Guest
หมวดหมู่ > ขายของมือสอง

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

[ขาย] ลำโพง Kef C3 และแอมป์ Sherwood AX-7R ครับ

Narishane

09/11/2014 02:39:23
158
IP : 124.122.157.57



เพื่อนรักฝากขายครับชุดนี้ ขอขายเป็นชุดก่อนนะครับ ทั้งหมดซื้อจากร้าน Home-Hifi อายุประมาณ 2 ปี หมดประกันแล้วครับ

1. ลำโพง Kef C3
ตัวนี้เสียงสูงใส เสียงร้องอุ่น พร้อมเบสที่ทุ้มลึกมากๆ ไม่น่าเชื่อว่าเป็นแค่ลำโพง Bookshelves เลย สุดยอดจริงๆ
สภาพโดยรวมใหม่ 90%+ ครับ เพียงแต่มีตำหนิเล็กน้อยที่มุมบนขวา และผ้าปิดดอกลำโพงถลอกไปนิด
ลำโพงคู่นี้สามารถเสียบสายลำโพงแบบ Bi-ware ได้นะครับ (เสียบสายลำโพง 2 เส้นต่อลำโพง 1 ข้าง เพื่อเพิ่มคุณภาพเสียง) แต่ปัจจุบันใช้กับสายแบบเส้นเดียวครับ เวลาเสียบเลยต้องฉีกเข้าบนล่าง ตามรูปครับ

ขายที่ 6,500 บาทครับ (มือหนึ่งซื้อมาเกือบ 10k ได้ครับ)

2. แอมป์ Sherwood รุ่น AX-7R สภาพโดยรวม 90%+ เช่นกัน ใช้น้อยครับ เป็น NOS จากร้านโฮมไฮไฟ (ละใช้ต่อมาอีกเกือบ 2 ปี) กำลังดีมากครับตัวนี้ 52 watt/channel @ 8 ohms เปิดไม่เคยเกินเที่ยงเลยครับ ขนาดต่อ input จากไอโฟน (เร่ง ip เกือบสุด)

spec: http://www.hifiengine.com/manual_library/sherwood/ax-7r.shtml

ขายที่ 8,500 บาทครับ (มือหนึ่งซื้อมาประมาณ 12k ครับ)

คู่นี้จัดตามคำแนะนำของร้านโฮมไฮไฟครับ เสียงบาลานซ์มากครับ มวลเสียง/แรงปะทะดี ทั้งเสียงร้องและเบส ส่วนตัวรู้สึกว่าเบสลงได้ลึกกว่าหูฟังเทพๆหลายตัวครับ (แปลกใจเหมือนกัน แต่เทสต์กับตัวแล้วยังงงๆ) ฟัง Audiophile เคลิ้มครับ กับ Pop/RnB ก็ยังไปได้ดี เพราะเบสชุดนี้ดี เสียงสูงไม่แสบหรือกัดหูแน่นอนครับ เพราะ Kef ขึ้นชื่อเรื่องลำโพงสัญชาติอังกฤษ เสียงนุ่มอยู่แล้วครับ

ชุดนี้เหมาะกับการใช้เป็นชุดบ้านนะครับ วางโต๊ะทำงานฟัง Near Field อาจจะไม่ค่อยเหมาะ ต้องอาศัยระยะเพื่อให้ได้วงนิดนึงครับ เท่าที่ลองมาสัก 2 เมตรกำลังดีครับ หรือจะเอาไปใช้เป็นคู่หน้า-หลัง Home Theater ก็ยังได้ครับ คุณภาพคับแก้วแน่นอน

พิเศษ! ซื้อเป็นชุด แถมสายลำโพง L.E.D. จากร้านโฮมไฮไฟให้ 2 เส้น ยกกลับไปใช้ได้เลยครับ เส้นยาวมากครับ น่าจะ 6M ได้ ค่าสาย 2 เส้น ประมาณ 2-3 พันแล้วครับ

