HUM Pervasion – Digital Audio Player – Full Review


เจ้า HUM Pervasion ถือเป็นเด็กใหม่ในตลาด DAP ที่กำลังเติบโตอย่างรวดดดดด เร็ว ซึ่งการจะเป็นเครื่องเล่นจากจีน (เจ้าตัวนี้มาจากฮ่องกง) ที่ดังได้เนี่ย ต้องเด็ดจริง ซึ่งดีนะดีมันยังมีทีเด็ดไว้ให้สู้คู่ต่อสู้มากมายได้


Overview
HUM Pervasion จะดูสมาร์ทโฟนกิ๊กก๊อก ยี่ห้อ N_kia ฝาหลังแดง (แต่ใช้เคสด้วยกันไม่ได้นะแจ้ะ) ซึ่งก็เหมาะกับระบบที่เป็น android ของมัน แต่นั่นก็ไม่ได้สำคัญอะไร ของแบบนี้มันขึ้นกับการใช้งานป้ะ กิกิ


Specifications
Display: 4.3? touch screen
CPU: 28nm A9 dual core 1.2GHz
OS: Android 4.2.2
Memory: external only, up to 128Gb microSD card (FAT32)
DAC: Wolfson WM8741
Op Amp: LME49720 (used as a filter in the DAC stage)
Battery life: ประมาณ 6 hours (full charge in 2 hours) แต่เอาจริงๆมันสั้นกว่านั้นพอสมควรแหะ แต่ไม่เป็นไร :P

จากข้อมูลทางเทคนิคนั้น แสดงให้เห็นว่ามันก็มีดีอยู่พอตัว (แต่ก็ไม่สามารถการันตีได้ในตอนนี้ว่าเสียงเด็ด) ไม่ว่าจะเป็น flagship DAC (Wolfson WM8741), high voltage power supply และ top quality components จาก Vishay, Elna, Alps, และ Nichicon แต่มันจะยำกันแล้วออกมาดีรึเปล่า เดี๋ยวมารอดูก่อน แต่พูดถึงสเปคที่ได้ กับราคาเท่านี้ ... คุ้มแล้วล่ะเพ่ !


Design and Interface
ถคงมันจะหน้าต่อเสร่อในทางโทรศัพท์ แต่ถ้ามองในฐานะ DAP มันไม่ได้เลวเลยนะครัช แต่พูดถึงโดยรวมแล้วมันก็มีดีไซน์ที่อยู่เกณฑ์โอเค ถ้าเทียบในราคาเท่าๆนี้ คงมีไม่กี่เจ้าที่ดูมีภาษีกว่า ไม่ว่าจะเป็นฝาหลังสีฉูดฉาด รูปทรงที่จับถนัดมือ


Physical Controls and Connections
ที่ด้านบนที่ช่อง micro usb สำหรับชาร์จกับโอนไฟล์ ข้างๆเป็นปุ่มเปิดปิด หรือปุ่มล็อคเครื่องที่คนใช้แอนดรอยน่าจะเคยชินกัน ด้านข้างจะมี volume controller แบบ digital อยู่ แต่ที่เพี้ยน! คือมันจะมี volume controller แบบอนาล็อค อยู่ข้างใต้ระหว่าง ช่อง 3.5 headphone และ line out (แนะนำให้เปิด digital ให้สุด แล้วค่อยเพิ่มลดเสียงที่ analog อีกทีนะครับ เพื่อให้มันเป็นการปรับแค่ตัวใดตัวหนึ่ง เสียงจะไม่ขาด หรือแปร่ง)


Android OS
การที่มันรันบน android ดียังไง ? แปลว่าหน้าตา UI มันจะดูไฮเทคขึ้นมาทันที ไม่ใช่แค่ touch ได้ ทั้ง cpu ที่มีพอสมควรทำให้สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล แม้อาจจะไม่ได้ลื่นยังกับไอโฟน 6 หรือโน๊ต 4 ก็แน่ล่ะมันเป็น DAP นะ! รวมทั้งมีตัวเลือก app เล่นเพลงที่หลากหลาย ซึ่งแต่ละตัวก็ให้เสียงแตกต่างกันไปอีก (ผมใช้สองตัวเด่นๆ คือ Neutron และ Rocket player)

เมื่อเทียบกับคู่แข่งใกล้ๆกันแล้ว คู่แข่งมักจะมีปัญหาที่..

