Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

192 kHz กับ 96 kHz / 24 Bit มันแตกต่างกันขนาดไหนครับ

mrnukull

08/10/2014 11:30:57
0



192 MHz กับ 96 MHz / 24 Bit
มันแตกต่างกันขนาดไหนครับ
ผมยังจินตนาการไม่ถูก เพราะผมมี
Player ที่มี output แค่ 96 kHz / 24 Bit

* ถ้าฟังแล้วแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
หรือไพเราะกว่าจนรู้สึกได้ชัด
ผมก็จะ upgrade ทั้ง DAC Amp
และ Soundcard+ลำโพง
[เพราะในเครื่องมีแต่ไฟล์เพลง 24 Bit]

. . .ขอคำแนะนำด้วยครับ ของพระคุณมากครับ. . .
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

JPJ

08/10/2014 12:28:42
อัพเกรดลำโพงครับ เห็นผลชัดเจน proac แสนนิดๆครับ ^^
แค่ 16 bit ก็เหลือๆแล้วครับ

192 กับ 96 ผมแยกไม่ออกครับ
ผมว่าต้อง system ดีมากๆเลยฮะ
ไม่ใช่แค่ dac นะครับ ต้องอัพเกรดกันทั้งระบบ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

Salek

08/10/2014 12:56:21
187
หูเรา.. บางทีถ้ามันเทพมากก็เป็นทุกข์ได้นะครับ ต้องคอยบังคับอย่าให้มันเทพมาก อิ อิ!!
สำหรับผม แค่เทียบระหว่าง 320kbps กับ lossless บางครั้งยังแยกยากเลย ก็ถือว่าผมยังโชคดีอยู่
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

mrnukull

08/10/2014 14:10:24
0
ตอนที่ผมฟัง Mp3 / 128-320 Bitrate
แล้วเปลี่ยนมาเป็น FLAC / 800-1,xxx Bitrate
ด้วยการเปลี่ยนโปรแกรมเปิดเพลง
และเสาะหาไฟล์เพลงแบบ Lossless มาเปิดฟัง
มันชัดเจนมาก ทั้งๆที่ยังใช้ระบบเดิมอยู่นะครับ
เพียงแต่ก่อนหน้านั้น ผมไม่ทราบวิธีรีด
ความสามารถของอุปกรณ์ออกมา

* แต่การ up จาก 96 kHz > 192 kHz
มันจำเป็นต้องเปลี่ยน Hardware เลยต้อง
มาหาข้อมูลก่อนครับ

. . .ขอบคุณทุกความเห็นครับ. . .
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

hvk

08/10/2014 15:37:20
11
จริงๆแล้วแต่เคสนะครับ การวัด 16 24 32 bit มันไม่ได้เหมือนกับการวัด mp3 bit rate 128-320 ซะทีเดียวครับ

วีธีแรกที่คนใช้เทียบกัน แล้วบอกว่าต่าง มันไม่ถือเป็นวีธีที่ถูกต้องซะทีเดียวครับ เช่น นำไฟล์ 16 bit 44.1 มา เปลี่ยน sampling เป็น 24 32 อะไรก็แล้วแต่แล้วฟัง ตรงนี้มันเป็น filter ของเครื่องเล่นเราครับที่ทำ ถ้าทำแบบนี้โอเคตัว 24 32 อาจจะเปลี่ยนแนวให้เสียงโปร่ง ยกกลางแหลม แต่ฟังไปฟังมาไม่ไม่เป็นธรรมชาติ บาดหู กัดหู ไม่มีน้ำหนัก หรือคนชอบก็บอกว่ารายละเอียดดีขึ้น มิติกว้างขึ้น ทั้งที่จริงๆบอดี้ สเกลเสียง มันอาจจะเล็กลงเท่านั้นครับ

วีธีที่เถียงกันมาตั้งแต่ในยุค Analog LP สมัยที่เล่น ไวนิล ปั๊มจากประเทศต่างๆ มีการทำ Mastering ไม่เหมือนกันครับ ส่งผลต่อเสียงด้วย เข้ามาในยุค DIGITAl แผ่นทอง แผ่น SACD ทั้งหลาย ใช้ซาวเอ็นจิเนียร์ทำ mastering คนละคนนะครับ ดังนั้นเสียงมันไม่มีทางเหมือน commercial CD แล้วครับ ดังนั้นเทียบแบบนี้ มันก็ไม่ถูกอีก