ขอขายเป็นชุดที่ 15,000 บาทครับ มาลองเทสต์และรับได้ที่คอนโด Life ลาดพร้าวครับ

สนใจติดต่อ คุณออฟ 090-969-5613 ครับ (ส่วนผมเชน ผู้โพสต์ให้เพื่อนรักครับ)
ความคิดเห็นที่ : 1

Narishane

09/11/2014 02:40:40
158
IP : 124.122.157.57
Reviewd by GM2000 VOL.12 NO143 FEBUARY 2009

‘Simply Musical’

สำหรับลำโพงเชื้อสายอังกฤษคู่ล่าสุดที่เข้ามาในโปรแกรมทดสอบเสียงของผมเป็นลำโพงชื่อดังยี่ห้อเก่าแก่ ถ้าบอกชื่อไปน้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก ผมกำลังพูดถึงลำโพงยี่ห้อ ‘KEF’ ครับ

KEF C3 จากประสบการณ์มากกว่า 4 ทศวรรษ
จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องน่าแปลกดีเหมือนกันครับที่ครั้งแรกผมรู้จักลำโพง KEF จากลำโพงยี่ห้ออื่น ในยุคหนึ่งที่ใครๆ ก็พูดถึงแต่ 3/5A ลำโพงมอนิเตอร์รุ่นดังของสถานีวิทยุ BBC ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อ Harbeth, Spendor หรือ Rogers ไส้ในของลำโพงเหล่านั้นต่างก็ใช้ตัวขับเสียงหรือดอกลำโพงของยี่ห้อ KEF ทั้งนั้น ที่มาส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าตัวคุณ Raymond Cooke ผู้ก่อตั้งลำโพงยี่ห้อ KEF แกเคยทำงานเป็นวิศวกรระบบเสียงอยู่กับสถานีวิทยุ BBC มาก่อน

คุณ Raymond Cooke ให้กำเนิด KEF ตั้งแต่ปี 1961 นับคร่าวๆ ก็มากกว่า 40 ปี เกือบๆ 50 ปีเข้าไปแล้วที่ลำโพงยี่ห้อนี้เข้ามาโลดแล่นอยู่ในวงการไฮไฟ ลำโพงที่มีชื่ออยู่ในตลาดได้นานขนาดนี้เท่าที่ผมรู้จักมามีดีแค่น้ำเสียงคงไม่พอ ถ้าไม่เป็นเพราะว่าการตลาดของเขาดีก็น่าจะเป็นเพราะว่าเทคนิคของเขาโชว์ได้ไม่อายใคร

ผมเองไม่แน่ใจนักว่า KEF เด่นในเรื่องใดตามที่ว่ามา แต่ที่แน่ๆ เทคนิคสารพัดของพวกเขานั้นผมถือว่าน่าสนใจมากครับ แนวทางการพัฒนาสินค้าของพวกเขาคือการพัฒนาตามแนวคิดที่หวังผลเลิศเอาไว้ก่อนคือออกแบบให้สุดๆ เข้าไว้เป็นลำโพงคอนเซ็ปต์ จากนั้นก็ค่อยๆ ทยอยย่อยเอาเทคนิคบางอย่างลงมาใช้กับลำโพงในรุ่นเล็กลงมา และเมื่อไม่นานมานี้พวกเขาเพิ่งอวดลำโพงคอนเซ็ปต์ตัวใหม่อย่าง Muon ที่คุยนักคุยหนาว่าได้ทุ่มเทประสบการณ์และมันสมองที่สั่งสมมามากกว่า 4 ทศวรรษไปกับลำโพงรุ่นนี้ และเหมือนเช่นเคยพวกเขาย่อส่วนเทคโนโลยีและแรงบันดาลใจต่างๆ ของมันลงมาใช้กับลำโพงรุ่นเล็กลงมาด้วย หนึ่งในนั้นคือลำโพง C Series

