ก่อนอื่นเลยก็ต้องท้าวความกันนิดนึงว่าหูฟัง Hifiman HE560 นั้นเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดของค่ายที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก Hifiman HE500 โดยยังคงมีโครงสร้างพื้นฐานและมีขนาดของตัวหูฟังทีใกล้เคียงกัน และยังคงเป็นหูฟังที่ใช้ไดรเวอร์แบบ Planar Magnetic เหมือนกันครับ แต่ได้ถูกปรับปรุงพัฒนาทั้งในแง่ของประสิทธิภาพเสียง สมรรถนะในการใช้งาน และแม้แต่ในเรื่องของการออกแบบดีไซน์ให้ดูดีขึ้น โดยในรูปก็จะเป็นการเปรียบเทียบให้เห็นทั้ง Hifiman HE500 และ Hifiman HE560 ทั้งคู่แบบไกล้ชิดกันเลยครับ

เริ่มต้นกันที่แพ็คเกจกันก่อนเลยครับ ที่ก่อนหน้านี้ในรุ่นเก่าๆหลายๆท่านอาจจะหงุดหงิดกันกับกล่องกระดาษสีน้ำตาลและแพ็คเกจของกล่องข้างในที่ดูไม่ค่อยสวยงามนัก Dr.Fang Bian นั้นก็ได้เก็บข้อมูลและนำมาปรับปรุงในรุ่นนี้ ซึ่งถือว่าเป็นอีกจุดหนึ่งที่พัฒนาได้อย่างน่าประทับใจมากๆเลยครับ (ในรูป คนที่ยืนอยู่ตรงกลาง เป็นโฉมหน้าของ Dr.Fang Bian ผู้ที่ก่อตั้งและเป็นคนออกแบบแทบทุกอย่างในค่าย Hifiman )

ในแพ็คเกจกล่องนอกนั้นยังคงเป็นกล่องกระดาษน้ำตาลทั่วไปไม่มีอะไรพิเศษมากนัก......

แต่อย่างที่บอกครับว่าแพ็คเกจของกล่องไม้ด้านในนั้นทำเอาผมประทับใจมากๆครับ เพราะตัวกล่องทำมาจากไม้แท้ๆที่ดูปราณีตสวยงามและน่าเก็บมากๆครับ ฝาหน้านั้นก็จะแปะด้วยวัสดุคล้ายอลูมิเนี่ยมและมีโลโก้สัญลักษณ์ Hifiman เด่นเป็นสง่า และเปิดกล่องโดยการไลด์เปิดออกมา

ซึ่งพอเปิดออกมาก็จะพบกับแพ็คเกจข้างในของหูฟังที่ถูกเก็บไว้ในโฟมสีดำที่ออกแบบไว้ให้เข้ากับรูปทรงของหูฟังได้เป็นอย่างดีเรียกไดว่าล็อกได้แน่นไม่มีที่ให้ขยับง่ายๆได้เลยครับ โดยทั้งหมดในแพ็กเกจก็จะมีดังนี้ครับ

- คู่มือการใช้งาน 2 ภาษา (อังกฤษ/จีน)
- ตัวหูฟัง Hifiman HE560
- สายหูฟังมาตรฐาน ยาว 2 m. เป็นแจ็คขนาด 6.3mm.
- ใบรับประกันที่มีลายเซ็นภาษาจีน

เริ่มกันที่สายหูฟังครับ ตัวสายนั้นมาพร้อมกับความยาว 2 เมตร ซึ่งอยุ่ในระดับมาตรฐานของหูฟังฟูลไซส์ ส่วนตัวคิดว่าไม่สั้นเกินไป และไม่ยาวจนเกะกะ เพราะเป็นระยะที่สามารถขยับไปบริเวญรอบๆบริเวญใกล้เคียงโต๊ะที่ใช้วางเซ็ตหูฟังได้อย่างสะดวก

สาย stock ของ HE560 นั้นมีขนาดมาตรฐานและให้ความยืดหยึ่นสูง โดยตัวนำข้างในทาง Hifiman นั้นระบุไว้ว่าเป็น Oxygen-free copper and Oxygen-free silver ซึ่งก็คือสาย OFC ที่มีตัวนำสองชนิดทั้ง เงิน และ ทองแดงนั่นเองครับ