No ReplayGain (volume levelling)
No gapless
Crappy EQs
No L/R balance control
No crossfeed control (system for reducing the drastic and sometimes fatiguing separation created by headphones)
No playlist support
No CUE support
Clumsy browsing
Slow library scanning

ทำให้ HUM ดูโคตร genius ไปเลยเมื่อเทียบแล้ว เมื่อประกอบกับ app ต่างๆที่ทั้งหน้าตาดี ปรับแต่งเพิ่มเติมได้ แล้วยังอาจจะเอื้อประโยชน์จาก wifi ในการดูเนื้อเพลงได้อีกตะหาก


Other Hardware
นอกเหนือจากอุปกรณ์ด้านเสียง ก็ยังมี wifi และ bluetooth ให้เราสะดวกในการใช้งานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการโหลด app ผ่าน play store, ฟังเพลงออนไลน์ หรือ streaming อื่นๆ รวมทั้งการแชร์เพลงผ่าน bluetooth ไปยังอุปกรณ์อื่นๆ แต่ด้วย wifi ที่ให้มาเกรดค่อนข้างไม่ดี จึงต้องการสัญญาณแรงๆ แร้ง แรง ให้มันทำงานได้ดี แต่ยังไงก็แล้วแต่ในเมื่อมันเป็น DAP จะต้องการ wifi ขนาดนั้นไปทำไมกันล่ะ (แนะนำให้ปิดขณะฟังเพลง เนื่องจากกินแบทและทำให้เกิดเสียงรบกวนได้) ในส่วนของ bluetooth 4.0 ที่ให้มา ก็ค่อนข้างประหยัดแบท และใช้งานได้ดี เพียงแต่บางทีอาจจะมีปัญหากับบาง app ที่ทำให้เกิดอาการค้าง แต่ส่วนมากก็ทำงานได้ปกติ


Sound
มันเป็น DAP ! ไม่ใช่มือถือ เพราะงั้นมันอาจจะแทนที่มือถือของคุณไม่ได้ แต่มันจะกลายเป็น DAP ชั้นยอดของคุณได้แน่นอน ดังจะเห็นในการพูดด้านเสียงในตอนท้าย


Format Handling
เล่นได้หลากหลายนามสกุลมาก ตามปกติของ android แหละครับ โดยไม่ว่าจะเป็น lossy หรือ lossless ก็ฟังง่ายๆ lossy ก็ไม่ฟังแล้วน่ารำคาญ ส่วน lossless ก้ฟังแล้วเห็นถึงความแตกต่างได้ืำให้เราเปิดๆฟังๆได้แบบไม่ต้องคิดมาก อารมณ์เดียวกับสมัยฟังในมือถือแหละครับ ที่ไฟล์มันก็ไม่ได้ละเอียดอะไร แต่ยัง enjoy listening :)

แต่มันก็ยังมีปัญหาในเรื่องการเล่น 24 bit ที่เล่นได้ไม่เต็ม มีการ down sampling ลงมา ซึ่งเอาจริงๆแล้ว ไฟล์ lossless 16 bit เองก็ให้เสียงที่ดีมากอยู่แล้วหากเราไม่คิดมากไป ซึ่งก็เป็นความจริงแหละครับ เพราะทุกวันนี้คนที่หันมาใช้ไฟล์ flac ยังไม่มากด้วยซ้ำไป