KEF C Series ประกอบไปด้วยลำโพง 7 รุ่น มีครบพร้อมให้เลือกใช้งานในรูปแบบสเตอริโอหรือระบบเสียงรอบทิศทาง และสองในจำนวน 7 รุ่นที่ว่านั้นเป็นลำโพงเล็กขนาดกำลังเหมาะที่อยู่ในพิกัดราคาซื้อง่ายขายคล่องและไม่กินแรงขับจากแอมปลิไฟล์มากนัก น้องเล็กสุดใน C Series ใช้รหัสชื่อรุ่นว่า C1 มีดอกลำโพงวูฟเฟอร์ขนาด 4 นิ้วประจำการอยู่ร่วมกับทวีตเตอร์โดมอะลูมิเนียมขนาด 19 มิลลิเมตร แต่สำหรับผมซึ่งเป็นคนที่ฟังเพลงหลากหลายแนวดูเหมือน C3 ซึ่งขยับขึ้นมาจาก C1 อีกรุ่นน่าจะตอบโจทย์ผมได้ดีกว่า

ลำโพง KEF C3 ใช้ทวีตเตอร์โดมอะลูมิเนียม 19 มิลลิเมตรตัวเดียวกันกับ C1 แต่ใช้ดอกลำโพงวูฟเฟอร์ขนาด 5 นิ้วเศษประจำการอยู่ ดูจากรายละเอียดทางเทคนิคมันน่าจะทำงานในย่านความถี่ที่น่าจะใช้ฟังดนตรีได้เกือบทุกแนวโดยไม่ต้องโหยหาลำโพงซับวูฟเฟอร์ให้วุ่นวาย นั่นคือสิ่งที่ผมสันนิษฐานเอาไว้ตั้งแต่แรกเห็น

สัมผัสแรกและรายละเอียดทางเทคนิค
ครั้งแรกที่ได้เห็น KEF C3 หลังจากที่ผมยกมันออกจากกล่อง ความรู้สึกแรกเลยก็คือมันเป็นลำโพงที่หน้าตาน่าเอ็นดูใช้ได้เลยทีเดียว ถึงแม้จะมีผิวไม้ยูโรเปียนวอลนัท (European Walnut) ลายสวยปิดผิวตู้มาช่วยให้ลำโพงแลดูมีคุณค่าแบบว่าดูแล้วคลาสสิกมากขึ้น แต่โดยภาพรวมมันก็ดูเป็นลำโพงที่พยายามทำหน้าตาให้หรูหรา โดยเฉพาะแผงหน้าที่เป็นสีดำขลับมันเงาเลียนแบบผิวเปียโนมีส่วนช่วยเสริมให้มันดูโมเดิร์นขึ้นมาอีกหน่อย โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับหน้าตาของลำโพงอย่าง Wharfedale Vardus VR100 หรือ Acoustic Energy AELite One

จุดเด่นของลำโพง KEF C3 มิได้มีเพียงเท่านั้น อันที่จริงแล้วผมอาจจะบอกได้เลยว่าลำโพงคู่นี้ลักษณะเด่นอยู่เกือบจะแทบทุกจุดที่กวาดสายตาไป ไม่ว่าจะเป็นความเรียบร้อยประณีตของเนื้องาน ตัวตู้มีน้ำหนักพอสมควรคือไม่หนักมากเหมือนลำโพงเล็กระดับอ๋องอย่าง Totem Model 1 ที่ผมคุ้นเคยแต่ก็หนักพอจะบ่งบอกว่ามันมีความแข็งแกร่งมากเพียงใด ตัวดอกลำโพงทั้งวูฟเฟอร์และทวีตเตอร์ของ C3 แลดูพิเศษกว่าดอกลำโพงทั่วไป หรือแม้แต่ท่อเบสรีเฟล็กซ์ที่เป็นช่องสี่เหลี่ยม (Forward-firing slot port) แทนที่จะเป็นช่องกลมๆ เหมือนที่เคยคุ้นตาในลำโพงทั่วไป ทีแรกที่เห็นทำเอาผมเกือบเข้าใจผิดคิดว่ามันเป็นลำโพงตู้ปิดเสียอีก

