ไม่เคยลอง แต่คิดว่าน่าจะได้ครับ เพราะ Active Speaker มันมีภาคแอมป์ในตัวอยู่แล้ว หากผิดขออภัย

ของแค่นี้ถ้าไม่รู้ ก็อย่าเรียกตัวเองว่าเป็นคนชอบฟังเพลงเลยครับ
เป็นคำถามที่ผมว่าไม่น่าถามเลยด้วยซ้ำ เสียเวลาตอบเปล่าๆ หาอะไรที่ยากกว่านี้มาถามเหอะ ขอร้อง
ไม่คิดว่าจะมีคนไม่รู้เรื่องนี้อยู่อีกนะเนี่ย งงเลยกรู เฮ้อๆๆๆๆ

เข้าใจว่าที่ตัวมันไม่มี Line Out ต้องซื้อ fiio L7 มาต่อร่วมด้วยครับ จะได้ Line Out ออกมาจาก E07K เสียงน่าจะดีกว่าต่อออกจาก ช่องหูฟัง

ราคาประมาณ 280 บาท ลอง search หาดูครับ

ใจเย็นๆครับ ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด ถ้าเค้ารู้คงไม่ถามหรอกครับ

E07k จากที่อ่านข้อมูลน่าจะมี LineOut ต่อช่องนั้นเข้า Active Speakerได้เลยครับ น่าจะเป็นการ Bypass สัญญาณจาก Dacเข้าลำโพงโดยตรง

ส่วนคำถาม ต่อผ่านDac น่าจะดีกว่านะครับ

รอผู้มีความรู้มาเสริมเพิ่มเติม

ยินดีให้คำแนะนำครับ ขอบคุณ

พอดีหาข้อมูลจาก filo.in.th เห็นเค้าบอกมี line outถ้าผิดพลาดประการใดต้องขออภัยครับ

ขอบคุณมากสำหรับคำตอบครับ

ถ้ารู้คงไม่ถามครับ ถ้าคิดว่าเสียเวลาตอบ ไอ้ที่ตอบมาข้างบน พิมพ์ยาวขนาดนั้นน่าจะเสียเวลาของคุณมากกว่าคำตอบเพียงสั้นๆ ขอบคุณครับ

ถามต่อครับ ถ้า line in ของลำโพง เป้น 3.5 mm. ธรรมดาหล่ะครับ เราจำเป้นต้องต่อผ่านตัว DAC นี้หรือไม่ครับ

เสียงน่าจะดีกว่าต่อตรงจาก comp ใช้สาย m2m ยาวหน่อย เชื่อมต่อระหว่าง dac กับ ลำโพง (active)

ตามข้างบนเลยครับ

ต่อได้ เสียงดีกว่าต่อตรง
แต่.........โปรดระวัง ผมเจอพังมาเยอะแล้ว คือกรณีไฟรั่วจากคอม หรือจากลำโพงมันจะวิ่งจากคอมผ่าน dac ไปเข้าลำโพงหรือกลับกัน
ก็แล้วแต่วงจรว่าใครจะไปก่อนกัน แรกๆอาจจะยังไม่พังแต่นานๆเข้าก็ไม่รอด ฟังกับหูฟังมันจะไม่มีปัญหาเพราะไฟที่รั่วไม่ได้ไหลไปลงที่ไหน แต่พอต่อลำโพงมีแอมป์มันก็จะไหลไปครบวงจรพอดีครับ
ถ้าอยากรู้ว่ามีไฟรั่วไหม ต้องเอามิเตอร์ตั้งมาตรแรงดัน แล้วจับกราวของ dac อีกข้างจับกราวด์ของลำโพง ถ้าแรงดันไม่ขึ้นก็สบายใจได้ แต่ถ้าขึ้นก็ตัวใครตัวมันครับ

ลืมไป ที่เจอบ่อยอีกอย่างคือ player ต่อกับลำโพงนีั่แหละ ร้อยวันพันปีฟังได้ไม่มีปัญหา ปรากฎว่าวันนึงต่อสาย ชาจไปฟังไป ....ตายสนิทเลยครับทีนี้

เข้ามาอ่านข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพิ่มเติม ขอบคุณนะครับทุกท่าน

อ่านจากคุณnopphong กลายเป็นว่า ผมดันไปนึกถึงการเล่น รัสเซี่ยนรูเล็ทได้ยังไงก็ไม่ทราบแฮะ = ="