วีธีที่ดีที่สุดที่จะเทียบ ก็ต้องเอาไฟล์ที่มีมาสเตอร์เดียวกัน แต่มีสองเวอร์ชั่น 16 - 24 มานั่งฟังละครับ ซึ่งการที่จะทำแบบนี้ได้นั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้ในโลกของ Audiophile ครับ เพราะแผ่น 24 bit ส่วนใหญ่ master มาแบบ uncompressed ไดนามิกกว้าง เนื้อดี ให้เปิดในชุดเสียงใหญ่ๆ ส่วนแผ่น 16 bit นั้น master มาแบบอัด loudness เต็มที่ ให้มันเสียงดีในลำโพงรถ วิทยุทั่วๆไปครับ มาเปิดในชุดดีๆก็ไม่มีไดนามิก กลายเปน wall of sound แทน เคสแบบนี้เทียบกันไม่ได้ครับ เพราะไฟล์ master ของสองเวอช่ัน เสียงก็ต่างแล้วครับ

ทว่าวีธีที่ดีที่สุด ก็มีข้อจำกัดครับ ว่าเครื่องเราชุดเรา ถอดรหัส 16 - 24 -32 แบบไหนได้ดีกว่ากัน

สรุป มันจะไม่ต่างมาก หรือไม่ต่างเลย ถ้ามาจากมาสเตอร์เดียวกันครับ แต่ถ้ามาจากคนละมาสเตอร์ ให้ตายก็ต่างครับ เอาง่ายๆ ผมมี norah jones come away with me 3 แบบครับ commecial CD/SACD/200g Vinyl ตัว SACD/CD ใช้ master เดียวกัน เอา cd มาเปลี่ยน sampling ด้วยซ้ำ ตีลังกาฟังก็ฟังไม่ออกครับ ใช้ vinyl 200 กรัม ที่ทำ master ใหม่ แยกต่างจาก CD ชัดเจนว่าเสียงกลางหนากว่า เปิดโล่งกว่า ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 5

mrnukull

08/10/2014 15:49:31
0
จ ริ ง ด้ ว ย ค รั บ
ในเมื่อฟังเพลงจากต้นทางแบบเดิมๆ
เปลี่ยนระบบ ก็คงไม่แตกต่างกันชัดเจนนัก
และอาจไม่คุ้มกับงบประมาณที่ต้องจ่ายเพิ่ม

ขอบคุณ ความเห็นของคุณ hvk มากครับ
นอกจากจะอัดแน่นด้วยความรู้ วิชาการแล้ว
ยังชี้ให้เห็นถึงสัจธรรม ความเหมาะสม ยอดเยี่ยมครับ.
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

yamano

08/10/2014 19:21:59
271
++++++++. @hvk
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

iNY

08/10/2014 19:33:51
2
ผมก็ฟังไม่ออก
แต่ถ้า 192 กับ 96 ผมเลือก 192 ไว้ก่อน
สบายใจตัวเองดี
555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

นายมั่นคง

08/10/2014 21:08:20
4,293
ผมลองยกตัวอย่างที่ผมมีให้ดูครับ เพลงในซีดีอัลบั้มมั่นคงมั่นใจที่ผมทำนั้น ต้นฉบับมาสเตอร์ทำเป็นไฟล์ 24/96 พอได้ต้นฉบับปุ๊บ ทางห้องอัดเค้าก็ดาวน์ลงมาเป็น 16 บิท 44.1 ซึ่งการดาวน์ลงมาควรเป็น 16 บิท 18 ซึ่งอันนี้ทางห้องอัดเค้าถือว่าบีบลงในสัดส่วนไม่ตรงกัน

ถ้าฟังเวอร์ชั่นที่ผมริปมาเป็น 16 บิท ฟังเทียบกับ 24 bit ตัว 24 bit ให้ความรู้สึกที่ต่อเนื่องลื่นไหลมากกว่า มีน้ำมีเนื้อมากกว่า ลื่นหูกว่า แสดงว่ามาสเตอร์เดียวกัน แค่คนละความละเอียดสามารถฟังความต่างได้จริงๆ (แต่ต้องตั้งใจฟังนะครับ)

