ถามว่าเกี่ยวหรอ แล้วแต่คนจะมโนครับ บางคนก็บอกดีขึ้น บางคนก็ไม่รู้สึกอะไร

ก็เหมือนคำถามที่ว่าถ้าช่วยตัวเองทุกวันแล้วหรรมจะใหญ่ขึ้นมั้ยอ่ะ บางคนก็บอกใหญ่ขึ้น บางคนก็บอกว่าเฉยๆ ไม่รู้สึกอะไร 555

ไอดีขึ้นไม่ดีขึ้นก็ขึ้นอยู่กับแมทชิ่งด้วยครับ แต่มันไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือเอาเพล์เยอร์มามัดติดๆกับแอมป์แล้วมันจะมีสัญญาณรบกวนไปแทรกมากมากแค่ไหน แล้วพวกเพล์เยอร์ที่รับwifiได้ไม่รู้สึกว่าจะมีสัญญาณรบกวนเท่าไหร่เลย ผิดกับมือถือ หรือว่ามันมีผลชัดเจนกับสัญญาณโทรศัพท์ คือเอาจริงๆก็พอรู้อยู่บ้าง แต่อยากมีคนมาตอบให้เคลียร์น่ะครับ ^^*

ตั้งแต่เล่นเพล์เยอร์(ไม่ใช่มือถือนะ)มัดติดกับแอมป์มา ก็ยังไม่มีเจอสัญญาณรบกวนนะ

บางครั้งเป็นที่ไฟล์เราเองไม่ใช่เครื่อง แต่พอไปเปิดกับ player บางตัวเราไม่ได้ยิน

พอมาได้Amp ดีๆ หรือ+หูฟังดีก็เลยได้ยินก็ได้คับ 24bit ก็เป็นจ้าาาาา

แต่ที่เคยได้ยินสัญญาณรบกวนจริงก็จะเป็นโทรศัพท์ครับ ห่างกันประมาณหนึ่งพื้นที่คอมฯ
ยังได้ยินสัญญาณรบกวนเลย แต่เป็นบางที

เคยนอน(หงอย)ฟังเพลงกับคอม แล้วเอาโทรศัพท์มาดูใกล้ตาได้ยินซ่าาาาเข้ามา ยิ่งใกล้ยิ่งชัดดังขึ้น
พอเอาออกห่างก็หาย เอาเข้ามาดูอีกก็ได้ยินอีกครับ ไม่ได้โม!!!! ผีไม่ได้หรอกด้วย

เคยเจอปรากฎการณ์ที่มีเสียง ตื๊ดๆๆ ตู๊ดๆๆ เข้าลำโพงตอนมีโทรศัพท์เข้าหรือวางโทรศัพท์ไว้ใกล้ๆ รึเปล่าครับ สาเหตุจากสัญญาณแทรกเข้าสายสัญญาณครับ โดยธรรมชาติแล้วคลื่นโทรศัพท์มันก็แรงอยู่แล้ว ถ้าวัสดุที่ใช้ทำสายสัญญาณมีตัวหุ้ม(ชีลด์)ที่กันสัญญาณได้ไม่ดี ก็มีโอกาสที่สัญญาณต่างๆ จะแทรกเข้ามาได้ครับ รวมไปถึงการออกแบบวงจรภายในตัวแอมป์ด้วยก็อาจจะมีส่วนครับ

ขอบคุณมากๆครับ จากที่เคยมัดเพล์เยอร์กับแอมป์มาก็ยังไม่เคยเจอแหละครับ
แต่กับโทรศัพท์นี่ชัดเจดครับ(ไอโฟน5s) เอาเข้ามาใกล้แอมป์หน่อยเดียวนี่ ตึ้ดๆๆ ตู๊ดๆๆ เลยครับ ซึ่งไอเจ้าปรากฏการณ์อย่างงี้นี่เป็เรื่องธรรมดาแล้วล่ะครับ จอคอม จ่อทีวี ก็เป็นหมด 5555 แต่แค่นึกสงสัยในส่วนของการมัดdapกับแอมป์เท่านั้นเองครับ

ลองหาแผ่นอะไรสักอย่างที่กันคลื่นสัญญาณได้มาคั่นระหว่างเครื่องแล้วลองฟังดูสิครับ ว่าฟังออกหรือเปล่า (ที่หาเจอในชีวิตประจำวันก็น่าจะเป็นพวกโลหะ เช่นอลูมิเนียม ทองแดง หรือ ESD Bag ที่มันเป็นซองสำหรับใส่อุปกรณ์อิเลคโทรนิค)

