงนะครับ ^^

วันนี้เข้าไปซื้อshure sw-215 ทางร้านสาขาพาราไดซ์ พนักงานร้านเฮียก็บริการประทับใจดีนะครับ ผมขอลองim70 พนักงานก็ยิ้มแย้ม แต่ซื้อse215มาเรียบร้อยแล้วครับ พนักงานแนะนำดีบริการดีครับเฮีย

ร้านที่ผมไปประจำ พันทิปประตูน้ำ คนไม่ค่อยเยอะ ลองอะไรก็ได้ เสียอย่างเดียว ของท็อปๆ ไม่ค่อยมี

เนื่องจากกระทู้งนี้เป็น feedback ไปแล้ว ไม่ทราบว่าจะเสนอสิ่งที่อยากให้มีได้มั้ย

คือ อยากให้มีบริการหลังการขายหลังหมดประกันโดยมีค่าใช้จ่าย (หรือยังไม่หมดประกันแต่ทำให้มันหมด)

- ซ่อมสาย ซ่อม housing ในกรณีที่ซ่อมได้
- โมสาย เปลี่ยนขั้ว รื้อตะกั่ว (สำหรับพวกอยากทำให้หมดประกัน)

ร้านเฮียไม่ทำเอง แนะนำช่างได้บ้างก็ยังดี สำหรับมือใหม่ไปหาเอาเองนี่ยิ่งกว่าดำน้ำ

วันนี้ก็เพิ่งไปมา ไม่รู้เป็นบุพเพสันนิวาส หรืออย่างไร ไปกี่ครั้งๆ ก็เจอแต่ น้องเปา น้องกิฟ เอลวิส วนเวียนกันอยู่แค่สามคนนี้ (แต่เปาเจอบ่อยสุด) คนอื่นๆไม่มีจังหวะ ได้ใช้บริการกันสักที บริการก็ดีเหมือนเดิม เข้ามาบอกแค่นี้แหละ555

ทำไม๊ ทำไม ผมอยากเจอแต่น้องกิ๊ฟละครับ อิๆ

น้าอ่างครับ น้องกิ๊ฟบริการดีจริงครับ วันนี้ผมจ่ายตังค์เสร็จ มัวแต่ นะจังงัง กับสายเจ็ดป่าช้าอยู่ น้องเขาเห็นก็เลยถาม จะแกะลองก่อนมั้ย พอดีผมพาเมียไปจ่ายตังค์ ด้วยความเกรงใจ ต้องรีบพาไปกินข้าว ก็เลยไม่ได้ลอง (ทั้งๆที่น้องเขาจะไม่ทักก็ได้) แต่ก็แปลกจริงๆครับ ไปกี่รอบๆ ก็เจอแต่สามคนนี้จริงๆ คนอื่นติดลูกค้ากันหมด น้องแว่นที่เขาว่า Alert ก็ยังไม่เคยใช้บริการกันเลย

เมื่อวานจะเข้ามาพิมพ์ตอบช่วงดึกๆแต่ปรากฏว่างานค้างบานเลย ผมก็เลยมาคุยต่อวันนี้ก็แล้วกันนะครับ 555

ต้องขอบคุณ Once18 มากๆๆครับ สำหรับข้อเขียนที่ผ่านมา ลำพังเรื่องที่เขียนมาเล่าสู่กันฟังนี้ ถ้าไม่ใช่มาจากประสบการณ์จริง รู้มาจริง สัมผัสมาจริงๆ ไม่ทีทางเล่าได้ตรงจุดขนาดนี้แน่นอนครับ ยิ่งบอกว่าเคยดูแลร้านอาหารมาก่อน ผมนี่ยกนิ้วโป้งชูขึ้นให้ 2 นิ้วเลย

ขายอาหารนั้นยากกว่าอะไรในโลก ยากกว่าจริงๆ เพราะกำลังเล่นกับความหิวของคน และคนเราเวลาหิวไม่เหมือนคนเดินหาซื้อโทรศัพท์ หรือซื้อเสื้อผ้ากระเป๋าซะด้วยครับ ความหิวของคนกับการบริการ ผมถือว่าคนที่บริหารมันได้ดี ออกมาเรียบร้อย โดยที่ลูกค้าชื่นชมและแวะมากินหรือใช้บริการในครั้งต่อไป หรือตลอดไป ไม่มีอะไรยอดกว่านี้อีกแล้วครับ

