Front บางรุ่นที่ราคาสูงหน่อยก็ใช้ DAC 24 บิทนะครับ อย่างพวกของอัลไพน์ เคนวูด จะมีระบุไว้เลยว่าใช้ DAC 24 บิท

แต่ทั้งนี้ คุณก็สามารถเอาเครื่องเล่นพกพาไปต่อได้ครับ โดยเอา Line Out ไปเข้าภาคปรีของ Front เลยก็ได้ ซึ่งน่าจะได้คุณภาพที่ดีกว่า

หรือถ้าไม่อยากผ่าน Front คุณก็อาจต่อสายจาก Pre Amp ในตัวรถออกมาเข้ากับเครื่องเล่นคุณก็ได้ครับ แต่ไม่แนะนำให้ต่อออกมาจากเพาเวอร์แอมป์โดยตรง เพราะมันไม่มีปุ่มปรับ Volume ครับ หูจะแตก ลำโพงจะพังเปล่าๆ ^^"

1. ถ้าFrontปกติไม่แพงนะฮะ คือ 1 Din เล่น CD/USB ตัวที่แพงคือจะมีจอสัมผัส BT อะไรก็ว่าไป
2. ต่อเครื่องเล่นดีกว่า CD แน่นอนฮะ ในเรื่องความต่อเนื่องของข้อมูล (CD เป็นการอ่านข้อมูลสด รถเบรคแรงก็สะดุดได้)
3. เรื่องต่อไม่ผ่าน Front ทำได้อยู่แล้วฮะ เพียงแต่มันจะไม่สะดวกเวลาเปลี่ยนเพลง จูนเสียง ยังไงใช้ Front ดีกว่าฮะ อุปกรณ์ในรถกับบ้านมันต่างกันฮะ เครื่องเล่นในบ้านมันตั้งไว้เฉยๆ แต่ในรถนี่สั่นตลอดเวลา มีสะดุด มีโดนความร้อนอีก การจ่ายไฟก็มาจากแบต ใช้เครื่องเสียงบ้านอายุการใช้งานจะสั้นลง

ที่เคยคิดก็อยากลองต่อ ผ่าน Pre Amp เข้าเลยน่ะครับ

ที่อยากทำก็เพราะ เดี๋ยวจะมี DAP ที่คุมได้โดยมือถือ หรือ แทปเล็ท ได้ออกมาน่ะครับ

คราวนี้ก็ไม่อยากต้องมานั่งแยก Source น่ะครับ เพราะจอมือถือเดี๋ยวนี้ก็ขนาดพอใช้งานละมั้งครับ

1 Din ที่เล็งไว้ก็ราวๆ 10000 - 15000 ทั้งนั้นเลยน่ะครับ สนใจ Alpine น่ะครับ

คราวนี้ก็สงสัยเรื่องการจูนเสียงละครับ จะยังไงดีน่ะครับ จะมีคนทำได้ไหมน่ะครับ

ศาสตร์เครื่องเสียงรถคนละอย่างกับลำโพงบ้านนะฮะ แค่ตำแหน่งที่นั่งก็เอียงขวาแล้วฮะ กรณีคุณเป็นคนขับรถ ลำโพงตัวอย่างที่ร้านกับเอามาติดในรถเสียงก็คนละอย่างนะฮะ วิธีการมีแต่ไปนั่งจริง แล้วปรับ EQ ปรับทุ้มปรับแหลมไปเรื่อยฮะ เพราะตำแหน่งลำโพงมันถูก FIX ไว้ บางทีเราก็ต้องเลือกเซนลำโพงให้เสียงเอียงซ้าย เพื่อให้คนขับฟังเพราะ แต่คนนั่งข้างๆเสียงเอียงๆ ^^