บุคลิกเสียงของสายเส้นนี้ออกไปทางโปร่งบาลานซ์โดยรวมค่อนข้างดี และจะเน้นโฟกัสไปที่คาแรคเตอร์ของหูฟังมากกว่าครับ

ในส่วนของตัวหูฟังนั้นเรียกได้ว่าออกแบบมาใหม่เกือบทั้งหมดเลยครับ และพูดได้เต็มปากว่าเป็นการออกแบบดีไซน์ที่ดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ เริ่มตั้งแต่เอียร์แพ็ด (Focus Pad) ที่จะเป็นแบบผสมระหว่างแพ็ดแบบกำมะหยี่และแพ็ดแบบหนังเข้าด้วยกัน โดยด้านข้างนั้นจะเป็นแบบหนัง

และด้านหน้าตรงที่จะสำผัสกับใบหูจะเป็นกำมะหยี่ และสามารถครอบใบหูได้ทั้งหมด จึงทำให้การสวมใส่นั้นจัดว่าสะดวกสบายทีเดียวครับ และนอกจากนี้ยังออกแบบมาให้ถอดเปลี่ยนเองได้เลย โดยจะมีการล็อคด้วยเขี้ยวพลาสติกแบบง่ายๆ แต่ล็อคได้อยู่หมัดและไม่ลำบากเวลาถอดเปลี่ยนแม้แต่น้อยครับ

มาถึงโครงสร้างหลักของตัวหูฟังบ้างครับและถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่มากๆของวงการหูฟังที่ใช้ไดรเวอร์แบบ Planar Magnetic เลยก็ว่าได้ครับ เพราะว่าทำน้ำหนักได้เบาแค่ 375 กรัมเท่านั้น และถือว่าเบากว่ารุ่น HE500 ตัวเก่าถึง 30 % เลยทีเดียวครับ เรียกได้ว่าใส่สบายได้ยาวๆโดยที่ไม่เมื่อยคอเอาง่ายๆ ไม่แพ้หูฟังแบบฟูลไซส์รุ่นใหญ่ๆทั่วไปได้แล้วครับ

ในส่วนของ headband นั้นจะเป็นแบบโครงเหล็ก และซ้อนข้างในด้วยแพ็ดหนังบางๆ และสามารถเลื่อนปรับระดับที่ด้านข้างของทั้งสองข้างได้อย่างแม่นยำได้ 6 ระดับ และสามารถกระจายแรงกดทับได้อย่างยอดเยี่ยม และให้ความรู้สึกที่สวมใส่สบายกว่าทุกรุ่นที่เคยทำมาทั้งหมดของค่าย Hifiman อันเนื่องมาจากการปรับลดน้ำหนักให้เบาลงด้วยอีกเหตุผลหนึ่งนั่นเองครับ

ตัวหูฟัง Hifiman He560 นั้นเป็นแบบ Open back (ระบบเปิด) ด้านหลังของ Housing ก็จะมีช่องลมระบายเสียงและอากาศเหมือนกับรุ่นก่อนๆ และตัวบอดี้นั้นก็จะมีขนาดเท่ากับ He500 เดิม และได้เสริมลายไม้แท้ๆทำให้ดูสวยงามคลาสสิคมากๆ และขั้วสายนั้นยังคงออกแบบให้สามารถถอดเปลี่ยนได้เหมือนกับรุ่นก่อนๆ และยังคงใช้ขั้วแบบเดิมซึ่งจะใช้เหมือนกันหมดทั้งแบรนด์ของ Hifiman

ในส่วนของการใช้งานฟังเพลงของ Hifiman HE560 นั้นถ้าหากดูตามตัวเลขสเป็คแล้วอาจจะดูขับไม่ยากมากนัก แต่ถ้าได้ลองด้วยตัวเองแล้วก็จะรู้ว่าเป็นหูฟัที่ขับยากอยู่ระดับหนึ่งเลยครับ ดังนั้นจึงต้องพิถีพิถันในการเลือกเฮ้ดโฟนแอมป์ในการจับคู่แมชชิ่งอยู่บ้างครับ ซึ่งก็อยู่ในระดับที่ไม่ลำบากมากนักครับ เพราะ HE560 นั้นสามารถเล่นได้ดีทั้งกับแอมป์ประเภทหลอด และประเภท Solid state ทั้งคู่

