แต่ก่อนที่จะพูดถึงลำโพงคู่นี้ มาดูประวัติคร่าวๆของบริษัท Edifier กันก่อนครับ Edifier Technology ได้ก่อตั้งขึ้นในกรุงปักกิ่งประเทศจีน ในปี 1996 ที่มุ่งเน้นการทำตลาดในตลาดภายในประเทศของจีน ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก จนได้เติบโตขึ้นเป็นการทำธุรกิจข้ามประเทศ ขยายการขายไปสู่ ทวีปอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ยุโรป ตะวันออกกลางและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ปัจจุบันมีสำนักงานขายในประเทศแคนาดา ฮ่องกง จีน ออสเตรเลียและอาร์เจนตินา และมีฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์ กับทีม R&D ในแวนคูเวอร์ประเทศแคนาดา และกรุงปักกิ่งประเทศจีนครับผม

ทาง Edifier นั้นมีความเชี่ยวชาญในการออกแบบ และการผลิตลำโพงมัลติมีเดียระดับไฮเอนด์ ให้มีคุณภาพเสียงที่ดี และเหมาะสมในการใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยทั้งการออกแบบ ผลิต ทดสอบ และ QC นั้นใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักร และมาตรฐานสูงกว่าทั่วๆไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของลำโพงที่คุ้มค่ากับทุกเม็ดเงินของลูกค้า ซึ่งถ้าเราดูจากภาพถ่ายของโรงงานและไลน์การผลิตเค้าแล้ว ต้องยอมรับว่าเป็นบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆเลยล่ะครับ แถมทาง Edifier ยังประกาศไว้อีกด้วยว่า อัตราการมีปัญหาของผลิตภัณฑ์ยังน้อยมากๆๆ เพียง 1%จากยอดขายเท่านั้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นลำโพงที่มีการออกแบบ และ QC ได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆจ้าา

เรามาเริ่มแกะกล่องกันเลยดีกว่าครับ เจ้า Luna Eclipse นั้นอยู่ในซีรี่ย์ Image ของทาง Edifier ซึ่งหมายถึงเป็นรุ่นที่ได้ทั้งรูปลักษณ์ดีไซน์ และคุณภาพเสียง โดย e25 Luna ซีรี่ย์ใหม่นี้จะมีสีมาเพิ่มทั้งหมด 3 สีครับ คือสีฟ้า สีส้ม และสีเทา ซึ่งจากเดิมมีสีขาว ดำ และแดงครับ ซึ่งเปิดกล่องมาแล้วจะพบกับลำโพงขนาดกำลัง น่ารักน่าชัง นอนแอ้งแม้งอยู่ในห่อผ้าใยสังเคราะห์ และมีกล่อง Accessories สายต่างๆแถมมาในกล่องด้านซ้ายมือ พร้อมกับรีโมทคอนโทรลขนาดเล็กอยู่ด้านล่างของกล่องครับผม

ในส่วนของที่แถมมาในชุดทั้งหมดมีตามนี้เลยครับ
- DC Adaptor ขนาด 18V 3A แบบ Switching ที่รองรับไฟ Input ตั้งแต่ 100v-220v ครับ สามารถใช่งานได้ทั่วโลก ไม่ต้องแปลงไฟขึ้นลงครับ
- สายไฟแบบ AC7 Type สำหรับเสียบเข้า DC Adaptor ความยาว 1.5m ครับ
- สายลำโพงความยาว 2m. สำหรับเชื่อมลำโพงระหว่างขวาไปซ้ายครับ ออกแบบโดยใช้หัวต่อแบบเฉพาะของ Edifier
- สาย Mini 3.5mm ความยาว 1.5m สำหรับต่อเครื่องเล่นเพลงเข้าไปที่ลำโพงครับผม
- ผ้าเช็ดฝุ่นอย่างดีสำหรับทำความสะอาดลำโพง โดยไม่ให้ลำโพงเป็นรอยเมื่อเราเช็ดครับ