แต่หากต้องการข้อมูลจากกการลองฟัง ก็ดังนี้เลยครับ

24-bit / 88.2kHz either doesn’t play or it plays with slight, but noticeable distortion to the sound that makes the music sound unnatural
24-bit / 96kHz seems to work fine
24-bit / 176.4kHz plays, but creates even more noticeable noise in the form of an electronic oscillation noise
24-bit / 192kHz seems to work fine


Headphone Output
มันไม่ได้มีการกล่าวถึง spec อะไรแต่ก็คิดว่าดีพอจะขับหลายๆหูได้ดีเลยแหละ เดี๋ยวค่อยมาดูการจับคู่กับหูเล็กใหญ่กัน แต่ก่อนอื่นเรามาเริ่มด้วยลักษณะเสียงโดยรวมและคุณภาพเสียงที่ได้จาก amp กันดีกว่า

ก่อนอื่นเลย ค่อนข้างเหมือน Shozy Alien ที่มีจะ Background hiss อยู่น้อยยยยยยยยยยยๆๆ สำหรับหูฟังที่เซ้นซิทีฟเหลือเกิน และ ซีลดีมักๆ แต่ค่อนข้างน้อยกว่า Shozy Alien นะ แต่ถ้าฟังในบรรยากาศปกติ เสียงเหล่านี้ก็กลืนหายไปกับเสียงของบรรยากาศไปทันที ซึ่งบางทีบางคนอาจจะไม่ได้ยินเลยก็ได้ เพียงแต่ผมอาจจะหูไวไปนิดสสส์

เสียงที่ได้จาก headphone jack ค่อนข้างอุ่น ไม่บวมหรือหนาไป แต่จะออกไปแนวอุ่นหน่อยๆมากกว่าจะเป็น neutral เอาจริงๆเสียงมันค่อนข้างใกล้เคียงกับ Shozy Alien นะ โดยมีความแตกต่างอยู่ที่ย่านกลางและต่ำ เบสจะให้เนื้อเต็ม เสียง treble จะสะอาดและทอดยาว แต่จะสมูทกว่าใน FiiO X5 เสียง Mid-range จะมีปริมาณพอสมควร อุ่น และมีรายละเอียดที่ดี ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่ทำให้มันเหนือกว่า Alien ขึ้นมา ความรู้สึกที่ได้จากรายละเอียดเล็กๆน้อยจากเจ้าตัวนี้ให้ความรู้สึกที่ฟินมาก ซึ่งจะมาในแบบที่ควรจะเป็นจริงๆ ไม่ใช่เด่นขึ้นมาแย่งความสนใจมากไป แต่สำหรับบางคน รายละเอียดที่มากไปอาจทำให้ล้าได้ แต่ก็นั่นแหละ นานาจิตตัง แล้วแต่คนชอบเลยครัช

อีกจุดนึงที่ทำให้มันเด่นกว่าเจ้า Alien คือการทอดตัวของเสียง treble ที่เด่น และย่าน lower mid bass ที่เด่นพอประมาณทำให้การฟังเพลงดูมีเนื้อหนัง ไม่แห้ง ไม่บางจนฟังไม่สนุก สำหรับบางคนอาจจะบอกว่ามันอุ่นไป แต่สำหรับผม และหลายคนที่มีโอกาสลอง น่าจะบอกว่าเสียงมันดี ลื่นไหล และเป็นธรรมชาติมาก

