Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

รบกวนแนะนำศิลปินแนว Rock ยุคเก่าๆที่เป้นตำนานหน่อยครับ

bomlemons

10/06/2009 18:34:04
สวัสดีครับ

ตอนนี้เริ่มอยากฟังเพลงยุคเก่าๆ ที่เป็นตำนานอะครับ แนวไหนก็ได้ไม่จำเป้นต้อง Rock อย่างเดียวครับ รบกวนช่วย List รายชื่ือให้ทีนะครับ บอกอลบั้มด้วยก็จะดีมากครับ

เช่นพวก The Bettle /John Lennon/Paul McCartney / อะไรประมาณนี้ ผมรู้จักไม่ค่อยมาก-*-

ช่วยแนะนำด้วยครับ

ขอบคุณล่วงหน้ามากครับ ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

bankhalkdown

10/06/2009 19:19:35
0
led zeppelin - hard rock

iron maiden - Heavy metal

stratavorius - heavy metal and power metal

Black sabath - heavy metal

x-japan - neo-classic,hard rock and power metal

dreamtheater - progressive metal

metalica - Thrash Metal

Angra - melodic power metal

The olarn project - heavy metal

Hi rock - heavy metal

ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

หูคนอ้วน

10/06/2009 19:22:56
1
สาย Rock ปลาย 60 - ต้น 70
- The Beatles
- Rolling Stones
- Cream
- The Who

ถ้าสาย HARD ROCK ยุค 70 มี BIG 4 คือ
- Black Sabbath
- Led Zepplin
- Deep Purple
- Granfunk Rail Road

สาย Heavy ปลาย70 - ต้น 80
- Iron Maiden
- Judas Priest
- Scorpions
- Motorhead

สาย Trash Metal ยุค 80 มี BIG 4
- Metallica
- Megadeth
- Anthrax
- Slayer

สาย Hair Band 80 ก็
- Motley Crue
- Van Halen
- Guns n\' Roses
- Def Leppard

สาย Alternative 90 ว่าด้วย Big 4 Seattle Sound
- Nirvana
- Pearl Jam
- Sound Garden
- Alice In Chain

ไม่ใช่ Big 4 ยิ่งใหญ่ยาวนานสุดๆ
- Aerosmith
- Queen
- Kiss
- Ozzy Osbourne (Solo)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

bomlemons

10/06/2009 19:59:31
โว้ว ขอบคุณท่าน bankhalkdown ครับ แล้วก็ท่าน หูคนอ้วน มากครับแบ่งสายให้ด้วย
เยี่ยมมากๆครับ ขอบคุณหลายๆ เดี้ยวไปงมโข่งลองหาฟังงงง


ขอบคุณครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

อันดามัน

10/06/2009 20:24:37
ผมไม่แบ่งยุคนะคับ วงเดียวเท่านั้นที่ผมคิดว่า สุดยอดแล้ว Led Zeppelin
Led Zeppelin เฮฟวี่ เมทัล ผู้เหยียบโลกไว้ใต้อุ้งตีน!!
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

Leader

10/06/2009 20:31:48
หากเริ่มฟัง คลาสสิก ร๊อคแล้ว รับรองได้ว่ายาวแน่นอนครับ เพราะเด๋วอาจจะได้ไปต่อกับ บลูส์ แจ๊ซแล้วก็ไล่ไปยันคลาสสิก เช่นเดียวกับผม 55+
##ตำนาน ไม่ดีนะครับมันละเอียดไป ไม่รับรสดีเท่าไร !!

แนะนำเพิ่มเติมจากคนอื่น
Jimi Hendrix
Ozzy Osbourne
U2
Pink Floyd
AC-DC
The Eagles
Coldplay
Eric Clapton
Eric Johnson
Bruce Springsteen
Aerosmith
Rage Against The Machine
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

D2 USer

10/06/2009 20:36:34
-Jackson Browne
-Creedance Clearwater Revival (CCR)
-The Eagle
-Elton John
-David Bowie
-The Who
-Boston
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

bomlemons

10/06/2009 21:02:20
โว้ววว ขอบคุณ Leader แล้วก็คุณ D2 USer ด้วยครับ

แหล่มมมมม เสร็จๆ ที่ท่าน Leader บอกแต่ละคนโดนผมทั้งนั้น

ปกติผมฟังแต่ Classic pop jazz เป็นหลักหนะครับ แต่ไม่ค่อยรู้เรื่อง Rock เลย
เลยอยากศึกษาแนวนี้ หุหุ

ขอบคุณครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

นายมั่นคง

10/06/2009 21:37:41
0



555 ไอ้ที่เล่าๆๆ มาทุกท่าน นั่นแหละผมเลย คือฟังมันอยู่แค่นี้ล่ะ วนเวียนไปเรื่อยๆๆ จนศิลปินยุคนั้นทะยอยตายไปเรื่อยๆๆ แล้ว 555


ถ้าให้แนะนำของกล้วยๆๆ ก่อน ก็คือ พยายามไปหา The Beatles มาฟังก่อนครับ เล่นจาก White Album ก่อนเลย แนะนำเป็นอัลบั้มแรกๆๆ หรือไม่ก็เริ่มจาก Rubber Soul คือมันแทบจะเป็นเบสิคของดนตรีร็อคในยุคหลังๆๆ เมโลดี้ รวมถึงท่วงทำนองต่างๆๆ เป็นแรงบันดาลใจของนักดนตรีร็อคยุคต่อๆๆ มา

ส่วนที่ท่านอื่นๆๆ แนะนำมา นั่นคือของหลักที่พลาดไม่ได้เช่นกันครับ 555


งานเพลงเป็นศิลปะ จะเสพย์ของเก่าของใหม่ ไทย หรือ จีน ผมว่าได้ทั้งนั้น 555


เอ้า ดูรูปปกอัลบั้มกัน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

นายมั่นคง

10/06/2009 21:38:02
0



ต่อด้วย White Album
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

bomlemons

10/06/2009 21:54:00
The Beatles รู้จักเพลงเดียวครับเฮีย Let it be 55+

ชอบเหมือนกัน กำลังลองๆฟังอยู่ทุกเพลง ขอบคุณเฮียมากครับสำหรับข้อมูลแล้วก็ รูปเท่มาก

เพิ่งรู้ว่าเฮียชอบแนวนี้ อุอุ สงสัยมันจะ Hit มากตอนเฮียสมัยที่ยัง เอ๊าะๆ หุหุ

ขอบคุณครับ

ปล.ตั้งแต่เข้าเว็บเฮียนี้เสียเงินไม่หยุดเลย ทั้งหูฟัง ทั้ง CD 55+
มีความสุขที่สู๊ดๆๆ



ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

Noize

10/06/2009 21:58:48
2
ให้เฮียเบิกทาง Rock n Roll ยุค 60\'s ไปก่อน เดี๋ยวค่อยเข้ามาแจม

Hard Rock กะ Progressive Rock ยุค 70-80\'s ด้วย หิ หิ...
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12

นายมั่นคง

10/06/2009 22:30:21
0
555 ผมไม่ได้ชอบถึงขั้นเป็นพิเศษ และผมไม่ถึงขั้นเป็นคนเกิดในยุค Beatles ล่ะครับ 555 คือตอน Beatles ดังเป็นพลุ ผมยังดูดนมอยู่เลย 555

แต่ผมว่า Beatles มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกครับ คือมันเป็นได้ไงที่คนสี่คนมาสร้างดนตรีได้ดังขนาดนั้น.....

ผมอยากจะบอกว่า โลกนั้น ไม่สามารถมีนักดนตรีที่สร้างประวัติศาสตร์ได้สุดเหวี่ยงเท่ากับ The Beatles อีกแล้วครับ


คงอีกนานกว่าเราจะเจอวงดนตรีแบบนี้อีกในโลก ซึ่งไม่รู้ว่าอีกกี่สิบปี จะมีอุบัติลงมาในโลกมนุษย์...555



โลกนี้น่าจะมีอัจฉริยภาพทางดนตรีร็อคไม่กี่คนก็คือ

- Elvis Presley
- The Beatles
- Led Zeppelin
- Pink Floyd
- Jimi Hendrix
- Curt Coben


แว๊กๆๆๆๆ พอๆๆๆๆ ไม่รู้จักแว้ววววว 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13

นายมั่นคง

10/06/2009 22:44:39
0



อีกวงหนึ่งที่ต้องถือว่าเป็น โคตร Highly Recommend ก็คือ Lad Zeppelin ครับ

คือเกิดจากท้องพ่อท้องแม่ ผมไม่เคยเห็นมือกลองวงไหน ตีกลองด้วยจังหวะที่ขัดกันกับกระเดื่อง คือมันไปด้วยกันไม่ได้ แต่บักจอห์น บอนแฮมตีมันได้ไง เรียกว่าหายใจหายคอไม่ได้

แล้วจะหาคนที่มีอัจฉริยภาพขนาด Jimmy Page เราคงหาไม่ได้ง่ายๆ เช่นกัน แม่แต่ร็อคในยุคเดียวกัน หรือร็อครุ่นน้องๆๆ อย่าง ริชชี่ แบล็คมอร์ แห่ง Deep Purple หรือ โทนี่ไอออมมี่ Black Sabbath ก็ทำไม่ได้

เสียงร้องที่เสียดเข้าไปถึงรูตูดของ Robert Plant ก็หาใครที่จะกรีดร้องได้โหยหวนไม่ได้ ผมใช้คำว่าโหยหวน เพราะนี่คือต้นตำรับของคำว่าโหยหวลเลยล่ะ

จอห์น พอลโจนส์ มือเบสซื่อบื้อที่ยืนดีดเบส คุมจังหวะได้อย่างมหัศจรรย์ เป็นตัวที่ดูเรียบๆๆ ไร้สีสัน แต่หารู้ไม่นี่คือตัวชงไทมมิ่งให้สุดมันส์คุ่กับจอห์น บอนแฮม




ใครไม่เคยฟัง ผมบอกว่า .......must listen before you die.......

คือต้องฟังให้ได้จริงๆๆ ครับ ใครที่ฟังร็อคยุคนนี้ ถ้ามีโอกาสฟัง Led Zeppelin จัดหนักๆๆ ซักดอก 2 ดอก ผมว่าเผลอๆๆ จะเลิกฟังเพลงยุคนี้เลยล่ะ 555

เพลงแนะนำ ก็เริ่มพื้นๆๆ เบสิคสุดอย่าง stairways to heaven, Black dog, Rock & Roll, Whole lotta love ลองฟัง 4 เพลงนี้ก่อน ถ้าฟังแล้วบอกว่าไม่ได้เรื่อง....จบกัน คลิกปิด แล้วหาอย่างอื่นฟังทันที.....5555


แต่ถ้าฟังแล้วร้องว่า เฮ้ย มันใช่นี่หว่า คราวนี้เสียเงินยาวเลย........5555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 14

นายมั่นคง

10/06/2009 22:47:07
0
ถ้ามีเวลา กระทู้นี่ผมขอเหมารอบใหญ่ๆๆ เลย แล้วยกให้คุณ Noize จัดต่ออีกชุดใหญ่ๆๆๆๆ 5555




เรามันร็อครุ่นเดียวกัน 555

kong, noize, aor
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 15

อันดามัน

10/06/2009 23:06:52
Led Zeppelin เฮฟวี่ เมทัล ผู้เหยียบโลกไว้ใต้อุ้งตีน!! ย้ำชัดๆอีกดอกคับ ในยุคนั้น ลองไปอ่านประวัติวงนี้ดูซิครับแล้วจะทึ่งกับความสามารถของวงนี้ สุรา-นารี-ยาเสพติด วงนี้ผ่านมาหมดแล้ว
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 16

k

11/06/2009 06:59:19
6
ตายๆๆๆ แนะนำกันขนาดนั้นคอไม่ Rock ก็ต้องขอลองดูบ้างแล้วล่ะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 17

Leader

11/06/2009 07:48:22
Led Zeppelin - Stairway to Heaven คือเพลงแรกที่ผมได้ยินจากวงนี้ ประทับใจมากๆๆๆ เป็นเพลงที่ผมชอบมากที่สุดเท่าีที่เคยฟังมา ผมให้เป็นเพลงร๊อคที่สวยงามมากที่สุด และยังมีท่อนกีต้าร์โซโล่อันเป็นตำนานของโลก

ทุกวันนี้ก็ยังฟังเป็นประจำอยู่ทุกวันครับ ^ ^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 18

แพะ

11/06/2009 08:08:58
39
เกิดไม่ทัน....
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 19

Noize

11/06/2009 09:21:42
2
^
^
ไม่ต้องมาอ้างเลยแพะ หิ หิ..

แต่พักนี้ชักจะหาเพลงที่แพะเคยแนะนำไว้มาฟังเยอะขึ้นเรื่อยๆแล้ว

อนาคตไม่แคล้วโดน 325is เปิดประทุน แน่เลย 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 20

แพะ

11/06/2009 09:25:54
39
555 ยินดีต้อนรับสู่อารยะธรรมครับ พี่น้อย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 21

Darifto

11/06/2009 09:27:26
0
วง ดอนผีบิน ครับ เท่สุด
วงนอกก็
- Dark Tranquillity
- Obituary
- Venom
- Napalm Death
- Celtic Frost
วงพวกนี้ออกเทปตั้งแต่ช่วง 80 - ปัจจุบัน
ลองฟังดูครับ แล้วคุณจะชอบ Death Metal อิอิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 22

อันดามัน

11/06/2009 09:46:04



คุณแพะผม ก็ยังเกิดไม่ทันเหมือนกันเหมือนกันคับแต่ด้วยความที่โดนเพลงแนวนี้กรอกหูตั้งแต่เด็กก็เลยทำให้ผมชอบมาตั้งแต่เด็กคับเมื่อก่อนนั้นผมฟังเอาแต่ความมันคับแต่ช่วงหลังๆจะเน้นดนตรี+ซาวด์+การเล่นของวงร็อคในอดีต หลังจากผมมีซิสเต็มที่ดีมีหูฟังที่เป็นที่สุด(RS-1)เป็นก็ทำให้การฟังเพลงร็อคเป็นอะไรที่ลึกซึ่งมากคับ ช่วงอิโทรของเพลง+ช่วงโซโล่+ช่วงท้ายเพลงของเพลงร็อคเมื่อฟังแล้วมันเป็นอะไรที่ผมอยากจะบอกว่า พวกคุณวันๆเอาอะไรคิดกันเนี่ยเพลงแต่ละเพลงที่พวกคุณทำมานั้นช่างสุดยอดจริงๆ ส่วนคุณ Leader ช่าวงค่ำผมจะนำเบื้องหน้าและเบื้องหลังของเพลง Stairway to Heaven มาเล่าให้ฟังคับเป็นอะไรที่คลาสสิคมาก (เค้าเล่าว่าในยุคนั้นเรื่องนารีวงนี้ไม่ต้องควานหาเลยคับนารีมาถึงห้องพักเลยหละก็ดูซิคับแต่ละคนขี้ก้างทั้งนั้น เพราะอะไรหรือ.....คิดกันเอาเองคับ)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 23

cha

11/06/2009 11:05:50
เอาวงที่ยังไม่ใครพูดถึงนะครับ

Yes - progressive rock

Queensryche - progressive metal

king diamond - Heavy metal (ชุด Abigail)

Boston - Rock

The Alan Parsons Project - progressive rock

King Crimson - progressive rock (ชุด In the Court of the Crimson King)

แ ถม Helloween - German Power/Speed Metal

ลองชุด -Keeper of the Seven Keys, Parts I & II

-Master of the Rings

-Better Than Raw
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 24

นายมั่นคง

11/06/2009 11:14:59
0



เอ้า เอาวงที่ทุกคนต้องฟัง มาแนะนำกันก่อนครับ

Pink Floyd คือวงที่ว่าล่ะ เดี๋ยวว่างจะมาโม้ต่อครับ

สำหรับ Pink Floyd ให้เริ่มต้นฟังทั้งอัลบั้ม อย่าไปฟังจากอัลบั้มรวม เพราะขาดอรรถรสไปเยอะ ถ้าฟังทั้งชุด ทั้ง concept รับรองว่าสุดยอด ลองเริ่มต้นฟังจากอัลบั้มฮิตโคตรๆๆ ก็น่าจะแถวๆๆ The Wall, Dark side of the Moon, Wish you were here, Meddle

เอาจากแถวๆๆ นี้ก่อนครับ อัลบั้มอื่นๆๆ มันลึกเกินไป ฟังแรกๆๆ อาจจะอึดอัดเล็กน้อย ลองอัลบั้มที่ว่าก่อนล่ะเด้อ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 25

Leader

11/06/2009 11:25:57
0
Dark side of the Moon อันนี้ชอบมาก ^ ^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 26

Noize

11/06/2009 11:35:26
2
หิหิ Dark side of The Moon มีผู้ชายที่ชื่อ Alan Parson เป็น sound engineer ครับ

ขอจองคิวโม้เรื่อง The Alan Parsons Project ต่อจากเฮียมั่นฯ ด้วยคนนะครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 27

แพะ

11/06/2009 12:01:51
39
หุๆ อย่างน้อยผมก็รู้จัก Pink Floyd อิอิ สงสัยต้องหาแนวนี้มาฟังบ้างแล้ว
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 28

อันดามัน

11/06/2009 12:22:29
เฮียถามหน่อยคับหลือผู้รู้ทั้งหลายวงPink Floyd ใช้ระบบเสียง quadrophenic เป็นครั้งแรกในโชว์ ที่ Queen Elizabeth Hall มันคือระบบอะไรคับเด็กเกิดมทะทันแต่คิดว่ามันน่าจะเป็นระบบที่ดีที่สุดในโลก ในตอนนั้นใช่ปคับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 29

อันดามัน

11/06/2009 12:38:48
1967 is such a great year, right?
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 30

อันดามัน

11/06/2009 13:12:59
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ครับ Pink Floyd
25 มี.ค.1973 หลังจากปล่อย T-Ser ทางโทรทัศน์อยู่ร่วมเดือนวันนี้ Darkside of the moon อัลบั้มมหากาพย์ชุดใหม่ของ Pink Floyd วางแผงแล้วทั่วสหราชอาณาจักร เนื้อร้องในอัลบั้มประพันธ์โดย Roger Waters ที่บอกเล่าเรื่องราวของความรู้สึก ความนึกคิด มองสิ่งรอบตัว เรื่องของเขา เรื่องของเรา คือองค์ประกอบเนื้อหาในอัลบั้มชุดนี้ มันเป็นอัลบั้มที่อยู่บน Billboard charts นานที่สุดถึง 741 สัปดาห์ และแน่นอน มันได้อันดับ 1 Billboard charts และรางวัลแผ่นเสียงทองคำขาวจาก RIAA ไปครอง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 31

หมาหน้าขาว

11/06/2009 13:56:42
ถามหน่อยครับ

มือกลองที่ประสบอุบัติเหตุเหลือแขนข้างเดียว นี่วงอะไรครับ ผมนึกไม่ออก
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 32

Noize

11/06/2009 14:06:39
2



Def Leppard ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 33

jo..1234

11/06/2009 14:55:11
0
GURU เยอะเลยครับ เฮีย ปักหมุดๆ

สนุก เพลิน สาระ คำแนะนำ ทำเป้นเวิร์คช๊อปกันเลย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 34

jimmy

11/06/2009 15:07:41
0



Mountain


วงนี้ในสายตาของผมถือว่าสุดยอดทั้งนักดนตรีและดนตรี แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้จัก คนที่รู้จักมักจะเป็นนักดนตรีอาชีพ


ที่รู้จักวงนี้เพราะเป็นวงฮาร์ดร็อคอเมริกัน และทหารอเมริกันพกแผ่นมาด้วย สถานีวิทยุในแคมป์เปิดให้ฟังบ่อย เพลงที่เปิดให้ฟังแล้วติดหูเลยก็เพลง “ Nantucket Sleighride”, “For Yasgur's Farm” กับเพลง “Mississippi Queen”


ถ้าพวกเราเป็น “ ขาโจ๋ ” รุ่นใหม่ก็อยากจะแนะนำให้หา 3 เพลงนี้มาฟัง เพราะดนตรีเป็นสัญลักษณ์ของ “Heavy-Hardrock” แห่งยุคสมัยได้สบาย แถมบางเพลงออกสไตล์ร็อคใต้ชัดเจน


สมาชิกวงรุ่นก่อตั้งก็มี Leslie West มือกีตาร์ร่างบิ๊กแต่โซโลยิกๆ พร้อมกับร้องนำด้วย Felix Pappalardi เล่นเบสและร้อง Corky Laing กลอง กับ Steve Knight เล่นเปียโนกับออร์แกน ตอนหลังมีปรับเปลี่ยนสมาชิกบางคน


เพลง “For Yasgur's Farm” เป็นเพลงที่วงนี้แต่งให้ในโอกาสที่ได้ไปเล่นในมหกรรมคอนเสิร์ต Woodstock 1969 แต่ก็ประหลาดใจ เพราะดูในหนัง ดูในวิดีโอ ดูใน VCD ก็ไม่ยักมีวงนี้ เพลงออกไพเราะจะตาย สงสัยตอนถ่ายทำหนังมีปัญหากระมังเลยไม่ปรากฏในจอ !