โดยขอเพียงแค่เป็นแบบตั้งโต๊ะเสียบปลั๊กใช้งานก็สามารถใช้งานได้แล้วครับ และเป็นหูฟังที่ไม่เกี่ยง Source มากนัก สามารถฟังเพลงได้หลากหลายแทบทุกแนวเพลง ไล่ตั้งแต่ Classic Jazz Vocal Acoustic Pop Bossa Softrock และเพลงประเภท Audiophile ที่บันทึกดีๆได้อย่างยอดเยี่ยม ยกเว้นประเภทร็อคหรือเมทั่ลแบบหนักหน่วง ที่อาจจะไม่ใช่แนวที่เข้ากันได้มากนัก

มาถึงเรื่องเสียงกันบ้างครับหูฟังจากค่าย Hifiman นั้นจะให้เสียงที่มีคาแรคเตอร์เป็นของตัวเองยากที่แบรนด์อื่นจะเหมือนและใกล้เคียงครับ น้ำเสียงจะมีความกลมกล่อมละเมียดละไม แต่ยังคงให้รายละเอียดในย่านเสียงสูงที่เด่นแบบหาตัวจับยาก ฟังแล้วมีเอกลักษณ์มากๆครับ

โดยสิ่งแรกที่ถือว่าเป็นจุดเด่นและแตกต่างจากรุ่นก่อนๆที่ Hifiman เคยทำมาก็จะเป็นในเรื่องของ Soundstage ที่ถือว่าทำได้ดีมากๆโดยก่อนหน้านี้แทบจะหาหูฟังที่ใช้ไดรเวอร์แบบ Planar Magnetic ที่ให้ซาวด์สเตจแบบกว้างๆไม่ได้เลย แต่ HE560 นั้นถึงไม่ใช่หูฟังที่มีซาวด์สเตจที่กว้างที่สุด แต่ก็ให้ซาวด์สเตจที่อยู่ในระดับดีมากๆ ฟังแล้วไม่อึดอัดและมีระยะห่างจากเสียงซ้ายสุดไปจนถึงขวาสุดแบบที่รู้สึกได้ถึงความกว้างของเวทีได้เลย อีกทั้งยังให้ความเป็นสามมิติสูง มีการแยกรายละเอียดและตำแหน่งด้านหน้าด้านหลังตามที่เพลงบันทึกมาได้อย่างถูกต้องสมจริง

การแจกแจงและโฟกัสรายละเอียดชิ้นดนตรีนั้นยังคงทำได้ดีมากๆสมกับเป็น Hifiman การจำแนกเลเยอร์ชั้นเสียงของชิ้นดนตรีต่างๆนั้นถูกแยกให้เห็นถึงรายละเอียดออกมาได้อย่างจะแจ้งชัดเจน และให้อิมเมจชิ้นดนตรีที่ใหญ่ซึ่งเป็นจุดแข็งของหูฟังที่ใช้ไดรเวอร์ประเภท Planar Magnetic

เสียงสูงนั้นถือว่าเป็นจุดแข็งอีกอย่างหนึ่งเลยของ He560 เพราะให้เสียงแหลมที่มีประกายและทอดตัวได้ยาวมากๆ อีกทั้งความพริ้วของปลายเสียงที่ถอดแบบออกมาจาก HE6 และทำได้ดีกว่า HE500 อย่างเห็นได้ชัดในจุดนี้ครับ เรียกได้ว่าหายใจรดต้นคอของ HE6 แต่เป็นเวอร์ชั่นที่ขับง่ายกว่าก็ว่าได้ครับ

เนื้อเสียงร้องนั้นยังคงให้มวลเสียงที่อิ่มนุ่มนวลแบบพอดีๆ อาจจะฟังดูบางกว่า HE500 เล็กน้อยแต่ชดเชยด้วยปลายเสียงร้องที่พริ้วและให้รายละเอียดที่สูงขึ้นกว่าเดิม ซึ่งทำให้บาลานซ์โดยรวมนั้นดูดีขึ้นมากๆ ส่วนเรื่องแรงปะทะและการลงน้ำหนักเสียงของชิ้นดนตรีนั้นหายห่วงครับหูฟังประเภท Planar Magnetic นั้นไม่เคยทำให้ผิดหวัง ได้เนื้อได้น้ำแบบมาเต็มๆ ในส่วนของเบสนั้นจะออกแนวนุ่มนวลไม่กระแทกกระทั้นมากนัก มีหัวโน้ตที่ชัดเจน ให้น้ำหนักปานกลาง ซึ่งจะเป็นเบสที่เอื้อแก่การฟังเพลงแนว Audiophile มากๆทีเดียวครับ