การวางตำแหน่งเสียง และความแม่นยำเป็นเลิศมาก มีพื้นที่ของ soundstage ที่มากทั้งแนวลึกแนวกว้าง เช่นเดียวกับ Alien ที่สร้างประสบการณ์ในการฟังที่เพลิดเพลินแต่ยังได้ทั้งรายละเอียดและความแม่นยำ โดย stage ที่ทั้งกว้างและลึกนี้ สอดคล้องกันเป็นอย่างดี ไม่กว้างไปหรือลึกไป จากการลองเพลง Dancing Flute & Drum จาก Dr. Chesky ที่มีการอัด Binaural ที่สุดยอดมากในการลองฟังเสียงกลองที่ได้รับการอัดในห้องกว้าง จึงทำให้เราได้ยินเสียง echo ซึ่งหากไม่เก่งจริง เราก็จะฟังออกว่ามันดูแปร่งๆ ซึ่งพูดได้เต็มปากว่าสอบผ่านฉลุยเลย ชนะ RWAK100 ด้วยซ้ำ (แพงกว่าบึม)


Specific Headphone Pairings
Noble Kaiser 10 (35 ohm): Pervasion น่าจะขับได้ประมาณ 90-95% ของKaiser 10 ด้วย headphone output แต่อาจจะด้วยความไม่แมทชิ่งระหว่างลักษณะของ DAP และหู ทำให้ผลรวมออกมาไม่สามารถทำให้หูแสดงศักยภาพได้เต็มที่ (ศักยภาพในรสนิยมของผู้เขียน)

Shure SE846 (9 ohm): มีจะมีเสียงอุ่นเหมือน K10s แต่ SE846 (blue filter) กลับคู่กันได้ดีเป็นขลุ่ยเป็นปี่ บอกเลยว่าคู่กันได้ดี มักๆ =3=

Brainwavz R3 (32 ohm): ความ neutral ของหูตัวนี้ เป็นจุดโชว์ว่า DAP ตัวนี้ neutral ได้มากน้อยแค่ไหน แม้จะแสดงให้เห็นว่ามีความอุ่นอยู่บ้าง แต่ก็ยังใกล้เคียงกับความ neutral อยู่ โดยคอมโบคู่หู R3 + Pervasion จะให้เสียงที่สะอาด ใส และ สมดุลแม้ R3 จะดูอั้นความสามารถเล็กๆไว้บ้างแต่ก็ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่ DAP ตัวนี้สามารถให้ได้

Sennheiser Momentum On Ear (18 ohm): ฟินมาก บอกเลอ

Thinksound On1 (50 ohm): ฟินมาก ฟินเพลินจนไม่อยากจะเปลี่ยนไปจับคู่หูต่อไป

Alessandro MS-1i (32 ohm): บอกเลยว่าใครมีเจ้าตัวนี้อยู่ ควรจับคู่กับ Pervasion มาก !! ถ้าลองทำ blind test เทียบกับชุดคู่ที่กว่าเท่าตัว อาจมีงงได้

Beyerdynamic DT1350 (80 ohm): ถ้าเป็น Shozy Alien อาจจะกระอักเลือดกับการขับหูนี้ไปแล้ว แต่ Pervasion ยังคงสามารถขับหูฟังที่ค่อนข้างขับยากตัวนี้แล้วยังให้เสียงที่ดีอีก แต่ต้องเพิ่มเสียงสักหน่อยนะ กิกิ

Fischer Audio FA-011 LE (160 ohm): แม้เป็นการจับคู่ที่โหดมากในการขับ แต่ DAP ตัวนี้ก็ยังทำได้ดี ขับเสียงออกมาได้ส่วนมาก ซึ่งถือว่าดีกว่าที่คิดเอาไว้

Audeze LCD 2 (70 ohm): บอกกันตรงๆว่าเป็นการจับคู่ที่เหมือนแกล้งกัน แต่ DAP ก็ยังให้เสียงที่ดีออกมาอยู่ดี แม้จะให้ impact bass น้อยหน่อย แต่ก็ทำให้รู้สึกถึงความใสและเคลียร์ได้ดี แม้จะฟังดูแล้วขาดบ้างเพราะขับได้ยาก แต่อย่าให้มีแอมป์เชียวนะ รู้เรื่อง !!

