จริงหรอนี่ ผมว่า SPEC มันน่าจะลงตัวนะ
ของตอบแบบคนไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่
ลองเปลี่ยนสายดูไหมครับ ทั้งสัญญาณ และ Power น่าจะได้ความอวบอิ่มมากขึ้น

อ้อ!ผมขอรบกวนเฮียมั่นด้วยครับ เพราะผมเคยได้ยินมาว่าเฮียก็เคยใช้ลำโพง response 1s กับ krell 300i มาก่อนใช่ไหมครับ

เข้า มา งง ครับ

อ่านแล้ว ขอหยุดอยู่ กับการฟัง หูฟัง ดีก่า งงไปหมดเรย

ฟังที่บ้าน Stereo สักชุดพอแล้ว แหะๆ

ต้องขออภัยสมาชิกท่านอื่นอย่างแรงนะครับที่กระทู้ของผมมันนอกเรื่องไปหน่อย แต่พอดีผมไม่ทราบว่านอกจากเวปนี้แล้วจะติดต่อคุณ LoVe ได้จากที่ไหนน่ะครับ

เอ้า ขั้นแรกเลย คือใช่คุณ LOVE ที่ส่งคุณใต้ฝุ่นประกวดเปล่าเอ่ย 555 ถ้าใช่อันนี้น่าจะเป็นเมล์ที่ติดต่อได้จ้า ถ้าเป็น LOVE อื่น อันนี้ไม่ทราบแล้วล่ะครับ 555

ปัญหาของการเล่น ProAc คือมันเลือกประเภทของแอมป์มากกว่าเลือกกำลังขับจากแอมป์น่ะครับ ผมเคยใช้ response 1s มาร่วม 10 ปี ปัญหาก็คือไม่มีเบส และเนื้อเสียงติดบอบบาง ควานหาเบสลึกๆๆไม่เจอเลย แล้วตอนนั้นใช้ krell กำลังขับ 150 วัตต์ต่อข้าง เปิดยังไงไดรเวอร์ก็ไม่ขยับ แต่ถ้าพิจารณาด้านอื่น ถือว่าเป็นอมตะแห่งลำโพงวางหิ้งเลยล่ะ

ต่างจากการใช้แอมป์หลอดวัตต์ไม่สูงมากขับ ตัวไดรเวอร์จะชักเข้าชักออกตามจังหวะ และชักเป็นช่วงลึกๆๆ เรียกว่าปั๊มเข้าปั๊มออกเหมือนลูกสูบ เบสทะลักออกมาได้อย่างน่ามหัศจรรย์ คงจะแนะได้ว่าให้ลองเอาแอมป์หลอดมาลองขับ ProAc ก่อนครับ 555

เท่าที่อ่านจากคุณกวีเล่า ผมว่าอันดับแรกที่ต้องแก้ไขก่อนเพื่อนเลยก็คือความสูงของขาตั้งลำโพงครับ เพราะที่ 28 นิ้วนั้น ค่อนข้างจะสูงโย่ง ยิ่งถ้าเทียบกับสัดส่วนความยาวของห้อง ผมถือว่าสูงไปมากเลยล่ะครับ ลองหาขาตั้งที่เตี้ยกว่า หรือหลังจากติด spike แล้ว ความสูงไม่เกิน 24 นิ้ว น่าจะทำให้เบสได้ดียิ่งขึ้นครับ และที่น่าจะต้องลองโดยไม่เสียสตางค์เลยก็คือลองเลื่อนลำโพงให้ห่างจากกำแพงหลังเหลือซัก 1 เมตรก่อน

เพราะห้องฟังไม่ลึกมาก จุด Sweet Spot ที่ดีสุดน่าจะเลยไปเกือบสุดผนังด้านคนนั่งฟัง เพราะฉะน้นการเลื่อนลำโพงผลักเข้าไปอีกหน่อยน่าจะพอช่วยได้ล่ะเน้อ..555 ผมดูๆๆ แล้วก็น่าจะโอเคหมดแล้วนะ เหลือแต่เพาเวอร์แอมป์นี่ล่ะ ที่อาจจะเป็นตัวกำหนดคาแรคเตอร์ของมันอีกทางหนึ่ง