ธุรกิจอาหาร ดูเหมือนง่าย แต่ผมว่ามันเป็นธุรกิจที่ดูแลยากมาก ใครไม่เจ๋งจริงกลับบ้านเก่าก่อน และใครที่สามารถวางระบบให้ทีมงานขายทำได้ดีเหมือนๆกัน นั่นคือยอดกระบี่เลยจริงๆ ผมเองทุกวันนี้ยังนึกแปลกใจร้านอย่างสตาร์บั๊กค์ว่าเค้าบริหารได้ไง พนักงานแทบทั้งหมด มีมาตรฐานสูง และการตรวจสอบรสชาติ รวมถึงการดูแลร้าน เค้าวางระบบอย่างไร

อยากบอกว่าถ้าต้องเสียเงินเรียนรู้วิธี หรือมีโรงแรัยนสอน ผมรีบยอมจ่ายทันทีเลยครับ 555 นี่ถ้าหากผู้บริหารเค้ามาอ่านมาเจอ ยังไงหนีบผมติดจั๊กแร้เข้าไปนั่งฟังก็ได้ครับ ผมชื่นชมและยกย่องคนที่เข้าใจกลไก และรู้วิธีการเทรนนิ่งบุคลากรให้มาเป็นส่วนสำคัญขององค์กรนั้นๆได้มากๆเลยครับ เพราะผมถือว่าตรงนี้คือส่วนที่ยากที่สุดของการทำธุรกิจ และยิ่งมาเจอมวยวัดอย่างผม อะไรๆก็ดูเหมือนจะยากไปกันใหญ่ 555

อย่างที่บอกมาว่าเคยไปประตูน้ำแล้วไม่ประทับใจ อันนั้นคือเจ้าหลุยส์แน่นอนครับ ซึ่งผ่านการอบรมมาแล้วทุกรูปแบบ จนเปลี่ยนยุคมาจนถึงปัจจุบัน เจ้าหลุยส์วันนี้มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แต่ก็ยังไม่ดีพอในสายตาของผม ยังคงต้องเพิ่มความใส่ใจและรายละเอียดให้มากยิ่งขึ้น ส่วนคนแว่นขาวๆ ตาไม่มีเหล่าเต๊ง น่าจะเป็นเจ้าแพะนะครับ อันนี้ก็อยู่ในกระบวนการการผลิตบุคคลากรแบบลุ่มๆดอนๆของผมเช่นกันครับ 555

เมื่อสองสามปีที่ผ่านมา ผมเคยบอกในที่ประชุมว่า หากพนักงานคนใดมีปัญหาถึงขั้นทะเลาะกับลูกค้า หรือมีปฏิกริยาที่ไม่ดีกับลูกค้า ผมจะไม่ฟังความว่าใครถูกหรือใครผิด แต่ผมจะตัดสินเลยว่าเป็นความผิดของพนักงานคนนั้น เหตุที่บอกว่าไม่ฟังว่าใครผิด ก็เพราะว่าในงานบริการเราต้องทำให้ทุกอย่างเกิดความพึงใจให้ได้ เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราพูดหรือปฏิบัติแบบนั้นแบบนี้กับลูกค้า หรือหาวิธีทำอย่างไรก็ได้ให้ลูกค้าเปลี่ยนจากความโกรธมาเป็นความเห็นใจและเข้าใจ^^

ทุกวันนี้ผมก็ยังเน้นย้ำกันตลอดครับ ถึงจะเป็นเรื่องยากสำหรับร้านเล็กๆในการจะคัดสรรพนักงาน แต่ยังไงก็ไม่มีทางยอมแพ้แน่นอนครับ ^^


