200 ชม. ส่วนใหญ่ก็จะเริ่มนิ่งแล้วครับ

ตอนเริ่มเล่นหูฟังใหม่ๆ ผมเคยอ่านบทสัมภาษณ์ซาวด์เอ็นจิเนียร์ของ Shure เค้าบอกว่าหูฟัง (ของชัวร์) จริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องเบิร์นเลยครับ ซื้อมาก็ใช้งานปกติได้ทันที ดังนั้นเรื่องเบิร์นไม่ต้องจริงจังกับมันมาก ให้ไฟล์เพลงที่เราชอบฟังไปเรื่อยๆ ครับ

พูดแบบไม่ต้องมาต้มมาม่ารอเลยละกัน ว่ากันตามจริง ผมว่ากระทู้แบบนี้.....
มีการตั้งขึ้นมาบ่อยมาก และถี่มาก...ถ้าว่าคุณๆจะย้อนไปดูในกระทู้เก่าหรือเซริดดู
ที่ช่องมุมด้านซ้ายมือ ก็จะมีข้อมูลให้คุณๆเยอะมากครับผม

--ผมคิดว่านะ...ฟังดูด้วยหูตัวเองดีกว่าครับ ฟังแล้วคิดว่ารุ่นนี้สมควรเบิร์น...ท่านก็เบิร์น
ฟังแล้วไม่สมควรจะเบิร์น...ท่านก็ไม่ต้องเบิร์น

--คือถ้าจะบอกว่าการเปิดเพลงฟังไปเรื่อยๆ คือการเบิร์น..มันก็ถูกครับ
เพราะถ้าเราไม่ใช้หูฟังแล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่า เราเปิดมาเสัยงใช้ได้หรือยัง

--หรือถ้าจะบอกว่า เราควรเบิร์นให้ครบทุกย่านก่อนนำมาฟัง เพื่อจะให้ได้
อรรถรสในการเสพครบถ้วน มันก็ถูก...ของคนที่มีความพอใจอย่างนั้นอีก


สรุปความว่า แล้วแต่หูเราดีกว่าครับ เห็นว่ารุ่นนี้สมควรจะเบิร์นคุณก็เบิร์น
ถ้าฟังแล้ว เสียงทุกย่านของชิ้นดนตรีออกมาให้เราได้ยินครบ ก็ฟังไปเรื่อยๆครับ

ส่วนตัวผม ผมก็ไม่เคยไปจำกัดว่าหูฟังแบบนี้จะต้องเบิร์นหรือไม่ กี่ชั่วโมง
ผมอาศัยฟังอย่างเดียว. คิดว่าขาดอะไรก็เติมไป ฟังแล้วว่าพอดีใช้ได้ ผมก็ยังเปิด
ฟังไปเรื่อยๆทุกวันอยู่ดี. ไม่ใช่ว่าเบิร์นครบ2000ชม. แล้วเราจะเก็บไว้เฉยซะเมื่อไหร่

อุปกรณ์ต่างมีส่วนสำคัญ ในการกำหนดเสียงหูฟังมากครับ

เอวังก็มีด้วยประการละฉะนี้ :))))

หลังจากได้ไปค้นคว้าหาข้อมูลคร่าวๆมาพอสมควร ก็พอได้คำตอบแล้วครับ

ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ

พี่ adagio71 เหม่ตั้งกระทู้แบบนี้มาแล้วคิดจะปิดกระทู้ง่ายๆเหรอครับ ไม่ใช่ละ เดี๋ยวผมไปต้มรอลวกเส้นมาม่าก่อนนะครับ 555+

ส่วนตัวผมก็คิดว่ามันมีผลอยู่เหมือนกันแหละครับ เพราะอย่างล่าสุดผมเอาเจ้าน้องรักไปเปลี่ยนหัวกับสายมา เสียงฟังครั้งแรกนี้แทบปาทิ้งเลยบอกตรงๆว่าฟังไม่ได้จริงๆครับ = = ด้วยความที่ว่าผมชอบฟัง Jpop เสียงร้องก็จะสูงๆ หน่อย ฟังครั้งแรกนี้แทบปาทิ้งเพราะเสียงมาบาดครับ บาดจริงๆ = = ผมเลยปล่อยเบิร์นไป ตอนนี้ได้ประมาณ 83 ชม แล้วครับเสียงในตอนนี้อยู่ในระดับที่เรียกว่าฟังได้แล้วล่ะครับ จากที่ตอนแรกบาดจนฟังไม่ได้ตอนนี้ก็เริ่มเข้าที่กลับมาเป็นเอกลักษณ์ของมันแล้ว เรื่องแบบนี้ผมว่าอยู่ที่หูเราด้วยล่ะครับ

แล้วก็ In ear มันก็มี Driver แบบ Dynamic นะครับ ไม่ใช่ BA ทุกตัว -. .- ก็ตามนี้แหละครับ

ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยเนอะะะ

ผมเหลือมาม่าห่อเดียว ไม่รู้จะพอหรือเปล่า :)))

เอาเป็นสรุปที่ผมไปอ่านเจอมาแล้วกันนะครับ

มีคนทดสอบด้วยการเอา หูฟังตัวใหม่ๆเลย เป็นหูฟัง full size ไปวัดค่าสารพัด 5-6 อย่างได้ หลังจากนั้นเบิร์นไปราวๆ 100 ชม. แล้ววัดค่าซ้ำ

ผลออกมาคือ ค่าที่วัดได้ เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย คือ สามารถวัดได้ด้วยเครื่องวัด ดูจากรูปกราฟแล้วมันเหลื่อมกันนิดเดียว

ประเด็นคือ คนเราสามารถรับรู้ความเปลี่ยนแปลงตรงนี้ได้หรือไม่ และ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ในความเป็นจริงแล้ว มันทำให้เสียงดีขึ้น หรือ แย่ลง อันนี้เป็นอีกเรื่องนึง

รุ่นนี้ ผมว่า มันกลายเป็นของคลาสสิคไปแล้วครับ ทั้งซอง ทั้งเสียง เอ๊ย ทั้งรสชาติ

บางทีคนเราก็ต้องโหน....เพื่อความอยู่รอด

ฮ่าาาาาา นะคุณเจ้าของกระท้อ อย่าคิดมาก

มาม่าอร่อยเชียว