แค่กั้นก็พอนะครับ อย่าเยอะขนาดห่อเครื่อง

ไม่ใหญ่ขึ้นครับ ทุกวันเคยทำมาแล้ว อิๆ

ตอนที่ใช้แอมป์+เพลย์เยอร์ มัดรวมกันและแยก ผมแยกเสียงไม่ออกครับว่าแตกต่างกัน และ ไม่เคยเจอสัญญาณรบกวนตอนมัดรวมกัน

ขออนุญาตไม่เชื่อพี่อ่างครับ

ผมว่าพี่บอกเกินจริง เรื่อง"ทุกวัน"เนี่ยะ = ="

ส่วนเรื่องมัดรวมกับแยกยังไม่เคยลอง เพียงแตที่ให้หาอะไรคั่น แค่เป็นการบอกให้หาประเด็นเล่นสนุกครับ ^ ^ แต่ถ้า เอาแผ่นโลหะหรือesd bag ที่ว่า รองใต้เครื่อง แบบนี้อาจฟังออก

แต่ที่แน่ๆใส่เคสdapนี่มีผลต่อเสียงนิดนึงเหมือนกันครับ เท่าที่ลองมา อย่างshanling m3ที่ผมใช้นี่ เสียงจะอกแนวโปร่งกว้าง เนื้อเสียงกระชับ พอใส่เคสหนัง เสียงจะอุ่นขึ้นนิดนึง ปลายเสียงนวลฟังสบายขึ้น เสตจแคบลงนิสนุง ซึ่งไม่ได้ฟังออกแบบชัดเจนครับ ต้องตั้งใจฟังนิดนึง เพราะมันเปลี่ยนน้อยมาก แต่ที่ฟังออกชัดเท่าที่เคยลองนี่คงเป็น cayin n6 ถอดกับใส่ซิลิโคนล่ะครับ

ทำไมพอเราเอาเคสมาห่อ เครื่องไว้เสียงถึงได้เปลี่ยนครับ

ผมก็สงสัยนะครับ ได้ลองๆถามพวกช่างดู เขาบอกว่ามันมีผลกับสนามแม่เหล็กเเละสัญญาณภายในครับ ขึ้นอยูกับวัสดุเคสด้วย คล้ายกับการที่เราเอาท่อหดไปหุ้มสายแล้วเสียงเปลี่ยนน่ะครับ

A15 ของผมหลังจากใส่เคสหนัง Dignis แล้วเสียงเปลี่ยนไปตามที่น้องนิ๊กกี้บอกเลย คือความจี้ดจ๊าดลดลง เสียงอุ่นขึ้น สเตจก็แคบลงอย่างรู้สึกได้ เพราะผมใช้ทุกวันขณะออกกำลังกายด้วยเพลงเดิมๆกับหูฟังเดิมๆมาเป็นเดือนก่อนจะมาใส่เคสเมื่อสัปดาห์ที่แล้วครับ ^^

Player : Sony NWZ A15
Inear : Bose ie2
Music : Dream Theater อัลบั๊มเดิมๆเพลงเดิมๆทุกวันเพื่อสร้างจังหวะขณะวิ่งบนสายพาน
Case : Dignis (Before and after)

สรุปว่าตั้งแต่ใส่เคสหนังมาฟังเพลงขณะออกกำลังกายไม่มันส์เอาซะเลย แต่เวลาฟังปกติผมกลับชอบ มันอิ่มๆ อุ่นๆ ไม่เกรี้ยวกราด (ไอ้ครั้นจะถอดๆใส่ๆก็เกรงว่ามันจะหลวม) ^^

ใช่เลยครับ บางอารมณ์ใส่เคสแล้วก็ชอบซะงั้น และสามารถใช้เป็นหนึ่งในปัจจัยจูนเสียงก็ได้ครับ เช่นหูฟัง+กับเพล์เยอร์เปล่ามันสดไป รายละเอียดตีกัน ก็ใส่เคสหนังจะพอจูนเสียงให้ฟังสบายขึ้นได้โดยไม่เปลี่ยนมากเกิน ประมาณนี้ล่ะครับ
ปล.เริ่มนอกเรื่อง55555