ดีไซน์ของตัวลำโพง Luna Eclipe นั้นออกแบบมาลักษณะโค้งมน เกือบจะกลมคล้ายๆลำแสงพระจันทร์เสี้ยว ที่เราเห็นจากการเกิดจันทรคราส (พระจันทร์ พระอาทิตย์ และโลก มาซ้อนตรงกัน) ซึ่งการออกแบบลักษณะนี้นั้นมีผลให้ด้านหน้าของลำโพงมีการเชิดหน้าแหงนขึ้น ช่วยให้เราสามารถนั่งฟังกล้ๆได้ และนอกจากนี้ยังเป็นการจูนไทม์มิ่งของเสียงแหลม และเสียงต่ำ ให้ออกมาได้พร้อมกัน ซึ่งมีผลอย่างมากต่อคุณภาพเสียงโดยรวม ส่วนช่องว่างๆตรงกลางลำโพงเป็นเส้นยาวนั้นเป็นช่องที่ซ่อนไดร์เวอร์แบบ Paasive Radiator ไว้ เดี๋ยวผมจะพูดถึงอีกทีครับ

ทางด้านหลังนั้นก็จะเป็นช่องต่อใช้งานต่างๆของลำโพงครับ ซึ่งแทบทั้งหมดจะอยู่ที่ลำโพงด้านขวา คือมีทั้งช่องเสียบสัญญาณ Input แบบ Stereo 3.5mm ช่องเสียบไฟเลี้ยงจาก DC Adaptor ระบุไว้ 18VDC 3A ในบวก, และช่องต่อสายลำโพงเชื่อมไปยังลำโพงด้านซ้ายครับ ส่วนลำโพงซ้ายจะมีแค่ช่องต่อสายลำโพงอย่างเดียวจ้าา

เจ้า Edifier e25 Luna Eclipse นั้นเป็นออกแบบลำโพงแบบ 2 ทาง 4 ไดร์เวอร์ นั่นคือลำโพง Woofer 1ตัว Tweeter 1ตัว และ Passive Radiator อีก 2 ตัวครับ กำลังขับรวมของลำโพงนั้นอยู่ที่ 74w โดยแยกเป็นภาคขับ Woofer 22w/ch. และขับไดร์เวอร์เสียงแหลม 15w/ch. รวมสองข้างเป็น 74w พอดี ซึ่งถือว่ามีกำลังขับเหลือเฟือ และการแยกภาคแอมป์ในการไดร์เสียงต่ำและเสียงแหลมแยกออกจากกันนั้น ยังช่วยให้ความผิดเพี๊ยนของเสียงต่ำ รายละเอียดเสียงดีกว่าด้วยครับ

ทางด้านซ้ายมือของลำโพง chanel ขวาจะมีปุมเปิด-ปิด และที่ปรับ Volume เสียงดัง-ค่อยได้ด้วยระบบสัมผัสครับ ซึ่งเป็นแบบ Capacitive เหมือนกับหน้าจอมือถือในปัจจุบัน ทำให้ได้ฟิลลิ่งในการแตะ และสามารถควบคุมการทำงานของลำโพงได้อย่างแม่นยำทีเดียวครับ หรือถ้าใครไม่ถนัดปรับที่ตัวลำโพง หรือวางลำโพงไว้ไกลตัว ก็สามารถใช้รีโมทสั่งงานแทนได้ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใดจ้าาา

มาดูที่ไดร์เวอร์เสียงต่ำ หรือที่เราเรียกกันว่า Woofer ครับ ทาง Edifier เลือกใช้ Woofer ขนาด 3 1/2" ออกแบบมาเป็นพิเศษ แบบกรวยโพลีที่เน้นในเรื่องการบิดตัวต่ำเมื่อเปิดเสียงดังๆ และใช้ขอบลำโพงแบบยางที่อ่อนนุ่ม มีการให้ตัวได้ดี ซึ่งหากดูจากการยึดขอบลำโพงกลับทางในลักษณะแบบนี้ จะเห็นได้ในลำโพงบางค่ายซึ่งบอกว่าให้ผลดีในเรื่อง Sensitivity ซึ่งอันนี้ไม่มีใครผิดใครถูกครับ เป็นเทคนิคของแต่ละค่ายที่จะเลือกใช้งาน และจูนเสียงให้ได้อย่างที่ต้องการครับผม

ส่วของ Driver เสียงสูง หรือ Tweeter นั้น เลือกใช้แบบ Silk Dome ขนาด 19mm. ที่ขึ้นชื่อเรื่องเสียงแหลมที่ใสได้รายละเอียดเป็นฝอยๆ แต่ฟังสบายๆไม่กัดหู โดยทางด้านหน้านั้นออกแบบให้มีพลาสติกด้านหน้าเป็นสะพานโค้ง เพื่อช่วยเรื่องมุมกระจายเสียงของความถี่สูงที่ออกจาก Driver เสียงแหลม ให้สามารถแผ่มุมมออกไปได้กว้างมากขึ้นอีกด้วยครับ โดยสีของเจ้าสะพานโค้งนี้จะเป็นสีเดียวกับตู้ลำโพงของเราจ้าา