ในส่วนของการแม็ชชิ่งนั้น Hifiman HE560 นั้นเล่นไม่ยากอย่างที่คิดไว้ครับ เนื่องจากว่าเล่นได้ดีมากๆทั้งแอมป์หูฟังทั้งชนิดหลอด และแบบแอมป์ Solid state ครับ

การจับคู่เล่นกับแอมป์หลอดนั้น จะให้เสียงร้องที่อิ่ม ปลายเสียงมีความพริ้ว และให้โทนเสียงโดยรวมที่เนียนไหลลื่น ฟังแล้วให้บรรยากาศที่ฟังดูผ่อนคลาย ฟังได้เรื่อยๆครั้งละหลายๆชั่วโมงโดยที่ไม่ล้าหูเอาง่ายๆครับ

เป็นหนึ่งตัวที่เล็งไว้

คห1 ถ้าเป็นMM300รูปจะสวยกว่านี้นะครับ^^

ส่วนการจับคู่กับแอมป์ประเภท Solid state นั้นก็จะมีความหลากหลายทางบุคลิกเสียง ของแอมป์แต่ละรุ่นแต่ละแบรนด์อีกทีครับ ซึ่งในท้องตลาดตอนนี้มีให้เลือกเยอะมากๆ เเต่โดยรวมแล้วข้อดีของการจับคู่กับแอมป์ชนิดนี้ก็จะเป็นในเรื่องของ การโฟกัสชิ้นดนตรีได้แม่นยำ และให้รายละเอียดที่สมจริง อีกทั้งพวกแรงปะทะและ Dynamic นั้นจะทำได้ยอดเยี่ยมมากๆ

ในส่วนของสายอัพเกรดหลักๆที่ร้านจะมีอยู่สองรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงครับ

Nordost Heimdall2 นั้นจะให้โทนเสียงที่มีความเป็นธรรมชาติ และให้ความเที่ยงตรงสูงมาก น้ำเสียงสะอาดไร้สากเสี้ยน ปลายแหลมเปิดและมีประกายที่ระยิบระยับมากๆ เวทีเสียงปานกลางค่อนไปทางกว้าง แยกรายละเอียดชิ้นดนตรีได้ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ อีกทั้งยังให้เบสที่แน่น กระแทกกระทั้น แต่เก็บตัวได้รวดเร็ว ฟังเพลงได้หลากหลายแนวได้ทั้งแบบเพลงช้า และเพลงที่มีจังหวะเร็วๆ ครับ

Cardas Clear นั้นจะให้มวลเสียงร้องที่อิ่มหนาและนุ่มนวล ปลายแหลมไม่กัดหูแม้แต่น้อย อีกทั้งยังให้โทนเสียงที่เนียนมากๆ เรียกได้ว่าฟังได้ลื่นหูเป็นที่สุด อีกทั้งมวลเบสที่ทุ้มลงได้ลึกและนุ่มนวล อันเป็นเอกลักษณ์ของ Cardas คอเพลงแนว Vocal หรือ Easy listening จะชอบสายเส้นนี้กันมากๆครับ

ก็จบเป็นที่เรียบครับกับรีวิวแบบคร่าวๆ ของหูฟัง Hifiman HE560 ที่อาจจะทำให้หลายท่านนั้นสามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้นและสามารถตัดสินใจเบื้องต้นได้ง่ายขึ้นครับ ซึ่งสุดท้ายแล้วยังไงก็แนะนำให้มาลองหูฟังตัวจริงที่ร้านครับ ได้เลือกแม็ชชิ่งกับแอมป์และสายอัพเกรดได้ตรงกับที่ตัวเองชอบที่สุดได้ครับ

ตอนนี้เดโม่มีให้ลองฟังที่ สาขาเรือธง อยู่ที่ชั้น 3 ห้างอมรินทร์พลาซ่า สามารถเข้ามาลองฟังได้ทุกวันเลยครับ และมีครบๆทั้งแอมป์และสายอัพเกรดเอาไว้ให้ทดสอบฟังกันครับ

หูฟัง Hifiman HE560 ราคา 32,900 บาท

สเป็คเพิ่มเติมของ Hifiman HE560 ครับ

Driver Type: Planar Magnetic
Impedance @ 1kHz: 35 ohms
Sensitivity: 90 dB SPL/V
THD+N:
Isolation:
Connector Type: 1/4"
Cable Length: 2 m
Cable Style: Straight Y
Weight: 13.3 oz.
Manufacturer Warranty: 1 year