มันก็อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ครับ ยังไม่เคยมีใครทำวิจัยเรื่องนี้แบบจริงจังเสียด้วย (หรือว่าอาจมีคนนำเสนอวิทยานิพนธ์เรื่องการรบกวนของสัญญาณระหว่างเครื่องฟังเพลงพกพากับแอมป์พกพามาแล้วก็ได้ แต่อาจารย์เจ้าของวิชาไม่ให้ผ่านน่ะครับ ^^") ส่วนจะมีใครฟังออกหรือไม่แค่ไหนนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าใครอาการหนักกว่ากันล่ะครับ เพราะคนไทยเรานั้น ลองได้ไหว้จอมปลวก ไหว้โคนไม้ได้ ก็ย่อมสามารถฟังความแตกต่างระหว่างการเอาแอมป์กับเครื่องเล่นมาห่อรวมกันโดยเอาวัสดุต่างๆ มาคั่น(หรือวางประกบกันโดยตรง) ออกได้เหมือนกันล่ะครับ พราะคนเรานั้น เชื่อในสิ่งที่คิด และจินตนาการสำคัญกว่าความรู้ครับ ^^"

planaria : คนไทยเรานั้น ลองได้ไหว้จอมปลวก ไหว้โคนไม้ได้ ก็ย่อมสามารถฟังความแตกต่างระหว่างการเอาแอมป์กับเครื่องเล่นมาห่อรวมกันโดยเอาวัสดุต่างๆ มาคั่น(หรือวางประกบกันโดยตรง) ออกได้เหมือนกันล่ะครับ

คนเรานั้น เชื่อในสิ่งที่คิด และจินตนาการสำคัญกว่าความรู้ครับ

>
>
>

อ่านแล้วสะดุดความรู้สึกคับ ถามพี่planariaตรงๆ สมมุติว่าพี่ฟังแล้วการทำดังกล่าวไม่มีความแตกต่างทางเสียง สรุปได้ว่าคนที่ฟังออกคือคิดไปเอง จินตนาการไปเองเหรอคับ

แล้วเคยมีคนลองเอาอะไรต่อไรคั่นระหว่างเครื่องเทียบกับไม่คั่นไหมคับ ว่ามีผลหรือเปล่า ผมอยากจะลองแต่ไม่เพลเยอร์กับแอมป์คับ

ผมว่าต้องลองน้ะ แต่เอาผ้าห่มรองไม่มีผลอย่างนึงละครับ 55555

เรื่องการวางซ้อนกันของ DAP กับ DAC-Amp พกพา ผมยังไม่เคยลองเหมือนกันนะครับ
แต่ถ้าเป็นพวกเครื่องเสียงบ้าน พวกที่มีหม้อแปลงในตัว การวางซ้อนกัน กับวางแยก จะเห็นผลชัดเจน
เนื่องจากอุปกรณ์ที่มีหม้อแปลงมันมีการสั่น และมีสนามไฟฟ้าตอนทำงาน เวลาเราวางแยกกันจึงให้ผลที่ดีกว่าจ้าา

ผมใช้ DAP + AMP ตลอดนะ
1) DAP มัด AMP เสียงไม่กวนกันแน่นอน แต่หากวางติดมือถือ อันนี้สัญญานโทรศัพท์เข้ากวนแน่ครับ
2) ส่วนเรื่องใส่ไม่ใส่ case ผมฟังไม่ออกแฮะ บางทีก็ใส่ บางทีก็ไม่ใส่ ผมไม่รู้สึกความต่างครับผม

ฮืม...ผมก็บอกตรงๆว่าคุณSarusอย่าชงมาม่าเลยครับ ความเห็นต่างมีกันได้ครับ เห็นต่างโดยไม่ต้องขัดแย้งก็ได้

ในความเห็น10 ผมเองก็ไม่ได้บอกว่า เอาอะไรคั่นDAP กับแอมป์แล้วจะมีผลต่างนะครับ บอกแล้วว่า คิดประเด็นหาทางเล่นสนุก ผมเองก็อยากลอง แต่ตัวเองตอนนี้ไม่มีเพลเยอร์ขนาดมาตรฐานให้ลองครับ

และถ้าลองแล้ว ผมรู้สึกว่ามีความแตกต่าง ผมก็จะยังเล่าว่าผมฟังแล้วต่าง เป็นการแสดงความเห็นถึงประสพการณ์ของตัวเองอย่างซื่อๆเท่านั้นครับ ไม่ได้จะโชว์พาว แสดงให้คนอื่นเห็นว่าตัวเองฟังเก่ง เป็นการเล่าแบบตรงไป่ตรงมาเท่านั้น