ลองขยับก่อนครับ น่าจะดีขึ้นได้อีกนิดนึงล่ะ 555 ขาดเหลืออะไรโพสถามในเว้บเรานี้ล่ะครับ ไม่ต้องเกรงใจกันแต่อย่างใดเน้อ 555


ปล.ตอนนี้ผมเปลี่ยนเป็น Totem Model 1 single wire + Moon i1 แล้วล่ะจ้า

ขอบคุณเฮียมากครับ บังเอิญผมมีขาตั้งอยู่คู่เดียวนี่แหละครับ แต่เพื่อนคนที่ขายลำโพงมามันยืนยันว่าขานี้มันสั่งทำเลียนแบบสเป็คเดิมของลำโพงคู่นี้ครับ ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่ามันโม้หรือปล่าว แต่ผมจะรีบไปขยับลำโพงถอยหลังดูก่อนเลยครับ ขอบคุณครับ

หวัดดีครับ........มาตามกลิ่นธูป (อิ.อิ) คงจะเป็นผมแหละครับเพราะไปถามคุณกวีไว้ในกระทู้ที่ขายหูฟัง AKG นะครับ

ฝากเฮียมั่นคงรบกวนช่วยลบอีเมล์ผมในกระทู้ข้างบนให้ทีนะครับ เพราะผมเบื่อพวกประเภท ลดน้ำหนัก ทำงานอยู่บ้านได้เดือนละแสนอะไรประเภทนี้ครับ ขอบพระคุณครับ

ขอโทษทีครับทีมาตอบช้าไปเพราะเมื่อตอนค่ำกำลังนั่งพิมพ์ข้อความแล้ว เว็บดันล่มซะงั้นแล้วผมก็ไม่ได้ copy ไว้ด้วยเล่นเอาเซ็งไปเลยต้องพิมพ์อีกรอบ

เข้าเรื่องเลยดีกว่า ขอออกตัวก่อนนะครับว่าแค่ "เอาประสบการณ์มาเล่าให้ฟัง" เพราะประสบการณ์เล่นเครื่องเสียงบ้านของผมนั้นน้อยนิดนัก

ใน system คุณกวีผมได้มีโอกาสเคยใช้งานอยู่หลายตัวเลยทีเดียว

cd rega apollo ตัวนี้ไม่เคยใช้ (อ้าววววว ซะงั้น )

pre conrad-johnson pv10a ตัวนี้เคยร่วมเตียงเคียงหมอนกันอยู่ประมาณครึ่งปีน่าจะได้ ตั้งแต่สมัยเมื่อประมาณ 15 ปี ที่แล้ว ผมไม่แน่ใจเรื่องรหัสต่อท้ายนะครับ ว่ามี a หรือไม่มี แต่ยังคงจำน้ำเสียงได้ไม่รู้ลืม แนวเสียงออกทางอบอุ่นแต่สะอาดดีทีเดียว ตามสไตล์ปรีหลอด ส่วนการแยกแยะรายละเอียดทำได้ดีพอสมควร
ได้ลองใช้จับคู่กับพาวเวอร์แอมป์ดูโอของเค้าด้วยแต่น้ำเสียงที่ได้ค่อนข้างบางไปสักนิด (หรือผมชอบอวบอิ๋มหว่า)

power audiolab 8000m monoblock รุ่นนี้ก็เคยผ่านมือมาเหมือนแต่น่าจะเป็นในตัวซีรียส์ 8000 ธรรมดาไม่มีรหัส M ต่อท้าย เพราะได้ใช้เมื่อนานมากแล้ว

สำหรับผมความคิดเห็นส่วนตัวมันเป็น monoblock ที่ยังไม่ถึงขั้น monoblock ครับ แนวเสียงออกไปทางใสสะอาดสไตล์อังกฤษ รายละเอียดดี มิติเวทีเสียงก็ทำได้พอควรแต่เนื้อเสียงของชิ้นดนตรียังขาดน้ำหนักในบางส่วนอยู่บ้าง 125w. สำหรับผมมองว่าน้อยไปครับสู้เล่นตัวเดียวแต่ 200w. class กลางๆจะดีกว่า