แต่ถ้ามาสเตอร์คนละอัน แล้วมาทำเป็น 24 bit เหมือนกันก็ฟังไม่เหมือนกันครับ ลองดาวน์โหลดเพลงที่ผมทำจากมาสเตอร์เดียวกันแล้วฟังเทียบดู กาารอัพเกรดนั้นถ้าในเครื่องไม่ได้มี 24/192 มากกมายนัก บางทีไปอัพเกรดลำโพงก่อนก็ไม่เลวครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

mrnukull

08/10/2014 23:18:08
0
_/\_ ขอบพระคุณครับเฮีย
ผมก็คิด up ลำโพงอยู่เหมือนกันครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

Varit

09/10/2014 08:08:53
0
24 บิทเหมือนกัน มองแต่ Sample rate แยกยากมากๆครับ ช่วงที่มีผลชัดๆ คือความถี่สูงๆ แต่..... มันเป็นช่วงเกินหูมนุษ์ได้ยินครับ โดยภาพรวม เลยส่งผลให้เสียงดูสมจริงมากขึ้น บรรยากาศ สมจริงขึ้นครับ แต่ ฟังยากจริงๆ ยากกกกกกสสสสส์ เลยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

Nuy_musiclover

09/10/2014 10:49:44
96
เพราะแผ่น 24 bit ส่วนใหญ่ master มาแบบ uncompressed ไดนามิกกว้าง เนื้อดี ให้เปิดในชุดเสียงใหญ่ๆ ส่วนแผ่น 16 bit นั้น master มาแบบอัด loudness เต็มที่ ให้มันเสียงดีในลำโพงรถ วิทยุทั่วๆไปครับ มาเปิดในชุดดีๆก็ไม่มีไดนามิก กลายเปน wall of sound แทน
...................................................

ผมมีข้อสงสัยอยากสอบถามคุณ hvk เรื่องแผ่น CD 16 bit ที่ว่าเสียงดีในลำโพงรถ วิทยุทั่วไป ถ้าไปใช้กับชุดใหญ่มันไม่เหมาะเหรอครับ เคยเห็นหลายๆท่านที่ใช้ชุดใหญ่ๆที่ว่า ก็ฟังจาก CD Audiophile (ผมก็เก็บสะสม CD Audiophile ไว้เยอะพอสมควร Clair Marlo ค่าย Sheffield Lab , Janis Ian)สอบถามเพื่อเป็นความรู้นะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12

hvk

09/10/2014 22:18:34
11
ยินดีครับ คือต้องแยกนะครับ อย่างที่เรียนไปว่าการทำมมาสเตอร์แต่ละอัลบั้ม แต่ละชุด มันมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกันครับ ถ้าเป็นเพลงป็อป ส่วนใหญ่มันก็อันมาแบบให้เสียงดีบนเครื่องเสียงวัยรุนสมัยนั้นละครับ เพราะนั่นเป็นตลาดหลักของเขาครับ แหล่งทำเงิน ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าคุณอัดเพลงป็อป ทำไดนามิกให้กว้างๆ เบสไม่บูม เน้นรายละเอียดลงลึก แหลมไปได้ไกล มีประกาย กลางหนาเนียน ไดนามิกดี มิติดี ต่างๆนาๆ พวกเครื่องเสียงรถสมัยก่อน หรือวิทยุสมัยก่อน เวลาเปิดฟังมันให้ตรงนี้ไม่ได้ครับ มันก้ต้องเร่งให้พุ่งออกจากวิทยุ ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นครับ ถ้าคุณเอามันไปเปิดชุดที่ให้ทุกอย่างได้ครบๆ แหลม เบส มันก้พุ่งออกมาเกินเหตุครับ ไม่มีผ่อนหนักผ่อนเบาของเสียง อะไรประมาณนี้นะครับ

ประเด็นที่สอง CD Audiophile อันนี้ถือว่าเป็น อีกกลุ่ม นะครับ อันนี้ตั้งใจมาทำให้เสียงดีกับชุดบ้าน ใหญ่ๆ ให้เสียงครบๆ นะครับ ตั้งใจมาให้เป็นแผ่นลองเครื่องเสียงเสียด้วยซ้ำครับ เน้นมิติ เน้นเบสลึก รายละเอียด เน้นรูปวง เน้นไดนามิก เน้นคอนทราส หรือแม้กระทั่ง ambiance prat ต่างๆ หรือ เน้นเชิง audiophile ไปหมดครับ ปราณีตตั้งแต่ต้นยันจบถึงการปั๊ม CD ครับ ถ้าเอาแผ่นพวกนี้ไปเปิดชุดดีๆ มันก็ให้บรรยากาศมาเหมือนเราฟังเล่นสดครับ