ที่บอกเรื่องเอาอะไรคั่นนี่ ผมเอาความคิดมาจากเครื่องบ้านครับ

ผมมีชั้นวางเครื่องเสียงที่ทำเอง(ไม่ดีนัก)เป็นไม้ มีห้าชั้น ชั้นล่างสุดวางเครื่องเล่นซีดี ชั้นที่สองเว้นไว้ เพราะเคยอ่านเจอทฤษฎีหนึ่งว่า เครื่องเสียง(บ้าน)ให้วางห่างกันสัก30ซม. เพื่อลดการกวนกันระหว่างเครื่อง แล้วผมวางอินทิเกรตแอมป์ในชั้นที่สาม

อ้างอิงกระทู้เก่าเรื่อง "เอาแผ่นโลหะวางกั้นเครื่องเล่น กับพื้น" http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=121695
ย้ำประเด็นความคิดของทฤษฎีนี้ ว่า ต้องการกั้นเครื่อง กับพื้นห้อง นะครับ นึ่คือความต้องการแรก และด้วยวัสดุที่หาง่าย(กล่องนม..คือแผ่นอลูมิเนียม13ไมครอนที่มันอยู่ในกระดาษกล่องนมน่ะ)มันส่งผลเสียให้จัดจ้านได้ ผมไม่ได้บวกว่า ให้รองใต้(ติดกับ)ตัวเครื่องเสียด้วยซ้ำ

เมื่อผมเอาแผ่นโลหะมาวางไว้กึ่งกลางชั้นที่สอง(ก็คือคั่นระหว่างชั้นล่างสุดกับชั้นที่สาม) ผมรับรู้ถึงเสียงที่เปลี่ยนไปได้ชัดเจนครับ เปลี่ยนไปอย่างไรก็เป็นไปตามวัสดุที่ใช้...ได้ยินมาอย่างไรก็เล่าไปอย่างนั้น

ด้วยประสพการณ์ตรงนี้ เลยเอามาบอกให้ลองเล่นกันครับ ที่ว่าหาอะไรคั่นระหว่างแอมป์กับDAP แต่ผมไม่มีDAPในตอนนี้ครับ มีแต่เจ้าจิ๋วSamsung W1 ซึ่งบอดี้เป็นพลาสติก ลองเอาแผ่นโลหะคั่นกับแอมป์ อันนี้สารภาพว่าฟังไม่ออกครับ

ไม่รู้ว่าผลของเครื่องเล่นพกพามันจะน้อยกว่าเครื่องบ้าน หรือด้วยเหตุผลอื่น

บอกแล้วว่าเล่าไปตามตรง และก็ไม่ได้มีเจตนาอื่นนอกจากคิดเล่นสนุกเฉยๆ ฟังไม่ออกก็ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรเดือดร้อนครับ ของมันก็ไม่ได้ต้องซื้อหา

เรื่องซองนี่ ผมกลับคิดว่ามันน่าจะส่งผลอย่างนั้นอยู่แล้วครับ แต่ไม่ได้คิดในแง่การกันคลื่นรบกวน ผมมองว่ามันเป็นการdampเครื่องขนานใหญ่เท่านั้นครับ 55 เครื่องบ้านนี่อย่าว่าแต่ห่อเครื่องทั้งเครื่องเลยครับ เอาอะไรทับเครื่อง รองเครื่องก็มีผลแล้ว(ถ้าsetup เครื่อง ลำโพง ห้องฟังได้พอสมควรนะครับ)

ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงด้วยครับที่ข้อความของผมอาจทำให้หลายท่านไม่พอใจ ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เล่นเครื่องเสียงมารวมยี่สิบปี ตลอดเวลาที่ได้ติดตามทางนี้มาก็พบเจอพฤติการณ์แปลกๆ ที่หาคำตอบไม่ได้ของนักเล่นเครื่องเสียงหลายๆ ท่าน ซึ่งบางเรื่องมันก็มีเหตุมีผลในตัว และฟังขึ้นในทางวิทยาศาสตร์ เช่นคุณภาพของตัวนำมีผลต่อคุณภาพเสียง หรือการเบิร์น บางเรื่องก็หาข้อสรุปไม่ได้ ออกไปในทางลึกลับงมงายก็มี ผมเองก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้างแต่ก็ไม่อยากไปขัดศรัทธาใคร แต่พอนานๆ ไปก็มาคิดว่า ปล่อยไปอย่างนี้จะดีหรือ เพราะหลายครั้งผมก็พบว่า มีคนเอาเรื่องพวกนี้มาหาประโยชน์ทางธุรกิจกัน จนวงการเครื่องเสียงไฮเอ็นด์/ไฮไฟนั้นมีผู้นิยมน้อยลงไปทุกที (ไม่รวมปัญหาเศรษฐกิจด้วยนะครับ) ถึงอยากให้ทุกท่านตั้งสติให้มั่น ใช้ความคิดตรึกตรองก่อนจะทำการลงทุนอะไรกับวงการนี้ รวมถึงหาข้อมูลที่เป็นเชิงประจักษ์ให้มากกว่านี้ครับ อย่าปล่อยให้ความเชื่อพาเราไป สุดท้ายกว่าจะเข้าใจอะไรมันก็ต้องเข้าเนื้อกันไปแล้วก็มี