ใช้สาย Cardas Clear กับชุด WA7 เสียงออกมาอย่างไรบ้างครับ แอมป์สวยสะดุดตามากๆ เลย ^^

พิมพ์ตกคำว่า เบส ครับ ผมอยากทราบย่านเสียงเบสกับ WA7 ครับ -. -"

เบสของ WA7 แบบเดี่ยวๆนั้น จะให้เบสที่กระชับนุ่มนวล เเละเก็บตัวค่อนข้างเร็วครับ

แต่ถ้าเป็น WA7 + Power Supply แบบหลอด จะให้มวลเบสที่มีเนื้อมากขึ้น และเบสนั้นทุ้มเเละลงได้ลึกขึ้นอีกระดับหนึ่งเลยครับ

อยากได้แบบนี้มานานแล้ว ขอบคุณครับคุณหลุยส์

560 ของผมเพิ่งผ่านชั่วโมงที่ 400 ผมคิดว่าเสียงมันเพิ่งเข้าที่เข้าทางเองครับ

อาจเนื่องด้วย ส่วนอื่นๆในระบบด้วย เพราะที่ผ่านมา ผมเปลี่ยนสายทั้งสายไฟ

สาย USB สาย XLR ไปหลายครั้งเลยไม่เข้าที่ซักที ตอนนี้ ส่วนของสาย ได้300ชั่วโมง

ปลั๊กผนังได้ 200ชั่วโมง เพิ่งได้ฟังเนียนๆ เช้านี้เองครับ ส่วนหนึ่งเลยคิดว่า กว่าจะเราจะได้ฟังเสียง

ที่นิ่งและสมูทตามที่อุปกรณ์ได้ถูกออกแบบมาจริงๆ ต้องใจเย็นๆมากๆเลยครับ การลองฟังที่ร้าน

หรือของตัวเองก็ตาม ควรอ้างอิงด้วยระบบที่ลงตัวแล้ว ผ่านการเบิร์นจนได้ที่แล้ว

ผมมันพวกมือใหม่ ใจร้อน ชอบถามเค้าไปทั่ว ตัวนี้เป็นไง ตัวนั้นเป็นไง แล้วก็ชอบตามเค้าบอก

พอมานั่งฟังเอง เอ๊ะ ไม่เหมือนที่เค้าว่า เอ๊ะทำไม ก็ร้อนใจอีก โดยที่ไม่ได้คิดเลยว่า

ฟังกันคนละระบบ คนละหู ไม่มีทางจะเหมือนกันได้เลย ระบบของใครก็ของมัน

สายคนละยี่ห้อ คนละรุ่น ฟิวส์คนละตัว เพลงคนละเพลง คอมคนละตัว โปรแกรมคนละโปรแกรม

พอเอามารวมกัน มันเป็นเอกลักลักษณ์ของใครของมัน ไม่อาจจะเหมือนกันทุกอย่าง

ตอนนี้ผมเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าการฟังเพลงให้มีความสุขเป็นยังไง แม้จะเป็นมุมเล็กๆหน้าห้องน้ำ

แต่มันมีค่าสำหรับเราเหลือเกิน

คุณหลุยส์ครับ cardas clear มีหัว XLR 4pin ขายมั๊ยครับ หรือ สั่งได้มั๊ยครับ

หูฟังตระกูล Hifiman นั้นล้วนเบิร์นนานเเทบทุกรุ่นครับ ถ้าแบบจับคาเเรคเตอร์หลักๆได้ก็ประมาณผ่าน 100 ชั่วโมง เเต่ถ้าแบบนิ่งๆต้องประมาณ 400 -500 ขึ้นไปเลยครับ

Cardas Clear แบบหัว XLR 4 Pin ตอนนี้ของหมดอยู่ครับ เเต่ว่าได้สั่งของเพิ่มไปเเล้วเดี๋ยวถ้ามีจะเเจ้งข่าวเพิ่มอีกทีครับ