หลังการแสดงมหกรรมคอนเสิร์ตเพื่อสันติภาพแล้วก็ออกแผ่น โดยชุดแรกออกเมื่อปี 1970 ชื่อ “Climbing!” เพลงที่ติดหูป๋าทั้งเพลง “For Yasgur's Farm” กับเพลง “Mississippi Queen” ก็มาจากอัลบั้มนี้

” กับเพลง “Mississippi Queen” ก็มาจากอัลบั้มนี้


ปีถัดมา 1971 ออกมาอีก 2 ชุด ก็คือ “Nantucket Sleighride” กับ “Flowers of Evil” ปี 1972 ออก “Mountain Live:The Road Goes Ever On” และ ปี 1973 ได้ Jack Bruce มือเบสจากวง Cream มาร่วมวงด้วย ฝีมือเล่นเบสวงนี้ก็เลยเด่นหายห่วง ปี 1974 ปรับปรุงใหม่ได้ Allan Schwartzberg มาเล่นกลอง และได้ Robert Mann มาเลนคีย์บอร์ดแทนคนเก่า และได้ David Perry มาเล่นกีตาร์ด้วย แล้วในปีเดียวกันก็ได้ออกแผ่นมา 2 ชุด คือ “ Twin Peaks ” กับ “Avalanche”


ยุคสมัยนั้นพวกป๋าแกะเพลง “For Yasgur's Farm” มาเล่น วัยรุ่นพวกเดียวกันชอบมากและร้องกันได้ทุกคน คิดว่าเปิดให้ฟังสมัยนี้ก็น่าจะชอบนะ เพราะท่วงทำนองดนตรีดีมาก ลีดกีตาร์ก็สั้นๆ ฟังแล้วไพเราะหู


เพลง “Nantucket Sleighride” เป็นเพลงที่จัดว่าไพเราะมาก เป็นเพลงหนึ่งที่ “ อมตะ ” ในใจของผมเลยทีเดียว ขึ้นเพลงด้วยเสียงกีตาร์ เบส กลอง แล้วรับด้วยเสียงกีตาร์เมโลดี้อันเศร้าสร้อย เสียงร้องก็ยอดเยี่ยม ความจริงเบื้องหลังของอัลบั้ม “Nantucket Sleighride” ได้แรงบันดาลใจจากออกทัวร์คอนเสิร์ต ทำให้เพลงออกมาสไตล์ “ บัลลาด ” ชัดเจน


ตอนได้ยินเพลงนี้ครั้งแรกรู้สึกประทับใจแบบแปลกๆ เพราะท่วงทำนองและเสียงร้องช่างแตกต่างจากเพลงอื่นๆ เสียเหลือเกิน


ช่วงกลางเพลง มีเปลี่ยนจังหวะ ลีลาฟังแล้วเร้าใจเอามากๆ ช่วงลีดกีตาร์ก็หวานเศร้าสร้อย คิดว่าเพลงนี้ทำออกมาอย่างสมบูรณ์แบบและลงตัวจริงๆ เสียดายที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้จัก วงไม่ติดอันดับเหมือนวงรุ่นพี่อื่นๆ แต่วงก็ดำรงชีพมาได้จนถึงทุกวันนี้ และปีที่แล้วยังออกทัวร์ที่อังกฤษด้วย


สมัยก่อนวงมืออาชีพบ้านเราก็มีวง “Heavy Mountain” ชอบเอาเพลงจากวง Mountain มาเล่น สงสัยชอบมากเลยเปลี่ยนชื่อวงจาก “Javalin 5” มาเป็น “Heavy Mountain” ตอนนั้นเล่นประจำที่บาร์ “ โกลเด้น ฮอร์ส ” ใกล้ๆ ห้าแยกวงเวียนใหญ่นั่นแหละ วงนี้เขาเล่นสไตล์ฮาร์ดร็อคลูกเดียว ตอนหลังย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ


ก็สมัยนั้นเพลงฮาร์ดร็อคกำลังเฟื่องสุดขีดที่จังหวัดอุดรธานี ไม่ว่าจะเป็น Led Zeppelin, Uriah Heep, Deep Purple, Pink Floyd,Grand Funk Railroad ไปจนถึง Black Sabbath วงนี้ก็เลยเลือกเดินในเส้นทางฮาร์ดร็อคเป็นสำคัญ


เพลงอื่นๆ ที่น่าฟังก็มี “Never In My Life”,” “Roll Over Beethover”, “The Animal Trainer And The Toad” กับเพลง “Crossroader”
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 35

jo..1234

11/06/2009 15:11:57
0
http://www.bornsong.com/Black%20Dog--5l72j7hIBU-player.html

ตรงนี้ ที่ลองฟัง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 36

อันดามัน

11/06/2009 17:30:48
คืนนี้ผมจะมาเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับเพลงร็อคในแต่ละปีว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ผมเริ่มจากปี 1967 เลยแล้วกันคับ
ปี 1967
ปีแห่งดนตรี psychedelic ครองเมือง ยาเสพติด โอสถถหลอนจิต สร้างแรงผลักดันสร้างสรรค์ผลงานของเหล่าศิลปิน
การกำเนิดอัลบั้มตัวแทนแห่งปีนั้น ความฟู่ฟ่า หลอนประสาท และความอลังการ งานชิ้นเอก summer of love แตกผลึกกลายเป็น
1. The Doors : The Doors
2. Jefferson Airplane: Surrealistic Pillow
3. Beatles: Sgt. Peppers Lonely Hearts Club Band
4.Pink Floyd: The Piper at the Gates of Dawn
5.Cream: Disraeli Gears
6.The Rolling Stones: Their Satanic Majesties Request
7. Jimi Hendrix : Are You Experienced?
ค่อยมาเล่าต่อนะคับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 37

Noize

11/06/2009 17:56:03
2
...เริ่มสนุก เข้มข้น ขึ้นแล้ว...
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 38

bomlemons

11/06/2009 18:05:33
โว้วววววว สุดยอดไม่น่าเชื่ออออ

ผมได้ความรู็เยอะมาากครับ ขอบคุณเฮีย และทุกท่านมากมาย

แหล่มมมมมมมมมมมมมมมม
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 39

อันดามัน

11/06/2009 19:32:56
ก่อนอื่นผมต้องบอกกับพี่ๆทั้งหลายว่าผมไม่ใช่ผู้รู้เรื่องเพลง ร็อค มากนะคับแค่สนใจและเรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นของแต่ละปีที่เพลงร็อคก่อตัวขึ้น ส่วนรายละเอียดข้อมูลของวงต่างๆนั้นต้องบอกว่าไม่รู้ คับ รู้แต่แบบงูๆปลาๆคับ ผมจึงอยากให้ผู้ที่ชื่นชอบหรือมีข้อมูลเด็ดๆเข้าโพสหรือให้ความรู้กันคับส่วนจะผิดหรือถูกนั้นค่อยมาอธิบายทีหลังคับ
ปล.จอห์น บอนแฮม เสียชีวิต ในเดือนและปีเดียวกับที่ผมลืมตาดูโลก ยกเว้นวันที่ไม่ตรงกัน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 40

อันดามัน

11/06/2009 19:39:11
15. ม.ค.-Rolling Stones ไปเล่นในรายการ The Ed Sullivan Show ทาง Ed Sullivan ขอร้องทางวงให้ช่วยเปลี่ยน ท่อนเนื้อร้องและชื่อเพลงที่ชื่อว่า \"Let\'s spend the night together\" เป็น \"Let\'s spend some time together\" เนื่องด้วยเนื้อหาในเนื้อเพลงที่สองแง่สองง่าม เกรงจะมีปัญหากับกอง กบว.สหรัฐฯ
30 ม.ค.-Beatles ถ่ายทำ promotion film (music video) เพลง Strawberry Fields Forever ที่ สวน Knole แถบ Sevenoaks
7 ก.พ.-Micky Dolenz สมาชิกวง Monkees ได้มีโอกาสพบกับ Paul McCartney สมาชิก Beatles
12 ก.พ.-Mick Jagger และ Keith Richards สอง Glamour Twins แห่ง Rolling Stone โดนตำรวจปรับเงิน ฐานมียาเสพติดไว้ในครอบครอง
13 ก.พ.-Single: Strawberry fields forever/ Penny Lane วางแผงทั่ว สหราชอาณาจักร
17 ก.พ.-Single: Strawberry fields forever/ Penny Lane วางแผงทั่ว สหรัฐอเมริกา
24 ก.พ.-Bee Gees ทำสัญญาในการร่วมงานกันกับ Robert Stigwood ผู้จัดการวง Cream
3 มี.ค.-Animals ยกเลิกโชว์ใน Ottawa, Canada สร้างความไม่พอใจแก่ผู้ชมที่มาดูกว่า 3000 คน ทำลายสถานที่ด้วยความโกรธเกรี้ยว ค่าเสียหายมูลค่า 5000 เหรียญสหรัฐฯ
11 มี.ค.-Beatles ส่ง music video เพลง strawberry fields forever และ เพลง Penny Lane ไปรายการ American Bandstand เป็นที่แรกก่อนใครให้ได้ชมกัน
25 มี.ค.-The Who เปิดการแสดงในสหรัฐอเมริกา เป็นครั้งแรก เริ่มทัวร์ที่ New York
27 มี.ค.-John Lennon และ Paul McCartney สองหนุ่มสองมุมแห่งวง Bealtes ได้รับรางวัล Ivor Novello (รางวัลที่มอบให้นักแต่งเพลง) จากเพลง \"Michelle\" ของ Beatles สาขา the most performed song in Britain ประจำปี 1966
30 มี.ค.-Beatles ถ่ายปก Sgt.Pepper... กับบรรดาหุ่นจำลองบุคคลต่างๆ และภาพตัดแปะบุคคลดังๆ ณ Chelsea Manor Studios กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
31 มี.ค.-Jimi Hendrix ถูกหามส่งโรงพยาบาลด้วยอุบัตเหตุไฟลวก จากการเผากีต้าร์ตัวเอง ที่ the Astoria เป็นครั้งแรก และกลายเป็นเครื่องหมายการค้าแห่งความบรรลุแห่งเสียงกีต้าร์ของกีต้าร์เทพคนนี้
13 เม.ย.-Rolling Stones เปิด Concert ที่กรุง Warsaw ประเทศโปแลนด์ เหตุการณ์ในครั้งนั้นถูกจารึกไว้ว่า เมื่อโลกคอมมิวนิสต์แถบยุโรปตะวันออกได้ลิ้มลองสิ่งที่เรียกว่า Rock n\'roll
1 พ.ค.-Elvis Presley เข้าพิธีวิวาห์กับ Priscilla Beaulieu ที่ Aladdin Hotel ใน Las Vegas
2 พ.ค.-Beach Boys ยุติการบันทึกเสียง concept album ที่ชื่อ \"Smile\" เนื่องจากงบประมาณบานปลาย และ ทาง Capitol Records ชักไม่ปลื้ม... ทำให้ทางวงเข็นอัลบั้มที่ชื่อ \"Smiley smile\" แทน และ Brian Wilson ต้องใช้เวลาอีก 30 ปีถึงจะทำ smile เสร็จ! ออกในนามตัวเอง
12 พ.ค.-Pink Floyd ใช้ระบบเสียง quadrophenic เป็นครั้งแรกในโชว์ ที่ QueenElizabeth Hall
1 มิ.ย.-Sgt. Pepper\'s Lonely Hearts Club Band ของ Beatles วางจำหน่าย
16 มิ.ย.-18 มิ.ย. -Monterey International Pop Festival มหกรรมดนตรีกลางแจ้งขนาดใหญ่ครั้งแรกของโลกถูกจัดขึ้น
25 มิ.ย.-Beatles เล่นเพลง \"All you need is love\" ผ่านรายการพิเศษถ่ายทอดสดไปยัง 26 ประเทศทั่วโลกผ่านดาวเทียม ที่ชื่อว่า \"Our World\" ร่วมกับศิลปินดังๆ อีกมากมาย
ฤดูร้อน ปี 1967-ควันกัญชาล่องลอยทั่ว San Francisco บุปผาชนเตร็ดเตร่ไปทั่ว เพราะนี่คือช่วงเวลาของ Summer of Love ท่ามกลางเลือด และเปลวไฟแห่งสงครามเวียดนาม

ณ อีกฝากหนึ่งของโลก... และ \'รงค์ วงศ์สวรรค์ กลายเป็นหนุ่ม idol ของเพื่อนๆฮิปปี้ที่ต่างรู้จัก อาว์\'รงค์ในนามว่า \"Ronnie
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 41

Leader

11/06/2009 20:11:40
0
ผมโพสประวัติวง Mayhem ได้ไหมอะ หรือว่ามันรุนแรงเกินไป

ปล.วงนี้ไม่เหมาะกับผู้ฝักใฝ่ Audiophile เป็นอย่างยิ่ง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 42

Leader

11/06/2009 20:18:55
0
หากจะเขียนตารางการสืบ ทอดสายพันธ์แบล็กเมตัลออกมาเป็นแฟมิโทรี ชื่อของ Mayhem ต้องอยู่ตำแหน่งเหนือสุดของยอดปิรามิดอย่างแน่นอน เส้นทางที่ละเลงไปด้วยเลือด, คำสาป, ความตาย, กรงเล็บแห่งปีศาจ ความลี้ลับของอำนาจมืด นี่คือความน่าสะพรึงกลัว จิตวิญญาณ และความสะใจ

ต้องเชื่ออย่างนั้น เพราะมันไม่ใช่แบล็กเมตัลขนมกรุน.. ไม่ใช่มายา... ไม่ใช่แฟชันประชันความหล่อ หรือแค่ทำตัวเด่นด้วยอิมเมจ แท้จริงแล้วมันคือความศรัทธาต่อแนวดนตรีแบล็กเมตัลอย่างแรงกล้า ด้วยบทแพลงดันเร่าร้อน เนื้อหาซีเรียสจริงจัง บูชาซาตาน เหยียดหยามและแอนตีคริสเตียนสุดขั้ว


เรื่องราวของ Mayhem เริ่มต้นที่ออสโล ประเทศนอร์เวย์ ในปี ’84 โดยมือกีต้าร์หนุ่มอายุ 16 ปี Oystein Aarseth หรือฉายาที่ใครต่อใครเรียกจนติดปากว่า Euronymous ร่วมด้วย Necrobutcher (Jom Stubberud) ในตำแหน่งเบสและ Mayhem (Kjetil Manhelm) กระหน่ำกลอง ถ้าย้อนกลับไปดูความรุ่งเรื่องของดนตรีเมตัลที่ได้รับความนิยมสูงในยุคนั้น คงหนีไม่พ้นแอลเอเมตัลจากฝั่งอเมริกาเป็นแน่ ส่วนแธรชเมตัลที่หนักสะใจกว่า ก็ยังเป็นเพียงแนวดนตรีที่เพิ่มเริมก่อหวอดเพราะฉะนั้นแล้วย่อมเป็นไปไม่ได้ เลยที่วงแบล็กเมตัลเช่น Mayhem จะผุดขึ้นท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้อง แน่นอนว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่วงนี้จะแยกแสแต่ประการใดกับผลลัพธ์ดังกล่าว พวกเขาพอใจกับการหมกตัวอยู่ในซอกหลืบอันมืดมิด เล่นดนตรีไม่เหมือนใคร หนัก..ดิบ..ก้าวร้าว และโหดเ้ยม ตระเวนแสดงตามผับเล็กๆ โดยคัฟเวอร์เพลงของในอุดมคติ เช่น Venom, Celtic Frost, Bathory กว่าตัวตนที่แท้จริงจะปรากฏ ก็ล่วงเลยจนถึงปี’86 จาก Voice of the Tortured Skull เดโม 5 เพลงที่อัดกันเอง โดยใช้กระดาษถ่ายเอกสารเป็นปก ซึ่งก็มี Black Metal ของ Venom เป็นเพลงคัฟเวอร์ (แต่เป็นเวอร์ชั่นมหาโหดที่ลืมต้นฉบับไปได้เลย) นอกจากนี้ยังมีเพลงระดับคลาสสิกในเวลาต่อมา
เช่น Pure Fucking Armageddon และ Carnage รวมอยู่ด้วย ไม่นานนักก็มีเทปอัดจากห้องซ้อมตามออกมาอีกชุด แต่คราวนี้พวกเขาใช้ชื่อว่า Pure Fucking Armogeddon Rehearsal ซึ่งมีเพลงแตกต่างจากชุด Voice..of เล็กน้อย (ไม่มีเพลง Voice of...และ Black Metal แต่เพิ่มเพลง Mayhem เข้ามา) Euronymous ได้รับอิทธิพลและคลั่งไคล้วงแธรชรุ่นบุกเบิกอยู่เป็นทุน โดยเฉพาะ Venom คือ แรงบันดาลใจสูงสุด ถึงขนาดนำเพลง Mayhem with Mercy จากอัลบั้ม Welcome to Hell เป็นไกด์ในการตั้งชื่อวง กอปรกับมีนิสัยชอบเก็บตัว เต็มไปด้วยอุดมการณ์อันแรงกล้า เกลียดชังคริสต์เตียนสกปรก ยืนหยัดเพื่อมาตุภูมิไวกิ้ง ทำให้บทเพลงของเขาเปรียบเสมือนเตาหลองพลังชั่วร้ายทั้งมวลเอาไว้ในแรงขัน เคลื่อนของท่อนริฟฟ์อันเกรี้ยวกราด..เสียงร้องสยอง.. และซาว์ดนทรมานประสาทเท่าที่มนุษย์ได้สัมผัสคำว่า “ดนตรี” ในช่วงแรกหลายอย่างดูจะไม่เข้าที่เข้าทางนัก โดยเฉพาะไลน์อัปที่ยังไม่มีความลงตัว Mayhem ใช้บริการนักร้องนำชื่อ Messiah เป็นแขกรับเชิญ อัดเสียงกันแบบลวกๆ แต่ได้อารมณ์อันเดอร์กราวนด์เต็มเหยียด งานทั้ง 2 ชุดที่ออกมานั้น ก็ไม่ไว้แจกจ่ายเฉพาะมวลหมู่เพื่อนพ้องเท่านั้น ไม่สามารถหาซื้อได้จากที่ไหน แต่เมื่อมีเสียงตอบรับด้วยดี ทางวงจึงนำกลับมารวมกันอีกครั้งโดยแยกเพลงจากทั้ง 2 ชุดไว้คนละหน้าเทป (Slde Fuck & Slde Off) แล้วเรียกมันว่า Pure Fucking Armageddon ซึ่งถือเป็นเดโมแรกของวงไปในที่สุด
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 43

Leader

11/06/2009 20:19:55
0
ไม่ทันข้ามปีเมื่อได้ Maniac (Sven Erik Kristiansen) เข้ามาร้องนำอย่างเป็นทางการ ก็ยิ่งทำให้ Mayhem กลายเป็นวงแบล็กเมตัลระดับหัวหอกชั้นแนวหน้าปี’89 มีเดโมที่ออกมาในแบบกึ่งไร้สังกัด...กึ่งทางการชุดหนึ่ง (Maniac Prods. คือ Death rehearsal ท่ามกลางเสียงตอบรับจากแฟนเพลงที่เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเชื่องช้าแต่เหนียว แน่นเป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้เดโมนี้ถูกนำมาทำเป็นแผ่นเสียงโดยสังกัด Posecorpse ในปีเดียวกัน โดยเปลี่ยนปกและชื่อเรียกเสียใหม่ว่า Deathcrush และส่งผลให้มันกลายเป็นมินิอัลบั้มแรกของวงไปในบัดดล ปีกแห่งปีศาจได้กระพือขึ้นแล้ว ไฟแห่งความชั่วร้ายลามเลีย... ยุโรปตอนเหนือมีวิญญาณร้าย “แบล็กเมตัล” เข้าครอบงำตั้งแต่บัดนั้น


หลังจาก Deathcrush ออกวางจำหน่าย Maniac และ Mayhem ลาออก Mayhem ต้องประสบปัญหาอีกครั้งมือกลองถูกทดแทนโดย Hell hammer (Jan axel Bloberg) อย่างทันท่วงทีในปีต่อมา (88) ขณะที่ตำแหน่งนักร้องนำก็เหมือนซาตานได้ประทานบุรุษแห่งความน่าสะพรึงกลัว นาม Dead (Per Yngve Ohlin) อดีตนักร้องนำวงเดธเมตัลจากสวีเดนชื่อ Morbid มาเสริมทัพ ซึ่งถึงแม้ว่าวงเก่าของเขาจะมีเพียงแค่เดโม (December Moo’87 และ Last Supper ’88) เท่านั้น แต่มันก็อัดแน่นไปด้วยเพลงเดธเมตัลระดับคุณภาพที่เหล่าเมตัลเฮดต่างอยากมี ไว้ครอบครองทั้งสิ้น โดยเฉพาะ December Moon ซึ่งออกเป็นแผ่นเสียงนั้นล้ำค่ายิ่งกว่าทองคำ Dead เข้ามาอยู่ภายใต้เงื้อนเงาแห่งซาตานไม่นาน ก็ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของ Mayhem ขยายอิทธิพลอย่างสูงสุด เสียงร้องที่แหบโหดราวผีตายซากช่างไปกันได้ดีกับท่อนริฟฟ์อำมหิตของ Euronymous เท่านั้นไม่พอ การแสดงของวงก็เต็มไปด้วยความเถื่อนซาดิสต์ Dead แพนต์หน้าและแต่งกายได้ราวกับศพนรกขณะที่เวทีถูกประดับไว้ด้วยหัวหมูขนาด ยักษ์ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ Dead ต้องถูกหามส่งโรงพยาบาล เนื่องจากเสียเลือดไปมากจากการประทุษร้ายตัวเองระหว่างแสดงชื่อเสียงของวงใน ช่วงนั้นได้มาจากการเล่นสดล้วนๆ ถึงแม้ว่า Mayhem จะไม่เคยมีผลงานในแบบเต็มอัลบั้มมาก่อน แต่ก็มีการแสดงในที่ต่างๆ ตลอด ไม่ว่าจะเป็น Lillehammer, Sarpsbarg, Jussheim ในนอร์เวย์ หรือ Zeitz และ Leipzig ในเยอรมันตะวันออก เป็นต้น..รอยเท้าแห่งประวัติศาสตร์เหล่านั้น ได้กลายเป็นผลพวงที่ทำให้ลูกหลานแบล็กเมตัลมีงานประเภทบูตเลกของ Mayhem ฟังกันอย่างจุใจในปัจจุบัน


ท่ามกลางกระแสความ รุนแรงของเผ่าพันธุ์แบล็กเมตัลในนอร์เวย์ที่มีแต่เรื่องร้ายๆ มาประดังเข้ามา Euronymous เริ่มทำตัวเป็นศาสดา ตั้งกลุ่ม lnner Clrcle ซึ่งมีสมาชิกเช่น Samoth, Foust แห่ง Emperor, Count Grishnakh (Varg Vikernes) แห่ง Burzum เป็นที่รองรับเหล่าอสูร มีร้านขายแผ่นเสียงชื่อ Helvete ซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษว่า “Hell” เป็นของตัวเอง นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าของสังกัด Deathlike Sillence Productions อีกด้วย แต่ขณะที่ทุกอย่างเริ่มเข้ารูปเข้ารอยตำนานแรกของวงก็อุบัติขึ้น Dead สังเวยชีวิตตัวเองจากการกระทำอัตวินิบาตกรรมเมื่อวันที่ 8 เมษายน ปี’91 มัจจุราชได้กระซากวิญญาณบุรุณผู้ไม่หวั่นความตายไปอย่างชวนสยองชั่วนิรัน ดร์..