ที่สุดแล้วจำนวนบิต มันไม่ได้สำคัญมากเกินไปจนเป็นประเด็นอะไรใหญ่ๆครับ ให้ดูที่การอัดและการทำมาสเตอร์จะดีกว่าครับ ถ้าเพลงไหนอัดดีทำมาสเตอร์ดี mp3 128 ก็เสียงดีครับ เพลงไหนอัดห่วย ทำมาสเตอร์ห่วย จะเป็นล้านแปดบิตก็ห่วยอยู่ยันวันค่ำครับ

จุดนี้สังเกตุง่ายๆครับ ถ้าฟังเพลงร็อค pink floyd ยกตัวอย่างชุด The Wall มีหลายหลายเวอร์ชั่นมากครับ มีตั้งแต่เสียงดีใช้ได้ ยันห่วย ซึ่งจุดนี้ต้องดูครับ ว่าเวอร์ชั่นที่เราสนใจ ใครทำมาสเตอร์ ค่ายอะไร ปีไหน มากกว่าจะมานั่งคิดว่าปั๊มที่ไหน แผ่นประเทศอะไร หรือว่ามีบิตเท่าไหร่ นะครับ

ท้ายสุด 16 24 32 บิต เราควรเลือกเวอร์ชั่นที่มีการทำมาสเตอร์ที่ดีที่สุดก่อนครับ ถ้ามีมาสเตอร์แบบเดียวกันเหมือนกันเป๊ะ เลือกเอาบิตเยอะไว้ก่อนครับ แบบที่เฮียมั่นคงบอกด้านบนครับ มันจะลื่นไหลมากกว่า แต่ถ้า 24 bit master ห่วย vs 16 bit master ดี อันนี้แบบหลังเสียงดีกว่าเยอะมากครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13

Nuy_musiclover

09/10/2014 22:29:25
96
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆ มีประโยชน์มากครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 14

yamano

09/10/2014 22:49:58
271
ที่สุดแล้วจำนวนบิต มันไม่ได้สำคัญมากเกินไปจนเป็นประเด็นอะไรใหญ่ๆครับ ให้ดูที่การอัดและการทำมาสเตอร์จะดีกว่าครับ ถ้าเพลงไหนอัดดีทำมาสเตอร์ดี mp3 128 ก็เสียงดีครับ เพลงไหนอัดห่วย ทำมาสเตอร์ห่วย จะเป็นล้านแปดบิตก็ห่วยอยู่ยันวันค่ำครับ

__________________________________________________________________________________________

ตรงนี้จริงที่สุดครับ ลองด้วยตัวเองมาแล้ว

เมื่อก่อนผมริทไม่เป็น ก็ใช้ก็อปปี้จากแผ่นเพลงจีน ที่เขียนว่า DSD มาธรรมดา มาเป็น mp 3 ธรรมดา

เสียงก็ยังดีมากๆ เคยเห็นเถียงเอาเป็นเอาตาย 128 k ต้องห่วย กันอย่างเดียว

ต้องขอขอบคุณ คุณ hvk ที่ทำให้ผมตาสว่างเลยขึ้นมาเยอะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 15

mrnukull

10/10/2014 10:54:04
0
+9 เห็นด้วยกับท่าน hvk ครับ

ปกติเวลาโหลดเพลงมาใน Set เดียวกัน
พบว่า บางเพลงมีการบันทึกใหม่ ซึ่งเรียกว่า การ Re-Master
และสังเกตุเวลาเปิดฟังได้ชัดเจน ว่ามี Bitrate ที่มากกว่า
บางเพลงมีมากกว่า 1 เท่าตัว [ผมชอบเก็บเฉพาะแบบ Re-Master]

* แต่พอได้มาอ่าน ความคิดเห็นของท่าน hvk
ผมไปถึงบางอ้อเลยครับ ว่าเหตุใด เพลงๆนึง ถึงมีหลาย Version