ขอบคุณที่แวะอ่านครับ 555

ผมให้เจ้าหลุยส์ลองเขียนรีวิวให้อ่านกันแบบฉบับเต็มๆดูบ้าง เผื่อจะมีใครกำลังอยากอ่านเป็นข้อมูลนะครับ เจ้าหลุยส์มีเวลามากกว่าผมในช่วงนี้ และหลังๆมันเล่นเยอะกว่าผมอีก ผมเลยบอกให้เขียนออกมาก่อน ซึ่งจะมีรีวิวของพวก Head-Fi ออกมาอีกหลายตัวจากเจ้าหลุยส์นะครับ

ผมไม่ได้เปลี่ยนหูฟังมาเกือบ 4 ปีแล้ว
เจ้า HE6 ผมอายุย่างเข้าปีที่ 4 รักมันมาตลอด เปลี่ยนหูตัวอื่นไปหลายครั้ง
แต่ HE6 ไม่เคยปล่อยเลย

เจ้า HE560 จะทำให้ผมเปลี่ยนใจมั้ยน้อ

เมื่อไหร่เฮีย จะมีมั่นคงสาขา ขอนแก่นบ้างครับบบ

เจอแฟนพันธุ์แท้ Hifiman อีกคนล่ะ 555

สำหรับสาขาขอนแก่นคงยังไม่ได้เห็นในเร็วๆนี้หรอกครับ ลำพังทำสาขาในกรุงเทพให้รอดยังลิ้นห้อยอยู่ทุกวันนี้เลยล่ะครับ 555

หลุยส์รีวิวซะเคลิ้มเลยย...

เฮียน่าจะมาเปิดสาขาที่ฟอร์จูนนะงับ ใกล้บน ชั้น3ก็กลายเป็นแหล่งเครื่องเสียงเหมือนเดิมแล้ว
ผมจะได้แวะบ่อยๆ ครับ ใกล้บ้านดี

HE560 จับคู่กับ Burson Soloist แล้วโอเคมั้ย
ได้เสียงออกมาเป็นอย่างไรบ้างครับ

HE560 ก็อยากได้แล้ว แถมเฮียหลุยเอาไปเสียบบักคูณอีก จะเป็นลม

สงสัยอาจจะต้องขยับไปฟอร์จูนจริงๆล่ะครับ 555 เพราะห้างอัมรินทร์ปีหน้าเดือนมิถุนายนเค้าปิดห้างรีโนเวทกันอย่างน้อย 1 ปีครับ ผมคงต้องหาที่อยู่ใหม่อีกล่ะ TT

และเจ้าหลุยส์อาจจะกลายเป็น หลุยส์เรือธง ณ ฟอร์จูนหรือเปล่าก็ไม่รู้ 555

HE560 จับคู่กับ Burson Soloist เรื่องกำลังขับจัดว่าเหลือๆเลยครับ

Burson Soloist เป็นแอมป์ฝั่ง Solid state อีกรุ่นหนึ่งที่ทางฝรั่งนั้นนิยมจับคู่กับหูฟังประเภท Planar Magneric มากๆครับ ให้บุคลิกเสียงที่เนียน เนื้อเสียงร้องอิ่มใกล้เคียงกับหลอด และให้เสียงโทนกลางต่ำที่เด่นมากๆ อีกทั้งเบสที่มาแบบทุ้มนุ่มนวลและลงได้ลึกแบบสุดๆ ถือว่าเป็นแอมป์ตัวเลือกที่ดีอันดับต้นๆเลยครับ ทั้งในแง่ของเเรงขับ ราคา และ performance ครับ

เมื่อวานได้เข้าไปลอง HE560 กับชุด Woo WA7/ WA7tp เสียงสว่าง คมชัด เกินคาดครับ เบสก็ไม่น้อยไป ผมนึกว่าเสียงจะออกแนวหนาๆ ยืดๆ เสียอีก

ใช้สาย Hiemdall2 เสียงเหมือนฟังแอมป์โซลิตเลยครับ สดใส กรุ้งกริ้ง รายละเอียดมาเต็ม

พอใช้ Cardas Clear ออกแนวอิ่ม ชัด ฟังสบาย

ถ้าราคาแอมป์ชุดนี้เป็นเลขสี่อยู่ข้างหน้าผมคงอุ้มกลับบ้านไปแล้ว ขอบคุณคุณหลุยส์ที่บริการหยิบนู่นนี่มาให้ทดลองด้วยครับ ^^

น้องขลุ่ยลองใช้ He6 ฟัง
SANTANA – NEW ORLEANS JAZZ & HERITAGE FESTIVAL (เมย.57)
(ที่มา ...siambit)
มันสุดยอดเรยนะ..