สายสัญญาณ สายลำโพง ส่วนประกอบเล็กน้อยแค่แนวเสียงเปลี่ยนนิดหน่อยในชุดก็ถือว่าโอเคอยู่แล้วครับ

roger Ls3/5a + sub AB1 อันนี้สุดยอดของที่สุดสำหรับผมเลยครับ ได้ใช้อยู่ประมาณ 5 ปี โดยผ่านมือไป 5 คู่ ตั้งแต่ตัวธรรมดา ตัว signature มีแผ่น plate ทองด้านหลัง ตัวยี่ห้อ KEF ตัวยี่ห้อ Spendor แล้วก็ตัวที่รื้อหน้ากากหน้ามาโมดิฟายสายใช้สาย Cello เป็นลำโพงที่เล่นสนุก ปนทุกข์ เพราะความไว 82.5 db หาแอมป์ขับยาก เปิดดังหน่อยออกอาการแป๊ก เปลี่ยนอะไรใน system เสียงเปลี่ยนทันที คือ Sensitive มาก

sub AB1 นั้นผมลองเล่นแล้วโดยส่วนตัวไม่ชอบมากนักเพราะมันไม่ใช่เนื้อคู่ของ Ls3/5 จับคู่กันแล้วมิติตำแหน่งชิ้นดนตรีไม่จะแจ้งแบบจับวาง ได้เบสมากขึ้นแต่อย่างอื่นไม่ได้ดีขึ้นเลย แรงสั่นสะเทือนจาก AB1 ทำให้ Ls 3/5 ไม่มั่นคงอย่างที่ควรจะเป็น ลำพังเปลี่ยนขาตั้งเสียงยังเปลี่ยนเลย แต่ถ้าคุณไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้นก็ไม่ต้องคิดมากครับ
แต่เป็นผมไม่ใช้ดีกว่า เพราะโดยส่วนตัวชอบลำโพงเล็ก เพราะลำโพงใหญ่จริงอยู่ว่าฟังแล้วได้ครบทุกย่านความถี่ แต่ห้องฟังคุณต้องใหญ่ตามด้วยไม่เช่นนั้นคับห้องแล้วทีนี้เวทีเสียงตีกันเละเทะเลยหล่ะ พอดีห้องที่บ้านเล็กลำโพงเลยต้องเล็กตามไปด้วย คนที่บอกว่า Ls 3/5 เบสน้อย ผมไม่เถียง แต่ถ้าชุดนั้นไปถึงระดับนึงแล้วคุณก็จะตกใจว่าเสียงเบสมาจากไหน

ชุดที่ผมเคยใช้กับตัวนี้ ก็เป็น CEC TL2 + Covergent SL1 + Mark Levinson 331 สลับกับ Krell KSA200S บางคนอาจบอกว่า....บ้าป่าว ทั้งชุดแพงกว่าลำโพงไม่รู้กี่เท่า แต่ก็อีกเช่นเคยเปิดดังมากไม่ได้ออกอาการเป๊กอีก แต่ผมชอบนี้ครับถูกหูผม จริงๆแล้ว Ls 3/5 ไม่ใช่ลำโพงหลักแต่เอาไว้สลับฟังเวลาคิดถึงเพลงร้องดีๆ

TS Audio 50.2 สำหรับผมถือได้ว่า Best Buy เลยครับตัวนี้ ราคาเท่านี้แต่ให้อะไรหลายๆอย่างเกินกว่าเงินที่คุณจ่ายไป

proac tabbeltte reference8 ออกตัวก่อนนะครับไม่เคยฟังรุ่นนี้ แต่เท่าที่ดูตัวนี้ Bass Reflex ด้านหลัง Driver 4" ผมเห็นด้วยกับเฮียมั่นคงนะครับว่า ลดขนาดขาตั้งลงแล้วถอยหลังอีกเพราะจะได้เบสที่เพิ่มมากขึ้น แต่ต้องลองดูเรื่องเวทีเสียงด้วยว่าเสียมากไปรึป่าว ค่อยๆขยับถอยหลังจากจุดเดิมทีละ 2ซม.ก็ได้ กำแพงด้านหลังมี Diffuser รึป่าวครับ เพราะขนาดห้องฟังจริงๆแล้วเกือบจะเป็น สีเหลี่ยมจัตุรัสไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นห้องฟังเพลงขนาดกว้างและยาวห่างกันแค่ 20 ซม. เองแต่ถ้าจะแก้ห้องฟังแบบนี้งานช้างครับ หาห้องใหม่ง่ายกว่าอีก