-----------------------------------------------------

ขอบคุณครับพี่ tangkoo สเกลแค่ที่เห็นนี้ผมก็ลิ้นห้อยแล้วล่ะครับ 555 ร้านเล็กขยับทำอะไรลำบากมาก ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงขององค์กร การสู้กับค่าใช้จ่ายค่าเช่าร้าน ความเชื่อถือของเจ้าของพื้นที่ที่จะขอเช่า สารพันล่ะครับ ส่วนปัญหาเรื่องใครมาล้อว่าโล้นหรือเหม่งนั้น อันนั้นเฉยๆๆเลยครับ 555 ผมกลับรู้สึกว่าดีมากกว่า คืออย่างน้อยคนที่มาแซวเล่น เค้าก็ยังติดตามอ่านเว็บบอร์ดเราตลอด ไม่ได้มีอะไรเกลียดชังหรือทิ้งเราไปไหน ยังคงวนเวียนสร้างสีสันอยู่แถวๆๆนี้ล่ะครับพี่ 555

------------------------------------------------------

แบ่งกันชมแก้เครียดจ้าาาาา...

in Japan Only!

จริงๆแล้วลูกค้าที่โดนพนักงานคนหนึ่งทำน้ำหกใส่ขาจนเปียกไปหมดน่าจะต้องโกรธจนไฟลุก
แต่นี่กลายเป็นชอบใจและมีความสุขซะอย่างนั้น เพราะอะไรก็มาดูคลิปกันครับ

นี่อีกคลิปที่ผมมานึกลูกค้าร้านเฮียที่ไม่ชำนาญวิธีการใช้งานของ iMac ครับ

555 ขอบคุณครับน้าชา 555

คลิปที่ผู้จัดการออกมาขอโทษนี่ผมนึกชมในใจเลยนะครับ นี่ล่ะครับสุดยอดของคนรักงานบริการ คือเวลาพลาด ถึงแม้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรจนเกินไปนัก แต่กล้าแสดงความเสียใจแบบไม่ต้องอายใครกันเลยล่ะ ผมถือว่านี่คือผู้กล้าหาญที่สุดจริงๆๆครับ 555

ใครโกรธลงก็บ้าไปแล้วจริงๆๆ 555

ไม่ใช่เจ้าแพะครับ ตัวสูงๆหน่อย ผมชมเชยจากใจจริงๆ ถ้าเพิ่มไหวพริบรอบจัดกว่านี้
เรียนรู้วิธีการควบคุมอารมณ์ คน ผมว่ามันสนุกดี
จริงๆอย่างเฮียมั่นนี่ก็มีวิธีเยอะไม่มวยวัดหรอกครับ

ส่วนสตาร์บั๊ค เนี่ย เรื่องรสชาติ เค้าจะมีเส้นขีดที่แก้ว หรือ การตวง หรือการบีบ กี่ปี๊บ
กดกี่ปั๊ม
ซึ่งพวกมือเทพๆ มานี่ทำงานลำบาก เค้าไม่สนอะไรทั้งนั้น ห้ามนอกกรอบหรือดัดแปลง

พวกวิธีการควบคุมสาขา ของเค้า สำหรับพวกต่างชาติที่ผมเคยสัมผัส
พวกนี้ จะมีคู่มือพนักงาน แล้วก็ Check list ให้คุณไล่ติ๊กสิ่งที่ต้องทำแต่ละวัน
แล้วก็จะมีคนคอยดูอีกทีนึง คือบางคนก็ทำจนติดเป็นนิสัยไปเลย
ที่สำคัญคือเทรนนิ่ง ในสิ่งที่เราขาย ตรงนี้สำคัญมาก

ระบบดีแล้วจับใครมาใส่ก็ได้ เหมือนทีมฟุตบอลแหละครับ ฮ่าๆ
เพราะทุกคนต้องมาเป็นฟันเฟืองในระบบ เดินตามในสิ่งที่วางเอาไว้

คือพูดง่ายๆร้านที่เป็น Chain เฮีย ต้องมีระบบควบคุมภายในที่ดีก่อน คือ
ตั้งแต่ระบบ บัญชี ซึ่งมันก็เกี่ยวข้องกิจกรรมต่างๆไปจนจบProcess ของร้านเฮียเลย
แล้วมันก็จะควบคุมคุณภาพ และการทุจริตไปในตัวด้วย ส่วนบุคลากร นี่
เลือกยากหน่อยเลือกมากก็หาคนทำงานไม่ค่อยได้ 5555