เข้ามา confirm คุณหลุยส์ว่า HE560 จับคู่กับ Burson Soloist กำลังขับเหลือๆ ใช้สาย Cardas Clear แล้วเนียนถูกใจ เบสทุ้มนุ่มลึก กระชับดีมากครับ เป็นคู่ single end ที่ผมชื่นชอบ

แต่ถ้าจะให้ดีขึ้นไปอีกเยอะ ผมใช้ HE-560 + Nordost Heimdall 2 ต่อแบบ balance แท้ๆตั้งแต่ต้นทาง รายละอียดพรั่งพรู เบสลงลึก เวทีเสียงกว้างขึ้น สวรรค์มากๆครับ

สาย Nordost Heimdall2 ที่หมดไปแว๊บๆ ตอนนี้ของเข้ามาเติมอีกแล้วนะครับ ใครใช้ Hifiman อยู่ พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง ลองถามพี่ Tommy ครับว่าได้หลับได้นอนหรือยัง 555

ผมมีความสุขมาก ทานก็ได้ นอนก็หลับ ถึงอวบอิ่มขึ้นอย่างที่เฮียทักครับ

เฮียมั่นครับ เรือธงอย่ามาแถวฟอร์จูนเลยครับ ขนาดไม่ได้ค่อยเข้าเรือธง ผมกินมาม่าไปหลายเดือน ถ้ามาอยู่ฟอร์จูน ผมไปได้บ่อยๆ สงสัยได้กินมาม่าเป็นปี

ราศีเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลเลยครับพี่ทอมมี่ แสงเฮ้ากวงพุ่งออกมารอบพุงเลยล่ะ 555

ช่วงนี้มีลูกค้าแวะวเียนมาฟัง HE560 กันมากขึ้นพอสมควรเลยครับ

ตอนนี้ก็ยังคงอยู่ในช่วงเบิร์นเพิ่มครับ เพราะเอามาจับคู่กับ Nordost Heimdall2 เส้นใหม่อยู่ครับ

ถ้ามา fortune แหล่มเลยครับ ใกล้บ้านผมเลย แวะจ่ายกับข้าวที่นั่นทุกอาทิตย์ 555 (แต่อมรินทร์ก็ไปไม่ลำบาก)

แฮ่ะ แฮ่ะ นี่ยังปวดหัวอยู่เลยครับ ปีหน้าห้างอัมรินทร์เค้าจะปิดทำการรีโนเวทอย่างน้อย 1 ปี ผมเองคงต้องระหกระเหินหาที่อยู่ใหม่ อาจจะไปเบียดอยู่โซนเครื่องเสียง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเหลือซอกเล็กๆๆหรือเปล่าน่ะครับ 555 ไว้มาอัพเดทข่าวนะครับ

ทางห้างอัมรินทร์น่าจะหาที่สำรองไว้ให้บ้างนะครับ โยกย้ายกันหลายร้านขนาดนี้

อย่างตอนที่เซนทรัล ลาดพร้าวปิดปรับปรุง เค้ายังทำสถานที่สำรองไว้ที่ด้านหลังให้พอสมควร

ขืนแยกย้ายกันไปเช่าแค่ปีเดียว ค่าใช้จ่ายแพงตายเลยครับ

ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ตามไปหาครับ

ขอบคุณครับ สำหรับเรือธงอาจจะต้องหาที่อยู่ใหม่ ขนาดอาจจะเล็กลงบ้างแต่ถือว่าเป็นการชั่วคราวก็แล้วกันนะครับ 555 จะพยายามมองๆๆอยู่ เพราะนี่เหลือเวลาอีก 7-8 เดือนก็ต้องย้ายแล้วล่ะครับ 555

HE560 จับคู่กับ hugo แล้วได้เสียงออกมาเป็นอย่างไรบ้างครับ ขับไหวไหมครับ

ขับได้สบายๆครับ เสียงออกโทนอุ่น นุ่ม ลื่นๆ ฟังสบายๆ ครับ ^^

ขออนุญาติขุดขึ้นมานิดนะครับ รู้สึกตอนนี้จะมีคนสนใจเจ้า HE 560 กันพอสมควร อิอิ

ผมลุ้นว่าจะได้ไหม กลัวหมดครับ 55555555

555 ก่อนเข้าร้านลองโทรไปถามก่อนเลยครับ จะได้ไม่เสียเที่ยว