ณ วันเกิดเหตุ Hellhammer และ Euronymous พบศพเพื่อนร่วมวงในสภาพเลือดเปรอะเต็มที่นอนและฝาห้อง สมองกระจายจากแรงกระสุนเจาะกะโหลกแต่ Euronymous หาได้ที่ยี่หระนัก เขาจัดวางท่วงท่าของศพเพื่อถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกก่อนจะโทรเรียกเจ้า หน้าที่ด้วยซ้ำ (ทำให้เรามีโอกาสได้เห็นภาพนั้นจากอัลบัม Dawn of the Black Heart’95) ขณะที่ Hellhammer ก็เก็บบางชิ้นส่วนของกะโหลกมาทำจี้ห้อยคอ แบล็กแมตัลในแบบฉบับของ Mayhem ไม่ใช่อย่างที่ใครต่อใครคิดอีกแล้ว ไม่ว่าห้วงเวลานั้นทั้งคู่จะคิดเช่นไร แต่เชื่อแน่ว่าคงไม่มีวงดนตรีใดในโลกจะทำได้เยี่ยงนั้น หลังเหตุร้ายเกิดขึ้นกับวงไม่นาน Necrobutcher สมาชิกยุคก่อตั้งก็ลาออกไปอีกคน คราวนี้ Mayhem มีสภาพเหมือนตกอยู่ในสุญญากาศขาดทั้งนักร้องนำและมือเบส


บันทึก การแสดงสดของวงมาออกอย่างเป็นทางการในปี’93 ชื่อ Live in Leipzig ซึ่งเป็นการแสดงเมื่อครั้ง Dead ยังมีชีวิต เป็นเวลาเดียวกับ Euronymous เริ่มมองหาสมาชิกใหม่ มีนักดนตรีหลายคนที่แวะเวียนเข้ามาร่วมในระยะสั้นๆ เช่น Occultus (Stian Johansen) ซึ่งเป็น บก.ของสุดยอกแฟนซีนใต้ดินชื่อ Sepulchral Noize และอดีตมือเบสวง Thy Abhorrent นอกจากนี้ยังมี Blackthorn (Snorre Ruch) มือกีตาร์วง Thorns รวมไปถึงแบล็กเมตัลหนุ่ม Count Grisnackh มือเบสจากวง Buzum

ก่อนหน้านั้นเล็กน้อยมีวงแบ ล็กพันธุ์เถื่อนจากฮังการีชื่อ Tormentor ถือกำเนิด มีผลงานเดโมคลาสสิกออกมา 2 ชุด คือ 7th Day of Doom และ Anno Domini ในปี ’88 (ภายหลังถูกนำมาออกเป็นซีดีแลไวนิลโดยสังกัด Noctumal Art Prods. ในปี’95) นักร้องนำของวงนี้คือ Attilla Csihar เป็นที่ถูกตาถูกใจ Euronymous เป็นอย่างยิ่ง ถึงขนาดที่เขาเตรียมเซ็น Tormentor เข้าสังกัด DSP จนกระทั่งเมื่อคราวที่ Atillo มาเยือนนอร์เวย์เพื่อตกลงทำอัลบัมใหม่ เป็นจังหวะที่ Mayhem ขาดนักร้องนำอยู่พอดี ทุกอย่างจึงลงตัวอย่างเหมาะเจาะ ในปี’93 Euronymous, Hellhammer, Attlla และผู้ถูกเลือก Count Grisnackh ได้เข้าห้องอัดบันทึกเสียงผลงานชุด De Mysterils Dom Sathanas สตูดิโออัลบั้มชิ้นแรกสำเร็จ แต่ทุกอย่างไม่ได้ราบรื่น เมื่อตำนานบทที่ 2 เกิดขึ้นในวันที่ 10 กันยายน ปี’93 จะเป็นเพราะนรกลิขิตหรือซาตานอ้าแขนรับก็แล้วแต่ Euronymous เสียชีวิตด้วยการถูกระหน่ำแทงอย่างโหดเ!้ยมทารุณขณะมีอายุเพียง 25 ปีเท่านั้น ซึ่งมาตรกรก็คือ Count Grisnackh ที่เป็นทั้งสมาชิกวงและเพื่อนร่วมอุดมการณ์นั่นเอง เหตุการณ์ในครั้งนั้นได้กลายเป็นเรื่องสะเทือนขวัญ ช็อกวงการแบล็กเมตัล, และเป็นที่โจษจันเล่าขานมาจนถึงทุกวันนี้ แผนการทุกอย่างที่เขาวางไว้ชะงัก รวมทั้งสังกัด DSP ที่คัดสรรแต่งานแบล็กชั้นเลิศถึงคราวล่มสลาย อย่างไรก็ตามในปีถัดมา Helhammer ก็เข็นอัลบัม De Mysterils Dom Sothanas ออกมาจนได้ ซึ่งนอกจากจะเป็นสตูดิโออัลบั้มขึ้นแรกแล้ว ยังถือว่าเป็นผลงานที่สมบูรณ์ที่สุดของวงอีกด้วย ทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับวงแบล็กเมตัลหน้าใหม่อีกนับไม่ถ้วน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 44

Leader

11/06/2009 20:20:55
0
เมื่อ Mayhem ขาดหัวเรือใหญ่ สถานการณ์ของวงก็ย่ำแย่ลงตามลำดับ Count Grisnackh รับกรรมด้วยการถูกจองจำถึง 21 ปี ส่วน Atilla ที่พลาดหวังจากการออกอัลบั้ม ก็ไปตั้งวงแบล็กเมตัลเลือดฮังกาเรียนหน้าใหม่ชื่อ Aborym ขณะที่ Hellhammer ทำตัวไม่ต่างจากมือปืนรับจ้าง ด้วยฝีมือที่ไร้เทียมทานของเขา ทำให้มีโปรเจกต์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นกับวง Arcturus ที่เขาร่วมก่อตั้งมาตั้งแต่ปี’86 หรือ Morten คลื่นลูกแรกจากนอร์เวย์ มีส่วนร่วมกับวง The Kovenant ตั้งแต่ปี’99 – 03 ไปทัวร์กับ lmmortal ในปี’99 เป็นแขกรับเชิญให้กับวงเช่น Thorns, Troll (Nor), Shining (’01-’04), Ulver, Winds (Nor) Dimmu Borgir, Age of Silence และอีกมากมายเกินกว่าจะพรรณนาได้ผล


ช่วงนั้นแม้กระแสแบล็กเม ตัลจากนอร์เวย์ประดุจพายุเฮอร์ริเคนถาโถมกระหน่ำ มีคลื่นลูกแรกอย่าง Darkthrone, Emperor, lmmortal, etc. แต่ Mayhem เปรียบเสมือนเรือไวกิ้งที่ไร้ใบ แม้แต่ฝีพายก็อ่อนแรง ทิศทางที่ต้องเดินไปข้างหน้าดูเหมือนใกล้ถึงทางตัน แต่สำหรับความรู้สึกของแฟนเพลงแล้ว Mayhem ยังคงอยู่ในตลอด เรื่องราวของ Dead กลายเป็นตำนานพันธุ์สยองที่เล่าขานไม่รู้จบ ขณะที่ชีวประวัติอันมืดสนิทของ Euronymous ชวนค้นหา ทำให้สังกัดอันเดอร์กราวนด์ทั้งหลาย ตั้งหน้าตั้งตาขุดงานเก่าๆ ของวงมาออกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแต่ละชิ้นล้วนกลายเป็นของหายากในปัจจุบันทั้งสิ้น อาทิเช่น Picture Disc จำนวนจำกัดที่ทำเป็นสีแดง (800แผ่น) และสีทอง (1,000 แผ่น) ชุด Out from the Dark’96 จากสังกัด Black Metal Recs. รวมไปถึง Freezing Moon’97 (Pic Dise) จากสังกัดเดียวกัน ซีดีและแผ่นเสียงชุด Pure Fucking Amageddon ที่ออกกับสังกัด Die Hard ในปี’97 เป็นต้น นอกจากนี้ยังมี A tribute to the Black Emperors’94 Dawn of the Black Heart ’95 และ From the Darkest Past’97 ต่างเป็นผลงานระดับเอกอุ (3 ชุดหลังเคยมีเทปจำหน่ายในบ้านเราโดย Dark Angel Rec. นี่ยังไม่นับจำพวกแผ่นเจ็ดนิ้วอีกมากมาย ล้วนแล้วแต่เป็นงานในสมัยที่ Dead และ Curomymous เคยร่วมสังฆกรรม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีที่แฟนเพลงมีให้กับวงนี้

นระหว่างที่ Helhammer ง่วนอยู่กับวงเมตัลจำนวนมาก ก็ไม่ได้ทอดทิ้ง Mayhem เสียทีเดียว ในปี’95 เขารวบรวมสมัครพรรคพวกอีกครั้ง Necrobutcher และ Maniac คัมแบ็ก ส่วนมือกีตาร์หน้าใหม่ชื่อ Blasphemer (Rune Erickson) นั้นเคยอยู่กับ Aura Noir มาก่อน แม้ไลน์อัปนี้ไม่อาจเทียบได้กับยุคก่อตั้ง ทั้งยังถูกค่อนแคะในแง่ลบอยู่เสมอถึงการกลับมา แต่ Mayhem ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าพวกเขาพร้อมแล้วที่จะทะยานไปข้างหน้า อีพี 5 เพลงชุด Wolf’s Lair Abyss ในปี’97 ถือเป็นผลงานชิ้นแรกของการรียูเนียน ซึ่งมีเสียงตอบรับดีพอสมควร จะเป็นเพราะบุญเก่า หรือบารมีผี Euronymous ไม่มีใครรู้ได้ ที่ทำให้ Mayhem สามารถยืนหยัดคงกระพันอยู่จนทุกวันนี้ อย่างไรก็ดี แม้ทางวงจะมีผลงานออกมาเรื่อยๆ หลังจากนั้น แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นบูตเลกขายของเก่า และอัลบัมแสดงสดบ้าง เนื่องจากในความเป็นจริงก็คือ สมาชิกแต่ละคนไม่ค่อยว่างกันนัก โดยเฉพาะ Hellhammer ที่มีโปรเจกต์จนล้นมือดังกล่าวข้างต้น ส่วน Maniac ก็เหมือนไม่ค่อยจะจริงจังกับ Mayhem สักเท่าไร ในปี’99 เขาดอดไปทำวงซุปเปอร์กรุ๊ปชื่อ Eibon ร่วมกับ Killijoy (Necrophagia, The Ravenous, Viking Crown, etc. Anton Crowiey หรือ Philip Anselmo (Pantera, Down, Superjoint Rituat, etc. Satyf (Satyricon, Storm, Wongraven, etc. และ Fenriz (Darkthrone, lsengard, Stom, etc. พอปี’00 ก็ไปร้องนำให้กับวง แต่ปีเดียวกันนั้นเองที่ Mayhem ได้เซ็นกับ Season of Mist สมาชิกทุกคนจึงร่วมแรงร่วมใจกันอีกครั้งกับผลงานอัลบั้ม Grand Declaration of War ซึ่งมีซาวน์ดที่เปลี่ยนแปลงไปจาก Mayhem ที่แฟนรุ่นเก่าคุ้นเคย ยิ่งเมื่อนำมันไปเปรียบเทียบกับวงแบล็กรุ่นใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นมามากมายด้วยแล้วพวกขาโหดรุ่นน้องรุ่นหลานยังเล่นหนักกว่าหลาย ขุม แต่ชื่อของ Mayhem ก็ยังขายได้ เพราะยังอยู่ในฐานะผู้นำตลอดกาล ต้นสังกัดพยายามเข็นงานออกมาเป็นว่าเล่นทั้งรวมเพลง, ไลฟ์อัลบั้ม, บอกซ์เซ็ต และดีวีดี รวมไปถึงผลงานล่าสุด Chimera ในปี ’04 ซึ่งเหมือนเป็นงานสั่งลาของ Maniac นักร้องที่อยู่ร่วมกับวงมากกว่าสิบปี



สำหรับ ปัจจุบันและอนาคต ไม่มีใครอีกแล้วที่จะสามารถสร้างวีรกรรมให้กับ Mayhem ได้เทียบเท่า Euronymous แต่การยืนหยัดของเหล่าสมาชิกก็แสดงให้เห็นว่า พวกเขาพยายามสานต่อตำนานให้คงอยู่ ไม่ว่าจะอย่างไร ซาตานไม่เคยหลับไหล.. พลังอำนาจของแบล็กเมตัลยังเกรียบไกร ชื่อของ Mayhem ยังเป็นอมตะ..ตลอดกาล

ใน ปี ’05 เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญกับ Mayhem เนื่องจาก Attila ผู้เคยร่วมสร้างตำนานเอาไว้ ได้กลับมาร้องนำอีกครั้งหลังจากระหกระเหินไปนานซึ่งก็เป็นเพราะศักยภาพของ ตัว Atila เอง ที่เปี่ยมล้นจากที่จะหาใครทัดเทียม นอกจากเขาจะมีอัลบัม Anno domini ของ Tormentor เป็นมรดกล้ำค่าของวงการแบล็กเมตัลไปแล้ว พลังเสียงที่ฝากไว้ใน De Myterils… ยังคงก้องจักรวรรดิแบล็กเมตัลมิรู้ลืม Aborym, Korog, Anaal Nathrakh, Finnugor, Kaos Logic, Limbonic Art, Northpole, ได้เป็นอย่างดี

Credit ... Metal Mag
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 45

Noize

11/06/2009 20:47:29
2
^
^
โอ้ววว...สุดๆ

เยี่ยมยอดครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 46

สมัครเล่น

11/06/2009 21:58:59
คุณ Jimmy ครับ
Mountain : Theme from Imaginary Western ด้วยหรือยังไงนี่ล่ะ
ผมจำชื่อไม่ค่อยได้ Leslie West โซโลหยดย้อยครับ

ไม่มีใครพูดถึงวงโปรดผมบ้างเลย
Rush ยอด trio จาก canada ผู้จุดประกาย Dream Theater
รวมไปถึง Kansas : Carry on wayward son, The Wall
จนไปถึง Point of Know Return และสุดฮิตตลอดกาล
อย่าง Dust in The Wind ปรัญชาในเสียงเพลง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 47

อันดามัน

11/06/2009 22:11:54
27 ส.ค.-Brian Epstein หรือ เจ๊แอ๊ป ผู้จัดการวง Beatles เสียชีวิต
17 ก.ย.-The Doors ไปปรากฏตัวในรายการ The Ed Sullivan Show ทาง Ed เองขอร้องให้ทางวง ช่วยเปลี่ยนเนื้อร้องในเพลง Light my fire ที่ร้องไว้ว่า \"Girl we couldn\'t get much higher\" เพราะมันจะมีปัญหากับทาง กบว. แต่ทางวงหาได้ทำตามไม่ ทำให้ทางวงถูกแบน
30 ก.ย.-BBC Radio 1 สถานีวิทยุที่จะกลายเป็นตำนานแห่งเกาะอังกฤษ จากผู้ชายที่ชื่อว่า John Peel ออกอากาศเป็นครั้งแรก และหลายวงดนตรีที่กลายเป็นวงดังๆในเวลาต่อมา ต่างเกิดได้ เพราะการส่งเพลงมาให้เปิดในรายการนี้
9 พ.ย.-นิตยสาร Rolling Stone วางแผงฉบับแรกในวันนี้
5 ธ.ค.-Beatles ตัดริบบิ้นเปิดร้าน Apple Shop ในกรุงลอนดอน
26 ธ.ค.-Magical Mystery Tour หนังของ Bealtes ออกอากาศทางโทรทัศน์ในวันนี้
เหตุการณ์อื่นๆ
Beatles ถ่ายทำ music video \"Hello Goodbye\" ออกอากาศที่รายการ The Ed Sulliivan Show
The Who ทำลายล้างเครื่องดนตรี จนตู้แอมป์ระเบิดกลางรายการ The Smoothers Brothers Comedy Hour
The Monkees เป็นวงดนตรีที่มีผลงานยอดนิยมแห่งปี 1967
อัลบั้ม Velvet Underground & Nico ของ Velvet Underground ภายใต้การกุมบังเยนของ Andy Warhol วางแผงในปีนี้
Moody Blues กลายเป็นวงดนตรี \"สามล้อถูกหวย\" เมื่อเปลี่ยนภาพลักษณ์ตัวเองจากวง Mods เกลื่อนตลาดในชุดแรก มาทำ symphony progressive rock กับงานชิ้นเอกอย่าง \"Days of Future passed\" และเพลง \"Nights in white satin\" กลายเป็นเพลงฮิตของทางวง และขึ้นอันดับ 2 บน Billboard Charts สหรัฐอเมริกา และ อยู่ใน Top 20 ของ UK charts อีกด้วย
พีท ทาวเชนด์เคยให้สัมภาษณ์ครั้งหนึ่งเกี่ยวกับที่มาของการทำลายกีต้าร์ของเขา ผมก็ไม่ทราบว่าแกตอบจริงหรือเล่น สมัยก่อนที่ The Who จะดังมาก พวกเขาต้องเล่นในเวทีเล็กๆและเพดานเตี้ย จังหวะหนึ่งที่พีทวาดลวดลายอย่างมึนเมามัน หัวกีต้าร์ก็ทิ่มเสียบเข้ากับเพดานอย่างจัง จะพรหมลิขิตหรือว่าเป็นพรสวรรค์ก็ไม่ทราบได้ พีทแก้เขินด้วยการทำให้มันเป็น happening act ทำลายล้างกีต้าร์ - ฟาดแหลกกันต่อไปเลย
อย่าเชื่อมากนะครับ
อัลบั้ม Days Of Future Passed ของ The Moody Blues เพราะอัลบั้มนี้คือกุญแจดอกสำคัญที่ไขประตูสู่โลกแห่ง symphonic rock และถือเป็นอัลบั้มที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับปฏิวัติวงการเพลงร็อค (revolutionary album) ซึ่งนั่นก็คือ หนึ่ง การสร้างอัลบั้มที่เป็นคอนเส็พท์เดียวเรียงร้อยต่อเนื่องตลอดทั้งอัลบั้ม, สอง การนำเอาวงออร์เคสตร้ามาเล่นร่วมกับวงดนตรีร็อค (แม้จะต่างคนต่างบันทึกเสียงแล้วนำมารวมกันทีหลังก็ตาม) และ สาม การบุกเบิกนำเอา mellotron เครื่องดนตรีประเภทคีย์บอร์ดที่สร้างเสียงเลียนเครื่องสายออร์เคสตร้า มาใช้อย่างจริงจังในอัลบั้มชุดนี้ และเป็นแม่แบบให้กับวง progressive rock รุ่นต่อ ๆ มา ในปี 1967 นั้น ผมเชื่อว่ายังไม่มีใครได้ยินเสียง mellotron จากอัลบั้มชุดไหนนอกจาก Days Of Future Passed ของ The Moody Blues และอัลบั้ม Sgt. Pepper... ของ The Beatles แม้แต่อัลบั้ม In The Court Of The Crimson King ของ King Crimson ซึ่งอุดมไปด้วยเสียง mellotron นั้น ก็ยังต้องตามมาอีกสองปีให้หลัง (1969)
1967 is such a great year, right?

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 48

Noize

11/06/2009 22:21:07
2
ถึงคุณ สมัครเล่นครับ แหะๆ...ผมว่าไม่ต้องห่วงครับ

กระทู้นี้ได้เล่นกันยาวเหยียดอีกกระทู้นึงแน่ๆ อยากได้วงไหนแจ้งมาครับ เดี๋ยวเฮียมั่นฯจัดให้
ถ้าเฮียแกช้านัก เดี๋ยวผมเสียบ(เสียบเข้ามาต่อนะไม่ได้เสียบเฮียมั่น 555 ) แถมยังมีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ
อีกเยอะแยอะเลย ที่มี ภูมิ ดีๆ รอจังหวะเอามาแบ่งปันกัน เดี๋ยวรอเฮียมั่นฯโม้ให้ฟังซักชุดใหญ่ๆก่อนนะครับ

เอ้า เฮียฯ ผมชงให้แล้วนะ รีบๆเสิร์ฟหน่อย ลูกค้ารอ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 49

นายมั่นคง

11/06/2009 22:56:50
0
555 ปักหมุดๆๆๆๆๆๆๆๆ ขาใหญ่มากันเต็มกระทู้เลย 555 (เจี๊ยกๆๆ ขาใหญ่เพราะโรคเท้าช้างนะ 555)


โอ๊ย ระดับอ๋องมาช่วยตอบหลายคนเลย เผลอแป๊บเดียวยาวเลย.......