นอกจากไดร์เวอร์ทั้งสองตัวเหมือนแบบมาตรฐานทั่วๆไปแล้ว ทาง Edifier ยังได้ใส่เทคโนโลยีใหม่เข้าไปใน e25 อีกด้วย นั้นคือ Passive Driver ขนาด 3" จำนวน 2 ตัวต่อข้างครับ เพื่อช่วยในการเพิ่มปริมาณของเสียงต่ำให้มากยิ่งขึ้น หลายๆท่านอาจสงสัยว่าเจ้า Passive Driver นั้นมีหน้าที่อะไร ผมเหลาให้ฟังเลยดีกว่าครับ ระบบ Passive Driver นั้นทำหน้าที่คล้ายๆการจูนเสียงต่ำของลำโพงด้วยท่อ Bass Reflex ครับ คือเมื่อไดร์เวอร์ Woofer หลักมีการขยับเข้าออก คลื่นเสียงต่ำ และแรงลมประทะที่ออกจากด้านหลังลำโพงนั้น จะไปขับให้ตัว Passive Driver ทำงานประดุจเหมือนเป็น Woofer อีกตัวหนึ่งทำให้เสียงต่ำนั้นมีพลังมากขึ้น เสียงฟังดูใหญ่ขึ้น จนทำให้เรารู้สึกว่าลำโพงนี้มีพลังของเสียงต่ำใหญ่เกินตัวไปมากเลยล่ะคร้าบบบ

จากสัมผัสแรกที่ผมได้เห็นเจ้า e25 แบบตัวเป็นๆนั้น ผมชอบในการดีไซน์รูปทรงของมันมากครับ เพราะดูทันสมัยเหมาะกับยุคสมัยของลำโพง Multimedia ยุคใหม่ และวัสดุที่ใช้ออกแบบตัวลำโพงนั้นดูแข็งแรงและทนทานจับแล้วแน่นดีมากครับ โดยการจัดวางใช้งานของลำโพงคู่นี้นั้น ยืดหยุ่นต่อการใช้งานมากๆครับ ไม่ว่าจะเป็นการวางหน้าคอมพิวเตอร์ วางหน้าที่ LED หรือวางบนตู้เตียงในห้องนอนก็ย่อมได้ครับ ซึ่งจากที่ผมทดสอบการตั้งระยะห่างของลำโพงซ้าย-ขวา ระหว่าง 80 cm. ไปจนถึง 1.20m ก็ยังสามารถให้เสียงที่ดีคงเส้นคงวา แต่ถ้าวางห่างกันเกิน 1m. อาจจะต้องทำมุมลำโพงเอียงเข้าหาจุดฟังเล็กน้อย จะได้โฟกัสที่แม่นยำชัดเจนกว่าครับ

เริ่มทดสอบการใช้งานด้วยระบบ Bluetooth ก่อนเลยครับ ผมลองใช้ iPhone เชื่อมต่อ และฟังเพลงผ่าน App Onkyo HF Player ครับ ซึ่งการเชื่อมต่อก็ใช้งานได้ง่ายๆเหมือนทั่วไป โดยถ้าหากเรา Connect ลำโฑงได้แล้ว ไฟสถานะที่หน้าลำโพงจะเปลี่ยนเป็นจุดสีน้ำเงินแทนครับ เป็นการบ่งบอกว่าตัวลำโพงพร้อมฟังเพลงผ่านทาง Bluetooth แล้ว

ลองเทสเสียงโดยใช้เพลงของ Claire Martin แบบ Hi-Res ที่ซื้อมาจาก HD Tracks ซึ่งคุ้นหูผม เพราะใช้เปิดเทสบ่อย โดยหลังจากทดสอบฟังได้ 2-3 เพลง ก็พบว่า เสียงของเจ้า Luna นั้น ออกแบบมาให้มีความ Musical หรือความเป็นดนตรีสูงครับ คือสามารถเปิดฟังเพลงได้สบายๆ ไม่รุกเร้า หรือจะแจ้งจนเกินไป แต่เป็นแนวนุ่มนวล โน้ตเบสเดินแบบนุ่มๆใหญ่ๆ รายละเอียดเสียงออกมาแบบพอดีๆ ไม่เกินไม่ขาด หากจัดวางตำแหน่งลำโพงได้ดีล่ะก็ รับรองติดใจเสียงของมันแน่ๆครับ