1.เอา 50.2 เปลี่ยนหลอดแล้วมาใช้ใน system ผมว่าน้ำเสียงอิ่มขึ้นแน่นอนครับ
2.หาขาใหม่และขยับถอยหลัง

ผมว่า MV55 ก็ขับ Ls3/5a ออกแต่ไม่ 100% ผมยังเคยใช้ Innovation 12.5w ขับเลยก็พอกล่อมแกล้มดี เรื่องแอมป์หลอดนี้เห็นวัตต์น้อยๆดูถูกไม่ได้ครับขับลำโพงแบบงงกันไปเลย

แต่ผมดูแววแล้วอนาคต คุณกวี ต้องเปลี่ยนลำโพงอีกรอบแน่ๆ

ลองดูครับขอให้มึความสุขกับ.....เสียงเพลง (^_^ )

ขอบคุณคุณ LoVe มากๆครับสำหรับคำแนะนำ เห็น system ของคุณ LoVe ที่ใช้ขับลำโพง Roger แล้วผมถึงเข้าใจถึงข้อสงสัยหลายๆอย่างของผมเอง คือมีนักฟังรุ่นพี่อยู่ท่านนึงเคยบอกผมว่าลำโพง Roger สามารถให้เสียงไม่แพ้ลำโพง proac แต่ผมไม่เชื่อ พอเห็นชุดของคุณแล้วผมจึงรู้ว่าที่ผ่านมา system ของผมยังไม่สามารถรีดประสิทธิภาพเต็มๆของ Roger ออกมา แต่ผมคงไม่มีตังค์ขยับขึ้นไปเล่นชุดไฮเอนด์ขนาดนั้นหรอกครับ ผมว่าผมคงมาหาทางจัดการกับ proac ก่อน โดยทำตามข้อแนะนำข้อแรกของคุณ LoVe คือหาหลอดใหม่ให้แอมป์ ts. ก่อนน่าจะมาได้ถูกทางและถูกตังค์ที่สุด ส่วนขาลำโพง 24 นิ้วยังไม่มีครับแต่จะลองขยับลำโพงดูใหม่ครับ
ตานี้ผมจะโม้ประสพการณ์ของผมให็ฟังบ้างครับ คุณ LoVe คงจะแปลกใจครับถ้าผมบอกว่าห้องขนาด 3.6*3.8 m. ของผมเนี่ยสามารถฟังเพลงกลองของ YIM HOK MAN track แรกโดยใช้ roger+ab1 นี่แหละ เปิดได้ดังจนเสียงเต้มห้องโดยที่เบสไม่มีการบวมเลยแม้แต่น้อยครับ สามารถโชว์ไดนามิกของกลองแต่ละใบ รวมถึงความเป็น 3มิติได้เป็นอย่างดีครับ มันเป็นเพราะไอ้เม็ดไม้ acoustic system ครับ (สามารถเสิร์ชคำว่า acoustic systemดูใน google ได้ครับมีตัวอย่างห้องที่ติดให้เราดูอยู่หลายห้อง ล้วนแล้วแต่เป็นห้องที่ยากต่อการปรับแต่ง acoustic ทั้งสิ้น)โดยผมติดเมื่อตอนมี.ค. เป็นห้องที่ 8 ของผู้นำเข้าครับ (เขาบอกว่าได้ไปติดให้กับห้องลูกค้าโดยติดทับแผงปรับ acoustic ยี่ห้อดังจากร้าน...ในห้างฟอร์จูนมาแล้ว)
เอาไว้เดี๋ยวผมไป set ลำโพงก่อนถ้าผมมีข้อสงสัยเพิ่มเติมผมขออณุญาติตามหาคุณ LoVe อีกนะครับ