เดี๋ยวขอผมไปค้นหนังสือ \"เล่าขานตำนานร็อค\" แล้วจะมาเรียงให้ฟังครับ.........หนังสือเล่มนี้ค่อนข้างดีมาก คือใครซื้อไป เหมือนกับเสพย์ดนตรียุค 70 เข้าไปเต็มบ้องเลยล่ะ 555



เอ้า เดี๋ยวมาต่อครับ ชอบๆๆๆๆๆ
555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 50

นายมั่นคง

11/06/2009 23:01:29
0



เอารูปประวัติศาสตร์มาให้ดูก่อน ภาพนี้ถูกตีพิมพ์จนเน่าไปหมด คือพิมพ์แล้วพิมพ์อีก เป็นภาพสุดคลาสิคจากเทศกาลดนตรีที่ Wood Stock ซึ่งงานนี้เป็นเหมอืนการเปิดม่านดนตรีในยุค 70 เลยล่ะครับ

เอ้า ดูรูปก่อน 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 51

อันดามัน

11/06/2009 23:31:08
ปี 1968
4 ม.ค.-imi Hendrix ถูกตำรวจ เมือง Stockholm ควบคุมตัว หลังก่อเหตุเมาสุราแล้วอาละวาดพังห้องพักและก่อทะเลาะวิวาทกับ Noel Redding มือเบสของเขา
6 ม.ค.-บริษัท Gibson ได้เปิดตัวกีต้าร์ไฟฟ้า Gibson รุ่น Flying V
ช่วงเดือน ม.ค.-Apple Corp. บริษัท ของ Beatles จดทะเบียนและเปิดตัวอย่างเป็นทางการต่อสาธารณชน
1 ก.พ.-Lisa Marie Presley เกิดในวันนี้

10 ก.พ.- Beatles ได้ประกาศการยุบชมรมแฟนคลับ \"Bealtes USA.\" ลงแล้วและปลดพนักงานสาขาที่สหรัฐอเมริกาออก และรวบรวมการดำเนินกิจการแบรนด์ Beatles ทั้งหมดภายใต้ Apple Corp. จาก Nems Enterprise

12 ก.พ.-Jimi Hendrix ได้รับประกาศนียบัตรกิติมศักดิ์ จาก Garfield High School ที่บ้านเกิดเมือง Seattle และได้รับกุญแจเมือง Seattle ไว้เป็นเกียรติ

18 ก.พ.-David Gilmour เข้ามาเป็นสมาชิกวง Pink Floyd ในตำแหน่งมือกีต้าร์และนักร้องนำ อย่างเป็นทางการ แทน Syd Barrett ที่สติแตกเพราะยาเสพติดหลังการบันทึกเสียงอัลบั้ม A Saucerful of secrets เกือบเสร็จลง

30 มี.ค.-Yardbirds บันทึกการแสดงสด Live Yardbirds ณ Anderson Theatre

30 พ.ค.-Beatles เริ่มงานบันทึกเสียงอัลบั้ม Beatles หรือที่รู้จักกันในนาม white album ในวันนี้และเสร็จสิ้นลงในวันที่ 14 ตุลาคม

7 ก.ค.-Yardbirds แสดงร่วมกันครั้งสุดท้ายก่อนสลายวง

4 ส.ค.-Yes รวมตัวเล่นโชว์ด้วยกันครั้งแรกในวันนี้

23 ส.ค.-Eric Clapton เริ่มต้นทำ project ที่ชื่อ \"Blind Faith\" ขึ้นมาหลังจากเริ่มอิ่มในความเป็น Cream สมาชิกของทางวงแรกเริ่มที่สมทบก็มี Ginger Baker จาก Cream และ Steve Winwood จาก Traffic

7 ก.ย.-Jimmy Pages ผุด ไอเดียวงดนตรีวงใหม่ในตอนนั้นชื่อว่า \"New Yardbirds\" และวงดนตรีในวันนั้น ต่อมาก็ชื่อ \"Led Zeppelin\" นั่นไง!!!!

8 พ.ย.-John Lennon หย่ากับ Cynthia ภรรยาคนแรก

26 พ.ย.-Cream เล่นคอนเสิร์ตอำลา ที่ Royal Albert Hall ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป จนกระทั่งพวกเขากลับมาเจอกันอีกครั้งในปี 1993 จากการเสนอชื่อเข้า Rock n\'roll Hall of Fame

1 ธ.ค.-Chas Chandler ลาออกจากการเป็นผู้จัดการของ Jimi Hendrix ในขณะการทำอัลบั้ม Electric Ladyland

เหตุการณ์อื่นๆ ในปี 1968
ตำรวจรัฐ New Jersey ยึดแผ่นเสียงอัลบั้ม Two Virgins ของ John Lennon และ Yoko Ono จำนวน 30000 แผ่นจากร้านขายแผ่นเสียงต่างๆ เนื่องด้วยปกอัลบั้มเป็นในเชิงอานาจาร

- The Beatles โด่งดังถึงขีดสุด และสร้างผลงานที่พิลึกพิลั่นสั่นสะเทือนวงการอย่างอัลบั้ม Sgt. Pepper\'s... ออกมา

- The Moody Blues ออกอัลบั้ม Days Of Future Passed ซึ่งถือเป็นอัลบั้มปฏิวัติวงการเพลงร็อคสมัยนั้น ตามที่เรียนไว้ข้างต้น

- บริษัทแผ่นเสียง Decca ของอังกฤษ ได้ตั้งบริษัทแผ่นเสียงใหม่ ชื่อ Deram ซึ่งคิดค้นและพัฒนาการบันทึกเสียงแบบใหม่ก้าวหน้า โดยรองรับศิลปินหัวหอกคือ The Moody Blues และวง progressive rock ชั้นนำในยุคหลังอีกหลายวง ถือกันว่าแผ่นเสียงที่บันทึกเสียงจาก Decca และ Deram นั้นให้เสียงและการแยกแชนแนลสเตริโอเป็นเลิศเลยทีเดียว Camel ก็เคยสังกัดอยู่กับบริษัทนี้

- เพลงของ The Doors และ CCR เดินทางเข้าประเทศไทยพร้อมกับแผ่นเสียงที่ทหารจีไอนำติดมือเข้ามา CCR โด่งดังมากในบ้านเรา แต่ The Doors กลับเงียบฉี่ เพราะแนวเพลงคงจะหนักและรับได้ยากกว่า

- Pink Floyd ออกอัลบั้มชุดแรก The PiperAt The Gates Of Dawn ซึ่งเป็นแนวไซคิเดลิกเพื่อกรุยทางให้กับอัลบั้ม progressive rock ที่จะตามมาในปีต่อ ๆ ไป และเป็นแนวทางให้วงดนตรีรุ่นน้องได้เดินตามรอย ดังนั้น เราจึงมีวงดนตรีที่เล่นแนว prog ที่เลียนแบบ Pink Floyd ในยุคปี 70 อยู่ไม่น้อย

- อัลบั้มแรกที่มีเพลง The Whiter Shade Of Pale อันลือลั่นของ Procol Harum ก็ออกในปี 1967 เป็นอัลบั้มต้นตระกูล progressive rock (proto-prog) ก่อนที่จะพัฒนาไปเป็น prog ในรูปแบบอื่น ๆ โดยเฉพาะ symphonic prog ซึ่งได้รับความนิยมสูงสุดในต้นยุค 70

1968\'s Album
The Beatles (The White Album) - Beatles
Beggars Banquet - Rolling Stones
The Birds, The Bees and The Monkees - Monkees
The Book of Taliesyn - Deep Purple
Electric Ladyland - Jimi Hendrix
A Saucerful of Secrets - Pink Floyd
HEAD (Motion Picture Soundtrack) - Monkees
Shades of Deep Purple - Deep Purple
This Was - Jethro Tull
Traffic - Traffic
The Kinks Are the Village Green Preservation Society - The Kinks
We\'re Only In It For The Money - Mothers of Invention
Wheels of Fire – Cream

1969 เกิดอะไรขึ้นในปีนั้น ค่อยมาเล่าต่อคับ ง่วงแล้ว


ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 52

อันดามัน

11/06/2009 23:36:39
จั่วหัวใว้ก่อนคับ

1969 เกิดอะไรขึ้นในปีนั้น

สงครามเวียดนามรุนแรงขึ้นทุกที

Robert Kennedy ถูกลอบสังหาร

Apollo 11 พามนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์

จราจลที่มหาวิทยาลัย Kent State

บุพผาชนสู่จุดสูงสุดของชีวิตสันติและความรัก ใน Woodstock

และแน่นอนในปีนี้วงการเพลงร๊อคก็เข้มข้นเต็มสูบเช่นกัน...
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 53

jimmy

11/06/2009 23:41:03
0



Emerson, Lake & Palmer (ELP)

เป็นอีกวงนึงที่อยู่ในตำนานและในใจผมตลอด

Keith Emerson คีย์บอร์ด Greg Lake เบส Carl Palmer กลอง ตั้งวงเมื่อ 1969 ซึ่ง Emerson ออกมาจากวง The Nice ขณะที่ Greg Lake ก็ออกมาจาก King Crimson วงดัง ส่วนมือกีตาร์ Carl Palmer ออกมาจากวง Atomic Rooster


สามเสือออกแผ่นแรกชุด “Emerson,Lake & Palmer” ก็ประสบความสำเร็จในอังกฤษ แต่ที่อเมริกากับไปดังชุด “Tarkus” ซึ่งเป็นชุดที่ 2 ของวง ออกชุดที่ 3 ก็คือ “Pictures At An Exhibition” จากนั้นก็มีชุดแสดงสดดังๆ อาทิ “Trilogy” กับ “Brian Salad Surgery” พวกนี้ออกชุดไหนมาก็ขายได้ทั้งนั้น เพราะ Keith Emerson เป็นมือคีย์บอร์ดระดับพระกาฬแห่งยุคนั้น 1969


ดนตรีแนวนี้เขาเรียกว่าแนวเพลง “Clasic Rock”
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 54

อันดามัน

11/06/2009 23:43:37
เห็น เฮียโพสภาพนี้ขึ้นมา ผมเลยนำเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของงานนี้มาให้อ่านกันคับ

15-17 ส.ค.-มหกรรมดนตรีแห่งยุคสมัยและมนุษยชาติ Woodstock music and art festival อุบัติขึ้น ณ ฟาร์มของลุง Max Yasgur ที่ Bethel, New York ศิลปินแห่งยุคสมัย Janis Joplin, Jimi Hendrix, The Who, Joan Baez, Crosby, Stills, Nash & Young, Jefferson Airplane, Santana, Country Joe and the Fish, Ten Years After, Sly & the Family Stone. เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์แห่งมวลบุพผาชนในวันนั้น

การแสดงประวัติศาสตร์ ของ Jimi Hendrix กับเสียงโซโล่เพลงชาติสหรัฐฯ ผ่านเสียง wah wah จนกลายเป็นเสียงจรวดและระเบิด เรียกเสียงโห่ร้องถึงความเป็นไปของสังคมที่ต้องทนทุกข์ทรมานส่งลูกหลานและญาติมิตรผู้ชายฉกรรจ์ทั้งหลายไปตายในสงครามเวียดนาม และโชว์ของ The who ในเพลง Pinball wizard กลายเป็น ความครื้นเครงแห่งยามค่ำคืน ภาพของ Roger Daltrey ขณะร้องท่อน \"See me feel me\" โดยมีพระอาทิตย์อัสดงเป็น background นั้นงดงามและเกรงขามยิ่งนัก

และที่ขาดไม่ได้ ภาพหนุ่มสาวกอดกัน ใต้ผ้าห่มอุ่นนั้นก็คืออีกภาพหนึ่งของตัวแทนแห่งเรื่องราวของ woodstock และปิดท้ายยุค 60\'s ซึ่งเด็กวัยรุ่นในวันนั้นที่ woodstock คือผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่การงานและหน้าตาในสังคมของวันนี้ และนั่นคือช่วงชีวิตนึงของพวกเขาตอนวัยรุ่น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 55

aor

12/06/2009 08:38:51



เฮียครับผมกะว่าจะเข้ามาใส่อะไรซะหน่อย โอ้คุณพระช่วยเซียนเหยียบเมฆมาชุมนุมกันอยู่ที่นี่เอง มันเยอะแยะไปหมดจนคิดว่าไม่ต้องใส่อะไรจะดีกว่า อิอิ แต่ถ้ามีอะไรจะเพิ่มเติมค่อยว่ากันอีกที ยังไงก็ขอลงรูปศิลปินคนโปรดผมหน่อยก็แล้วกันครับเพราะยังไม่มีใครพูดถึงเขาเลย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 56

cha

12/06/2009 09:50:02



ขอเพิ่มอีกวง Rush - progressive rock
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 57

H5N1

12/06/2009 09:51:04
0
ตำนานจริงๆครับ Classic Rock

อยู่เมกา เปิดวิทยุ หาเพลงพวกนี้ฟังง่าย กว่า เพลง Rock ที่เพิ่งออกมามใหม่ๆอีก

เด็กวัยรุ่นที่นี้ก็ยังฟังกันอยู่
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 58

นายมั่นคง

12/06/2009 10:41:00
0
มีหนังสือขายอยู่เล่มนึง

http://www.se-ed.com/eShop/Book/BookDetail.aspx?CategoryId=0&No=9789745290068

น่าจะเป็นเล่มเดียวกับที่ผมมี ปกไม่เหมือนกัน แต่เนื้อในน่าจะมีครับ ราคาไม่แพงด้วยเด้อ....เดี๋ยวจะขุดกรุมาให้ดูกันคร้าบบบ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 59

แพะ

12/06/2009 11:42:58
39
จดๆๆๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 60

cha

12/06/2009 12:20:00



เพิ่มเติม TOTO ชุดดังๆ Toto IV

Toto IV is the fourth studio album by American pop rock band Toto. It was released in 1982

The album was awarded with Grammy Awards including

"Record of the Year" for "Rosanna"

Album of the Year" for Toto IV

Producer of the Year
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 61

Leader

12/06/2009 12:20:51
อยากฟังแนวนี้ เริ่มแรกต้องเริ่มด้วยพวก กีต้าฮีโร่ ก่อนเลย

สมัยก่อนเขา\"เน้น\"จริงๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 62

aor

12/06/2009 12:46:08



เล่าขานตำนานร็อค ผมก็มีอยู่เล่มหนึ่งครับไม่ทราบไปซุกไว้ที่ไหนแล้ว ไม่ทราบเฮียเคยเห็นเล่มนี้บ้างไหมครับร้านหนังสือใหญ่ๆน่าจะมี
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 63

เบียส

12/06/2009 13:12:17
11
555 ขาใหญ่ เพียบ จริง จริง ครับ คาวมรู้ เพียบ เลย ครับ 55 ของผมฟัง กันจริงจัง ก็ ตอน ปลาย 70 ถึง 80 ครับ กระแสที่ได้รับมาก็จาก พ่อผมนั่นเอง ครับ ท่านชอบฟัง Rock นั่นเอง สมัยนั้นที่ได้ฟังบ่อยก็ พวก Grandfunk railroad , ccr, uraheep ส่วนผมเองก็ เริ่มมาฟังกันอย่างจริงจัง ก็สมัย

พวก nirvana กำลัง รุ่ง เรือง ถึง ขีด สุด ครับ และ วงนี้ ก็ เป็นวงสุดโปรด ของผมในตอนนั้น ครับ

อีกวงโปรดก็ คือ pantera ครับ ไม่รู้ ว่าเรียก ว่า แนวอะไร แต่ผมเรียกมันว่า power Metal ครับ วงนี้ รักในSoundกีต้าร์ กะทีมเวิร์คเค้าจริง จริง

หนักขึ้นไป ชอบ Slayer ครับ วงนี้ ก็ ชอบมากมาย เหมือนกัน คู่กีต้าร์ จากนรก ทั้ง 2 คน เกินคน จริง จริง ครับ มือกลองด้วย ครับ โคตรเก่ง

Rock สะอาด สะอ้านก็ ชอบ mr. big ครับ ฟังง่ายแต่เล่นยาก

ส่วน progassive rock คงไม่พ้น pink floyd กีต้าร์ บาด ใจไร้เทียมทาน อีกวง ก็ Dream thearter สุดยอด วง แห่ง ยุคนี้ เลย ครับ ............อิ อิ อิ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 64

jo..1234

12/06/2009 13:42:54
นึกว่า เว็ปเจ๊งไปแล้ว เข้ามาตั้งแต่เช้าไม่ได้เลย จนบ่าย ชักเอะใจ หรือเป็นเพราะie แม่นอีหลี พอเปลี่ยนมาเป็น ff ใช้ได้เลย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 65

D2 User

12/06/2009 13:57:52
เกือบลืม
-Janis Joplin
-Reo Speedwagon
-Journey
-Asia
-Duran Duran
-Culture Club
-Jefferson Starship
-Geogeo Moroder
-Cinderalla
-Ramone
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 66

อันดามัน

12/06/2009 14:18:25
ผมมีข้อมูลตั้งแต่ปี 1976 - 1975 ส่วนต่อไปต้องให้ผู้รู้ทั้งหลายมาช่วยกันต่อแล้วกันนะคับ
เอ้า...เล่าต่อ

1969 เกิดอะไรขึ้นในปีนั้น

สงครามเวียดนามรุนแรงขึ้นทุกที

Robert Kennedy ถูกลอบสังหาร

Apollo 11 พามนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์

จราจลที่มหาวิทยาลัย Kent State


บุพผาชนสู่จุดสูงสุดของชีวิตสันติและความรัก ใน Woodstock

และแน่นอนในปีนี้วงการเพลงร๊อคก็เข้มข้นเต็มสูบเช่นกัน...

12 ม.ค. - Led Zeppelin วางแผงอัลบั้มชุดแรกของตนเองในวันนี้ และเพลง Good times, bad times และอีกหลายเพลงในชุดนั้น ก็เปิดกระหน่ำทาง สถานีวิทยุ BBC 1 จนมีคนโทรไปถาม John Peel กันหลายสายว่า \\\"เพ่ๆ เพลงของใครอ่ะ โดนใจโจ๋แสดเลย...จะได้ซื้อมากระแทกหู\\\" อีก 4เดือนต่อมา พวกเขาเข็น Led Zeppelin II ออกมาทันใด และมีเพลงกระแทกใจโจ๋อังกฤษ อย่าง \\\"Whole Lotta Love\\\" และ \\\"Heartbreaker\\\" John Bonham ก็ได้พิสูจน์ฝีมือทางด้านกลองใน \\\"Moby Dick\\\"( ผมไม่อยากจะพูดอะไรมากถ้าพวกคุณไม่ได้ฟังเพลงนี้ )

30 ม.ค. - Bealtes ทำการแสดงสดต่อหน้าสาธาณชนในรอบ 3 ปี บนดาดฟ้าตึกสำนักงาน Apple และแน่นอนมันถูกบันทึกไว้ในภาพยนต์เรื่อง \\\"Let ite be\\\" และทางวงต้องยุติการแสดงลงเพราะตำรวจสั่งห้ามเนื่องจากส่งเสียงดังหนวกหูตึกข้างเคียง (ใครไม่เคยดูหรือไม่รู้จักต้องไปหามาดูนะครับ สดๆ-เพียวๆ-ไม่ใส่โซดา )

3 ก.พ.- Allen Klien ถูกทาบทามให้มารับตำแหน่งผู้จัดการวงคนใหม่ของ Beatles แต่ Paul McCartney คัดค้าน มติอีก 3 คนในวง

1 มี.ค. - Jim Morrison นักร้องนำวง The Door ถูกตำรวจควบคุมตัวขณะทางวงโชว์ใน Miami ข้อหาโชว์ของสงวนในที่สาธารณะ

12 มี.ค. - Paul McCartney เข้าพิธีมงคลสมรสกับ Linda Eastman

1 เม.ย. - Beach Boys ฟ้องศาล แก่กรณี ทางต้นสังกัด Capitol Records เบี้ยวเงินค่า royalty แก่ Brian Wilson ผู้ทำหน้าที่ Producer และในหน้าที่ของพนักงานของ Capitol Record คนนึงด้วย เหตุการณ์การดังกล่าวทำให้ต้นสังกัดแบนทางวง และ เก็บสินค้าของทางวงคืน

8 เม.ย. - Ten Years After และ Family ทัวร์อเมริการ่วมกัน

22 เม.ย. - The Who เล่นเพลงต่างๆ ในอัลบั้มที่กำลังจะออกที่ชื่อว่า \\\"Tommy\\\" เป็นครั้งแรก ที่ Dolton

วันเดียวกัน Chicago ออกอัลบั้มชุดแรก The Chicago Transit Authority

2 มิ.ย. - John Lennon และ Yoko Ono เปิดห้องพักโรงแรม Queen Elizabeth Hotel ที่ เมือง Montreal, Canada และ ภาพประวัติศาสตร์ Campaign \\\"Bed of Peace\\\" \\\"Give peace a chance\\\" ก็เกิดขึ้น ณ
บัดนั้น

29 มิ.ย. = Noel Redding ลาออกจากวงของ Jimi Hendrix

3 ก.ค. = พบศพ Brian Jones มือกีต้าร์วง Rolling Stones ในสระน้ำที่บ้านพักตากอากาศ ในเมือง Sussex

9 ส.ค. = Sharon Tate และ เพื่อนร่วมงานของเธอ โดนสังหารหมู่ โดยฝีมือของ Charles Manson และพรรคพวก โดยอันมีเหตุเชื่อมโยงกับบรรดาเพลงในอัลบั้ม white album ของ Beatles จึงก่อเหตุดังกล่าว โดยเฉพาะ Sharon Tate เสียชีวิตจมกองเลือดตายทั้งกลมขณะอุ้มท้องทารกได้ 9 เดือนใกล้คลอด

15-17 ส.ค. = มหกรรมดนตรีแห่งยุคสมัยและมนุษยชาติ Woodstock music and art festival อุบัติขึ้น ณ ฟาร์มของลุง Max Yasgur ที่ Bethel, New York ศิลปินแห่งยุคสมัย Janis Joplin, Jimi Hendrix, The Who, Joan Baez, Crosby, Stills, Nash & Young, Jefferson Airplane, Santana, Country Joe and the Fish, Ten Years After, Sly & the Family Stone. เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์แห่งมวลบุพผาชนในวันนั้น