อย่างเรื่องการคั่นหรือไม่คั่นอะไรแล้วมีผลต่อเสียงนี่ บอกตามตรงว่ามันแทบไม่น่าเป็นไปได้จริงๆ ยกเว้นคุณจะหูดีขนาดแยกแยะอะไรได้ละเอียดขนาดนั้น (ซึ่งเป็นพรสวรรค์ที่น้อยคนนักจะพึงมีครับ)

ปล. อีกเรื่องที่ในวงการเครื่องเสียงยอมรับกัน และขายดิบขายดี สร้างรายได้ให้พ่อค้าจำนวนไม่น้อย แต่ผมไม่เคยเชื่อเลยคือเรื่องฟิวส์ไฮไฟครับ โอเคผมเชื่อเรื่องคุณภาพไฟบ้าน คุณภาพสายไฟ แต่ฟิวส์นี่มัน -*- ฟิวส์มันทำหน้าที่กันไฟเกิน ต่อจากสายไฟเอซีก่อนเข้าหม้อแปลงไฟ ฟิวส์มันมีขนาดไม่เกินนิ้วนึง กระแสไฟวิ่งด้วยความเร็วเกือบเท่าแสง แถมเป็นไฟสลับก่อนเข้าวงจรอะไรในเครื่องอีก มันจะมีผลมหาศาลขนาดเปลี่ยนแล้วจะให้เสียงเทพได้จริงเหรอครับ

555ผมชอบคำตอบคุณ planaria นะครับ แต่เรื่องพวกนี้มันมีเส้นบางๆ มากั้นไว้จริงๆ แค่เปิดประเด็นเรื่องเบิร์น ขึ้นมาก็ต่อได้เป็นร้อยกระทู้แล้ว

อยากให้คนที่อ้างว่าฟังอะไรพวกนี้ออก พิสูจน์ตัวเองจะได้มั้ยครับ แบบโชว์blind testไรงี้ คนที่เขาสงสัยจะได้เลิก ไม่งั้นเขาก็จะหาว่าพวกคุณป็นพวกขี้โม้ ขี้มโนอยู่​อย่าง​นี้แหละ​​

ตามนั้นเลยครับ มีผลไม่มีผลกั้นแค่เส้นบางๆระหว่างหลักการกันมโนจริงๆแหละ บางอย่างก็เชื่อ เพราะได้ลองพิสูจน์เอง ถึงแม้จะมีผลไม่ชัดเจนมากก็ตาม แต่บางเรื่องนี่ก็เชื่อไม่ได้ครับ เช่น ฟิวส์แบบที่พี่ planaria ว่า

ด้วยความเคารพพี่planaria นะคับ(ผมก็ตามอ่านกระทู้พี่เวลามีเขียนเสมอ) ไม่ได้จงใจจะมาแย้งมาขัดคอ เพียงแต่แสดงความเห็นตรงๆเพราะอ่านแล้วสะดุดจริงๆ

ที่ว่าแสดงความเห็นตรงๆนี่ไม่ใช่แค่เรื่องฟังออกฟังไม่ออกอย่างเดียว แต่ในแง่วิธีการเขียนด้วย..อันนี้ไม่ใช่หมายถึงพี่planaria แล้ว...คือ ถ้าฟังออก มาเล่าถึงสิ่งที่รู้สึกได้ หากฟังไม่ออก ก็บอกได้ว่าไม่รู้สึกถึงผลต่าง ทว่าหากฟังไม่ออก แล้วเราต้องว่าพวกฟังออกมโน โม้ จินตนาการไปเองด้วยเหรอคับ โดยเฉพาะว่าหากการฟังออกหรือการลองอุปกรณ์ดังกล่าวไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะแสวงหาประโยชน์ ให้เสียตังค์ไปซื้อมา ไม่ว่าในปัจจุบันหรืออนาคต(หมายถึง บอกทำนองว่าถ้ามีงบให้ไปจัดมาเลย)