แต่ผมชอบระบบฝรั่งอย่างนึง คือ ไม่ใช่ อายุงานในการโปรโมท ใช้การอบรมเทรนนิ่ง
ทดสอบทั้งภาคทฤษฏีและปฏิบัติ เพื่อเลื่อนตำแหน่ง พอมีหัวหน้าเป็นไทยเท่านั้นแหละ
เล่นเส้นเลียแข้งเลียขากัน เด็กใครๆ

อีกแนวคิดนึงของคนญี่ปุ่น ที่เคยคุยกัน เค้าบอกสอนพนักงานผม แกใช้คำว่าดิลโพลม่า
ไม่ต้องสอนยาก ทำคู่มือให้เค้า ซึ่งในความเป็นจริงเราจะวัดกันที่การศึกษาไม่ได้
แต่นั่นก็เป็นส่วนนึง ถูกไหมครับ? พวกญี่ปุ่นหรือฝรั่งทำอะไรเริ่มจากทฤษฏีหมด
แล้วค่อยไปต่อยอดทฤษฏีด้วย ประสบการณ์ ไม่งั้นคุณก็จะไม่เป็นเลิศในสิ่งที่คุณทำ

อ่านมาหลายวัน กระทู้นี้น่าจะยาว เลยขอเสนอความเห็นส่วนตัว

ของยอดแห่งการขาย(มงคล) เรียงลำดับความสำคัญคือ

1 การให้บริการที่ดี และการให้เกียรติ (การไหว้)

2 ให้เรียนรู้สินค้าที่ขาย ให้ทราบถึงจุดดี จุดเด่น จุดด้อยของมัน ยิ่งละเอียดยิ่งดี

ทั้งปัจจุบันและอนาคต เสริมจุดดี แก้ไขป้องกัน พัฒนาจุดด้อย

3 ลูกค้าถูกเสมอ อย่าเถียงลูกค้า (มีแต่ลบ)

4 พบลูกค้าที่ฉลาด ไม่รู้จริง อย่าพูด (เหนือฟ้า ยังมีฟ้า)

5 ลูกค้าคือผู้มีพระคุณ ขอบคุณโดยการไหว้

6 กระทำ 1 ถึง 5 อย่างสมำ่ เสมอ ( 1ในการทำ 5 ส )

7 ทำอย่างไรให้ลูกค้ามาซื้อกับเราอีก แม้ว่าครั้งนี้จะไม่ซื้อ ก็ขอเป็นครั้งหน้า

8 ทำอย่างให้ลูกค้า เป็น ลูกค้าขาประจำ

9 เราไห้วเขาก่อน เขาไหว้ตอบ = เท่าทุน

10 อย่าคาดหวังว่ามีคนเข้าร้าน จะต้องซื้อทุกคน แต่ไม่ท้อแท้ ให้หวังว่าเขาจะซื้อ

ไว้ก่อน การมีคนเข้าร้านเป็นการสะสม กลิ่นอาย ของมนุษย์ เสริม ฮวงจุ้ย

ยังไงก็ดีกว่าไม่มีคนเข้าร้าน

11 เสริมเทคนิคเฉพาะตัวไว้เสมอ

น้าชา ผมงี้สะดุ้งเลย ตอนที่พี่ยุ่นแกโผล่มาจากเครื่องซื้อตั๋ว แบบว่าคิดไม่ถึง 555+

ตรวจสอบรายชื่อพนักงานได้จากคลิปนี้ค่ะ

ขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำและข้อติชมนะครับ ข้อมูลเหล่านี้ไม่ต้องห่วงว่าผมจะอ่านแล้วอ่านเลยนะครับ แต่ผมเก็บขึ้นมาทั้งหมด อันไหนทำได้ผมจะรีบทำทันที อันไหนทำยากหรือลำบากก็ไม่ได้เลิกทำแต่อย่างใด ยังคงพยายามทำให้ได้ซักวันอย่างแน่นอนครับ 555

อ่านมา 2 วัน หลัง ๆมีมาแนะนำเทคการบริการ แล้วคนร้ายตัวจริงล่ะ?
ไม่เห็นออกมาแจ้งแถลงไขเลย ว่าที่ลูกค้า Complain มา จริงหรือเท็จ
เท็จก็มาแก้ต่าง ถ้าจริงก็ออกมารับผิดชอบ ขอโทษกันไปแบบแมน ๆ
หรือเจ้าตัวออกมาชี้แจงแล้ว แต่ผมพลาดไปก็ขอโทษที