กลับถึงบ้านแล้ว เลยมาเพิ่มเติมให้ครับ

หลายคนอ่านแล้วอาจจะยัง งง งง ว่ามันพังได้ยังไง
ต้องบอกว่าแหล่งจ่าไฟสวิทชิ่ง หลายตัวมันจะมีไฟรั่วครับ เห็นชัดๆเลยก็คอม ลองเอามือจับเคสแล้วถอดรองเท้าเหยียบพื้นดู ทีนี้ไฟรั่วนี้ถ้ามันรั่วแล้วไม่มีที่ลง เช่นอะแดบเตอร์ชาจที่ต่อกับ player หรือ dac เข้าหูฟัง ไฟมันก็จะจบที่หูฟัง ไม่มีกระแสไหล

แต่ถ้าเอาไปต่อลำโพง active กระแสมันจะไหลผ่าน dac ไปเข้าแหล่งจ่ายไฟของลำโพง แล้วก็ไหลเข้าปลั๊กอีกข้าง ครบวงจรพอดี พัง
หรือกลับกัน ลำโพงไฟรั่ว ต่อกับ player ไม่มีปัญหา แต่พอเสียบสายชาจปั๊บไฟมันก็จะรั่วผ่านสายชาจไปครบวงจรที่ปลั๊กอีกข้าง พังเหมือนกัน

ใครมั่นใจว่าสายชาจเทพ หรือลำโพงเทพแหล่งจ่ายไฟไม่มีรั่ว ก็เสียบเลยครับ อิอิ

ขอสงสัยนิดครับยังงงๆ ถ้ายังงั้นในกรณีไฟรั่วจากdacตั้งโต๊ะไป Ampตั้งโต๊ะที่มีไฟเข้าเหมือนกันแล้วไปหูฟัง ก็มีสิทธิ์พังได้หรือครับ หรือว่าตัวampเองมีgroundลงดินทุกตัวหรืออย่างไรครับ

คือปกติแล้วไฟรั่วมันจะเกิดจากภาคจ่ายไฟแบบ Switching ซะส่วนใหญ่ครับ เค้าจะเรียก Ground ของ Switching ว่า Hot Ground ครับ
มันน่าจะมีไฟรั่วสูงสุดได้ถึง 50V ได้เลยล่ะ ซึ่ง Ground ของทุกเครื่องที่ต่อกับคอม จะโดนไฟรั่วนี้ใน Ground หมดครับ
ทางที่ดีควรต่อเครื่องใดเครื่องหนึ่งลงกราวน์ไว้ดีกว่าครับ ถ้ามีเครื่องไหนลงแล้ว ทั้งหมดก็จะลงดินหมดครับ

กรณี AMP มักไม่ค่อยมีปัญหาครับ เพราะเท่าที่เห็น ส่วนใหญ่จะไม่ใช้หม้อแปลงสวิทชิ่งในแอมป์หูฟัง
จริงๆคือถ้ามันรั่ว จะอะไรต่อกับอะไร สองตัวขึ้นไปมีสิทธิ์พังได้หมดครับ แต่ถ้าจับแล้วยืนบนพื้นแล้วมันไม่ดูดก็แสดงว่าไม่รั่ว หมดปัญหาไปครับ

จริงๆแล้วปัญหามันไม่ได้เกิดจากมันรั่วแล้วไหลลงดิน ปัญหาเกิดจาก สมมุติว่าตัวแรก รั่วอยู่ 5V ตัวที่ 2 รั่วอยู่ 20V ทั้งสองตัวถ้าใช้เดี่ยวๆ ไม่มีปัญหาเพราะไฟแค่นี้ดูดคนไม่รู้สึกอะไร
แต่พอเราเอามันมาต่อรวมกัน ไฟ 20-5=15V จะไหลจากตัวนึงไปอีกตัวนึง ถ้าอุปกรณ์นั้นมันทนไฟได้ไม่มาก อย่าง player ที่มักจะใช้ C ทนไฟไม่ถึง 5V (เพราะเครื่องมันใช้แบตแค่ 4.2V เอง) มันจะทำให้ C ทะลุและไฟจะย้อนเข้าไปในวงจรพังหมดครับ

กระจ่างครับ ขอบคุณมากครับ