เอาแบบไม่อ้อมค้อม อย่างพี่เหน่งบานี่ นอกจากตอบกระทู้เรื่องหูฟัง ถ้าเป็นพวกaccessories ผมไม่เห็นแกจะบอกให้ใครซื้ออุปกรณ์เสริมอะไรสักที นอกจากบอกให้หาอุปกรณ์อย่างอื่นมาลองเล่นตามแนวคิด เช่นหาอะไรมารอง หรือหุ้มแจ็ค แล้วเวลาพี่แกฟังอะไรไม่ออก ก็เห็นบอกว่าฟังไม่ออก ถ้าในแง่"วิธีแสดงความเห็น"ผมว่าเขาก็เขียนแบบกลางๆแล้ว

แต่ก็เห็นด้วยกับพี่planaria อีกเช่นกันนะครับ ว่าต้องตั้งสติก่อนจ่ายสตางค์ ไม่งั้นมีแต่ตกเป็นเหยือพ่อค้า

เรื่องฟิวส์นี่ เอาจากที่บังเอิญได้ลองที่บ้านรุ่นลุงท่านหนึ่ง กลับฟังออกคับ(เฮ่อ...ไม่ได้มาม่า ไม่ได้มาหักล้างความเห็นพี่planaria ,คุณNickkyนะคับ ได้ยินมาอย่างไง ก็เล่าไปอย่างงั้น)ท่านที่ว่าได้คุยกับผมเรื่องเครื่องเสียง แล้วผมถามเรื่องฟิวส์ว่ามันมีผลจริงเหรอ มีผลมากเหรอ ท่านก็เลยลองให้ฟัง

จากชุดเครื่องเสียงบ้านที่เซ็ทอัพไว้ค่อนข้างดีในความคิดของท่าน (ห้องรกเป็นบ้าไปเลยคับ ลุงแกไม่ค่อยยอมซื้ออะไรซะด้วย เอะอะดัดแปลงอุปกรณ์อย่างอื่นใช้แทนตลอด หมายถึงอุปกรณ์ปรับแต่งacoustic)ลุงรื้อฟิวส์ของอินทิเกรตแอมป์เก่าๆของแก บอกว่า ตอนนี้ใช้ฟิวส์ที่หามาเปลี่ยนแต่ไม่ได้แพงมาก ตัวละไม่เกินร้อยบาทอยู่ เป็นผงเซรามิค แล้วสลับกับฟิวส์เดิมของมากับเครื่องที่แกเก็บไว้ แล้วให้ลองฟัง มันก็...ฟังออกนะครับ เสียงต่างกันจะเรียกว่านิดหรือไม่นิดก็บอกไม่ถูก มันแห้งกว่าตอนแรก บรรยกาศก็ไม่เหมือน อันเดิมดูจะอบอวล(บรรยายไม่ค่อยถูก)ฟังดูมีอารมณ์กว่า

เล่าแล้วอย่าด่าผมก็ละกันคับ กลับทิศทางฟิวส์ก็มีผลต่าง แม้จะนิดหน่อย แต่โฟกัสเสียงของเวลาฟังเทียบการกลับทิศทางฟิวส์มันชัดเจนต่างกันหน่อย

ถามลุงต่อว่า แล้วฟิวส์แพงๆที่เคยอ่านเจอมันมีผลแค่ไหน ลุงส่ายหน้าบอก ไม่เคยฟัง แล้วไม่อยากฟังด้วย เครื่องที่มีมันคุณภาพแค่นี้ ถ้าฟังออกแล้วเกิดกิเลส ต่อให้ไม่ซื้อก็ทุกข์เปล่าๆ เล่นแบบไม่เดือดร้อนพอสนุกก็พอ ไม่อยากไปทุ่มเทมาก

อันนี้ก็เป็นประสพการณ์ในวันโชคดีวันหนึ่งสำหรับผมนะคับ ไม่ไช่แค่ได้ฟัง ไม่ใช่แค่ฟังออก แต่เป็นวิธีคิดที่ได้จากลุงด้วยว่าต้องมีสติ รู้จักพอ แล้วเย็นนั้นผมก็กลับมาฟัง ซัมซุง W1 กับSR60ของผมต่ออย่างสบายใจ