C3 เป็นลำโพงตู้เปิด 2 ทาง ใช้ดอกลำโพงเพียงแค่ 2 ตัวทำหน้าที่ถ่ายทอดเสียงครอบคลุมย่านความถี่ตั้งแต่ 54 Hz -40 kHz จุดตัดแบ่งความถี่ครอสโอเวอร์อยู่ที่ 2.5 kHz ความไว 88 dB อิมพิแดนซ์เฉลี่ย 8 โอห์ม แนะนำให้ใช้กับแอมปลิไฟล์กำลังขับตั้งแต่ 10-125 วัตต์ ดูจากคุณสมบัติต่างๆ ทางไฟฟ้าแล้วก็ต้องบอกว่าไม่ได้มีอะไรผิดแปลกไปจากลำโพงในพิกัดเดียวกันมากนัก แต่ส่วนที่ C3 ทำได้น่าสนใจ ชวนให้ตั้งคำถาม และดึงดูดความสนใจของผมได้มากเป็นพิเศษเห็นจะอยู่ที่ตัวไดรเวอร์หรือดอกลำโพงทั้ง 2 ตัวนั่นแหละครับ

ลองดูสิครับ ลำพังแค่ตัววูฟเฟอร์เบส/มิดเรนจ์ขนาด 130 มิลลิเมตร (5.25 นิ้ว) นั่นก็ดูไม่ธรรมดาเลยทีเดียว มันมีฝาครอบดัสต์แคปขนาดใหญ่โตปิดเกือบเต็มด้านหน้า cone เหมือนจะพยายามโชว์ออฟว่าดอกลำโพงตัวนี้ใช้ voice coil ขนาดใหญ่ ผมว่าไม่ใช่แค่ผมคนเดียวหรอกครับที่เห็นมันแล้วก็นึกถึงดอกลำโพงชั้นดีของยี่ห้อ Dynaudio หรือ Morel น่าเสียดายว่าเท่าที่ค้นหาข้อมูลดูผมไม่พบรายละเอียดทางเทคนิคเกี่ยวกับวูฟเฟอร์ตัวนี้มากนัก ทั้งที่ผมคิดว่ามันน่าจะมีอะไรดีๆ แอบซ่อนอยู่เยอะเลยเชียวแหละ

สำหรับในย่านความถี่สูงนั้นผู้ออกแบบลำโพง C3 มอบให้เป็นหน้าที่รับผิดชอบของทวีตเตอร์โดมอะลูมิเนียมขนาด 19 มิลลิเมตรตัวเดียวกับที่ใช้ในลำโพง Q Series รุ่นล่าสุด แต่มันมีหน้าตาที่ดูลึกลับแปลกตากว่าเพราะด้านหน้าตัวโดมจะมีครีบเล็กๆ วางเรียงตัวกันในแนววงกลมดูแล้วเหมือนชิ้นส่วนของอวกาศยานหรือหุ่นยนต์ในหนังเรื่องทรานสฟอร์เมอร์ ครีบเล็กๆ พวกนี้วิศวกรของ KEF เรียกมันว่า ‘tangerine waveguide’ ทำหน้าที่จัดระเบียบคลื่นเสียงให้ไม่เกิดการตีรวนกันเองและทำหน้าที่ป้องกันตัวโดมจากการถูกกระทบกระทั่ง (ในระดับหนึ่ง) ไปด้วยในตัว

การเซ็ตอัพและทดลองฟังเสียง
ผมเบิร์นอินลำโพง C3 อยู่ราวๆ 1 สัปดาห์ด้วยการเปิดฟังเพลงไทย เพลงสากลทั่วไปจาก iPod รวมถึงเอาไปต่อกับชุดโฮมเธียเตอร์เพื่อให้มันมีโอกาสได้ถ่ายทอดสัญญาณเสียงหลากหลายรูปแบบ จากนั้นก็เริ่มเผาหัวมันต่อด้วยแผ่นเบิร์นอิน IBE ของ Ayre ตัวลำโพงวางบนขาตั้งเหล็กแบบ high mass ขนาดความสูง 24 นิ้วของออดิโออาร์ต รองใต้ลำโพงด้วยก้อนดินน้ำมันบลูแทคจำนวน 3 จุด (หน้า 2 หลัง 1)ขั้วต่อลำโพงของ C3 เป็นแบบไบดิงโพสต์ชุบทองและให้มา 2 คู่พร้อมให้ต่อสายลำโพงแบบไบไวร์หรือต่อแบบซิงเกิลไวร์ผ่านตัวจัมเปอร์ ในการฟังทดสอบผมใช้สายลำโพง Nordost SuperFlatline ต่อเล่นแบบไบไวร์ ขับด้วยอินทิเกรตแอมป์ Marantz PM7003 สลับกับ NAD C355BEE