ขอแชร์ประสบการณ์จากที่เล่นเอง และกำลังทำเล่นในรถนะครับ
1.การทำเครื่องเสียงในรถ การฟังเพลงในรถ มีเป้าหมายเหมือนฟังเพลงในบ้าน หรือฟังด้วยหูฟัง ซึ่งข้อจำกัดในการฟังเพลงในรถที่จะเป็นรองการฟังในห้องฟัง ก็คือตำแหน่งการนั่งฟังที่อาจจะไม่สามารถฟังได้ตรงกลางเป๊ะ รวมถึงสภาพอคูสติกในรถ ที่ไม่สามารถแก้ไขเรื่องการ ซับ สะท้อนได้
2.แต่ข้อจำกัดดังกล่าวสามาถแก้ไขได้ 2 แบบคือใช้ Processor เพื่อปรับแต่งความถี่และ ดึงเวทีเสียงให้สมมาตร กับอีกแบบคือใช้การออกแบบPassive crossover และจัดการกับการติดตั้งและมุมองศาของลำโพง ซึ่งส่วนตัวผมเลือกใช้การออกแบบและทำPassive ให้เหมาะสมกับดอกลำโพงและสภาพรถยนต์มากกว่า เพราะเป็นหลักการเดียวกันกับการทำลำโพงใช้ในบ้าน และเหมือนกับการเล่นเครื่องเสียงบ้าน
3.การปรับEQ ทุ้ม กลางแหลม ก็มีอยู่จริง แต่เพื่อชดเชย หรือเติมความถี่หรือปรับตามชอบอันนั้นแล้วแต่คนฟัง แต่ถ้าเล่นแกับSystem คุณภาพสูงๆ จะไม่มีการปรับแบบนั้น
4.เทียบDac พกพา คุณภาพดีๆ โดยส่วนตัว ผมใช้ Front รถยนต์ รุ่นที่สูงที่สุดในวงการคือ Alphine F1. โดยจะมีแบ่งออกเป็น 3ส่วน คือ ตัวTransport และภาคจ่ายไฟ ทำหนัาทึอ่านอย่างเดียว อีกส่วนคือ Dac ซึ่งตัวนี้ใช้ Chip Dac 1704K ถอดรหัสได่้24 /96 ราคาชุดนี้ตอนออกใหม่ๆ แสนกว่าบาท ......ปรับแต่งอะไรไม่ได้เลย อ่านแผ่นถอดรหัส มีVolume เพื่อเพิ่ม ลดและ ส่งสัญญาณเข้าแอมป์
4.พูดมาซะยาว แต่จะบอกต่อว่า ตอนนี้Front Alphine. f1 กลาายเป็นตันสำรอง เพราะผมใช้ DAC Hugo รับสัญญาณ ดิจิตอลจาก smart phone.และจากMac mini เป็น Front แทนเรียบร้อยแล้วครับ
5.มีพรรคพวคใช้IPhone 6 เล่นDSd ไปเข้า ฟรัอนAlphine 957 และเสียงดี ถึงแม้ว่าSpec 957 จะอ่านได้แค่48k แต่ก็เพราะมากมายครับ

DAC ตัวที่ผมเล่นคือ Hugo ครับ ....ได้ลองเทียบกับของพี่อีกท่านใช้ Aureder ซึ่งทั้ง2ตัวมีได้มีเสียในบางแง่ แต่มันดีกว่าFront alphine ผมไปอีกมาก

555 พี่ต้อมาถึงนี่เลยนะครับ

และก็มีพี่อีกคนใช้AK240 ปล่อยสัญญานLine out เข้า ปรีหลอด และส่งสัญญาณเข้าAmpครับ

คุณstocamadas ที่ผมต้องทำระบบเพิ่มเติมก็เพราะ แวะเข้าเวปนี้บ่อย ลองไปลองมาได้เรื่องUp กระจายเลยครับ555

ขอบคุณมากๆเลยครับสำหรับตัวอย่างครับ แต่ผมคงยังไปไม่ถึงล่ะครับ สายป่านขาดก่อนครับ 555+

จริงๆผมมองว่าจะจ่ายแค่สัก 20000 ไม่น่าเกินน่ะครับ เพราะมองว่าไม่ได้ใช้แต่ในรถ น่าจะคุ้มกว่าน่ะครับ