หวังว่าจะไม่มีมาม่านะคับ เราแสดงความเห็นกันได้ ไม่ว่าได้ลองแล้ว ได้ฟังแล้วจะรู้สึกต่าง ไม่รู้สึกต่าง มีความเห็นไม่เหมือนกันได้โดยไม่ต้องขัดแย้ง

หวังว่าผมจะไม่โดนข้อหาว่ามโนหลอกตัวเองนะคับ ที่ว่ามาแค่เล่าความรู้สึก ความเห็นของตัวเอง โดยไม่ได้บอกให้ไปซื้ออะไรเลย ไม่ได้มีผลประโยชน์แอบแฝงอะไรซักกะติ๊ด

คือก็เข้าอีหรอบเดิมครับ ของอย่างนี้มันต้องพิสูจน์​โดย​คนที่บอกว่าตัวเองฟังออก ไม่งั้นก็ตบตีกันไม่จบ ขอซักทีซักคนมาพิสูจน์หูตัวเองเลยครับ รับประกันว่าลบเสียงครหาได้ทันที

เรื่องแบบนี้เถียงกันไปก็ไม่จบหรอกครับ ในวงการปรัชญาเถียงกันเป็นพันปียังไม่จบเลย (เขาเถียงกันในเรื่องญาณวิทยา (Epiststemology) เราจะเข้าถึงความจริงได้อย่างไร พวกหนึ่งบอกว่าผ่านประสาทสัมผัส อะไรที่รับรู้ได้เชิงประจักษ์ ก็ถือว่าจริง อะไรที่ตาเห็น หูได้ยิน รู้สึกได้ทางการสัมผัส ลิ้นรับรสพวกนี้ ถือว่าจริง ก็เปรียบเหมือนกับที่ทุกท่านที่ฟังเพลงแล้วได้ยินความแตกต่างของเสียงนั่นแหละครับ ท่านได้ยินแบบนั้นท่านก็เชื่อแบบนั้น เชื่อว่ามันมีความแตกต่างจริง ส่วนอีกฝั่งหนึ่งก็บอกว่าประสาทสัมผัสจะไปเชื่อได้ยังไง ขนาดประสาทสัมผัสเรายังหลอกเราเองเลย เรามองความลึกของวัตถุในน้ำตื้นกว่าความจริงเพราะน้ำมันหลอกตาเรา ถ้าเรากินของหวานกว่า ไปกินของหวานน้อยกว่าเรารู้สึกว่าจืด เพราะประสาทสัมผัสรับรสมันหลอกเรา หรือว่าเราดมกลิ่นหอมไปมาก จมูกจะชินกับกลิ่น รู้สึกเหมือนไม่มีกลิ่นนั้น แล้วอย่างนี้สิ่งที่เราได้ยินทางหูจะเชื่อได้ยังไง เพราะแม้แต่ประสาทสัมผัสนั้นก็หลอกลวงเรา อย่างอารมณืความรู้สึกก็มีส่วน ตอนเราหงุดหงิดฟังเลงอะไรก็ไม่เพราะ ตอนอารมณ์ดี ผ่อนคลายสบายใจ ฟังเพลงอะไรก็เพราะไปหมด เท่ากับว่าสิ่งที่เรารับรู้ในเชิงประจักษ์นั้นมันเอาอะไรมาวัดไม่ได้ว่ามันจริง บางอย่างมันก็ต้องเอาเหตุผล เอาการทดลองมาพิสูจน์ มนุษย์เราเถียงกันเรื่องพวกนี้กันมานานนับพันปีแล้วครับ แล้วก็คงจะเถียงกีันตลอดไปนั่นแหละ ^^")

ที่ผมออกมาโพสท์นี่ (ต้องขออภัยทุกท่านอีกครั้งที่ใช้คำแรงไป คงเพราะช่วงนั้นผมหงุดหงิดด้วยว่าอะไรกันนักกันหนา แค่เรื่องไม่ใช่เรื่องแบบนี้) เพียงแค่อยากให้ทุกท่านพึงระมัดระวังก่อนที่จะปักใจเชื่ออะไรลงไป และก่อนที่จะเป็นเหยื่อของพ่อค้าน่ะครับ เพราะแม้แต่ประสาทสัมผัสเราเองบางครั้งก็เชื่อไม่ได้ เวลาไปเทสต์ไปฟัง ฟังหูฟัง 10 อัน อันละ 5นาที ต่อให้เก่งแค่ไหน จะมีสักกี่คนที่แยกแยะออกว่าตัวไหนดีกว่าตัวไหนด้านใดบ้าง (มันก็เหมือนกับดมน้ำหอมติดๆ กันสักสิบกลิ่นนั่นแหละ) ผมว่าสัก 5- 6 อันนี่ก็เริ่มสับสนแล้วว่าอันไหนเป็นอันไหนน่ะ บางครั้งตอนฟังเสร็จเราคิดว่ามันใช่ ซื้อกลับบ้านมา เอามาฟังใหม่แล้วมันไม่ใช่อย่างที่ฟังครั้งแรกก็มี