สัมผัสแรกที่ได้ฟังเสียงของมันจืดสนิทเหมือนน้ำแกงจืดที่ยังไม่ได้ปรุงรส โทนเสียงโดยรวมฟังดูเรียบๆ ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจมากนัก แต่สิ่งหนึ่งที่ผมสัมผัสได้คือมันน่าจะเป็นลำโพงที่ให้เสียงฟังสบายดีไม่มีอะไรฉูดฉาดมาก รอยต่อของไดรเวอร์ทั้งสองตัวฟังดูราบรื่นกลมกลืนกันดี แต่ก็อย่างที่บอกล่ะครับในบางทีผมก็รู้สึกว่ามันเรียบเกินไป การตอบสนองไดนามิกก็ยังอั้นๆ เหมือนจะให้ออกมาได้แต่ก็ไม่เต็มที่ ทั้งหมดที่ว่ามานั้นคือใจความหลักๆ ที่ผมพอจะสรุปได้จากการฟังลำโพง C3 ใน 2-3 ชั่วโมงแรกหลังจากแกะกล่องเท่านั้น ทว่าหลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาของการเผาหัวไปแล้ว (ราวๆ 50 ชั่วโมงขึ้นไป) แกงจืดถ้วยนี้ก็มีรสชาติกลมกล่อมขึ้นมาจนน่าพึงพอใจ

จุดเด่นแรกที่เปลี่ยนแปลงไปมากคือเสียงกลางที่เคยจมและอับอยู่แถวๆ ตู้ได้เปิดเผยลอยเด่นออกมา มีความใส มีเนื้อมีหนัง ในขณะเดียวกันเสียงทุ้มก็ฟังดูมีน้ำหนักเน้นย้ำและตอบสนองไดนามิกความแปรเปลี่ยนของสัญญาณเสียงได้อย่างขยันขันแข็ง ฟังแจ๊สของ Patricia Barber (Cafe Blue) ได้อารมณ์ร่วมดีกว่าในตอนแรกๆ มาก ความจริงไม่ต้องถึงขั้นเพลงของคุณช่างตัดผมหรอกครับ ลำพังเพลงแนว vocal หรือเพลงร้องทั่วไปของ Jennifer Warnes, Emi Jujita หรือเพลงในแผ่นรวมฮิต Best Audiophile Voices ก็ฟังไพเราะได้อารมณ์ขึ้นมาก

ตำแหน่งที่เหมาะสมภายในห้องฟังของลำโพงคู่นี้อยู่ที่ระยะห่างจากผนังด้านหลังลำโพงประมาณหนึ่งเมตรยี่สิบเซนติเมตร ลำโพงข้างซ้ายและขวาห่างกันเองประมาณหนึ่งเมตรเจ็ดสิบเซนติเมตร

ถึงแม้ว่า C3 จะทำให้ผมคิดว่าแนวเสียงของมันเหมาะกับเพลง pop, jazz, vocal และ light music เป็นพิเศษเนื่องมาจากบุคลิกเสียงกลางที่อิ่มเอิบมีเนื้อฟังสบายและเสียงแหลมที่หวานสดใสละเอียดแต่ไม่แข็งกระด้าง แต่เมื่อเปลี่ยนไปลองฟังเพลงแนวร็อคอย่างแผ่น Hell Freeze Over (แผ่นอเมริกา) ของ The Eagle ลำโพงคู่นี้ทำหน้าที่ของมันได้อย่างไม่ขัดเขิน มันให้อรรถรสออกมาได้ดีและเก็บรายละเอียดเสียงทั้งหมดมารายงานผมได้อย่างน่าพอใจ ทว่ามีเงื่อนไขอยู่นิดหน่อยว่าต้องไม่ฟังดังจนเกินไป เพราะเมื่อเลยจุดที่ผมคิดว่าเป็นสมดุลที่ดีระหว่างระดับความดัง รายละเอียดและเสียงที่ฟังสบายแล้ว เสียงที่ได้จะเริ่มรุกเร้า สับสน ขาดสมดุลของโทนเสียงและฟังไม่ไพเราะเท่าที่ควร