การแสดงประวัติศาสตร์ ของ Jimi Hendrix กับเสียงโซโล่เพลงชาติสหรัฐฯ ผ่านเสียง wah wah จนกลายเป็นเสียงจรวดและระเบิด เรียกเสียงโห่ร้องถึงความเป็นไปของสังคมที่ต้องทนทุกข์ทรมานส่งลูกหลานและญาติมิตรผู้ชายฉกรรจ์ทั้งหลายไปตายในสงครามเวียดนาม และโชว์ของ The who ในเพลง Pinball wizard กลายเป็น ความครื้นเครงแห่งยามค่ำคืน ภาพของ Roger Daltrey ขณะร้องท่อน \\\"See me feel me\\\" โดยมีพระอาทิตย์อัสดงเป็น background นั้นงดงามและเกรงขามยิ่งนัก

และที่ขาดไม่ได้ ภาพหนุ่มสาวกอดกัน ใต้ผ้าห่มอุ่นนั้นก็คืออีกภาพหนึ่งของตัวแทนแห่งเรื่องราวของ woodstock และปิดท้ายยุค 60\\\'s ซึ่งเด็กวัยรุ่นในวันนั้นที่ woodstock คือผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่การงานและหน้าตาในสังคมของวันนี้ และนั่นคือช่วงชีวิตนึงของพวกเขาตอนวัยรุ่น

เหตุการณ์อื่นๆในปี 1969

John Lennon ขึ้นโชว์ในงาน rock and roll revival festival ที่ Toronto ประเทศ Canada ท่ามกลางความ surprise ของผู้ชม John มาเล่นกับวงของเขาที่ชื่อว่า Plastic Ono Band

Deep Purple ร่วมแสดงกับวง Royal Philharmonic Orchestra ณ Royal Albert Hall นี่คือการแสดงของวงดนตรี Rock ร่วมกับวง orchestra ด้วยกันต่อสาธาณชนครั้งแรกในประวัติศาสตร์

Captain Beefheart วางแผงอัลบั้ม Trout Mask Replica

เหตุการ์ณนองเลือดที่ Altamont ของ Rolling Stones จากฝีมือของพวก Hells Angels ที่ก่อขึ้น

Cream ออกอัลบั้ม Goodbye ทิ้งทวน ก่อนที่ Eric Clapton จะไปทำ Blind Faith และทันทีที่วางจำหน่ายอัลบั้มชุดแรกของ Blind Faith ปกอัลบั้มรูปเด็กสาวอายุ 14-15 เปลือยเปล่า ก็ถูกแบนทันใดและเปลี่ยนปก ภาพปกนั้นสื่อถึงว่า \\\"ความบริสุทธิ์ท่ามกลางความโหดร้ายแห่งยุคสมัย\\\" (นัยๆ ต้านสงครามเวียดนาม ว่างั้นเถอะ)

David Bowie มี debut single ชื่อว่า \\\"Space oddity\\\"

เพลง whole lotta love ของ Led Zeppelin ถูกใช้เป็นเพลง ไตเติ้ล รายการ Tops of the pops ทางสถานีโทรทัศน์ BBC และกลายเป็นเพลงสัญลักษณ์ของรายการนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน

In the court of crimson king จาก King Crimson ออกมากระแทกรูหูท่านผู้ฟังก็ในปีนี้เช่นกัน

และ Yes ก็ออกผลงานชุดแรกในปีนี้ เช่นเดียวกับ Genesis

1969\\\'s Album
Abbey Road - The Beatles
Aoxomoxoa - Grateful Dead
Arthur or the Decline and Fall of the British Empire - The Kinks
Ball - Iron Butterfly
English Rose - Fleetwood Mac
Goodbye - Cream
Chicago Transit Authority - Chicago
In the Court of the Crimson King - King Crimson
Led Zeppelin - Led Zeppelin (debut)
Led Zeppelin II - Led Zeppelin
Let It Bleed - The Rolling Stones
The Nice - The Nice
Tommy - The Who
Ummagumma - Pink Floyd
The Velvet Underground - The Velvet Underground
Yes – Yes

เห็นกันใหมครับว่า ช่วง 3 ปีนี้ร้อนจริงๆครับ 1967 - 1969
ขอเสริมหน่อยครับ ปี 1968 เกิดเหตุการณ์ที่รู้จักกันทุกวันนี้ว่า May 1968 ที่ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเหตุการณ์ลุกฮือของนักศึกษาที่ใหญ่โตมาก ว่ากันว่าทำให้มหาวิทยาลัยในฝรั่งเศสถึงกับแตกเป็นหลายเสี่ยงเลย (แตกๆ จริง แต่เป็น แตก Campus อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ดังกล่าว)
ว่ากันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเป็นต้นแบบให้กับการลุกฮือของนักศึกษาในหลายๆ ประเทศที่ตามๆ มา (ในทำนองเดียวกับปฏิวัติฝรั่งเศส)
ซึ่งการระเบิดพลังใน Shot นี้จัดได้ว่าเป็นช่วง Peak ของ Social Movement ที่เข้มข้นมากในตอน 60 ซึ่งมันก็เริ่มแผ่วลงในช่วง 70

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 67

อันดามัน

12/06/2009 14:25:43
คืนนี้ผมจะเริ่มก้าวย่างเข้าสู่ยุค 1970 ไปดูซิคับว่ามีเหตุการณ์อะไรที่เด่นๆบ้าง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 68

bomlemons

12/06/2009 17:42:35
หุหุ แหล่มม มาเก็บข้อมูลเข้าสมองงงให้หมด
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 69

นายมั่นคง

12/06/2009 17:50:40
0
อันดามัน เหมาจัดเลยรอบนี้ 555


เมื่อกี๊ผมไปค้นหนังสือ เจอมาแล้ว 1 เล่ม เดี๋ยวจะค้นต่อ น่าจะเจออีกเล่มล่ะจ้า 55
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 70

Noize

12/06/2009 22:54:46
2



เอารูปมาล่อไว้ก่อน Angus Young แห่ง AC/DC ผู้มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว

ครองอันดับ 96 จาก 100 มือกีต้าร์ที่เก่งที่สุดตลอดกาลของนิตยสาร โรลลิ่งสโตน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 71

อันดามัน

12/06/2009 23:02:35
ึYEAR 1970
3 ม.ค. = Davy Jones ประกาศลาออกจากวง The Monkees และในปีเดียวกันทางวงก็สลายวงไป ปิดฉากวงดนตรี Teen Idol ปลายยุค 60\\\'s ที่เป็นวงขวัญใจวัยรุ่นต่อจาก Beatles

วันเดียวกันนั้น The Madcap Laughs อัลบั้มเดี่ยวชุดแรก ของ Syd Barrett จากการช่วยเหลือ ของ David Gilmour และ Roger Waters ออกวางจำหน่าย

26 ม.ค. = \\\"Bridge over troubled water\\\" ของ Simon & Garfunkel ออกวางจำหน่าย และเป็นอัลบั้มสุดท้ายของทางวง เพลงไตเติ้ลแทร็คทะยานขึ้นอันดับ 1 บน Billboard Charts นานถึง 6 สัปดาห์ คว้า รางวัล Grammy Awards 6 สาขา หนึ่งในนั้นคือ \\\"อัลบั้มยอดเยี่ยมแห่งปี\\\" ด้วย และ เป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดบนเกาะอังกฤษใน ทศวรรษที่ 70\\\'s จากการประกาศของ UK Charts

28 ม.ค. = Band of gypsys วงดนตรีของ Jimi Hendrix ต้องสลายตัวลงในเวลาอันสั้น จากความขัดแย้งในวง โชว์สุดท้ายของทางวง Jimi ถึงกับเดิน walk out จากเวที และพูดผ่านไมค์กับผู้ชม \\\"ขออภัยด้วยนะครับ ผมไม่อยากเล่นกับพวกเขาอีกแล้ว!\\\"

11 ก.พ. = ภาพยนต์เรื่อง \\\"The Magic Christian\\\" ที่นำแสดงโดย Peter Sellers และ Ringo Starr ออกฉายรอบปฐมทัศน์ในสหรัฐอเมริกา ที่ New York เพลง soundtrack ของภาพยนต์เรื่องนี้คือเพลง \\\"Come and get it\\\" ที่ประพันธ์โดย Paul McCartney และขับร้องโดยวงดนตรีน้องใหม่ในค่าย Apple records ที่ชื่อ Badfinger

13 ก.พ. = Black Sabbath วางแผงอัลบั้มชุดแรกในวันนี้ และ ในวันนี้ของปี 1970 ตรงกับวันศุกร์ที่ 13

14 ก.พ. = The Who ไปแสดง Concert ที่ University of Leeds และที่นั่นเองทำให้เกิดอัลบั้มบันทึกการแสดงสดเพลงร๊อคที่เยี่ยมที่สุดเป็นประวัติการณ์ อย่าง \\\"Live at Leeds\\\"

28 ก.พ. = Led Zeppelin ต้องเปลี่ยนชื่อวงมาเป็น \\\"The Nobs\\\" ตอนเปิด concert ในเมือง Cophenhegen เนื่องจากเรื่องทางกฏหมายที่อาจไปกระทบต่อ Ferdinand Von Zeppelin (ผู้ประดิษฐ์เรือเหาะ)

6 มี.ค. = Charles Manson ฆาตรกรก่อเหตุคดีสะเทือนขวัญออกอัลบั้มชุดแรก ชื่อว่า Lies

20 มี.ค. = David Bowie เข้าพิธีวิวาห์กับ Angela Barnett

3 เม.ย.= ผับในเมือง Minepolis มลรัฐ Minesota สหรัฐอเมริกา ที่ชื่อว่า \\\"The Depots\\\" เปิดทำการและผับแห่งนี้ต่อมาชื่อว่า \\\"First Avenue\\\" แหล่งชุมนมการแสดงของบรรดาวงร๊อคระดับอินดี้ส์ และใต้ดิน ต่างๆ มาแสดงที่นี่ และปรากฏการณ์ การ dive tag surf ก็เริ่มต้นขึ้น ณ บัดนั้น น่าเสียดายที่ผับแห่งนี้ถูกปิดลงในปี 2004 เนื่องจาก แฟนเพลงตีกัน! (เฮ้อ...ไอ้มะกัน ก็ เกรียน...)

10 เม.ย.= Paul McCartney ลาออกจากวง Beatles และประกาศการสลายวง ของ Beatles ท่ามกลางความตกตะลึงของแฟนเพลง หลังจาก John Lennon แยกตัวไปเมื่อปีที่แล้ว ปิดตำนานสี่เต่าทอง จาก Liverpool วงดนตรี Rock ที่สร้างปรากฏการณ์ไปทั่วโลกตลอดช่วงยุค 60\\\'s

20 เม.ย. = Paul McCartney กลายเป็นอดีตสมาชิกวง Beatles หลังจากวางอัลบั้มชุดแรก \\\"McCartney\\\" ในวันนี้

15 พ.ค. = Let it be อัลบั้มชุดสุดท้ายของ Beatles วางแผงในสหรัฐอเมริกา \\\"The Long and winding road\\\" และ \\\"Let it be\\\" คว้าอันดับ 1 Billboard Charts ไปครองทั้งสองเพลงเช่นกัน

23-24 พ.ค. = งานเทศกาลดนตรี Hollywood Festival จัดขึ้นที่ เมือง Newcastle ประเทศอังกฤษ และนี่คือโชว์ครั้งแรก ของ Grateful Dead ในอังกฤษอีกด้วย งานในวันนั้นก็ยังมี Black Sabbath, Free, Jose Felicino นอกจากนี้ยังมีวงดนตรีน้องใหม่ที่ชื่อ \\\"Mungo Jerry\\\" เล่นเป็นวงเปิดให้และวงนี้นี่เองคือเจ้าของเพลงอันดับ 1 บน UK Charts อันดับ 3 บน Billboard Charts ในเวลาต่อมาอย่าง \\\"in the summertime\\\" นั่นเอง

13 มิ.ย. = The Long and winding road ของ Beatles ขึ้นอันดับ 1 บน Billboard Charts

26-30 ส.ค. = เทศการดนตรี Isle of wight Festival ถูกจัดขึ้น และเรื่องราวของวงดนตรีต่างๆมาร่วมกันคับคั่งอาทิ

the Who= กับการแสดงสุดขีดใน set จากชุด Tommy และเพลงใหม่ที่ต่อมาอยู่ในอัลบั้ม who\\\'s next

Jimi Hendrix= เกิดปัญหาระหว่างเล่นเพลง Machine gun จากการถูกสัญญาณวิทยุรบกวนแอมป์ จนบอกคนดูว่า \\\"ไปหาอะไรกินก่อนเถอะครับทุกท่าน แล้วค่อยกลับมา\\\"

Moody Blues = เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนเพลงที่ช่วยกันแหกปากประสานเสียงในเพลง \\\"Nights in white satin\\\"

ELP = แสดงสดด้วยกันเป็นงานที่ 2 ในงานนี้ Keith Emerson และ Greg Lake จุดปืนใหญ่สร้างความระทึกแก่คนดู และโชว์สุดบ้าคลั่งของพวกเขา

Jethro Tull = Ian Anderson และพลพรรค Entertain คนดูอยู่หมัด

The Door = จัดเวทีของพวกเขาเป็นโทนมืดมิด

นี่คือส่วนนึงของบรรยากาศในงานวันนั้น ก่อนที่งานนี้จะจางหายไป 30 ปีและกลับมาจัดอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ (หาภาพยนต์สารคดีของงานครั้งนี้ได้จากเรื่อง Message to love)

18 ก.ย. = Jimi Hendrix เสียชีวิต ที่ Samarkand Hotel กรุงลอนดอน ตำรวจลงการตายว่า รับยาเสพติดเกินขนาด หลังการผสมยาลงในเครื่องดื่ม หลายฝ่ายเชื่อว่า การตายของเขาไม่ใช่เรื่องนี้ แต่ ซาตาน มาเอาวิญญาณต่างหาก หลังทำข้อตกลงกับการสู่จุดสูงสุดของอาชีพ (เอาเข้าไป! พวกนี้...)
Eric Clapton เคยบอกว่าก่อนที่ Jimi จะตาย ก็ได้คุยกับทางเขาแล้วว่า ตนได้ซื้อกีต้าร์คอขวามือมาล่ะ อยากให้ Jimi สอน Eric เล่นจับกีต้าร์แบบนี้ให้หน่อย ซึ่ง Jimi เองก็ยินดีที่จะแนะนำให้ จนมาเกิดเหตุซะก่อน

4 ต.ค. = Janis Joplin เสียชีวิตจากการเสพยาเกินขนาด

เหตุการณ์อื่นๆ

Deep Purple ไปออกรายการ Tops of the pops หลังจากเพลง Black Night จากอัลบั้ม Deep Purple In rock ทะยานสู่อันดับ 2 บน UK Charts

Electric Light Orchestra รวมตัวกันในปีนี้

Emerson Lake and Palmer วางแผงอัลบั้มชุดแรกในปีนี้

Genesis พาตัวเองอยู่ในสายตาของหมู่ผู้ฟังได้ครั้งแรกจากอัลบั้ม Treepass

Pink Floyd ไปทัวร์คอนเสริต์ในญี่ปุ่น ในปีเดียวกัน Pink Floyd ตัดสินใจเชิญ Norman Smith ออกจากการเป็น Producer ของวง สาเหตุมาจาก \\\"ทำ sound ของทางวง เชยเกินเหตุ!\\\"

Black Sabbath พาอัลบั้ม Paranoid ครองอันดับ 1 บน UK Charts ได้ทันทีหลังวางจำหนาย ในเดือน ก.ย. เพลงไตเติ้ลแทร็คคว้าอันดับ 4 บน UK Charts พาทางวงได้ไปออกรายการ Tops of the pops

Eric Clapton สร้างงานชิ้นใหม่ที่บรรยายถึงความเพ้อหาคนรักของคนอื่น โดยได้แรงบันดาลใจมาจาก นิยายเปอร์เซียเรื่องหนึ่ง และผลงานชิ้นนั้นคือ Layla and Other Assorted Love Songs (ในนาม Derek and the dominos) และ Layla คือเพลงชิ้นนั้นที่ Eric อยากให้คนทั้งโลกรับรู้ ถึงการรักของๆเขา มันเป็นเช่นไร! แต่อย่างไรก็ดีทุกคนก็ได้จดจำท่อนริฟท์สุดคลาสสิค เพลงนี้กันถ้วนหน้า

1970\\\'s album

All Things Must Pass - George Harrison

American Beauty - Grateful Dead

Atom Heart Mother - Pink Floyd

Benefit - Jethro Tull

Black Sabbath - Black Sabbath

Bridge Over Troubled Water - Simon & Garfunkel

Chicago - Chicago

Closer to Home - Grand Funk Railroad

Cosmo\\\'s Factory - Creedence Clearwater Revival

Deep Purple in Rock - Deep Purple

Deja Vu - Crosby, Stills, Nash & Young

Emerson, Lake and Palmer - Emerson, Lake & Palmer

Fire and Water - Free

John Lennon/Plastic Ono Band - John Lennon

Layla and Other Assorted Love Songs - Derek & the Dominoes

Led Zeppelin III - Led Zeppelin

Let It Be - The Beatles

Live at Leeds - The Who

McCartney - Paul McCartney

The Madcap Laughs - Syd Barrett

The Man Who Sold The World - David Bowie

No Dice - Badfinger

Paranoid - Black Sabbath

Trespass - Genesis

Yoko Ono/Plastic Ono Band - Yoko Ono

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 72

อันดามัน

12/06/2009 23:13:52
Eric Clapton เคยบอกว่าก่อนที่ Jimi จะตาย ก็ได้คุยกับทางเขาแล้วว่า ตนได้ซื้อกีต้าร์คอขวามือมาล่ะ อยากให้ Jimi สอน Eric เล่นจับกีต้าร์แบบนี้ให้หน่อย ซึ่ง Jimi เองก็ยินดีที่จะแนะนำให้ จนมาเกิดเหตุซะก่อน

นี่ถ้าอีตา จิมมี่ ไม่ ซีเบ้ง ไปก่อนนะ แฮะๆ มีหวัง อีตา Eric Clapton คงได้เป็นเทพกีตาร์ 2 มือเลยหละ ซ้ายก็ได้ ขวาก็ดี
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 73

อันดามัน

12/06/2009 23:17:25
18 ก.ย. = Jimi Hendrix เสียชีวิต ที่ Samarkand Hotel กรุงลอนดอน ตำรวจลงการตายว่า รับยาเสพติดเกินขนาด หลังการผสมยาลงในเครื่องดื่ม หลายฝ่ายเชื่อว่า การตายของเขาไม่ใช่เรื่องนี้ แต่ ซาตาน มาเอาวิญญาณต่างหาก หลังทำข้อตกลงกับการสู่จุดสูงสุดของอาชีพ (เอาเข้าไป! พวกนี้...)