เรื่องหนึ่งที่ผมเคยเชื่อ และเชื่อมานานมาก คือเรื่องแจ๊ค Connector แต่ก่อนผมเล่นเครื่องเสียงบ้าน ผมเชื่อว่าแจ๊ค RCA มีผลต่อเสียงมากมายมหาศาล เวลาไปหาสายสัญญาณมาใช้ ผมก็พยายามซื้อของดีมาใช้ อย่างของ WBT มาวันหนึ่ง ความเชื่อของผมสั่นคลอน เพราะมีผู้ผลิตสายชื่อดังอย่าง Nordost ทำสายสัญญาณราคาแพง (เอามาทำใหม่อีกรอบจากของเดิมที่เป็นสายแบน) คือสาย Blue Heaven แต่ใช้หัวแจ๊ค RCA เป็นของ Nuetrick (ที่ผมซื้อมาใช้ทำสายสัญญาณเล่นบ่อย เพราะมันหัวละ 50 กว่าบาทเอง) นั่นล่ะครับ

๐"๐

ิ"ิ

+i+

""

"

"

.

.

.

.

.

ขอบคุณภาพจากfb

ภาพที่ 36กับ37สัพกันนะผมลงผิด

บางคนในนี้โดนติก็ยังไม่เคยพัฒนาเลยงิแอบส่งเป็น Fc.ตลอดยังทำตัวแปลกๆไม่เต็ม ยิสัยเยอะแยะมากมาย มั่นใจในตัวเองแบบผิดๆตลอด

คิดมากไปผมว่าจะฟังเพลงไม่สนุกเอานะ 55+

ส่วนตัวผมทั้งมัดแอมป์และใส่ซิลิโคน DAP ด้วยเหตุผลที่ว่า
- ถ้าไม่มัดแอมป์ มันพกพาลำบาก
- ถ้าไม่ใส่ซิลิโคน แป๊บเดียวฝาหลังเครื่องเล่นก็ถลอกแล้ว (เพราะมัดกันแอมป์)

ถ้าทำแล้วคุณภาพเสียงมันจะลดลงไปซัก 2-3% ก็คงไม่เป็นไรครับ ผมยอม 55+

^ข้างบนนี่หมายถึงผมปะเนี่ย ••"

จริงก็ไม่คิดมากนะครับ5555 แต่สงสัยว่ามีใครเคยลองมั่งรึยังคิดเห็นอย่างไร
ปล.ข้างบนที่ว่าผมกล่าวถึง คห41

สงสัยเค้าจะว่า อะครับ คุณ Nickky พอดีผมมีแฟนคลับ
ค่อย ติดตาม จับความเร็วผมอยู่ครับ ฮ่าาาาา

ผู้ชายอาจไม่ชอบผม เพราะเป็นคนแปลก

แต่ขอบอกผู้หญิงชอบผมเยอะนะ ขอบอก เค้าว่าผู้หญิงชอบของแปลกน่ะ 555

เหมือนผมเป๊ะเลยน้ะ พวก ผช ชอบหมันไส้ผมเป็นพิเศษก็เพราะนิสัยเเบนี้แหละ แต่กับ ผญ หลายๆคนนี่ไม่น้ะ 5555
ปล.น้าyamano พาผมออกทะเลล้ะ...

555

ดีแล้วพาออกจากเรื่องที่จะเป็นเรื่อง ให้ไม่เป็นเรื่อง หรือจะเป็นเรื่องหนักกกว่าเก่าว้าาาาา 5555

555 โง่แล้วยังหลงตัวเองอีก yamaky

เปล่าครับหนูนิคน้าหมายถึงคนอื่นครับ หนูอ่ะไม่เหมือนเมื่อก่อนดีขึ้นนะกล้าพูดเลย^^

55555 อย่างน้ออความโง่หรือความหลงตัวเองก็ไม่ไปเบียดเบียนใครน้ะครับ ^^

มีมาม่ามั๊ยครับ

ไปหาซื้อแถวเซเว่นเอานะครับ.....มาม่า