ขอบพระคุณทุกๆท่านด้วยครับ ที่ร่วมแชร์ความรู้ ประสพการณ์
. . .เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง. . .
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 16

Nuy_musiclover

10/10/2014 12:00:09
96
ท้ายสุด 16 24 32 บิต เราควรเลือกเวอร์ชั่นที่มีการทำมาสเตอร์ที่ดีที่สุดก่อนครับ ถ้ามีมาสเตอร์แบบเดียวกันเหมือนกันเป๊ะ เลือกเอาบิตเยอะไว้ก่อนครับ แบบที่เฮียมั่นคงบอกด้านบนครับ มันจะลื่นไหลมากกว่า แต่ถ้า 24 bit master ห่วย vs 16 bit master ดี อันนี้แบบหลังเสียงดีกว่าเยอะมากครับ

..........................................................

เห็นด้วยกับประเด็นนี้ครับ ผมเลยเก็บเฉพาะ CD 16 bit แล้วมาริปเป็น wav เอา เพราะไม่รู้จะหา 24 bit ที่เป็น Master เดียวกันจากไหน Sheffield Lab ก็ไม่ย่อมปล่อย File Studio Master ของป้า Clair Marlo ออกมาขายสักที จะได้ฟังเทียบกันจะๆ ว่าจะต่างกันมากมายแค่ไหน

สุดท้ายผมก็เลยต้องฟังจากไฟล์ wav ที่ริปจาก CD จนทุกวันนี้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 17

hvk

10/10/2014 22:53:08
11
จริงๆมันมีเรื่อง Marketing ด้วยครับ ไม่นับไฟล์หรือค่ายที่ทำออกมาเป็น 24 bit แท้ๆนะครับ คือเพลงทุกเพลงบนโลก ถ้าทำมาเป็น format audio cd มันจะเป็น 16 bit ทั้งหมดนะครับ ไม่ว่าปกจะเขียนว่า 24 32 64 บิตก็ตาม บิตที่ปกที่มากกว่า 16 bit มันคือความละเอียดของไฟล์ที่เค้าใช้ทำ mastering ครับ ไม่ใช่ไฟล์ที่อยู่ใน Audio cd

จุดนี้ถ้าคำนึงปัจจัยทั้งหมด จะพบความจริงว่า ที่แผ่นซีดีปั๊มต่างๆปีต่างๆ เสียงต่างกัน เพราะการทำ mastering ที่ต่างกันครับ เอาอัลบั้มที่คนฟังกันบ่อยๆหรือเห็นบ่อยๆ grover washington - winelight / Dave brubeck - Time out / Bellafonte - Carnegie hall หรือว่า Eagle - Hell Freeze Over ออกมาหลายชุด 16 บิตเหมือนกัน เสียงต่างกันฟ้ากับเหวครับ

ดังนั้น bit มันไม่ได้บอกครับว่าจะต่างไม่ต่าง ไม่งั้น time out ทุกตัวที่เป็น 16 bit เสียงต้องเหมือนกันทุกคัวครับ เรื่องเสียงในซีดี มันไม่ได้เข้าใจยากครับ แต่ต้องเข้าใจว่าอะไรทำให้คุณภาพมันต่าง คล้ายๆกับคุณขับรถอะครับ จำนวนบิต เปรียบได้เหมือนแรงม้า คุณจะบอกว่า รถสองคัน แรงม้าเท่ากัน วิ่งลื่น นุ่ม เร็ว ได้เท่ากัน มันไม่ได้ครับ มันมีองค์ประกอบอื่นด้วยครับ การทำเพลงก็เช่นกันครับ รถมีแรงบิด น้ำหนัก ความต้านลม เสียงก็มีเทคนิคการวางไมค์ อครูสติกของห้อง คุณภาพของไมค์ที่ใช้อัด ต่างๆนาๆ เป็นตัวประกอบครับ ไม่ใช่เห็นบิตเยอะกว่าแล้วจะเสียงดีกว่าเสมอไปครับ ฉนั้นบริโภคอย่างฉลาดครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 18