ทางผู้รับผิดชอบ (ผู้จัดการสาขา) เขาก็ออกมาขอโทษแล้วนี่ครับ สำหรับลูกค้าก็น่าจะถือว่าจบแล้ว ที่เหลือเขาน่าจะไปเคลียร์กันเองเป็นการภายในครับ จะไปต่อความยาวสาวความยืดไปทำไม ไม่ใช่เป็นเรื่องคอขาดบาดตายขนาดนั้น (ถ้าเป็นระดับพนักงานต่อยลูกค้าก็ว่าไปอย่าง ที่จะต้องออกมาขอโทษด้วยตัวเอง)

คือว่าตอนนี้ผมกะลังประสบปัญหาเดียวกันเลยคับ ตอนแรงเป็นข้างซ้าย ไปเปลี่ยนเส้นใหม่
ทีแรงข้างขวาไม่ติด เลยลองถอดแล้วใส่ใหม่ ติดโอเคก็เครมเอาตัวนั้นมา

ตอนนี้ข้างขวาเริ่มโยก นั่งฟังขยับตัวกันไม่ได้เลยที่เดียว ผมก็คิดว่าเป็นที่หูฟังเรารึเปล่า ลองสลับสายสต๊อก ไม่มีอะไรเลย โยกหัวเสียงก็ยังนิ่ง
เลยลองอีกวิธีให้รู้ไปเลย สลับซ้ายขวา

สรุป สายข้างขวาหลวมจริงๆ ตอนนี้ก็เลยกำหนดเครม 7 วันมาแล้ว อยากให้แนะนำร้านซ่อมหรือวิธีที่ทำให้มันใช้ได้ดีหน่อยคับ เพราะสายนี่ราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ(สำหรับผม)

และผมชอบเสียงของมันจริงๆ จึงอยากใช้ต่อ ไม่อยากใส่สายสต๊อก และก็เข้าใจว่าปัญหาไม่ได้เกิดจากร้านเพียงอย่างเดียว แต่ก็อยากแก้ปัญหาให้จบเหมือนกันคับ

ถ้าเป็นสินค้าจากที่ร้าน หากเลย 7 วันเเล้วก็ยังคงสามารถเคลมได้ปกติครับ ซึ่ง Effect Audio นั้นมีระยะเวลารับประกัน 1 ปีครับ 

ลองทำตามแบบผมสิครับ เวลาผมจะซื้อของร้านเฮียผมจะนั่ง BTS ไปลงที่สาขาเรือธงเพื่อลองทดสอบ+ฟังสินค้าก่อนครับ เพราะสาขานี้เงียบสงบ สบายๆ และมีอุปกรณ์+เดโม่ค่อนข้างครบ มีหลายมุมให้นั่งหลบนั่งฟัง คนไม่พลุกพล่าน พอนั่งฟังจนครบตามที่ต้องการแล้ว ก็จะกลับบ้านไปคิดและตัดสินใจก่อนครับ(เพราะบางตัวผมก็เข้าไปลอง 2-3 ครั้งก่อนตัดสินใจซื้อ) แต่พอวันที่จะเข้าไปซื้อ ผมจะเข้าไปซื้อที่พารากอนแทนครับ เพราะว่าที่พารากอนของมักจะมีตุนไว้ในสต๊อกเยอะกว่าสาขาอื่น (ผมเคยไปซือที่เรือธงปรากฏว่าของที่ติดโปรโมชั่นชอบหมดก่อนเป็นประจำ หลังๆเลยไปซื้อที่พาราก้อนชัวร์ๆจะได้ไม่เสียเวลาไปมา)

ผมทำแบบนี้ตลอดครับกับร้านเฮีย บางทีไปลองบ่อยๆซะจนกลัวน้องตั้มกับหลุยส์จะจำหน้าและหมั่นไส้เอาว่า "เจ้าหมอนี่มาลองอย่างเดียวไม่ค่อยจะซื้อ" หารู้ไม่ว่า ซื้อจ้า แต่ชอบไปซื้อที่สาขาพาราก้อนแทน เพราะมันใกล้ผมกว่า แต่เวลาลองชอบมาลองเรือธง