จริงๆก็แอบมอง AURENDER FLOW กับ HUGO อยู่นะครับ มองจนตาจะเหล่ละครับ 555+

คราวนี้ถ้าทำได้ การต่อจาก DAC หรือ DAP ออกไปนี่ไปเข้าตรงไหนครับ แล้วมีการปรับจูนอย่างไร ครับ

ผมไม่อยากใช้ Processor แต่อยากใช้ Passive น่ะครับ

อีกอย่าง ผมฟังเพลงที่บ้าน หรือ ที่ทำงานจะเดินไปเดินมาน่ะครับ อาจจะไม่ได้ซีเรียสมากเรื่องเวทีนะครับ ไม่ได้กลางเป๊ะก็ได้ครับ (แต่ถ้าได้ก็ดีครับ555+)

อย่างนี้ผมใช้ CDA-117E + H-100 หรือ 9887 ก็พอครับ

จากที่ฟับDac พกพาหลายๆตัว ต้องบอกตรงๆว่า ในงบที่เท่าๆกัน ไม่มีทางที่Front รถยนต์จะให้เสียงได้เท่าDac พกพาครับ ถ้าให้แนะนำ ผมอยากแนะนำ ระบบประมาณนี้นะครับ
1.ใช้Smart phone ซึ่งเดาว่ามีอยู่แล้ว
2.หาDac พกพาที่คุณภาพและราคารับไดั
3..ทำปรีหรือVolume เพื่อใช้เพิ่ม ลดสัญญาณ
4.power amp 1 ตัว
5.ลำโพง กลางแหลม 1คู่
6.ร้านติดตั้งและออกแบบPassive
การเล่นแบบนี้ไม่จำเป็นต้องใช้Front. วิธีการเล่นแบบนี้ก็เหมือนการเล่นแบบพกพา ต่างตรงที่ การใช้แอมป์หูฟัง กับหูฟัง. เป็นใช้ลำโพงและแอมป์ ซึ่งสามารถใช้อุปกณ์เล่นเพลงพกพาใช้ในรถ เล่นได้2แบบครับ
ผมหันมาเล่นแบบนี้ก็เพราะจุดประสงค์เดียวกัน คือเอา Dac เอา Smart phone เอา Mac mini. มาฟังในห้องฟังได้ด้วยครับ

ขอบคุณครับ

player พกพาเสียงดีกว่าวิทยุติดรถยนต์ราคากลางๆ (ไม่เกิน 15000 บาท แน่ๆ คับ)

แต่ก็ต้องประกอบกับปัจจัยเสริมอื่นๆ ด้วย เช่นสายต่อ, ลำโพง

คุณUnchain ครับ ลืมบอกไประบบของผมเป็น Pure Passive ครับ เล่นแบบAnalog. เต็มรูปแบบ แบบเครื่องเสียงบ้าน. ไม่มีProcessor หรืออุปกณ์ปรับแต่งความถี่ประเภทElectronic. หรือEQ แต่อย่างใด แต่สัญญาณต้นทาง ที่หันมาเล่น Digital. หรือHires ผ่านDac เพราะต้องยอมรับว่า ปัจจุบันนี้ File คุณภาพสูง อย่างDSD คุณภาพสูงมากๆ รวมถึงDac ดีๆราคาก็ไม่แพงมาก ครับ

เห็นละชอบจังเลยครับ ระบบหน้าตาแบบครับ

ตอนนี้เหล่ ifi idsd macro อยู่ครับ เห็นว่าเป็น Preamp ในตัวด้วยครับ

ราคาน่าสนใจ เผื่อยิงตรงเข้า Power amp ได้เลยน่ะครับ

แต่ตอนนี้ชั่งใจรอดูเครื่องเล่นอย่าง Fiio X7 - DX90 พวกนี้ก่อนน่ะครับ

ผมก็ต่อ dap เข้า processor เล่นแบบ active สำหรับฟังในรถเป็นหลักครับ ไม่เคยใช้กับหูฟังเลย
เปลี่ยนมาเรื่อยครับ ตั้งแต่ x5, Ak100, ak120, HM901, ak240
ที่ชอบที่สุดคือ hm901 แต่ไม่ค่อยสะดวกเลยครับ เลยมาพักที่ calyx M ก่อน