แล้วก็มาลองฟังกับ Notebook กันต่อครับ ซึ่งผมต่อตรงแบบสดๆคือ จิ้มเข้าที่ช่องต่อหูฟังของคอม มาเข้าที่ Luna Eclipse เลยครับ ซึ่งโปรแกรมที่ใช้ทดสอบก็มี iTunes และ Audirvana+ ฟังเพลงหลากหลายแนว ตั้งแต่แจ๊สเบาๆ ยัวไถึงร็อคหนักๆ เพื่อจับบุคลิคเสียงเจ้า Luna ซึ่งพอจะสรุปได้ว่า เป็นลำโพงที่มีความอะลุ่มอล่วยต่อแนวเพลงต่างๆมากครับ คือสามารถฟังเพลงได้หลากหลายแนว โดยที่ไม่ขี้ฟ้องมากหากเปิดด้วยไฟล์เพลงที่บันทึกมาไม่ดี สามารถจะใช้ดู Youtube ฟังเพลงจากเครื่องเล่น MP3 หรือต่อกับทีวี ก็สามารถใช้งานได้ดี

ปริมาณของเสียงต่ำแบบระบบ Passive Radiator นั้นจะให้เสียงต่ำที่มีขนาดใหญ่จนน่าตกใจ ว่าลำโพงตัวเล็กขนาดนี้ทำได้ยังไง เสียงร้องหรือเสียงกลางนั้น โปร่งลอยชัดเจน เสียงนักร้องจะถอยไปนิสๆให้อารมณ์เหมือนนั่งดูคอนเสิร์ต แล้วนักร้องอยู่กลางเวที ส่วนของเสียงแหลมนั้นก็จะใสและฝอยเป็ละอองเหมือนฟองเบียร์ คือไม่ได้จัดจ้านแหลมชัดคม แต่จะนุ่มละมุนกลมกลืนกับเสียงกลาง และเสียงต่ำได้อย่างลงตัวเลยล่ะครับ

ซึ่งจากการที่ผมทดสอบแล้วหากจะถามว่าลำโพงตัวนี้เหมาะกับใคร ผมขอตอบว่าเจ้า Edifier Luna Eclipse นั้นเป็นลำโพง แบบ Active 2.0 ที่โทนเสียงฟังสบาย จัดวางง่ายๆ รูปทรง สีสันสวยทันสมัย สะดุดตา เหมาะกับการใช้งานได้ทุกแบบ ไม่ว่าจะเอามาเป็นลำโพงใช้งานคู่กับคอมพิวเตอร์ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ หรือจะเอาไปต่อกับจอ LED TV แทนลำโพงที่ติดมาในจอซึ่งเสียงน่าผิดหวัง หรือจะตั้งไว้ในห้องนอน ห้องนั่งเล่น เปิดเพลงผ่าน Bluetooth ด้วยมือถือของท่าน ลำโพง Luna Eclipse คู่นี้ก็สามารถรับใช้ท่านได้เป็นอย่างดี ไม่มีผิดหวังแน่นอนครับผม

หากท่านใดอ่านมาถึงตรงนี้แล้วยังขัดข้องใจ ว่าเสียงของมันเป็นยังไงบ้าง ต่อ DAC เปลี่ยนสาย จัดวางยังไง สามารถเข้ามาทดสอบพลังเสียงของเจ้า Edifier Luna Eclipse ได้ที่ร้าน Hi-Fi Lover ชั้น 3 อัมรินทร์ พลาซ่า หรือโทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมูหวาน 086-810-7374 ยินดีตอบข้อสงสัยทุกท่านครับ ^^

ลำโพง Edifier e25 Luna Eclipse
ราคา 8,900 บาท
ติดต่อ 086-810-7374 หมูหวาน Hi-Fi Lover

Total power output: 15W x 2 + 22W x 2 (74 Watts TOTAL)
THD + N (testing level): 10%
Audio input type: Bluetooth, 3.5mm stereo audio input
Signal to noise ratio: ?85dBA
Input sensitivity: 600mV ? 50mV
Frequency response: R/L: 6.1KHz - 20KHz | SW:30Hz-1.58KHz
Tweeter unit: ?19mm silk dome magnetically shielded, 6?
Speaker unit: 3? inch, Magnetically shielded, 6?
Adjustment (remote): Wireless remote control for volume and power
Adjustment (touch panel): Power, volume, Bluetooth disconnect, swipe motion track navigation in Bluetooth mode
Passive driver: 2 x 3 inch
Dimension (unboxed): 4.8” x 8.35” x 8.74” (122 x 212 x 222mm) (W x D x H) 7.94lbs / 3.6kg