ไปทุกครั้งคุณหลุยส์กับน้องตั้มบริการดีตลอดนะครับ ไปลองอะไรให้ลองได้หมดครบๆเลย ทั้งสองคนนี่อยู่กันได้นะครับ เพราะนิ่งๆทั้งคู่ พูดน้อย แต่การบริการมีมารยาท สุภาพและเป็นกันเองครับ ลูกค้ารู้สึกสบายใจ

แนะนำท่านสมาชิกลองทำแบบผมดูครับ 1.เพื่อหลีกเลี่ยงคนเยอะจอแจวุ่นวายที่พาราก้อน 2.เพื่อจะได้ทดสอบเสียงของหุฟังที่เราจะซื้อได้อย่างชัดเจนกว่าที่พาราก้อน เพราะสาขานั้นมันสาขาใหญ่ คนเข้าออกเยอะมากในแต่ละวัน

พนักงานร้านเรือธงเขาจะชวดค่าคอมไหมครับเนี่ยคุณ เมย์จิน

ผมก็เคยกังวลเหมือนกันครับ เคยคิดอยากจะถามน้องตั้มเหมือนกันว่า ร้านเฮียมีค่าคอมไหม แต่ก็ลืมทุกทีครับ (ใครรู้ช่วยบอกด้วยนะครับ)
ถ้ามีค่าคอมด้วย ผมคงต้องเปลี่ยนวิธีเหมือนกันครับ คงต้องไปอุดหนุนที่เรือธงแทนพารากอนครับ อาจจะใช้วิธีโทรไปสอบถามก่อนแทนว่ามีของไหม

เป็นการเครมโดยการส่งของไปเครมที่เมืองนอกรึเปล่าคับ

ผมไปมาสองรอบ เอาจริงๆผมเกรงใจพนักงานเค้าเหมือนกันนะคับ เปลี่ยนสายแล้วก็ยังมีปัญหา แต่ผมก็ไม่อยากเจอปัญหาเช่นเดียวกัน

เมื่อวานได้โทรไปสั่งซื้อms1e ที่สาขางามวงศ์วาน   และได้วานให้ทางร้านช่วยตรวจเช็คสินค้าที่ผมซื้อจากกระทู้หูฟังมือสองให้ด้วย  ผมอยู่ตจว เลยไม่สามารถตรวจของเองได้  
ได้รับการบริการอย่างดีเยี่ยมจากทางร้านครับ
ขอขอบคุณ ผู้ขาย  คุณเจตน์และคุณเล็กมากๆนะครับ

ไม่เป็นไรเลยครับพี่เมย์จิน  ปกติก็มีลูกค้าจากสาขาอื่นมาที่เรือธงตอนสาขานั้นๆไม่มีของเช่นกันครับ ก็มีสลับๆกันไปเป็นปกติครับผม พนักงานแต่ละสาขานั้นไม่ได้ซีเรียสกันเลย สบายใจได้ครับ  ^^

เอาเฉพาะเรื่องหลักๆนะครับ อ่านแบบกลางๆผมสรุปได้ดังนี้

1. ลูกค้าลองเจอสินค้ามี defect
2. พนักงานเข้ามารับฟัง
3. ลูกค้าไม่พอใจที่จบแค่นั้น

ส่วนตัวผมไท่แน่ใจว่าลูกค้าต้องการอะไร ต้องการให้เค้าแนะนำสินค้าอื่นที่ราคาใกล้เคียงรึเปล่า หรือต้องการใก้แกะกล่องใหม่มาให้ลอง

จากที่ผมอ่านดู sale ก็ไม่ได้ทำผิดอะไร ลูกค้าอาจจะคาดหวังมากไปเลยผิดหวังบ้างเป็นเรื่องธรรมดา บางทีคุณอาจจะคาดหวังบริการระดับซื้อลำโพงตัวเป็นล้านจากสินค้าหูฟังหลักพันอยู่รึเปล่า

เอางี้สิ เวลาพี่ไปลองก็ซื้อชาเขียวกับน้ำแดง ไปฝากพี่หลุยส์กับพี่ตั้ม ซักคนละขวด เป็นค่าเสียเวลา อิอิ