แล้วเราชาวร็อคคิดว่าไงวะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 74

aor

13/06/2009 08:32:07
ผมไม่เชื่อว่าขายวิญญานครับผมว่าเกิดจากความขยันฝึกซ้อมกับพรสวรรค์ เสียดายที่jimiมาเสียชีวิตเร็วเกินไปเพราะเขาเริ่มอิ่มตัวในrockและbluesแล้วกำลังหันไปสนใจในดนตรีjazz อยากรู้จริงๆถ้าปัจจุบันเขายังมีชีวิตอยู่วงการดนตรีและกีต้าร์ฮีโร่จะเป็นอย่างไร
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 75

แพะ

13/06/2009 08:53:17
39
ไอ้แนว psychedelic นี่ล่ะที่เมื่อวานพี่เบียสแก บอกฟังเสพ S.L.D แล้วจะเข้าถึงพระเจ้า ว่าแล้วเมื่อวานผมเลยลองโหลดฟัง ผมว่าจังหวะมันเน้นกระชับ และ เร็ว ถ้าเปิดดังๆ มีใจสั่น แน่ ถ้าเสพ S.L.D คงไม่ได้ใกล้พระเจ้าแน่ๆๆ เผลอๆ หัวใจวายตาย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 76

นายมั่นคง

13/06/2009 10:41:34
0
แวะมาบอกว่าเมือ่กี๊ดู DVD ของพี่ Aor ไปหน่อยแล้ว ได้อารมณ์สุดๆๆๆๆๆ ผมว่าจะขอซื้อกีตาร์ไอ้ตัวที่มันเก่าโคตร และมีรูของ willie Nelson ซักหน่อย ว่าจะเสนอขอซื้อและเอาเงื่อนไขเปลี่ยนตัวใหม่ให้เค้าด้วยเลย ดูว่าเค้าจะขายกี่พันกันแน่...555

เก่าจริง เก๋าจริงๆๆๆๆๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 77

Noize

13/06/2009 10:53:55
2
ผมก็เพิ่งได้ดู DVD เบิร์ธเดย์ปาร์ตี้ของลุงวิลลี่ ไปเมื่อไม่กี่วันนี้เองครับ อึ้ง ทึ่ง จริงๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 78

aor

13/06/2009 14:10:24
555 ดีใจครับที่ทั้งเฮียมั่นและคุณน้อยชอบเพราะผมเองชอบมากๆถึงมากที่สุดแค่เพลงที2night life ที่แกแจมกับ eric clapton ผมก็นั่งอึ้งกิมกี่อยู่คนเดียวแล้วละครับ มาถึงจุดสุดยอดอีกครั้งกับเพลง to all the girls i love beforeที่เล่นเป็นเร็กเก้ผสมฮิปฮอปเหนือคำบรรยายครับ แล้วยังเพลงcrazyที่แกร้องคู่กับdiana krall ที่ทั้งเศร้าทั้งเท่อีก โอ้พระเจ้ามันยอดมากจริงๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 79

aor

14/06/2009 09:19:51



เฮียครับผมไปค้นเจอหนังสือเก่าๆเกี่ยวกับวงการเพลงในอดีตเหลืออยู่สองเล่มครับ เล่าขานตำนานร็อคกับผีเพลง ใครสนใจประวัติวงดนตรีเก่าๆที่เรียกว่าตำนานลองไปหามาอ่านได้ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 80

maxboiler

14/06/2009 09:58:15



ถ้าตำนาน Rock เมืองไทย ต้องนี่ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 81

maxboiler

14/06/2009 09:59:43



และนี่ด้วย เจ๋งเป้ง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 82

นายมั่นคง

14/06/2009 11:18:50
0



เย้ ผมก็มีหนังสือเหมือนพี่ aor นี่ล่ะ (ปกเก่าแบบพี่ aor ผมเคยมีแต่หายไป เลยต้องซือเล่าใหม่) แนะนำกัน 4 เล่มที่ทุกคนควรอ่านครับ

- เล่าขานตำนานร็อค
- ยอดตำนานร็อคบุรุษ
- ผีเพลง ดนตรีขบถที่เปลี่ยนแปลงโลก
- บทเพลงของดอกไม้

ใครที่หลงใหลเพลงยุค 60-70-80 พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงจริงๆๆๆเด้อ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 83

นายมั่นคง

14/06/2009 11:19:32
0



เอ้า แถมอีกเล่ม อ่านแล้วขนลุกพรึ่บทันทีจ้า 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 84

Noize

14/06/2009 11:38:34
2
ไอ้เล่มล่างสุดนี่แหละ ที่ผมอยากได้ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 85

bomlemons

14/06/2009 11:52:00
ต้องไปหามาอ่านซะแล้ว

แต่มันยังจะมีขายอยู๋ป่าวเน้อ คงหายากเหมือกัน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 86

เบียส

14/06/2009 13:33:57
11
จ๊าก!! เล่มท้ายสุด นี่ น่าหาเก็บ จัง ครับ สุดยอด .....อิ อิ อิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 87

สมัครเล่น

14/06/2009 21:17:44
0
อา....david gilmore
ผู้ซึ่ง fender ไม่มีรุ่น signature ให้
นิยามของยอดนักกีตาร์ ที่ไม่ต้องปั่นเป็นจรวด
หรือโซโลหวือหวา
สำเนียงเสียงที่เป็นลายเซ็นของตนเอง
อยู่นาน ๆ นะลุง อย่าเพิ่งตาม Richard Wright ไปละ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 88

Noize

14/06/2009 22:06:09
2



สงสัยเฮียยังไม่ว่างมาโม้เรื่อง Pink Floyd ให้พวกเราฟังกัน

พรุ่งนี้ผมจะโม้เรื่อง The Alan Parsons Project คั่นเวลาให้ก่อนก็แล้วกัน


วันนี้ทิ้ง Alan Parsons Live Project เป็น ปลากรอบ ให้ดูกันก่อนก็แล้วกัน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 89

นายมั่นคง

14/06/2009 22:11:47
0
โทรถาม Se-ed ได้คร้าบบบ ใครอยากได้ น่าจะหาได้แน่ๆๆจ้า

http://www.se-ed.com/eShop/(A(2TI5rbq_yQEkAAAAMTNiOTZiZDAtOWQ1YS00M2VmLWEzZGMtNjFjYWMwOGI5OGM4xv-9SYlejCmauc82plajudgZDIY1))/Products/Detail.aspx?No=9789749109403

เอ้า ลุย

ส่วนเล่าขานตำนานร็อคต้องนี่เช่นกัน
http://www.se-ed.com/eShop/(A(96uX8DeHyQEkAAAAN2Y5ZjA0N2UtODRkYy00YjA2LWIzNjktZTZhNDFkMmFjNDNho-Rbtlk7QpWmL4Sf7U0JcO26BDc1))/Products/Detail.aspx?No=9789745290068
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 90

อันดามัน

14/06/2009 22:54:04

ผมขอแทรกเอาข้อมูลของงวนี้มาเล่าให้ฟังคร่าวๆนะคับ เป็นวงที่ ประสบความสำเร็จในยอดขายแผ่น ของอัลบั้มนี้ อ่านตามข้อมูลเลยคับ

01 THE WALL | PINK
The Wall นั้นมันไม่ค่อยจะเป็นยุค 70\'s สักเท่าไหร่ หลายคนคงเป็นเช่นเดียวกัน เพราะกว่าเราจะได้ฟังอัลบั้มนี้ก็เข้ายุค 80\'s เข้าไปแล้ว เพราะมันออกครั้งแรกในเดือนธันวาคม 1979 แต่ก็ต้องยึดตามข้อเท็จจริง และยอดขายถึง 23 ล้านแผ่น และเป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดตลอดกาลอันดับสาม....
สี่ หน้าแผ่นเสียงของ The Wall เป็นคอนเซ็พท์ของ โรเจอร์ วอเตอร์ส มือเบส และผู้นำวงในยุคหลังเกือบทั้งหมด มันเป็นเรื่องของร็อคสตาร์และกำแพงในจินตนาการที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นห้อมล้อม เขา ตั้งแต่ความตายของบิดาในสงคราม มารดาที่ดูจะเห็นเขาเป็นเด็กน้อยตลอดกาล ภรรยาที่ไม่ซื่อตรงต่อเขา ทุกอย่างก่อตัวบีบล้อมจนทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นเครื่องจักร ความเครียดและทุกอย่างประเดประดังจนทำให้เขาวิกลจริตไปในที่สุด วัตถุดิบของจินตนาการไม่ได้มาจากชีวิตวอเตอร์สคนเดียว มันยังมีบางส่วนมาจากเรื่องราวของ ซิด บาเร็ต อดีตผู้นำวงที่ต้องจากวงการไปอย่างรวดเร็วด้วยฤทธิ์ยาเสพติด
และ การที่วง Pink Floyd เองโดยเฉพาะวอเตอร์สได้ประสบกับความห่างเหินระหว่างพวกเขากับผู้ชมในระหว่าง การทัวร์เพื่อโปรโมทอัลบั้ม Animals ก็เป็นอีกประกายหนึ่งที่ถูกจุดให้เกิด The Wall ในการแสดงครั้งหนึ่งโรเจอร์เกิดความเครียดถึงขีดสุด-เขาถ่มน้ำลายใส่หน้าแฟน เพลงผู้โชคดีคนหนึ่ง
The Wall มีคอนเซ็พท์ที่ดูจะเอาใจวัยรุ่นมากกว่าอัลบั้มคลาสสิกอื่นๆของพิงค์ ฟลอยด์ แค่ประโยคที่ว่า We don\'t need no education ก็ได้ใจเด็กวัยเรียนผู้ไม่ค่อยจะรักโรงเรียนไปได้ค่อนโลกแล้ว และแม้ว่าสมาชิกคนอื่นๆจะรายงานว่าเทปเดโมที่วอเตอร์สทำมาให้ฟังตอนแรกนั้น จะออกไปในแนวโมโนโทนเป็นแนวเดียวกันหมด แต่งานที่สมบูรณ์ของ The Wall กลับเป็นงานที่มีความหลากหลายมากแนวทาง มีทั้งร็อคหนักๆอย่าง In The Flesh หรือ Young Lust ดิสโก้(แบบเครียดๆ)อย่าง Another Brick In The Wall Part II และ Run Like Hell เพลงอคูสติกใสๆอย่าง Good Bye Blue Sky หรือแม้กระทั่งโอเปร่าในเพลง(เกือบ)สุดท้ายที่เป็นบทสรุป The Trial

และขอย้ำอีกครั้ง ว่านี่เป็นการจัดอันดับตามยอดขายในประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้นครับ....
All in all we just a....nother brick in the wall.

ยอดขายอันดับหนึ่งตลอดกาลนั้นไม่ใช่เพลงร็อคนะคับ ให้เดากันเองแล้วกันว่าเค้า คือไผ สถิตินั้นอยู่ที่ 290,300,000 ล้านแผ่น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 91

อันดามัน

14/06/2009 22:57:00
โทษคับลงผิด อยู่ที่ 29,300,000 ล้านแผ่น คับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 92

bomlemons

15/06/2009 15:26:25
ใครหรอครับ ท่านอันดามัน อยากรู็มาก 29300.......ล้านแผ่น คงจะรวยโขดเลยยย
โห เกิดมาชาตินี้ขายได้ขนาดนี้ เหมือนขึ้นสวรรค์เลย

อ่อ พี่อันดามันครับ พอมีข้อมูลการจัดอันดับ ยอดขายแผ่น Top Chart อะไรอย่างงี้ไหมครับ ผมอยากได้ข้อมูลอะครับ

ขอบคุณครับ

ผมเดา The Beatle ละกันครับ 55+ มั่ว
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 93

อันดามัน

15/06/2009 16:03:19
ผมมียอดขาย Top Chart ยุด 70-80 เองคับ ใบ้ให้นะคับ จาก ดำ เป็น ขาว คับ ท่าเต้นผมคิดว่ามีคนเดียวนี้ในโลกที่เต้นได้เนียนมาก it is moonwalk แค่นี้ก็น่าจะรู้แล้วนะคับ คืนนี้ว่างๆผมจะมาเล่าว่าทำไมถึงเป็นอัลบั้มที่ที่ขายดีที่สุดดดดดดดดด คับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 94

bomlemons

15/06/2009 17:30:40
อ๋อ พี่ไมเคิล แจ๊คสัน 55+ ท่าเต้นลูบเป้าอะครับ ผมชอบ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 95

นายมั่นคง

15/06/2009 18:46:02
0
ค่อยๆๆ คุยกันแบบนี้ สนุกดีครับ แต่อย่าลืมไปหามาฟังด้วยล่ะ ยิ่งฟังผมว่ายิ่งซาบซึ้งและเข้าถึงล่ะครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 96

อันดามัน

15/06/2009 20:17:25
สำหรับน้อง bomlemons ว่าททำไมเพลงของ อีตาคุณไมเคิล ถึงได้ขายดีฉิบ..... ในยุค80 เชิญอ่านได้เลยขอรับ

1 MICHAEL JACKSON อัลบั้ม THRILLER
ALBUM SALES: 29,300,000 RELEASE DATE: 1 DEC 1982
อัลบั้ม ที่ขายดีที่สุดในโลก ตั้งแต่ยุค 80s จนมาถึงปัจจุบัน คงต้องบอกว่ามีเหตุการณ์หลายอย่างที่ทำให้อัลบั้มนี้ดังได้ขนาดนี้ เริ่มตั้งแต่การที่ MTV ช่วยโปรโมท Michael Jackson ในฐานะศิลปินผิวสีคนแรก ซึ่ง MV เพลง Billie Jean ซึ่งถือเป็น MV ที่แพงที่สุดในสมัยนั้นก็ถูกเปิดอย่างบ่อยครั้ง และอีกคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าจุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ทำให้ชุดนี้ขายดีเป็น พลุแตกมาจากการที่ Michael ไปปรากฏตัวในงานฉลองครบรอบ 25 ปีของ Motown พร้อมกับวง The Jackson Five และการแสดงในเพลง Billie Jean ที่ Michael ได้แสดงการ moonwalk ต่อหน้าผู้ชมหลายล้าน หลังจากคืนนั้น อัลบั้ม Thriller ก็ขายดีอย่างหยุดไม่ได้ การแต่งตัวของวัยรุ่นในสมัยนั้นการเป็นการตาม Michael ตั้งแต่การใส่หมวก สวมถุงมือข้างเดียว การใส่แจ็คเก็ตสีแดงแบบเสริมไหล่อย่างใน MV เพลง Thriller
________________________________________
MV เพลง Thriller เช่นกันที่กำกับโดย John Landis ผู้กำกับชื่อดังจากหนัง American Werewolf in London ซึ่งเพลงนี้เป็นการทำแบบเป็นเรื่องราวเหมือนหนังสั้น วันที่ MV นี้เปิดตัว แฟนเพลงหลายล้านก็จับตารอหน้าจอเพื่อจะดู MV ตัวนี้ และ Michael ก็ไม่ได้ทำให้แฟนเพลงผิดหวัง อัลบั้ม Thriller ขายได้ดีเพิ่มขึ้นไปอีก
ทั้งท่าเต้น การแต่งตัว การวางตัวของ Michael ที่ทำตัวลึกลับและไม่ค่อยให้สัมภาษณ์ทำให้แฟนเพลงยิ่งอยากรู้จัก Michael มากยิ่งขึ้น
________________________________________
ทั้ง นี้ทั้งนั้น อัลบั้มชุดนี้จะดังไม่ได้หากเพลงไม่ดีจริง Thriller มีครบทุกรสชาติทั้ง ฟั้งค์ ร็อค บัลลาด และ โซล และมีซิงเกิ้ลปล่อยมาตลอดสองปี เจ็ดเพลงจากเก้าเพลงในอัลบั้มเข้าถึง Top 10
Eddie Van Halen เล่นกีตาร์ในเพลง “Beat It”, Paul McCartney ร้องคู่กับ Michael ใน “The Girl is Mine” เพลงที่ฟังทีไรก็ต้องขยับและถือเป็นเพลงที่ดีที่สุดในอัลบั้ม “Billie Jean” เพลงที่ Michael ชอบใช้เปิดคอนเสิร์ท “Wanna Be Startin’ Somethin’” เพลงที่มีท่อน chorus ที่งดงามอย่าง “Human Nature”
________________________________________
แล้วจะมีใครเทียบ Michael ในตอนนั้นได้ แม้แต่ Michael เอง………

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 97

jimmy

15/06/2009 21:38:41
0
ท่านใดอ่านเรื่องราวแล้วเกิดอยากสะสมแผ่นเพลงพวกนี้ผมชี้เป้าให้นะครับ (มีเยอะมาก ๆ รวมถึงรูปโพ้สเตอร์ด้วย)

แหล่งขาย CD แท้ ๆ ส่งตรงมาจากยุโรป, อเมริกา
ร้าน Music Land ชั้น1(ด้านหน้า)อินทราประตูน้ำ(มีเยอะ) ร้าน เจยู ชั้น2(หน้าลิฟท์แก้ว)พันธุ์ทิพย์พลาซ่า(มีเยอะ)
ร้าน B2S เซ็นทรัลลาดพร้าว
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 98

Noize

15/06/2009 21:44:01
2



มาตามคำสัญญา แต่ วันนี้งานยุ่งไปนิด ขออนุญาตยกบทความจาก www.musicrec.com มาก่อนครับ
แต่ขอตัดส่วนวิเคราะห์ วิจารณ์ผลงานออก เพื่อจะได้แนะนำกันเฉพาะในส่วนของศิลปินกันก่อน


"The Alan Parsons Project เกิดจากการรวมตัวของสองอัจฉริยะในแต่ละด้าน
เพื่องานพิเศษชิ้นหนึ่ง หนึ่งในนั้นคือนักแต่งเพลงเชื้อชาติสก๊อตแลนด์ เจ้าของไอเดียผลงานชุด
Tales Of Mystery And Imagination นามว่า Eric Wolfson
เหตุการณ์มันเริ่มขึ้นในปี 1975 ซึ่งในขณะนั้น Eric คือนักแต่งเพลงนามกระเดื่อง
และเป็นโปรดิวเซอร์อิสระที่มีไอเดียอยากจะทำงานเพลงที่มีแรงบรรดาลใจมาจากงานเขียนของ
Edgar Allan Poe ซึ่งเป็นนักเขียนนิยายเขย่าขวัญแนว Sci-fi (science fiction)
ยุคแรกๆ ของโลก เอริคได้เริ่มต้นเขียนเนื้อเพลงขึ้นมาได้จำนวนหนึ่ง
แต่ในตอนนั้น เขายังหาวิธีการเรียบเรียงดนตรีที่จะทำให้เพลงของเขามีพลังสะท้อนอารมณ์ที่ลึกลับและน่ากลัว
ตามแบบฉบับงานเขียนของเอ็ดก้า อัลลัน โป ไม่ได้ จึงได้เก็บงานเพลงของเขาเข้าแฟ้มไว้

ในขณะเดียวกัน Alan Parsons สัญชาติอังกฤษ ซึ่งเป็นซาวนด์เอ็นจิเนียร์
ที่กระโจนเข้ามาสู่วงการบันทึกเสียงด้วยใจรัก แต่เพราะพรสวรรค์และความสนใจของเขา
ทำให้เขามีโอกาสเข้าทำงานในวงการบันทึกเสียงร่วมกับศิลปินดังๆ หลายต่อหลายครั้ง
มีผลงานบันทึกเสียงที่ขึ้นหน้าขึ้นตาก็หลายชุด ซึ่งหนึ่งในนั้นที่เรารู้จักกันดีก็คืองานอัลบั้มชุด
Dark Side Of The Moon ของคณะ PinkFloyd นั่นเอง
ในช่วงเวลาที่ Alan Parsons กับ Eric Wolfson โคจรมาเจอกันจนทำให้กลายมาเป็นคู่หู
ในชื่อ The Alan Parsons Project นั้น เป็นช่วงที่ภาพยนตร์เขย่าขวัญกำลังได้รับความนิยมอย่างสูง อิทธิพลจากฝีมือการกำกับของ Stanley Kubrick กำลังเข้าครอบงำคนดูหนังทั้งโลก
ส่งผลให้อุตสาหกรรมบันทึกเสียงขยับตัวเข้าสู่ยุคของการสร้างดนตรีประกอบภาพยนตร์ในเชิงที่ลึกลับน่ากลัว
และ Alan Parsons คือหนึ่งในซาวนด์เอ็นจิเนียร์ที่มีความเชี่ยวชาญกับการใช้เทคนิคการบันทึกเสียง
เพื่อสร้างสรรค์ความลึกลับสยองขวัญขึ้นมา

เมื่อ Eric เห็นดังนั้น ไอเดียที่เขาเก็บเข้าลิ้นชักไปแล้วก็ถูกนำมาปัดฝุ่น
และนี่คือที่มาของการผสมผสานระหว่างฝีมือการสร้างสรรไอเดียและการแต่งเพลงของ Eric Wolfson
กับทักษะในการบันทึกเสียงอันปราดเปรื่องของ Alan Parsons ก่อเกิดเป็นงานอัลบั้มชุด
Tales Of Mystery And Imagination ในปี 1976"

^ ข้างบนนี้ เครดิตคุณ Thanee จาก Music Recommended ด้วยครับ ^

เดี๋ยวพรุ่งนี้น่าจะมีเวลาหน่อย จะพยายามรวบรวมความจำ และระลึกชาติ
จากที่ได้รู้จักและฟัง The Alan Parsons Project มาตั้งแต่ปี 2527
จนปัจจุบัน ก็ยังหยิบมาฟังอยู่บ่อยๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 99

aor

16/06/2009 17:25:41
ได้ดูdvd The Alan Parsons Project ที่ส่งมาให้แล้วนะครับคุณน้อย ขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับการเปิดโลกทรรศครั้งนี้ อิอิ พึ่งทราบว่าตาalanแกเล่นกีต้าร์ได้ด้วยนึกว่าเล่นคีย์บอร์ดอย่างเดียว ดูเพลินดีครับชุดนี้ชอบครับชอบ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 100

แพะ

16/06/2009 18:26:21
39
โอ้... สาระล้วนๆ สนุกๆครับ เดี๋ยวต้องไปหาแผ่นอีก....แบะๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 101

bomlemons

16/06/2009 18:39:13
โว้ว ขอบคุณ พี่อันดามันครับ เข้าใจแล้วว

ไม่น่าเชื่อคนๆนึงจะ ครองใจคนได้มากถึงเพียงนี้ สุดยอดเลย

คำเดียวจริงๆ สุดยอดดด
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 102

อันดามัน

16/06/2009 19:19:44
ส่วนอันดับสอง ในยุค 80 นั้น ยอดรวมขายได้ 19,100,000 date: july 1980 ใครจะไปคาดคิดว่าวงนี้จะดังเปรี้ยงปร้างแค่อัลบั้มเดียว ขายได้ขายดีขนาดนี้ วงนี้ก็แทบไม่เคยเปลี่ยนแนวทางการเล่นดนตรีเลย พวกเขาไม่เคยเพลงมีบัลลาดหวานเอาใจสาว ทุกเพลงเน้นริฟฟ์หนักหนาแต่สวยงาม ริธึ่มเซ็กชั่นที่หนักอึ้งเหมือนรถสิบล้อบรรทุกหิน และเสียงร้องที่เค้นออกมาจากก้นบึ้งของขั้วปอด อีกทั้งเนื้อเพลงของพวกเขาก็ช่างดิบ เซ็กซี่ และไร้สาระโดยสิ้นเชิง ตรงไปตรงมาจนน่าขนลุก แค่อ่านชื่อเพลง ก็สยิวแล้ว ใบ้ต่อคับ เป็นวงที่ เจฟ เบล็ก นำไปแสดงเป็้นตัวละครของหนังเรื่อง Old School Of Rock ซึงใครเคยได้ดูก็น่าจะรู้จักนะคับว่าวงอะไร ตอนนี้ขอไปทานข้าวก่อนนะคับ เดี๋ยวผมมาเฉลยพร้อม ข้อมูลของอัลบั้มนี้ในยุคนั้น 80\' เป็นรองแค่อีตาไมเคิงเท่านั้น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 103

kom_audio

16/06/2009 20:30:54
0
เอ่ออ......คอร็อคเยอะจริงว้อย.....ดูที่ยังไม่ได้พูดถึงก็แล้วกัน อืมม......
เอา Uriah Heep ไปอีกวง ยุคแรก ๆ เพลงหนักเอาเรื่อง แต่พอหลัง ๆ เริ่มเปลี่ยนไปซะ
ลองฟังเพลง Gypsy ดู
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 104

นายมั่นคง

16/06/2009 21:20:24
0



ยังมีอีกมากๆๆๆๆ ถึงโคตรมากๆๆๆ เลยล่ะครับ

ตัวอย่างกีตาร์ระดับเทพที่ฝรั่งเค้านับถือตลอดกาล ต่อให้โลกนี้หมุนไปอีกกี่รอบ กีตาร์เทพรายนี้ก็ต้องติดอันดับหนึ่งตลอดกาลจริงๆๆๆ ผมเองสารภาพตรงๆๆ ว่าหัวไม่ถึงครับ คือฟังแล้วสับสนมากๆๆ เลย 555

เอ้า ไม่ใช่ใคร

Jimi Hendrix นั่นเอง.......