คุณหมูหวานครับตัวนี้กับตัวswan m100mkii
มีบุคคลิคต่างกันอย่างไร
เพราะเคยฟังแต่m100ครับ
ขอบคุณครับ
จะเอามาฟ้งเพลงร้องครับ

@คุณชัชชัยครับ
ตัวนี้ถ้าเทียบกับ M100MKII เสียงจะออกคนละแนวครับ ตัว e25 Luna จะได้เรื่องเนื้อเสียงที่หวานๆนวลกว่า จัดวางตำแหน่งง่ายกว่า ส่วน M100MKII จะเด่นเรื่องน้ำหนักเสียงรุนแรง และปลายเสียงแหลมชัดเจนครับผม ลองมาฟังเทียบกันที่ร้านได้เลยครับ

สวย สดใสดีครับ น่าจัด....

พอจะไฟว้ กะ bt-3 ไหวม่ะครับพี่หมูหวาน

@พี่หมอทัตเทพครับ
สีสดแจ่มมากๆเลยล่ะ สีฟ้าก็สวยนะครับพี่ สนใจมาจัดได้เลยคร้าบบบ 5555

@BECK ครับผม
ไฟว้คงไม่ไหวครับ รายนั้นเค้ารุ่น Heavy Weight ส่วนอันนี้รุ่นมิดเดิ้ลเวทครับ แต่น้ำเสียงก็ถือว่าอยู่ในระดับแชมป์ของลำโพงระดับราคาเดียวกันได้สบายๆๆจ้าาา

ผมจัดมาแล้วเมื่อวันเสาร์ แต่ เดิมไม่เคยรู้จักเจ้าตัวนี้
พอดีจะไปดูyamaha คนที่ร้านอื่นเอาตัวนี้มาเปิด แม่เจ้า

คือราคาระดับนี้กับคุณภาพเสียงที่ได้รวมถึง ได้ เวทีเสียงด้วย โคตรคุ้มครับ

แต่ผมฟังจากที่อื่นแต่มาซื้อร้านเฮีย ฮ่าๆ

พี่หมูหวานครับ ผมมีอาการ เหมือนBluetoothสะดุด
คือมันดีเลย์แล้วกระตูก แบบนี้ผิดปกติไหมครับ

คือวิธีแก้คือ ปิดพาวเวอร์เจ้าตัวนี้แล้วเปิดใหม่หาย ถ้าปิดจากsoruceเป้นเหมือนเดิม
เข้าใจว่าน่าจะเป็นที่ เจ้า luna

@Once18 ครับผม
ไม่ทราบว่าต่อกับมือถือ แล้วใช้โปรแกรมไหน หรือต่อกับเครื่องเล่นอื่นครับ
เพราะที่ผมเคยเจอๆมา พวกลำโพง Bluetooth หลายๆตัวจะเป็นครับ ต้องเช็คหลายๆอย่างจ้าา

ถ้าเทียบกับ Bose Music Monitor เป็นยังงัยบ้างครับ
ราคาต่างกันเท่าตัว ไม่มั่นใจว่า Bose คุ้มรึเปล่า หรือว่าจะเลือกตัวนี้ดี

ท่านใดสนใจสามารถสอบถามคุณหมูหวานได้เลยนะครับ และฟังตัวเป็นๆได้ที่อัมรินทร์ชั้น 3 เลยจ้าๆๆๆ

@KKKTor ครับ
สไตล์เสียงมันคนละแบบกันเลยล่ะ Bose จะเน้นนวลๆกลมกลืน เบสนุ่มๆ ฟังสบาย
แต่ Luna Eclipse จะมีรายละเอียด และเสียงกลางแหลมใสกว่าหน่อยครับผม
ยังไงมาลองฟังสไตล์เสียงที่ร้านก่อนได้เลยจ้าาา

ลำโพงข้างขวามีอาการเสียงแตกครับ

ต่อทีวียังไงอะครับ ผ่านopticalได้หรอครับ

ถ้าทีวี ไม่มี analog out แต่มี optical out ต้องใช้ dac ต่อ tv แล้วค่อยเอา analog out จาก dac ไปต่อลำโพงอีกที

@ Once18 ถ้ามีอาการเสียงแตกเอาข้ามาตรวจเช็คที่ร้านได้เลยครับ ตัวนี้ประกันศูนย์สองปีเต็มๆๆจ้าาา