ผมงบน้อยครับ
คันนึง ใช้ cda117e+ H100 ครับ ต่อ ai-net to rca เข้าที่ตัว h100 แล้วต่อจาก m โดย mini to rca ครับ, ลำโพง scan-speak ใบพัด+ แหลม scan ลูกกอล์ฟ, แอมป์ colourful 4000+200, ซับ ultimo sc10 ครับ

ส่วนอีกคัน ใช้ ฟร้อน jvc ยิง optic เข้าโปร acustika dsp-1 ครับ เคยใช้ bit one แล้วไม่ค่อยชอบ ตัว dsp-1 ปรับได้ละเอียดกว่าเยอะครับ แล้วก็ต่อจาก m ไปเข้า aux in ของ dsp-1 ครับ ลำโพง scan ใบพัด + แหลมจาน scan จู๋ลิง , แอมป์ genesis 4ch + Phoenix gold xenon 600.1 , ซับ ultimo sc10 เหมือนกันครับ

แอบๆ ฝันว่าวันนึงจะมีบุญได้เป็นเจ้าของระบบ ระดับพี่ต้อ Tor101 บ้างครับ 555

คุณUnchainครับ ผมว่าifi I dsd น่าสนนะครับ น่าจะต่อเข้าแอมป์ได้เลย แล้วทำPassive Cross เอาครับ

คุณtigk. ระบบในรถผมคุ้นตามากๆครับ.......ผมก็พึ่งหันมาเล่นHires เหมือนกัน จริงๆ ยังเสียดายมาก ที่เล่นช้าไป ประหยัดค่าFront กับแผ่นได้เยอะเลยครับ

ผมเคยโทรไปสอบถามร้านดังที่รับติดตั้งเครื่องเสียงรถยนต์

เค้าบอกแต่ว่าไม่ได้ ยังไงก็ต้องเข้า front หรือ Processor ให้ได้ครับ

บอกว่ายังไงก็ต้องจูนผ่าน และ พูดแล้วผมไม่เข้าใจ ยืนยันประมาณนี้ครับ

เลยเซ็งๆ เหมือนคุยไม่เข้าใจกัน น้อยใจเลยผม 555+

ปกติเครื่องเสียงรถมันจะต่อ Front > Power Amp > Speaker ครับ Front มันทำงานเป็นทั้งเครื่องเล่นทั้ง Pre-Amp ไปในตัวเลย

ยกเว้นคุณจะมี Pre-Amp ต่างหากก่อนเข้า Front น่ะครับ ถึงจะต่อได้ (เอาเข้าจริงมันก็ต่อตรงได้นั่นแหละ เพราะเครื่องเล่นเดี๋ยวนี้ ภาค Line Out มันแรงพอ แต่มันไม่สะดวกครับ โดยเฉพาะการปรับเพิ่มลดเสียง)

อยากทำระบบแบบนี้ แบบหาของไปเอง แนะนำร้านติดตั้งใน กทม มีมั้ยครับ

ก็บอกเรื่อง Pre กับร้านนะครับ แต่ทางร้านยืนยัน และ ไม่ได้บอกอะไรเพิ่ม ผมก็เลยงงๆอ่ะครับ

เพราะคิดๆตอนแรกในระบบก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรต่างมากน่ะครับในระบบ ที่ทำให้ไม่เหมือนมากๆน่ะครับ

คุณUnchain ผมซองเหลืองไปให้ ลองดูนะครับ หรือถ้าจะคุยละเอียดลึกๆ ทางLine tor_wichan ได้ครับ