ขอบคุณคุณ LoVe มากๆครับสำหรับคำแนะนำ เห็น system ของคุณ LoVe ที่ใช้ขับลำโพง Roger แล้วผมถึงเข้าใจถึงข้อสงสัยหลายๆอย่างของผมเอง คือมีนักฟังรุ่นพี่อยู่ท่านนึงเคยบอกผมว่าลำโพง Roger สามารถให้เสียงไม่แพ้ลำโพง proac แต่ผมไม่เชื่อ พอเห็นชุดของคุณแล้วผมจึงรู้ว่าที่ผ่านมา system ของผมยังไม่สามารถรีดประสิทธิภาพเต็มๆของ Roger ออกมา แต่ผมคงไม่มีตังค์ขยับขึ้นไปเล่นชุดไฮเอนด์ขนาดนั้นหรอกครับ ผมว่าผมคงมาหาทางจัดการกับ proac ก่อน โดยทำตามข้อแนะนำข้อแรกของคุณ LoVe คือหาหลอดใหม่ให้แอมป์ ts. ก่อนน่าจะมาได้ถูกทางและถูกตังค์ที่สุด ส่วนขาลำโพง 24 นิ้วยังไม่มีครับแต่จะลองขยับลำโพงดูใหม่ครับ
ตานี้ผมจะโม้ประสพการณ์ของผมให็ฟังบ้างครับ คุณ LoVe คงจะแปลกใจครับถ้าผมบอกว่าห้องขนาด 3.6*3.8 m. ของผมเนี่ยสามารถฟังเพลงกลองของ YIM HOK MAN track แรกโดยใช้ roger+ab1 นี่แหละ เปิดได้ดังจนเสียงเต้มห้องโดยที่เบสไม่มีการบวมเลยแม้แต่น้อยครับ สามารถโชว์ไดนามิกของกลองแต่ละใบ รวมถึงความเป็น 3มิติได้เป็นอย่างดีครับ มันเป็นเพราะไอ้เม็ดไม้ acoustic system ครับ (สามารถเสิร์ชคำว่า acoustic systemดูใน google ได้ครับมีตัวอย่างห้องที่ติดให้เราดูอยู่หลายห้อง ล้วนแล้วแต่เป็นห้องที่ยากต่อการปรับแต่ง acoustic ทั้งสิ้น)โดยผมติดเมื่อตอนมี.ค. เป็นห้องที่ 8 ของผู้นำเข้าครับ (เขาบอกว่าได้ไปติดให้กับห้องลูกค้าโดยติดทับแผงปรับ acoustic ยี่ห้อดังจากร้าน...ในห้างฟอร์จูนมาแล้ว)
เอาไว้เดี๋ยวผมไป set ลำโพงก่อนถ้าผมมีข้อสงสัยเพิ่มเติมผมขออณุญาติตามหาคุณ LoVe อีกนะครับ

อ้าว ผมดันโพสไป 2 รอบ

โอววว ยินดีอย่างยิ่งเลยครับคุณ Love เจอเซียนเครื่องบ้านแล้ว ไว้มีปัญหาขออนุญาตถามด้วยคนล่ะ 555 ตอนนี้ชุดที่ผมมี ผมก็ไม่รุ้ว่าซื้อมาทำไม เพราะซื้อมาแล้วได้แต่มอง แต่ไม่เคยได้มีโอกาสเปิดเลยครับ...555

จัดไปครับคุณกวี อันไหนถูกใจและเข้าท่าก็อันนั้นล่ะ...ว่าแต่ผมยังข้องใจกับขาตั้ง 28 นิ้วจริงๆๆ เพราะเจ้า tablette นั้นผมเคยเกือบจะซื้อ แต่ไปได้กับ Response 1S ซะก่อน ซึ่งตอนนั้น ถ้าจำไม่ผิด ขาตั้งที่คู่กับมันน่าจะเป็น Target หรือไงนี่ล่ะ ซึ่งความสุงไม่ใช่ 28 นิ้วแหง๋ๆๆ เลย (ไม่แน่ใจเหมอืนกัน)

และ tablette นั้นว่ากันจริงๆๆ มันไม่เตี้ยหรอืเล็กกว่า REsponse 1S เท่าไหร่ด้วยล่ะจ้า.....55

