โดยปกติแล้วการส่ง Bluetooth นั้นมีสองรูปแบบคือ

เครื่องเล่น-->>ภาค DAC ของเครื่องเล่น ->>ภาคส่ง Bluetooth ------ ภาครับ Bluetooth ->>Amp + ลำโพง

เครื่องเล่น-->>ภาคส่ง Bluetooth ------ ภาครับ Bluetooth -->>ภาค DAC ->>Amp + ลำโพง

ซึ่งแล้วแต่การ Design ของแต่ละค่ายครับ ว่าใช้รูปแบบไหน แต่ส่วนใหญ่พวกหูฟัง และลำโพง Bluetooth จะใช้แบบแรกในการทำงานครับ แต่ในตัว JBL Flip กับ Bose Soundlink mini ผมไม่ทราบเหมือนกันนะครับว่าใช้แบบไหน รู้แต่ว่าทั้งสองตัวใช้ภาครับ Bluetooth ที่ดี เสียงแทบไม่ดรอปจากการต่อสายเท่าไรจ้าาา

ส่วนการต่อสัญญาณเข้า Aux ของลำโพง เราควรจะใช้ Line Out ของ Player ไปต่อครับ เพราะมันจะไม่ผ่านภาคแอมป์หูฟังของเครื่องเล่น ทำให้ได้สัญญาณเสียงที่ดีกว่าครับผม

ผมว่าFlipมันน่าไม่มีDACน่ะครับ
เพราะต่อBluetoothมือถือกับคอม

เสียงจากคอม(ต่อสายชาร์จ) มันพาNoiseมาด้วย ในขณะที่ต่อกับมือถือ เสียงมันจะสะอาดกว่ามาก

พอลองต่อFSเทียบก็ได้ผลเหมือนกันครับ

คหสต.จากหูถั่วๆครับ

ส่วนใหญ่พวกหูฟัง กับลำโพงพกพา จะไม่ค่อยมี DAC ในตัวครับ
แต่ถ้าเป็นพวกภาครับ Bluetooth ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะอย่าง Arcam rblink
พวกนี้จะมาถอดรหัสเสียงด้วยภาค DAC ของตัวรับแทนจ้าาา

ชอบคุณหมูหวานสำหรับคำตอบครับ
คำถามต่อมาคือ version ของ Bluetooth 2.1, 3.0, 4.0 ... มีผลต่อคุณภาพเสียงมั้ยครับ
ผมเข้าใจว่า
DAP Sony A15-17 Bluetooth 2.1
AK Bluetooth 3.0
Smartphones ตัวท๊อปๆ Bluetooth 4.0
ผมสนใจ Sony A15 ถ้า Bluetooth 2.1 มันจะโอเคเปล่าครับ?
ขอบคุณครับ

เวอร์ชั่นของ Bluetooth มีผลต่อเสียงอยู่บ้างครับ เพราะการส่งข้อมูลผ่านทางความถี่นั้น ถึงข้อมูลจะได้รับถูกต้อง แต่อย่าลืมว่ามันเป็นการ Stream แบบ Real Time ครับ ซึ่งอาจจะมีค่าการผิดพลาดทาง Digital หรือ Jitter ได้ ทำให้มีผลต่อเสียงครับ

เวอร์ชั่นใหม่ๆของ Bluetooth นั้นจะมีระบบเช็คความผิดพลาด และ Bandwidth ที่กว้างขึ้น จะช่วยให้การรับส่งสัญญาณมีคุณภาพสูงขึ้นด้วยครับ แต่ถ้าเราไม่ซีเรียสมาก เวอร์ชั่น 2.1 นั้นก็เพียงพอแล้วครับ สำหรับการ Stream เพลงผ่านทาง Bluetooth จ้าาา