555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 105

Noize

16/06/2009 22:28:53
2



The alan parsons Project วงดนตรี Progressive Rock ยุค 70\'s
สัญชาติอังกฤษ แต่ไปประสบความสำเร็จฝั่งอเมริกาซะมากกว่าแผ่นดินเกิดของตัวเอง

เมื่อปี 1967 (เป็นปีแรงจริงๆ ผมก็เกิดปีนี้ 555) Alan Parsons หนุ่มน้อยวัย 18 ปี
เริ่มทำงานในตำแหน่ง assistant audio engineer(ต่อมาเรียก sound engineer)
ที่ Abbey Road Studios กับงานของ The Beatle ชุด Abbey Road
หลังจากนั้นก็ได้ทำงาน audio engineer แบบเต็มตัวให้กับ Pual McCartney ชุด Wild Life
และตามมาด้วย Red Rose Speedway,The Hollies และมาถึงวงดนตรีที่ทำให้ชีวิตเค้าเปลี่ยนไป
Pink floyd กับงานชุด Dark Side Of The Moon ที่ Alan Parson มีส่วนสำคัญกับงานมาก
ได้รับเครดิตจากวงสูงจนมีการเสนอชื่อเข้าชิง Grammy Award ในฐานะ Sound Engineer ยอดเยี่ยม

ในปีนั้นเอง (1974) Alan ก็ได้พบกับ Eric Woofson นักเรียบเรียงนักแต่งเพลงชาวสก็อทช์
(แต่จริงๆหมอนี่เป็นทนายด้วย 555)ที่โรงอาหารของ Abbey Road Studios ซึ่งขณะนั้น Alan
ก็ได้ทำ ดนตรีพวกสกอร์ประกอบภาพยนต์อยู่ด้วย (ดูข้างบนประกอบได้ครับ) เป็นที่ถูกใจ Eric ซะ
ก็เลยตกลงที่จะร่วมหัวจมท้ายทำงานร่วมกัน โดนใชชื่อว่า The Alan Parsons Project

ทำไมถึงใช้ชื่อนี้ ทำไมไม่มีชื่อของ Eric Woofson ปนอยู่ด้วยซักคำ...เดี๋ยวมาโม้ต่อครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 106

อัดามัน

16/06/2009 23:15:07
เอ้าต่อคับพี่ น้อย แลกเปลี่ยนกัน จัดปายคับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 107

แพะ

16/06/2009 23:37:33
39
Uriah Heep นี่เพิ่งได้รวมฮิตมาเอง อิอิ เข้ากับบรรยากาศมากๆๆ แบะๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 108

Noize

16/06/2009 23:51:02
2



แหะๆ เมื่อกี๊ งูเข้าหลังบ้านครับ
เมียวิ่งจู๊ด ออกไปตามเพื่อนบ้านมาช่วยดู เค้ารู้ว่าผมกลัวงู กว่าผมจะรู้ว่ามีอะไร คนเต็มบ้านแล้ว 555

เอ้าต่อๆ...

ช่วงนั้น Alan Parsons กำลังรุ่งในอาชีพ เป็นทั้ง ซาวน์เอ็นจิเนียร์โปรดิวเซอร์และนักดนตรี
โปรดิวซ์งานให้ Pilot วงดนตรี pop rock จากสก็อตแลนด์ไป 3 อัลบั้ม นี่แหละที่น่าจะเป็นจุดที่
ทำให้ Eric เข้ามาหาและขุดโปรเจ็คเก่า(ดูข้าวบนอีกทีครับ)ขึ้นมาปัดฝุ่น แล้วก็ได้เกิดเป็นงานในฝัน
Tales Of Mystery And Imagination ขึ้นมา นักดนตรีหลักที่ทำงานชุดนี้และชุดต่อๆมา
ก็คือสมาชิกของ Pilot นี่แหละ ชื่อเสียง บารมีของ Alan ขายได้ ใช้ชื่อ Alan Parsons ซะเลย

ผลงานที่ออกมาในนามของ The Alan Parsons Project ออกมาด้วยกันทั้งหมด 10 ชุด
ส่วนใหญ่เป็น concept album งานก่อนที่ Alan กะ Eric จะแยกทางกันเดิน มีดังต่อไปนี้

Tales of Mystery and Imagination (1976)
I Robot (1977)
Pyramid (1978)
Eve (1979)
The Turn of a Friendly Card (1980)
Eye in the Sky (1982)
Ammonia Avenue (1984)
Vulture Culture (1985)
Stereotomy (1985)
Gaudi (1987)

หลังจากนั้น ต่างคนก็ต่างทำงานของตัวเองออกมา

Alan Parsons เริ่มสนุกกับการเดินสาย ทำเป็นงาน The Alan Parsons Live Project
Eric Woofsons ก็ยังคงเน้นงาน studio ทำงานใหม่ออกมาบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นวังวนเดิมๆ
ใช้งานเก่าๆที่ทำด้วยกันแต่ไม่ได้ลงในอัลบั้มหลักออกมาขาย

เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาเจาะลึกถึงงานแต่ละชุดกันอีกที คืนนี้ขอไปตื่นเต้นเรื่องงูต่อ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 109

Noize

19/06/2009 13:29:15
2
ขุดขึ้นมาก่อน 2-3 วันนี้ออกจะยุ่งๆ เดี๋ยวค่ำๆนี้น่าจะได้โม้ต่อ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 110

aor

23/06/2009 12:24:38



ขออนุญาตคัดลอกบทความที่กล่าวถึง GUITAR HERO ชาวไอริชของผมคนนี้นะครับเฮีย

คัดลอกมาจากคุณGespenstvoharn
Rory Gallagher
The Definitive Montreux Collection

จะมีมือกีตาร์สักกี่คนที่หน้าตาดี ร้องเพลงเก่ง และเล่นกีตาร์ ได้ ทั้งหมดในเวลาเดียวกัน ถึงผมจะยังไม่มากประสบการณ์แต่ผมก็เชื่อมั่นอย่างเหลือเกิน ครับว่าต่อใหเป็นยุค 70ก็หาตัวจับได้ยากจริงๆ ครั้งแรกที่ผมรู้จัก โรรี่ กัลลาเกอร์ คือ ตอนที่ผมอยู่เยอรมันอ่านหนังสือ ตอนดึก ประมาณตี 1 ละมั้ง เปิดทีวี ดูเจอ รายการย้อนรอย คอนเสิร์ต Rockpast ของทางเยอรมัน ไล่กลับไปถึง ยุค 70 เจอ คอนเสิร์ตโรรี่ เข้าไปแสงสีเสียงตระการตา โรรี่เล่นได้ทั้งร็อค บลู เบากลางหนัก ฟังดูสนุกสนาน อารมณ์ดี ตอนแรกคิดว่ามันก็มีแต่กีตาร์ละมั้ง ดูๆ ไปผมชื่นชอบสมาชิก สมาชิกที่เหลือในวงทุกคนเลย ทั้ง เบส ที่ดวลได้มันส์กับกีตาร์ มือเปียโนโซโล่ว่องไวไหลลื่น มือกลองที่ตีได้คึกคักระเบิดเถิดเทิง สะกด อารมณ์ให้ผมดูได้เกือบ 2ชั่วโมง จนทุรนทุรายต้องหามาครอบครองให้ได้บ้างแล้วก็สมใจอยากไม่ผิดหวังจริงๆ เห็นช่วงพักคอนเสิร์ตมีสัมภาษณ์เล็กน้อยทั้ง ภาษาเยอรมันและอังกฤษ สรุปว่า เป็น รัชอาว ครับ โรรี่ หลังจากจบโชว์นี้ต้องบินไปเล่นที่ประเทศอื่นแถวยุโรปต่อ ( จำไม่ได้ว่าประเทศอะไร)ถึกจริงๆ +555 คอนเสิร์ต โรรี่ นี่เต็มที่จริงๆด้านความมันส์ ผมฟังดูเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกว่ามันหนักจนรับไม่ได้ ถ้าเอาไลฟ์ ของมอนโทร ไปเทียบกับ Rockpalast ที่ผมดู Rockpalast บรรยากาศเหนือกว่าแน่นอนมุมมกล้องที่ถ่ายทอดอิริยาบถการแสดงได้ดีกว่า พร้อมทั้งดีวีดี ราคา เหยียบ 3,000 ลิมิตเอดิชั่น แกมยัดเยียด +5555 เลยตัดใจไปซื้อ Live at Montreux แทนถึงจำนวนเพลงจะน้อยกว่าเกือบ 20-30 เพลงก็ยังคุ้มค่าอยู่ดี (ฮา)ปัจจุบันไม่มีโอกาสได้ดู โรรี่ แล้ว โรรี่เสียชีวิตไปราวๆปี 95 เพราะโรคตับแข็ง

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 111

นายมั่นคง

23/06/2009 13:09:51
0
เย้ พี่ aor อุตส่าห์มาลิขิตให้ได้อ่านกันอีกล่ะ 555

ผมสังเกตุว่าพวกกีตาร์ฮีโร่ทั้งหลาย มักจะเสียชีวิตจาก 3 กรณีเท่านั้น

- กินเหล้าตาย
- เล่นยาจนตาย
- ฆ่าตัวตาย

ซึ่งถ้าไปไล่อ่านให้ดีๆๆ จะเจอแค่ 3 ประเด็นนี้เท่านั้นเอง ประมาณว่าศิลปินระดับโลกนั้น มักจะเป็นคนอ่อนไหวง่ายกว่าคนที่ประกอบอาชีพอื่นๆๆ เอ้า เยาวชนอย่าได้ไปลอกเลียนแบบล่ะจ๊ะ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 112

Noize

23/06/2009 13:19:32
2
ขอบคุณพี่อ้อครับ ที่มาช่วยเปิดมุมมองให้กว้างๆกันออกไปอีก

เฮียครับ ผมขอสนับสนุนว่าศิลปินระดับโลกมีอยู่ 3 สาเหตุการตายอย่างที่ว่า

แต่นักเล่น gadget จะมีแค่ 2 สาเหตุครับ
1 ขาดสารอาหารตาย
2 เมียตีตาย 555

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 113

aor

25/06/2009 11:58:10
100 guitars hero

1. Jimi Hendrix* - Jimi Hendrix Experience
2. Eric Clapton - Yardbirds, Cream, Derek & The Dominos, Solo
3. Jimmy Page - Yardbirds, Led Zeppelin, The Firm
4. Jeff Beck - Yardbirds, Jeff Beck Group, Solo
5. Eddie Van Halen - Van Halen
6. Stevie Ray Vaughan* - Stevie Ray Vaughan & Double Trouble
7. Joe Satriani - Solo
8. Ritchie Blackmore - Deep Purple, Rainbow, Blackmores Night
9. Steve Vai - David Lee Roth, Whitesnake, Solo
10. David Gilmour - Pink Floyd, Solo
11. John Petrucci - Dream Theater, Liquid Tension Experiment
12. Randy Rhoads* - Quiet Riot, Ozzy
13. Allan Holdsworth - Solo
14. Paul Gilbert - Mr. Big, Racer X, Solo
15. Yngwie Malmsteen - Rising Force, Solo
16. Phil Keaggy - Glass Harp, Solo
17. Jason Becker - Cacophony, David Lee Roth Band, Solo
18. John Mclaughlin- Mahavishnu Orchestra
19. Duane Allman* - Allman Brothers Band, Derek & the Dominos
20. Chuck Berry - Solo
21. Eric Johnson - Solo
22. Steve Howe - Yes, Solo
23. Neal Schon - Santana, Journey, Solo
24. Brian May - Queen
25. Gary Moore - Thin Lizzy, Colosseum II, Skid Row, Solo
26. Bo Diddley* - Solo
27. Steve Morse - Deep Purple, Dixie Dregs, Steve Morse Band, Solo
28. Carlos Santana - Santana
29. Tony Iommi - Black Sabbath
30. Buckethead - Solo, Praxis, Thanatopsis, The Deli Creeps, Cornbugs, GNR,
31. Mark Knopfler - Dire Straits, Solo
32. Marty Friedman - Cacophony, Megadeth, Solo
33. Nuno Bettencourt - Extreme, Mourning Widows
34. Shawn Lane* - Black Oak Arkansas, Willy, Solo
35. Kirk Hammett - Metallica
36. Uli Jon Roth - Scorpions, Solo
37. Terry Kath* - Chicago Transit Authority
38. Alex Lifeson - Rush
39. Frank Zappa* - Mothers of Invention, Solo
40. Rory Gallagher* - Solo
41. Dimebag Darrell* - Pantera
42. Peter Green - Fleetwood Mac, Solo
43. Robin Trower - Procal Harum, Solo
44. Slash - Guns N\' Roses, Slash\'s Snakepit, Velvet Revolver
45. Mick Taylor - John Mayall\'s Bluesbreakers, Rolling Stones
46. Robert Fripp - King Crimson
47. Tom Morello - Rage Against the Machine, Audioslave
48. Michael Schenker - Scorpions, UFO, MSG, Contraband
49. Ry Cooder - Solo
50. Angus Young - AC/DC
51. Keith Richards - Rolling Stones, Solo
52. Michael Angelo Batio - Nitro, Solo
53. John Squire - Stone Roses
54. Pete Townshend - The Who
55. Steve Hackett - Genisis
56. Zakk Wylde - Ozzy Osbourne, Black Label Society
57. George Harrison* - Beatles, Traveling Wilberys, Solo
58. Alvin Lee - Ten Years After
59. Dave Davies - Kinks
60. Jerry Cantrell - Alice In Chains, Solo
61. Steve Stevens - Billy Idol
62. Johnny Winter - Solo
63. Dickie Betts - Allman Brothers Band, Dickey Betts & Great Southern
64. John Cipollina* - Quicksilver Messenger Service
65. Kenny Wayne Shepherd - Kenny Wayne Shepherd Band
66. Steve Cropper - Booker T. & MG\'s/Stax sessions
67. Adrian Belew - King Crimson
68. Joe Bonamassa - Solo
69. Steve Lukather - Toto, Solo
70. Jerry Garcia* - Grateful Dead
71. Joe Perry - Aerosmith
72. Prince - Prince & The Revolution
73. Kim Mitchell - Max Webster, Solo
74. Adrian Smith - Iron Maiden
75. Dave Murray - Iron Maiden
76. Neil Young - Buffalo Springfield, CSNY, Solo
77. Billy Gibbons - ZZ Top
78. Tony MacAlpine - Solo
79. Mike McCready - Pearl Jam
80. Adam Jones - Tool
81. Gary Hoey - Solo
82. Leslie West - Mountain, Solo
83. Peter Frampton - Humble Pie, Frampton\'s Camel, Solo
84. Dick Dale - Del-Tones
85. Vito Bratta - White Lion
86. Mickey \"Guitar\" Baker - 50\'s sessions/ Mickey & Sylvia
87. John Frusciante - Red Hot Chili Peppers
88. Ronnie Montrose - Montrose, Edgar Winter Group
89. Mick Ronson* - David Bowie, Solo
90. Roy Buchanan* - Solo
91. Warren Haynes - Allman Brothers Band, Gov\'t Mule
92. Vinnie Moore - Alice Cooper, Solo
93. Robbie Krieger - Doors, Solo
94. Chris DeGarmo - Queensryche
95. Jake E. Lee - Cutting Crew, Ozzy, Badlands, Solo
96. Glen Tipton - Judas Priest
97. Joe Walsh - James Gang, Eagles, Solo
98. K.K. Downing - Judas Priest
99. Eddie Hazel* - Funkadelic
100. Alex Skolnick - Testament
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 114

นายมั่นคง

25/06/2009 12:10:40
0
555 โห เล่นขาดสารอาหาร กับ โดนประหาร เล่นยากทั้ง 2 อย่างเลยแฮะ 5555




ว่าแต่ 100 กีตาร์ฮีโร่นี่ผมว่าเค้าจัดใหม่ๆๆ กันทุกปีหรือเปล่าครับพี่อ้อ ผมล่ะอยากรู้ว่าอันดับหนึ่งตลอดกาลมันมีโอกาสเปลี่ยนหรือเปล่าล่ะเนี่ย 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 115

aor

25/06/2009 13:03:47
เท่าที่ทราบอย่างของ rolling stone กับ guitar player จะมีการเปลี่ยนแปลงทุกปีครับเฮีย 100คนที่ผมลงนี่คาดว่าเฮียน่าจะชอบไม่ต่ำกว่า70%ใช่ไหมครับเฮีย อิอิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 116

aor

27/06/2009 10:03:27
100 rock songs

1.Stairway to Heaven - Led Zeppelin
2. Johnny B. Goode - Chuck Berry
3. Like A Rolling Stone - Bob Dylan
4. Respect - Aretha Franklin
5. (I Can\'t Get No) Satisfaction - Rolling Stones
6. Jailhouse Rock - Elvis Presley
7. A Day In The Life - Beatles
8. Bohemian Rhapsody - Queen
9. Good Vibrations - Beach Boys
10. What\'d I Say - Ray Charles
11. Papa\'s Got A Brand New Bag - James Brown
12. Won\'t Get Fooled Again - Who
13. All Along The Watchtower - Jimi Hendrix
14. (Sittin\' On) The Dock Of The Bay - Otis Redding
15. Imagine - John Lennon
16. Born To Run - Bruce Springsteen
17. Layla - Derek & the Dominos
18. Light My Fire - Doors
19. I Heard It Through The Grapevine - Marvin Gaye
20. Free Bird - Lynyrd Skynyrd
21. Whole Lotta Shakin\' Goin\' On - Jerry Lee Lewis
22. When A Man Loves A Woman - Percy Sledge
23. Hey Jude - Beatles
24. Hotel California - Eagles
25. Rock Around The Clock - Bill Haley & His Comets
26. You Really Got Me - Kinks
27. American Pie - Don McLean
28. Tutti Frutti - Little Richard
29. Baba O\'Riley - The Who
30. Sympathy For The Devil - Rolling Stones
31. Superstition - Stevie Wonder
32. Louie Louie - The Kingsmen
33. Smells Like Teen Spirit - Nirvana
34. Bo Diddley - Bo Diddley
35. Yesterday - The Beatles
36. My Generation - The Who
37. Smoke On The Water - Deep Purple
38. Don\'t Be Cruel - Elvis Presley
39. Whole Lotta Love - Led Zeppelin
40. Shake, Rattle & Roll - Big Joe Turner
41. Purple Haze - Jimi Hendrix
42. Summertime Blues - Eddie Cochran
43. In The Midnight Hour - Wilson Pickett
44. Time - Pink Floyd
45. Oh Pretty Woman - Roy Orbison
46. Sunshine Of Your Love - Cream
47. Walk This Way - Aerosmith
48. Sweet Child O\' Mine - Guns N\' Roses
49. A Whiter Shade Of Pale - Procol Harum
50. What\'s Goin\' On - Marvin Gaye
51. Tears in Heaven - Eric Clapton
52. Comfortably Numb - Pink Floyd
53. Bridge Over Troubled Water - Simon & Garfunkel
54. You Shook Me All Night Long - AC/DC
55. Good Golly, Miss Molly - Little Richard
56. Everyday People - Sly & The Family Stone
57. Roundabout - Yes
58. Bye Bye Love - The Everly Brothers
59. Born To Be Wild - Steppenwolf
60. Sixty Minute Man - The Dominoes
61. Voodoo Child (slight return) - Jimi Hendrix
62. November Rain - Guns N\' Roses
63. One Nation Under A Groove - Funkadelic
64. The House Of The Rising Sun - Animals
65. Mr. Tambourine Man - Byrds
66. Let\'s Go Crazy - Prince
67. Please, Please, Please - James Brown
68. Thunder Road - Bruce Springsteen
69. Somebody To Love - Jefferson Airplane
70. Dust In The Wind - Kansas
71. Slow Ride - Foghat
72. Crossroads - Cream
73. Blue Suede Shoes - Carl Perkins
74. With Or Without You - U2
75. More Than A Feeling - Boston
76. We Will Rock You - Queen
77. Go Your Own Way - Fleetwood Mac
78. 21st Century Schizoid Man - King Crimson
79. Mystery Train - Elvis Presley
80. Suite: Judy Blue Eyes - Crosby, Stills and Nash
81. Show Me The Way - Peter Frampton
82. Where Did Our Love Go - Supremes
83. My My Hey Hey (Out Of The Blue) - Neil Young
84. Money - Pink Floyd
85. Ziggy Stardust - David Bowie
86. Master of Puppets - Metallica
87. Stand! - Sly & The Family Stone
88. Sultans Of Swing - Dire Straits
89. That\'ll Be The Day - Buddy Holly & The Crickets
90. Dream On - Aerosmith
91. Maybellene - Chuck Berry
92. Every Breath You Take - Police
93. Jesus Christ Pose - Soundgarden
94. For What It\'s Worth - Buffalo Springfield
95. All Day And All Of The Night - Kinks
96. Tom Sawyer - Rush
97. Tangled Up In Blue - Bob Dylan
98. Hound Dog - Elvis Presley
99. Kashmir - Led Zeppelin
100. All Right Now - Free
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 117

นายมั่นคง

27/06/2009 11:16:56
0
เย้...ต้องหาฟังให้ได้แล้วแฮะ 555 พี่ aor ถ้ามีลิงค์ไปหน้าที่เค้าจัดอันดับ ช่วยโพสให้ด้วยเด้อ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 118