Sennheiser HD800 (300 ohm): วกับ และยังเป็นการจับคู่ที่โคตร โคตร โคตรไม่แฟร์อีกอัน แต่ก็ถือซะว่าเป็นการทดสอบเพื่อเปิดหูเปิดตาละกันว่า ช่อง headphone jack ทำได้ดีแค่ไหน ก็เช่นเดียวกับ lcd 2 ที่ขับไม่หมด แต่ก็ทำให้ดีมากๆแล้ว ถือว่าน่าประทับใจมาก

การทำลองนี้ทำให้ผมเห็น สองอย่าง:

มันมีกำลังที่สูงพอจะขับหูฟังทั่วไปให้ออกมาได้เต็มประสิทธิภาพ , มันค่อนข้างเหมาะกับหูที่มีลักษณะ neutral หรือ cool ให้สามารถฟังได้ง่ายและสนุกขึ้น


Line Out
จะขอลองกับ FiiO E12 DIY (ที่ใช้ OPA627 op amp) เพื่อดู Wolfson WM8741 คนเก่งของเราจะให้เสียงออกมาดีขนาดไหนกันเชียว

คนส่วนมากรวมทั้งผมจะมองว่า Wolfson DACs จะให้เสียงอุ่น และค่อนข้างสมูท แต่ Line out ของมันกลับให้เสียงที่ต่างออกไป คือ neutral มักๆ (ถือเป็นคำชมนะนั่น) โดยเมื่อเทียบกับ Matrix X-Sabre ซึ่งจะให้ลักษณะเสียงที่อุ่นกว่าอย่างเห็นได้ชัด และแม้จะให้เสียงได้เหนือชั้นกว่า แต่เทียบกันระหว่างสิ่งที่ได้ยินและราคา X-sabre ที่มากกว่า $1000 ก็เห็นได้ชัดว่า Pervasion ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก เมื่อเทียบกันแล้วสมควรอยู่หรอกที่มันจะแพ้

กลับมาที่การพ่วง E12DIY ทำให้การฟัง k10 นั้นเหมือนติดปีกเลยที่เดียว ทุกย่านได้รับการอัพเกรดอย่างเห็นได้ชัด ทั้งมิติ สเตจ ฯลฯ Pervasion จัดเรียงทุกอย่างไว้ได้ดี และสามารถให้รายละเอียดได้ ในระดับเดียวกับ FiiO X5 และให้ความสอดคล้องในการนำเสนอเสียงได้ยอดเยี่ยมดังใน Alien เกิดเป็นส่วนผสมที่เพอร์เฟ็คสุดๆ จากการลองฟังหลายเพลง การแยกเสียงดนตรีที่เคยดีแล้ว กลับดีขึ้นไปอีก


Summary
HUM Pervasion เป็นเครื่องเล่นที่โคตรแจ่มและคุ้มราคา หากตัดเรื่อง Wi-Fi และ Bluetooth ที่ไม่ค่อยดีนักออกไป บางคนอาจจะพยายามเทียบปัญหานี้ใน AK ต่างๆ แต่ผมว่าถ้านักฟังจริงๆ เค้าคงมองมันเป็นเรื่องรองและให้ความสำคัญที่เสียงมากกว่า ด้วยเสียง neutral อุ่นเล็กๆ และวงจร amp คุณภาพ ซึ่งยิ่งถ้าสามารถหาแอมป์มาต่อเพิ่มเติม ก็จะยิ่งติดปีกให้มันไปไกลจนสุดฟ้าได้อีกจนยืนยันได้ว่า ได้เจ้าเครื่องนี้ไป คุ้มทุกบาททุกสตางค์แน่นอนครัช !!



Credit : http://passionforsound.lachlanfennen.com/?p=1414

ที่แปลแบบเพี้ยนๆ ร่วมกับประสบการณ์เนื่องจากประทับในตัวมัน จึงอยากให้คนอื่นได้รับฟังและรับเป็นตัวเลือกดูครัช