ผ่านมา

11/10/2014 00:26:31
ขอถาม​ hvk​ หน่อยครับ
อัลบั้ม​ 24 bits​ ที่เสียงดีจริง​(กี่​ hz​ ก็ได้)
ขอสัก​5 ชุดครับ​ จะไปตามเก็บครับ​
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 19

hvk

11/10/2014 18:43:07
11
ต้องถามว่าชอบเพลงแนวไหนหละครับ ถ้าเอาคราวๆ เป็นที่รู้จักดี เพลงเพราะ ไม่ได้เสียงเสียงในตาฟ้าผ่าคลื่นซัดหรือนกร้อง ก็ลองเหล่านี้ดูครับ

1. Linda Ronstadt - What's New ของ HDtrack
2. Anne Sophie Mutter - Carmen Fantasy ของ DG/HDtracks
3. Arne Domnérus - Jazz At The Pawnshop ของ FIM first impression music เป็น SACD ครับ
4. Miles Davis - Kind of Blue ของ Mobile Fidelity เป็น SACD ครับ
5. Count Basie - At the Sands: Before Frank ของ Mobile Fidelity เป็น SACD ครับ

อัลบั้มพวกนี้เป็นกึ่งๆ commercial นิดๆ แต่นี่แหละครับ มีหลากหลายเวอร์ชั่น ลองหาตามนี้เทียบกับเวอร์ชั่นอื่นๆดูครับ จะพบความแตกต่างไม่ยากครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 20

somkait

31/05/2020 22:15:39
อ้างอิง : 192 kHz กับ 96 kHz / 24 Bit มันแตกต่างกันขนาดไหนครับ - mrnukull




192 MHz กับ 96 MHz / 24 Bit
มันแตกต่างกันขนาดไหนครับ
ผมยังจินตนาการไม่ถูก เพราะผมมี
Player ที่มี output แค่ 96 kHz / 24 Bit

* ถ้าฟังแล้วแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
หรือไพเราะกว่าจนรู้สึกได้ชัด
ผมก็จะ upgrade ทั้ง DAC Amp
และ Soundcard+ลำโพง
[เพราะในเครื่องมีแต่ไฟล์เพลง 24 Bit]

. . .ขอคำแนะนำด้วยครับ ของพระคุณมากครับ. . .
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 21

มงคลชัย

31/05/2020 23:20:20
ต่างกันที่รายละเอียดทางเครื่องวัดครับ ส่วนเวลาฟังคือถ้าหูฟังดีรองรับรายละเอียดได้ ก็จะได้ยินได้ละเอียดกว่ากันแน่นอนครับ ส่วน เรื่องฟิลลิ่ง หรือความชอบส่วนตัวในการฟังนั้น ก็จะต่างจากเรื่องรายละเอียด เพราะ ฟิลลิ่ง นั้น ปัจจัยมันอยู่ที่  ต้นฉบับเพลงที่ทำ , หูฟัง, หูฟังเฉพาะทาง ที่อยากฟังว่าแนวไหน, เครื่องเล่นเพลงหรือว่า play back ต่างๆ เช่นdac amp, audio interface , sound card ล้วนมีปัจจัยในเรื่องของ ฟิลลิ่ง ทั้งสิ้น มันจึงทำให้วงการเครื่อง มัน ไม่มีที่สิ้นสุด ใน กิเลส ของคนฟัง ที่อยากเสพสุกข์ที่ตน อยากเสพ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 22

มงคลชัย

31/05/2020 23:24:15
ส่วนการฟังก็ควรรู้จักเครื่องดนตรีคร่าวๆได้นั้นก็จะเข้าใจถึงดนตรี ผมเห็นเขียนตามกัน
* ย่านเบส  คำถาม อะไรคือย่านเบส อันนี้แล้วแต่คนเรียกนะครับ โดยส่วนตัวของผมนั้น ผมจะเรียกว่า ย่าน ต่ำ ย่านกลาง และ ย่านสูง หรือ Low frequency /mid frequency /hight frequency ส่วนไอ้คำว่า * เบส  นั้น มันคือเครื่องดนตรีชนิดนึง ที่มีสาย  4เส้นบ้าง 5 เส้นบ้าง 
เสีีีีียงกระเดื่อง ก็เสียงกระเดื่อง ีีี
เป็็็็็นต้น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
"192 kHz กับ 96 kHz / 24 Bit มันแตกต่างกันขนาดไหนครับ"