ว๊าว !! ขอบคุณคุณ LoVe ครับ ได้ ความรู้ มากมายทีเดียวล่ะ ครับ ..........อิ อิ อิ

ด้วยความยินดีครับ คุณกวี
สงสัยต้องลองเอา เม็ด acoustic system มาลองใช้ดูบ้างแล้วครับเพื่อเสียงจะดีขึ้นบ้าง
อย่าลืมเช็ค เฟสของสาย AC ด้วยนะครับมีผลมากทีเดียว ว่าถึงเรื่องนี้แล้วสมัยก่อนบ้านเก่าของผมเล่นลากสายใหม่จากหม้อเข้าห้องฟังกันเลยทีเดียวครับ (บ้าเป็นเอามาก) กร๊ากๆๆๆๆ

ด้วยความยินดีครับ เฮียมั่นคง
ซง...เซียน อะไรครับเฮีย ผมยังอ่อนนัก เพียงแต่...เจ๊บมาแย๊อะๆๆๆๆ 666+

ด้วยความยินดีครับ คุณเบียส
แชร์ประสบการณ์กันนะครับ

คุณ LoVe ครับถ้าสมมุติว่าคุณ LoVe จะติดเม็ดไม้จริงๆ ผมอยากจะเตือนคุณ LoVe ว่าวันที่ทางร้านเขาไปติดเม็ดไม้เขาอาจจะนำเครื่องเคียงบางอย่างไปด้วย(เพื่อนผมก็โดน)ไม่ว่าสายสัญญาณ หรือปลั๊กกรองไฟ ของที่เขานำมาแต่ละอย่างล้วนเป็นอันตรายต่อกระเป๋าตังค์ทั้งสิ้น ถ้าไม่ให้เขาลองก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าลองใช้แล้ว รับรองว่าเสียตังค์เพิ่มอีกบานแห้วครับ ผมเองก็ไม่ซื้อครับเพราะงบหมดแต่ยังคิดถึงเครื่องเคียงพวกนั้นมาจนถึงทุกวันนี้เลยครับ

จร๊ากกกกกก

งั้นสงสัยว่าคงจะไม่ลองดีกว่า เพราะช่วงนี้รัดเข็มขัดเนื่องด้วยสภาวะเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้นเลย

ถ้าคุณกวี ลองเปลี่ยนหลอดแล้ว ลองขยับลำโพงแล้ว ลองเปลี่ยนขาตั้งแล้ว เป็นอย่างไรมาเล่าให้ฟังด้วยนะครับ

ผมว่าเนื้อเสียงและเบสน่าจะอิ่มขึ้น แต่ความสว่าง ความโปร่งใส อาจจะลดลงเล็กน้อย คิดว่า(!_!)

ผมเพิ่งได้รับพัสดุหลอดมาเดี๋ยวนี้เองครับ หลอด 12au7sylvania 2 หลอด, 12at7GE 2 หลอด, ส่วน EL34 เป็นของ electro harmonic ครับ(ถูกที่สุดที่หาได้แล้วครับ หมดไป 4000 บาทพอดี) เดี๋ยวผมรีบไปลองก่อนแล้วจะกลับมารายงานผลนะครับ

อ้อๆ ดูด....ดูด ความรู้

สวัสดีครับคุณ LoVe หลังจากเปลี่ยนหลอดให้ ts.แล้ว ผมก็เอามันมาต่อแทน audiolab ปรากฎว่า proac เสียงมันอิ่มขึ้นจริงๆครับ เสียงคนร้อง เสียงเครื่องดนตรีที่ผมว่ามันผอมบาง เรียวเล็กก็หายไปแล้วครับ แถมเบสก็มีเนื้อและลงได้ลึกกว่าเดิมครับ อิมแพคหัวเสียงของเครื่องเคาะ ไวบราโฟน ปลายฉาบก็ชัดเจน สด แต่ไม่ใช่ชัดแบบ sss ครับชัดแบบธรรมชาติไม่กัดหูครับฟังแล้วเหมือนวูฟเฟอร์มันใหญ่ขึ้น ผมว่าจริงอย่างที่เฮียมั่นบอกครับว่า proac ก็คงต้องใช้กับแอมป์หลอด
ขอบคุณมากนะครับคุณ LoVe (เฮียมั่นด้วยครับ) ที่ให้คำปรึกษาดีๆกับผม ขอบคุณครับ
แหะๆ ขอถามคุณ LoVe ต่ออีกหน่อยครับว่า roger+ab1 เมื่อเทียบกับ proac studio125 , 2.5 ต่างกันยังไงบ้างครับ