Noize

27/06/2009 11:50:35
2
โอ้โฮ...นี่คุณป้า Aretha Franklin อีกหนึ่งนักร้องหญิงผิวสีขวัญใจผม

ติดอันดับ 4 ใน 100 ของ Rock Songs ด้วย... สุดยอดเลย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 119

aor

28/06/2009 07:18:49
ได้ครับเฮีย http://DigitalDreamDoor.com ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 120

aor

05/07/2009 11:37:54



Roy buchanan 23/9/1939-14/8/1988
เกิดในโอซาค อาร์คันซอ โดยมีบิดาเป็นผู้สอนให้เล่นกีต้าร์ไปพร้อมๆกับสอนเรื่องราวทางศาสนา เริ่มต้นเป็นนักดนตรีอาชีพตั้งแต่อายุ15ปีในวงของJohnny otis ในปี1958ได้เล่นในวงของdale hawkinsและออกมาเล่นกับRonnie hawkinsลูกพี่ลูกน้องของdaleซึ่งทำให้เขาเริ่มมีชื่อเสียงในฐานะมือกีต้าร์รุ่นใหม่ฝีมือดี
ต้นยุค60royเป็นนักดนตรีรับจ้างให้กับวงrockและbluesหลายวง
ในยุค70royเริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นขนาดeric claptonยังตามไปดูการแสดงสดของเขาและกล่าวชื่นชมในฝีมือการเล่นกีต้าร์ของroyเป็นอย่างมาก ทั้งชาวคณะหินกลิ้งก็ยังติดใจฝีมือกีต้าร์ของroyและเชิญชวนให้ร่วมวงด้วยแต่royได้ปฏิเสธไปเนื่องจากเป็นคนรักอิสระ ต่อมาroyได้เซ็นสัญญาเข้าในสังกัดของโพลีดอร์และออกอัลบั้มมา5ชุด2ใน5ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำ
ต้นยุค80royหยุดงานบันทึกเสียงไป4ปีเนื่องจากถึงจุดอิ่มตัวและไม่สามารถสร้างสรรค์งานในแนวใหม่ๆตามที่ตนต้องการได้ แต่ในที่สุดroyก็กลับคืนวงการเพลงbluesอีกครั้งโดยย้ายสังกัดมาอยู่กับalligatorซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตเพลงbluesล้วนๆและออกอัลบั้มมาอีก3ชุดแต่ละชุดได้รับความชื่นชมจากนักวิจารณ์ทั้งสิ้น หลังจากออกอัลบั้มชุดสุดท้ายhot wires royออกตระเวนแสดงสดไปทั่วโลก แต่เนื่องจากroyเป็นนักดื่มตัวฉกาจเมื่อวันที่14สิงหาคม1988เขาถูกจับเนื่องจาดื่มจนเมาขาดสติและก่อการทะเลาะวิวาทในที่สาธารณะ เขาตัดสิ้นใจชั่ววูบจบชีวิตตัวเองด้วยการแขวนคอด้วยเสื้อของตัวเองในห้องขังปิดตำนานมือกีต้าร์ bluesชื่อก้องที่ได้รับสมญานามว่า MASTER OF TELECASTER หากใครสนใจใคร่ฟังสำเนียงเสียงกีต้าร์ของroyลองไปหาอัลบั้มเหล่านี่มาฟังดูครับ
• Buch and the Snakestretchers, 1971, BIOYA
• Roy Buchanan and the Snakestretchers, 1972, BIOYA
• Roy Buchanan, 1972, Polydor
• Second Album, 1973, Polydor
• That's What I Am Here For, 1974, Polydor
• Rescue Me, 1974, Polydor
• In the Beginning, 1974, Polydor
• Live Stock, 1975, Polydor
• A Street Called Straight, 1976, Atlantic
• Loading Zone, 1977, Atlantic
• Live in U.S.A. & Holland 77-85 - Silver Shadow CD 9104
• You're Not Alone, 1978, Atlantic
• Live in Japan - 1977, 1978, Polydor MPF 1105
• My Babe, 1981, AJK
• When a Guitar Plays the Blues, 1985, Alligator
• Live - Charly Blues Legend vol. 9 85-87, Charly Schallplatten GMBH, CBL 758*
• Dancing on the Edge, 1986, Alligator
• Hot Wires, 1987, Alligator
• Early Years, 1989, Krazy Kat
• Sweet Dreams: The Anthology, 1992, Polydor
• Guitar on Fire: The Atlantic Sessions, 1993, Rhino
• Charly Blues Masterworks: Roy Buchanan Live, 1999, RedX entertainment
• Deluxe Edition: Roy Buchanan, 2001, Alligator
• 20th Century Masters: The Millennium Collection: Best Of Roy Buchanan, 2002, Polydor
• American Axe: Live In 1974, 2003, Powerhouse Records
• The Prophet - The Unreleased First Polydor Album, 2004, Hip-O Select/Polydor
• Live, 2006, Charly Records
• The Definitive Collection , 2006, Polydor
• Rhino Hi-Five : Roy Buchanan, 2007, Rhino Atlantic
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 121

NaMkAnG

05/07/2009 13:50:18
0
ที่เฮีบพูดเรื่อง 3 สาเหตุการตายของเหล่า กีต่าร์ฮีโร่ มันมีเหตุผลคับ

พวกนี้อายุเหลือแค่ครึ่งเดียว แลกกับฝีมือ

เพราะได้ขายวิญญาณให้กับซาตานไปแล้วครึ่งนึง แลกกับความโด่งดัง

นอกจาก 3 สาเหตุที่เฮียพูดมา ก็ยังมีกรณีโดนยิงกันอยู่เนืองๆ แล้วก็มักจับมือใครดมไม่ได้เลย

อย่างเช่น ซันนี้บอย คนนี้ไม่ใช่แนวกีต้าร์ฮีโร่นะคับ แต่เป็นระดับเทพเหมือนกันของฝั่งบลู

โดนยิงพร้อมกีต้าร์ เลสพอล ของกิ๊บสัน ตายคาที่ แต่กีต้าร์มีรูกระสุน ก็ยังใช้ต่อได้ ตอนนี้อยู่ในพิพิธพันธ์ ตั้งชื่อว่า ลูซีล

อ๊ะๆๆๆ ไม่ได้มาจากการ์ตูนเรื่อง BECK นะคับ มันเป็นเรื่องจริง BECK น่ะ เอาเรื่องจริงมาทำการ์ตูนอีกที
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 122

NaMkAnG

05/07/2009 13:52:38
0
^
^
^
ใครจะเชื่อวะเนี่ย 555

ผมก๊อปคนอื่นเค้ามาให้อ่านอีกที

ดูอนิเมชั่น BECK แล้ว อารมณ์มันขึ้น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 123

aor

06/07/2009 08:50:07



เมื่อนึกถึงนักยอดนักกีตาร์ท้องถิ่น แถบวอชิงตัน ดี.ซี. ผู้ซึ่งประยุกต์การเล่นสำเนียง และแนวคิดของดนตรีแจ๊ส มาใช้ในรูปแบบของดนตรีคันทรี Danny Gatton คืออีกชื่อที่นักกีตาร์ทั่วโลกให้การยกย่อง และกล่าวถึงเสมอ ๆ ทั้งแนวคิด และเทคนิคการเล่นของเขานั้น เรียกได้ว่าอยู่ในขั้นอัจฉริยะเลยที่เดียว แต่ในด้านชื่อเสียงเขากลับไม่เป็นที่รู้ในจักวงกว้างมากนัก เขาได้รับอิธิพลดนตรีทางสายเลือดมาจากพ่อเขาซึ่งเป็นนักกีตาร์ในวงบิกแบนด์ รวมทั้งยอดนักกีตาร์แจ๊สอย่าง Les paul , Charlie Christian และในสายคันทรีอย่าง Roy Clark ฯลฯ Gatton ได้หลอหล่อมสำเนียงดนตรีแจ๊ส , คันทรี , แบนโจบูลแกลสและblues มาเป็น สำเนียงกีตาร์ที่โหยหวน เร้าร้อนด้วยความรวดเร็วอันน่าเหลือเชื่อบวกกับความหลากหลายในการเล่น ดนตรีสไตล์ต่าง ๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม ชื่อของเขาจึงถูกจัด ให้อยู่ในนักกีตาร์ระดับตำนาน ที่มีรูปแบบเฉพาะตัวอย่างชัดเจน Gottan ใช้กีตาร์ (main Guitar) คือ Fender Telecaster รุ่นปี 1953 อัลบั้มที่ถูกกล่าวถึงมาก คือ Unfinished Business และ 88.Elmira street
4 ตุลาคม 1994, Gatton ล็อคตัวเองในโรงรถของเขาใน Newburg, แมริแลนด์ และยิงตัวตายเป็นอีกหนึ่งตำนานที่ยืนยันสมมุติฐานของเฮียกับคุณน้อยได้เป็นอย่างดี
คัดลอกจาก guitars thai ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 124

นายมั่นคง

06/07/2009 10:55:09
0
555 พี่ Aor สุดยอด....555 ฟังเพลงกว้างและเจาะลึกได้ทั้งแนวราบและแนวดิ่ง 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 125

aor

16/07/2009 12:34:56



จิมมี่ เฮนดริกซ์ ปรมาจารย์กีตาร์ระดับโลก

18 กันยายน พ.ศ. 2513 จิมมี เฮนดริกซ์ (Jimi Hendrix) กีตาร์ฮีโร่ชาวอเมริกัน เสียชีวิต ขณะอายุเพียง 27 ปี เฮนดริกซ์ชื่อเดิมคือ James Marshall Hendrix เกิดเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2485 ที่เมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน พ่อแม่เลิกกันตอนเขาอายุได้ 9 ขวบ จากนั้นแม่ก็เสียชีวิต เขาต้องไปอยู่กับยายผู้มีเชื้อสายอินเดียนเผ่าเชโรกี ตอนอายุ 15 ปี พ่อของเขาซื้อกีตาร์ให้ จากนั้นเขาก็ตั้งวงกับเพื่อน ๆ ก่อนจะเป็นทหารรับใช้ชาติอยู่ปีหนึ่งแล้วลาออก ตัดสินใจเอาดีทางดนตรี และออกทัวร์คอนเสิร์ตไปทั่วอเมริกา ใปนี 2509 เขาตั้งวง "The Jimi Hendrix Experience” ออกอัลบัมแรกในปี 2510 คือ "Are You Experienced?” ในปีเดียวกันเขาประสบความสำเร็จจนโด่งดังไปทั่วโลกทันทีหลังขึ้นเวที Monterey International Pop Festival ช่วงปลายปีก็ปล่อยอัลบัมที่ 2 คือ "Axis: Bold as Love” ก่อนจะออกอัลบั้มที่ 3 ในเดือนตุลาคมปีถัดมาโดยใช้ชื่อว่า "Electric Ladyland” เดือนมิถุนายน 2512 วงนี้ก็ต้องปิดตัวลง อีกสองเดือนต่อมา เฮนดริกซ์ก็ตั้งวงใหม่แต่ก็เล่นคอนเสิร์ตได้ไม่กี่ครั้งก็ยุบอีก เขาเปิดสตูดิโอบันทึกเสียงของตัวเองชื่อ "Electric Lady Studios” ในนครนิวยอร์กเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2513 จากนั้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ เขาก็เดินทางไปกรุงลอนดอนและแต่งเพลงสุดท้ายคือ "The Story of Life” ในวันที่ 17 กันยายน บ่ายวันรุ่งขึ้น ทั่วโลกก็ต้องตกตะลึงหลังทราบข่าวการเสียชีวิตของราชากีตาร์ จิมมี เฮนดริกซ์ เนื่องจากกินยานอนหลับผสมไวน์ สำเนียงกีตาร์ไฟฟ้าของเฮนดริกนั้นได้รับการยกย่องว่า "สุดยอด" แนวดนตรีของเขาเป็นร็อคที่หลากหลาย มีกลิ่นอายของบลูส์ แจ๊ส ฟังก์ ฮาร์ดร็อค ไซคีเดลิก ลีลาการเล่นโดดเด่นไม่เหมือนใคร ใช้เอฟเฟกต์ สร้างเสียงแปลกใหม่ บางครั้งก็ใช้ฟันเล่น เฮนดริกซ์เป็นคนถนัดซ้ายแต่ใช้กีตาร์เฟ็นเดอร์ สตราโตคาสเตอร์ (Fender Stratocaster) สำหรับคนมือขวาเล่นโดยหันกลับด้าน เฮนดริกซ์นับเป็นมือกีตาร์ที่มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ดนตรีร็อค ตอนเขาเสียชีวิต แฟนเพลงต่างว่ากันว่า “ปีศาจมารับตัวเขากลับไป
-ขออนุญาตเจ้าของบทความด้วยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 126

sarawut

16/07/2009 15:11:17
0
Led Zeppelin
อีก 1 เสียง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 127

mosssoi

17/07/2009 04:00:28



ช่วยแนะนำทีผมชอบฟังเพลงแนวนี้ อยากให้แนะนำเครื่องเล่นmp3 กับหูฟังให้ทีครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 128

666

22/02/2012 16:24:00
ขอskid row บ้างครับ จากนาย บาก
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 129

Aong11

26/08/2012 15:08:29
ผมชอบเพลงร็อคอยู่ 3 เพลง คือ
1.Iron Man ของวงBlack Sabbath
2.Smoke On The Water ของวงDeep Purple
และ3.Mississippi Queen ของวงMountain
ผมชอบเพลงMississippi Queen มากที่สุดจาก3 เพลงนี้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 130

kiertijai

26/08/2012 17:54:11
0
จาก Wikipedia อัลบัมร็อคที่ขายดีที่สุดได้แก่ (หน่วยเป็นล้านแผ่น)

Sales Claimed sale
Michael Jackson Thriller 42.3 65-110
Pink floyd Dark side of the moon 22.7 50
AC/DC Back in Black 25 50
Michael Jackson Bad 17.2 30-45
Meat Loaf Bat out of hell 20.3 43
Eagles Greatest hits 31.8 42
Fleetwood Mac Rumours 26.8 40
Led Zeppelin Led Zeppelin IV
Alanis Morissette Jagged little pill
Michael Jackson Dangerous
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 131

kuythai

27/08/2012 23:56:32
ใต้ดินที่โด่งดัง
Deicide
Napalm death
Cannibal corpse
Obituary
Slayer เพลง Raining Blood

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 132

ying2520

31/10/2012 15:45:39
0



ร๊อคระดับตำนานจะเปิดการแสดงที่ หอประชุมใหญ่ ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2555 นี้ จองบัตรได้ที่ http://www.thaiticketmajor.com/concert/concert-detail.php?sid=1524

Charity Rock Concert By Marmalade Club คอนเสิร์ต คอนเสิร์ตการกุศล หินเหล็กไฟ Rockestra Kaleldoscope ปฐมพงศ์ สมบัติพิบูลย์ โป่ง หินเหล็กไฟ นำพล รักษาพงษ์ โต หินเหล็กไฟ จักรรินทร์ ดวงมณีรัตนชัย ป๊อป หินเหล็กไฟ ณรงค์ ศิริสารสุนทร รงค์ หินเหล็กไฟ สมาน ยวนเพ็ง หมาน หินเหล็กไฟ Sel Vester Lester C.Esteban Lester หินเหล็กไฟ ดำรงสิทธิ์ ศรีนาค ปิงปอง หินเหล็กไฟ ประทีป วรภัทร์ หมู หินเหล็กไฟ ร็อคเพื่อนกัน คนยุคเหล็ก Never Say Die Acoustique
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 133

ซีซี

13/08/2013 14:28:56
เมื่อก่อนผมเก็บภาพวงดนตรีฮาร์ด ร็อค อันเดอกราวน์ของไทยไว้จากนิตยสารหลายๆเล่มอย่าง Star pics มีวง The Fox/The Head/King Stoned/Heavy Mountain/Vip./Black Hornet หรือจากหนังสือแทปลอยด์ Top Teen talent มีวง After Die/Kaleidoscope ปัจจุบันโดนปลวกกินหมด น่าเสียดาย แต่ผมเชื่อว่า น่าจะยังมีเพื่อนๆ ในวัยเดียวกับผม (ห้าสิบ)ยังมีเหลือเก็บอยู่ อยากให้ช่วยลงมาโพสต์หน่อยเถิดครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 134

zxto2500

13/08/2013 18:35:43
0
มาอวย จิมี่ เฮนดริกซ์ครับ ซาวด์ ลุงแกดิบแสบดากมาก แต่ยิ่งฟังยิ่งหลงเสหน่
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 135

ตาศรี

06/03/2014 02:08:06
ใครรู้จักวง ลิฟฮอบบิทมั้งครับ ที่เป็นรูปมนุษย์ต่างดาวหัวครกอ่ะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 136

capocino

17/04/2015 11:40:33
2
ขุดหน่อยครับ มีอีกวงนึงที่คนไม่ค่อยฟังกันเพราะซาวด์อันแปลกประหลาดของวงนี้ครับ

วงนี้มีชื่อว่า The Doors ครับ

คือวงนี้มันเป็นวงแนว Psychedelic Rock ปนๆกับ Blues อาะครับทำให้เพลงแต่ละเพลงของวงนี้มันสุดยอดมากครับ แล้วไหนจะทั้งเทคนิกการร้องแบบเมากัญชาแหกปากโวยวายของ Jim Morrison เสียงออแกนแหลมๆ เสียแจ้ะๆๆๆๆจากกีตาร์ อะไรต่ออะไรมันทำให้การฟังเพลงของ The Doors มันทำให้เราล่องลอยไปในมิติของดนตรีเลยหล่ะครับ

เพลงดังๆก็
Light My Fire
People are Stance
Hello, I love you
Touch Me
Roadhouse Blues
When the music over
อะไรประมาณนี้ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 137

capocino

17/04/2015 11:40:33
2
ขุดหน่อยครับ มีอีกวงนึงที่คนไม่ค่อยฟังกันเพราะซาวด์อันแปลกประหลาดของวงนี้ครับ

วงนี้มีชื่อว่า The Doors ครับ

คือวงนี้มันเป็นวงแนว Psychedelic Rock ปนๆกับ Blues อาะครับทำให้เพลงแต่ละเพลงของวงนี้มันสุดยอดมากครับ แล้วไหนจะทั้งเทคนิกการร้องแบบเมากัญชาแหกปากโวยวายของ Jim Morrison เสียงออแกนแหลมๆ เสียแจ้ะๆๆๆๆจากกีตาร์ อะไรต่ออะไรมันทำให้การฟังเพลงของ The Doors มันทำให้เราล่องลอยไปในมิติของดนตรีเลยหล่ะครับ

เพลงดังๆก็
Light My Fire
People are Stance
Hello, I love you
Touch Me
Roadhouse Blues
When the music over
อะไรประมาณนี้ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 138

Tin

06/09/2016 23:35:47
วงร๊อค ต่างประเทศที่คนอ้วน เล่นทั้งวง ไครรู้ชื่อบางครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 139

nop_au

09/09/2016 05:29:55
0



J.J. Cale คนที่ Clapton รักและให้เกียรติมากๆ เจ้าของเพลง cocaine ,Travelin' Light
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 140

BlackPhoenix

09/09/2016 08:30:29
71



เจ้าแมงป่องผยองเดช Scorpions ตั้งวงมาครบ 50 ปีแล้ว กำลังทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลก มาเมืองไทยด้วย แสดงวันพุธที่ 26 ตุลาคมนี้ ที่ไบเทค เวลาสองทุ่ม รอบเดียวเท่านั้น

http://www.thaiticketmajor.com/concert/scorpions-2016-th.html
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 141

บุรุษแห่ง เสรีภาพ

20/10/2016 23:20:05
ดูจากหลายคอมเม้นแล้ว ยังไม่มีวงที่ผมจะเสนอให้ท่านชมต่อไปข้างหน้านี้

   ผมแนะนำท่านที่เขียนกระทู้นี้น้ะคับ ท่านไปนั่งที่โล่งๆ หรือที่ไหนก็ได้ ที่มีลมพัดสบายๆ แนะนำ ชายหาด ตอน5ทุ่มครึ่ง
และ ท่านเข้ายูทูป พิม วง ufo และท่านก็กดเลือกเพลง high flyer มันจะพาท่านไปสู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้นน
ด้วยกับเสียงร้อง เนื้อร้อง และ เสียงกีต้า ที่มันกรีดเร้าหัวใจท่าน ลองฟังดูคับ ไม่ผิดหวัง เมื้อฟังจบแล้ว...
ให้ท่านกดฟัง ต่อจากนี้คับ  Profession of violence และ try me ครับ   เรียงฟังตามนี้เลยน้ะคับ
   แล้วท่านจะรู้คับว่า วงร็อก ที่เล่นเพลงช้า ซึ้ง ที่สุดในโลก คือวงนี้คับ ...UFO...
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 142

Chevy chom

19/04/2017 08:01:31
ติดตาม ต่อครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 143

501

21/04/2017 15:03:06
มรณะภาพ ไปหลายองค์แล้วครับ  พยายามไปตามผลงานในยูตูบเอาเองนะครับสมัยก่อนมันวินเตดจิ้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 144

RockDragon

21/04/2017 18:01:39
2,893
วง Rare Earth 
เพลง Get Ready
ปี 1970


ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 145

RockDragon

21/04/2017 18:34:24
2,893
UFO อัลบั้มบันทึกการแสดงสด "Strangers in the Night"

ผมยังเปิดฟังมาจนถึงวันนี้ก็ได้ 37 ปีแล้วละครับ 555



ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 146

RockDragon

21/04/2017 18:47:15
2,893
แฟนเพลงวง Scorpions น่าจะต้องมีอัลบั้มนี้ไว้ครอบครองกันทุกคนแน่นอนครับ 555

Scorpions - Tokyo Tapes Live!




ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
"รบกวนแนะนำศิลปินแนว Rock ยุคเก่าๆที่เป้นตำนานหน่อยครับ"