จริงๆแล้วผมว่านักเล่นส่วนใหญ่ จะมีความเข้าใจการใช้Processor ในรถยนต์ไม่ค่อยถูกต้องนัก
1.Processor ในรถยนต์ คืออะไร ใช้ทำอะไร
- เป็นอุปกรณ์ตัดแบ่งความถี่ แบบElectronic cross สามารถปรับแต่งได้ทั้งจากตัวเครื่องและ จากSoftware โดยต่อพ่วงคอมพิวเตอร์
- มีวงจร DSP สำหรับปรับแต่งเรื่องความถี่ ทั้งEQ เพื่อเพิ่ม หรือชดเชย ให้เหมาะกับสภาพในรถ
- มีวงจร Time alignment สำหรับปรับแต่ง หน่วงสัญญาณ ซ้าย ขวา หน้าหลัง เพื่อทำให้เสียงมาถึงหูพร้อมๆกัน เพื่อแก้ปัญหาตำแหน่งนั่งฟัง. ปรับความดัง ของลำโพง ซ้าย ขวาบนล่าง ซึ่งทำให้ฟังแล้วเหมือนเรานั่งอยู่กลาง เวที
2.ทำไมรัานถึงเน้นการใช้Procesor เพราะสามารถ ปรับแต่งความถี่ได้เหมาะสม ในรถแตีละคัน ซึ่งเค้าเรียกว่าการปรับจูน
3.รถทุกคันจำเป็นต้องใช้Processor ไม๊ คำตอบคือถ้าสามารถออกแบบ Passive cross over เพื่อแบ่งความถี่ให้ลำโพง ทำงานได้เหมาะสมภายในรถก็ไม่จำเป็นต้องใช้ครับ แล้วทำไมถึงไม่ค่อยมีใครทำ สาเหตุเพราะการทำPassive ให้ลงตัวในสภาพการใช้งานในรถจริง ทำยาก และเสียเวลา มันเหมือนกับการออกแบบ ลำโพงวางหิ้ง เพื่อใช้ในรถ พร้อมกับการปรับตำแหน่งลำโพงให้ลงตัวกับจุดนั่งฟังครับ
4.ส่วนPre คือตัวเพิ่มลด เกณท์สัญญาณก่อนส่งเข้าPower amp ขยาย ซึ่งจำเป็นต้องใช้
5.ถ้าในDac มีVolume อยู่แลัวก็ไมีจำเป็นต้องใช้ปรีก็ได้ เพราะสัญญาณที่ออกมาส่วนใหญ่ ก็ 2V ซึ่งก็แรงพอที่จะส่งให้Power amp ขยาย แต่หากมีปรีแอมป์คุณภาพดีๆก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ
6.ระบบเครื่องเสียงทุกประเภทเหมือนกัน นะครับ แตกต่างแค่การใช้อุกรณ์บางอย่างและจุดประสงค์ที่ถูกต้องในการใช้งานมากกว่าครับ

กด like เลยครับ พี่ต้อ
ขอบคุณมากครับ สำหรับความรู้

ใจจริง ถ้าพูดถึง tonal โดยรวม ผมก็ชอบ passive นะครับ
แต่เนื่องจากทำเองไม่เป็นครับ อยู่ต่างจังหวัดอีกต่างหาก
เลยเลือกมาทาง active ดีกว่า ยังเล่นเอง เลือกอย่างที่เราชอบได้บ้างครับ แล้วยิ่งได้ sound stage มาเป็นของแถมด้วย เลยยิ่งชอบ active ไปใหญ่ครับ จูนหมดน้ำมันไปหลายปัีม แล้วครับ 555