หากระทู้นี้อยู่นาน บอร์ดเสียหรือป่าวครับ เลยต้องหาจากช่อง ค้นหา แทน

ยินดีด้วยครับ คุณกวี ที่ได้เสียงแบบที่ต้องการโดยเสียเงินน้อยที่สุด

roger+ab1 เมื่อเทียบกับ proac studio125 , 2.5 ต่างกันยังไงบ้างครับ ???

ขอบอกแยกเป็นตัวๆไปเลยดีกว่านะครับ

roger+ab1 คุณกวีคงจะได้แนวเสียงจากการเล่นไปพอประมาณแล้ว แต่คุณภาพที่ลำโพงแสดงออกมานั้นยังไม่สุดนะครับ อนาคตถ้าคุณกวีได้ขยับ system เพิ่ม รายละเอียดต่างๆ น้ำเสียง เวทีเสียง ความสงัดระหว่างชิ้นดนตรีก็จะดีขึ้นไปอีก

proac studio125 ที่ผมเคยใช้นั้นก็ถือได้ว่าน้ำเสียงดีทีเดียวครับ ลักษณะออกไปทางโปร่งใส่ รายละเอียดดีแต่ปลายเสียงยังไปได้ไม่ไกลมาก และยังขุ่นมัวเล็กน้อย เสียงกลางก็ยังไม่หลุดลอยออกมาซักเท่าไหร เวทีเสียงทำได้พอประมาณ เสียงต่ำยังให้แรงปะทะและความลึกได้ในระดับนึง แต่ถ้าในงบราคาขนาดนี้ก็ถือได้ว่าคุ้มค่าสมราคา

อ่านมาแล้วอาจจะงงว่า ผมบอกว่าดี แต่ทำไมมีแต่ข้อเสีงจัง นั้นเพราะเมื่อคุณเอาไปเปรียบเทียบกับรุ่นใหญ่ขึ้นรุ่นที่สูงกว่าก็จะให้อะไรได้มากกว่านั้นเอง

แต่ถ้าเปรียบเทียบกับ Roger แล้วเสียงกลางแหลมนั้นยังสู้ไม่ได้หลายช่วงตัวทีเดียว ส่วนเสียงเบสนั้นจะเก็บตัวได้เร็วกว่านิดหน่อย เรื่องมิติเวทีเสียงก็ยังพูดยากนะครับ เพราะถ้าในชุด Roger ใช้ system ไปถึงจุดนึงแล้ว Proac ตัวนี้ก็ไปไม่ถึง Roger แต่ถ้าใช้ system แค่พอประมาณก็สูสีกันครับ มีดีมีด้อยพอกัน

proac response 2.5 ต้องใช้ system ที่เริ่มเข้าสู่ Hi End ถึงจะเรียกประสิทธฺภาพได้สมน้ำสมเนื้อ เปรียบกับตัวรองแล้ว หนังคนละม้วน กันเลยทีเดียวแต่เนื่องจากอยู่กันคนละ Class ไม่ขอเปรียบเทียบนะครับ เพราะดีกว่าทุกกรณ๊

แต่ถ้าเปรียบกับ Roger แล้ว Proac ค่อนข้างดีกว่า เล่นเพลงได้หลากหลายแนวกว่า เล่นแนวคลาสสิคได้ เปิดดังได้ เบสลงลึกกว่า เสียงแหลมนั้นค่อนข้างสูสีกัน ส่วนเสียงกลางความหวานยังเป็นรอง Roger อยู่เล็กน้อย

** คนที่มีลำโพง Roger LS3/5 อยู่นั้นโดยส่วนมากต้องมีลำโพงตั้งพื้นอีกคู่นึง...ผมคิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น

Proac เท่าที่ผมลองจับคู่มาชอบพาวเวอร์ Cary กับ Jadis มากครับสมกันยังกะ กิ่งทองใบหยก