@hippo13893 ครับผม
ต่อเข้าทางช่องอนาล็อคครับ เอาเอาท์พุทขาวแดง หรือรูหูฟังของทีวี มาต่อเข้าได้เลยจ้าา

ช่วงนี้ลำโพง Multimedia สีเจ็บๆกำลังมาแรงครับ Luna วางคู่กับ BT3 มองนานๆๆอาจแสบตาได้ สีแรงกันทั้งคู่ แต่เสียงนี่สิฟังได้นานๆไม่เจ็บหูแน่นอนคร้าบบบ ^^

พี่ท่านนี้กำลังมองหาลำโพงเล็กๆไว้ใช้งานหน้าคอมพิวเตอร์ เลยขอลองฟัง Edifier Luna เทียบกับ Swans LX2 ครับ สองตัวสองสไตล์ แล้วแต่คนชอบจริงๆ ต้องมาลองเองเป็นดีที่สุดครับผมมม ^^

แนะนำหน่อยครับ Edifer Luna กับ Geneva model S และ Swans MK100 MK2 + swans q10

เน้นใช้งาน กับคอมพิวเตอร์ ดูหนังเล็กน้อย ฟังเพลงส่วนใหญ่ แนวเสียงร้อง poprock ครับพี่

ก่อนอื่นเจ้าตัว Swans M100MKII มีภาครับ ฺBluetooth ในตัวนะครับ ไม่ต้องใช้ร่วมกับ Q10 จ้าาา
ผมไม่เคยฟังเทียบกับ Geneva นะครับ ขอพูดถึงเฉพาะ Luna กับ M100MKII นะครับ เจ้าตัว Luna จะได้เรื่องเสียงร้องเด่น มิติดูชัดเจนกว่า ส่วน M100MKII จะได้เรื่องพลังเสียง กระแทกกระทั้น และปลายแหลมกรุ๊งกริ๊งครับ

หากเน้นใช้งานนั่งใกล้หน้าคอม เจ้าตัว Edifier Luna ก็สามารถใช้งานได้เหลือๆแล้วครับ แถมได้เปรียบเรื่ององศาลำโพงที่เชิดหน้าขึ้นมาด้วย แต่ถ้าหากอยากได้เสียงใหญ่ๆหน่อย เปิดฟงทั่วๆห้องบ่อยกว่า แนะนำ M100MKII ครับ แต่ถ้าต้องการทดสอบเสียง ที่ร้านผมมีให้ลองเทียบกันทั้งสองตัวครับผมมม

มาแล้วครับ วิดีโอรีวิว ลำโพง Edifier e25 Luna Eclipse เชิญรับชมกันได้เลยจ้าาา ^^

มาต่อกันด้วย Clip ทดสอบเสียงกันต่อเลยครับ ลำโพง Edifier e25 Luna Eclipse เป็นลำโพง Active ระบบ 2.0 ที่มีภาครับ Bluetooth ในตัว ดีไซน์มาในขนาดเล็กๆ แต่แฝงไว้ด้วยเทคโนโลยี Passive Radiater และภาคแอมป์แบบ Bi-Amp ทำให้เป็นลำโพงที่เสียงใหญ่และรายรายเอียด­เสียงเกินตัวมากๆๆครับ ราคา 8,900 บาทเท่านั้นจ้าา ^^

Audioengine A2+ กับ Edifier e25 Luna Eclipse ใครใสกว่า เบสใครหนักกว่า ใครเหมาะกับเพลงหลายๆแนวมากกว่าครับ

ถ้าเสียงใสกว่า ผมยกให้ Edifier E25 ครับ ส่วนถ้าเบสหนักกว่า ต้อง A2+ เลยจ้าา

พระกาฬจันทรคราส Edifier E25 Luna Eclipse มีของเข้ามาเติมแล้วนะครับ มีให้เลือกครบทุกสีเลย
ท่านใดสนใจเข้ามาทดสอบเสียงได้เลยจ้าา ^^

Edifier E25 ลำโพงบลูทูธแบบ Active 2.0 ที่มีกำลังขับ 2 ข้างรวมทั้งหมดถึง 74w ครับ
เรียกว่าเปิดได้ดังแบบเหลือๆเลยครับ แถมจุดเด่นของรุ่นนี้คือให้เสียงแหลมที่ใสชัดรายละเอียดดีสุดๆจ้า
ท่านใดสนใจสามารถเข้ามาลองฟังที่ร้าน HIFILOVER ได้เลยนะคร้าบบบ ^^

74W RMS หรือเปล่าครับ