ขอบคุณครับคุณtigk ^ ^
สรุปสุดท้ายเรื่องคุณภาพFront ติดรถยนต์ DAC และDAP
1.ถ้างบประมาณเท่ากัน ประมาณ20,000 เทียบระหว่าง Front ติดรถยนต์แบบเล่นCD ไม่เน้นดูหนัง สิ่งที่ได้คือ CD player ตัวถอดรหัส ปรีแอมป์ หรือบางตัวอาจจะมี Power amp ในตัวที่เรียกว่า Hipower ในตัว ซึ่งสามารถเอาไปต่อลำโพงได้เลย หรือจะใช้Line out จากFront ไปเข้าAmp เพื่อเพิ่มกำลังขยายให้มากขึ้นก็ได้
2.DAP ในงบใกล้ๆกัน ประมาณ20,000 บาท สิ่งที่ได้คือ Digital player มีตัวถอดรหัสในตัว มีภาคปรีในตัว มีภาคขยายหูฟังเอาไปขับหูฟังได้เลย แต่ถ้าเอา DAP ตัวนี้ ไปใช้ในรถ โดยการดึงสัญญาณ Line. Out. ไปเข้า Amp. เพื่อขับลำโพงก็สามารถทำได้เช่นกัน. ซึ่งถ้าเทียบคุณภาพFront กับDAP ก็จะ อยู่ในเกณท์ใกล้เคียงกัน แตกต่างกันตรงที่ถ้าFront. ใช้แผ่นซีดีคุณภาพดี เสียงก็ดีตามคุณภาพแผ่น ถ้าDAP ใช้File คุณภาพดี เสียงก็จะดีตามFile. มีข้อดีกันคนละด้าน
3.ถ้าเอา Front รถยนต์ และDAP ราคาประมาณ20,000บาท เทียบกับ DAC พกพาราคาใกล้เคียงกัน DAC พกพาก็จะมีตัวถอดรหัสในตัว มีปรีในตัว และภาคขยายหูฟังในตัว DAC พกพาสามารถต่อสัญญาณ Line out ไปเข้า Amp และขับลำโพงในรถยนต์์เหมือนกับFront และ DAP. แบบนี้ การใข้DAC รถยนต์ย่อมให้คุณภาพสูงกว่าครับ เพราะในราคา20,000 บาทสำหรับDACอย่างเดียวไม่ร่วม File หรือCD Player ย่อมทำให้DAc ราคา20,000 มีคุณภาพวงจรหรืออุปกรณ์ที่ดีกว่า
4.DAC พกพาราคา20,000 ก็จริง แต่อย่าลืมครับว่า ต้องใช้ร่วมกับ ตัวDigital. Player เช่น Smart Phone อย่าง IPhone หรือTaplet. ดังนั้นราคาจริงๆของชุด. มันจึงไม่ใช่ 20,000 แต่ถ้าใครใช้Smart phone อยู่แล้วและอยากใช้ประโยชน์จากการเล่น Hires ทั้งจากหูฟังหรือต่อฟังในรถ การใช้DAC พกพาจึงเป็น แนวทางที่เหมาะสมกับคุณภาพและคุ้มค่าเงินที่จ่ายไปครับ

เพื่อนๆ ผม บางคน ก็ใช้ DAC ต่อฟังในรถนะครับ
โดยใช้ทั้ง front และ DAP ยิงเข้าที่ DAC ก่อน
แล้วค่อยจาก DAC ไปเข้า Aux in ของ Pro ช่วยจัดการเวทีเสียง อีกทีนึงครับ
ผลที่ได้ อลังกาล มากครับ แต่ก็ต้องปิด-เปิด หลายตัว หน่อยครับ เวลาจะฟังทีครับ

ขอบคุณมากๆเลยครับสำหรับคำตอบ

แต่ซองเหลืองไม่เข้าอ่ะครับ เดี๋ยวไลน์ไปละกันนะครับ

หาไลน์ไม่เจอนะครับ

ลองAddดูครับ

ขอคำแนะนำครับ ตอนนี้ระบบในรถยนต์ มี Front alpine 502 ต่อเข้า pxa-h800 ผ่านสาย optical ตอนนี้ขี้เกียจเปลี่ยนแผ่น อยากเพิ่มระบบ music station ขอคำแนะนำด้วยครับ