เสียงทุ้มของลำโพง C3 จะเด่นในแง่ของการควบคุมมากกว่าปริมาณ ซึ่งถ้าหากวัดกันด้วยปริมาณเป็นหลักผมคิดว่ามันยังเป็นทั้ง Wharfedale Vardus 100 และ Acoustic Energy AELite One แต่ถ้าวัดกันในแง่ของการควบคุมตัวโน้ตและการหยุดอย่างฉับพลันผมว่า C3 ก็เป็นต่ออยู่นิดๆ (อ้างอิงจากแผ่น Duets, Rob Wasserman)

เมื่อพิจารณาในแง่มุมของการให้มิติและเวทีเสียง ลำโพงคู่นี้สอบผ่านมาตรฐานของลำโพงไฮไฟในพิกัดนี้ได้อย่างไม่ยากเย็น ในแผ่น Jazz At The Pawnshop (รีมาสเตอร์แผ่นคู่ของ FIM) บ่งชี้ถึงคุณสมบัติการถ่ายทอดมิติเสียงของ C3 ออกมาได้อย่างชัดเจน รายละเอียดของเสียงต่างๆ ลอยอยู่ในพื้นที่ของมันและมีการแบ่งระนาบตื้นลึกอย่างมีชั้นเชิง โอเคครับ... มันอาจจะไม่ชัดเป๊ะทุกกระเบียดนิ้วและเหมือนจริงอย่างน่ากลัวเหมือนลำโพงไฮเอนด์ แต่นี่คือมาตรฐานคุณภาพที่ผมคิดว่าคนฟังเพลงทั่วไปได้ยินแล้วจะปฏิเสธมันได้ยากเหมือนกัน และถ้าเทียบลำโพงเล็กในพิกัดเดียวกันผมว่ามันทำได้ในระดับหัวแถวเลยนะครับ ของแบบนี้ต้องได้ยินเองกับหูถึงจะเชื่อครับ
ความคิดเห็นที่ : 2

Narishane

09/11/2014 02:41:25
158
IP : 124.122.157.57



รอยนิดนึงครับ (จริงๆเอาสีดำทาก็ดูไม่ออกแล้วล่ะครับ อิอิ แก้ไม่ยาก)
ความคิดเห็นที่ : 3

Narishane

09/11/2014 02:41:59
158
IP : 124.122.157.57



ด้านหลังครับ เสียบ Bi-wire ได้ หรือสายเดียวก็แยกหัวตามปกติครับ
ความคิดเห็นที่ : 4

Narishane

09/11/2014 02:42:59
158
IP : 124.122.157.57



แอมป์ Sherwood งามๆครับ รุ่นนี้ปัจจุบันไม่ผลิตแล้ว เป็น NOS จากร้าน Home-hifi ครับ สีสวยสภาพงาม
ความคิดเห็นที่ : 5

Narishane

09/11/2014 16:40:52
158
IP : 58.11.229.92
^
ความคิดเห็นที่ : 6

Narishane

11/11/2014 00:07:42
158
IP : 124.122.90.2
^
ความคิดเห็นที่ : 7

Narishane

12/11/2014 02:42:44
158
IP : 58.11.232.114
^
ความคิดเห็นที่ : 8

Narishane

13/11/2014 17:58:20
158
IP : 1.46.11.67
^
ความคิดเห็นที่ : 9

Narishane

16/11/2014 02:13:26
IP : 124.120.251.237
^
ความคิดเห็นที่ : 10

Narishane

17/11/2014 01:24:36
158
IP : 124.122.159.204
^
ความคิดเห็นที่ : 11

Narishane

17/11/2014 22:28:52
IP : 124.122.159.204
^
"[ขาย] ลำโพง Kef C3 และแอมป์ Sherwood AX-7R ครับ"