** ส่วนลำโพงเล็กอีกคู่ที่ประทับใจก็มี Sonus Faber Guarneri เสียงประทับใจเกินคำบรรยายเลยทีเดียวครับ งานปราณีตทุกระเบียดนิ้ว ลองหาโอกาสฟังดู

พอดีตอนนี้กำลังเห่อ tabbeltte ref.8 อยู่ครับ ตอนนี้ผมว่า system ของผมขับมันได้ดีในระดับนึงเลยล่ะครับ แต่ก็ยังคอยขยับลำโพงวันละนิดวันละหน่อย(ถอยหลังจากจุดเดิมประมาณได้ไม่เกิน 2 ซ.ม.ครับถ้ามากกว่านี้ตำแหน่งชิ้นดนตรีด้านหลังจะเริ่มทับซ้อนกัน )ตอนนี้ในห้องของผม ผมจะรู้สึกว่าลำโพง proac จะให้เสียงที่ฟังง่ายกว่า roger ครับ การแยกแยะชิ้นดนตรี ช่องไฟ ความลึกของเวทีเสียงด้านหลังบางเพลงลึกไปจนติดกำแพงหลังเลยครับ( ซึ่งในห้องของผม roger ให้ไม่ได้ขนาดนี้)
แต่เท่าที่คุณ LoVe ได้ให้ข้อมูลเปรียบเทียบว่าลำโพง roger สามารถไปได้เกือบถึง 2.5 ทำให้ผมคันยิกๆ แล้วคราวนี้เลยอยากรบกวนถามต่อว่า ในsystem ของผมถ้าอยากจะให้มันขับลำโพง roger ให้ได้ดีขึ้นคุณ LoVe ว่าผมควรจะปรับปรุงอย่างไร
1. คงปรี pv10a ไว้แล้วเอา audiolab ไปเปลี่ยน poweramp ใหม่ให้เหมาะกับroger(กรณีนี้ก็เก็บ ts. ไว้เล่นกับ proac)
2. ถ้าต้องเปลี่ยนยกชุด อยากจะให้แนะนำ system ที่ใช้ได้กับลำโพงทั้ง 2 ตัวครับ
ขอบคุณครับ แหมผมอยากเรียกคุณ LoVe ว่าคุณยุทธพงศ์ เลิฟ จริงๆ(เลียนแบบมาจาก อ.ยุทธพงศ์ ลิ้ม 555)

ลำโพง 3/5 นั้นเป็นลำโพงที่ดูดเงินในกระเป๋าจริงๆเลยนะครับถ้าจะให้มันเสียงออกมาเต็มประสิทธิภาพอย่างที่ผมกล่าวไว้ในกระทู้ตอบครั้งแรก \" สุข ปน ทุกข์ \" 666+

เล่น Proac ง่ายกว่าเยอะครับ แต่คนเราบางครั้งอะไรที่มันได้มายากจิตใต้สำนึกก็อยากที่จะได้มา....(เหมือนเช่นผมเป็นต้น)

ลำโพง Roger นั้นสำหรับผมมองว่าถ้ายังต้องจับคู่กับ AB1 นั้นพอไปถึงจุดสุดท้ายแล้วมันก็ตอบสนองได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากทางกายภาพของลำโพง 1+1 จะให้ผลลัพธ์เป็น 1 นั้นทำไม่ได้ในกรณีนี้ สุดท้ายแล้วต้องไปมองลำโพงที่ให้เสียงต่ำได้ดีกว่านี้และเปิดได้ดังโดยไม่มีอาการ ผมถึงกล่าวถึง Sonus Faber แต่ก็ยังมีอีกหลายยี่ห้อเช่นกัน

1.ผมมองว่าตัว PV10A นั้นยังใช้ไปได้อีกและใน system ตอนนี้เอา audiolab เทรดออกไปหา Poweramp hi end มือสองสภาพสวยๆไปเลยด๊กว่าครับ ไม่ต้องเสียซ้ำเสียซ้อน ถ้าคิดจะเล่นแล้ว เก็บเงินสักพักเล่นของหนักไปเลยดีกว่าทีเดียวจบ

2.ไม่แนะนำให้เปลี่ยนยกชุดครับ จะออกแนวใช้เงินเล่นเครื่องเสียงซะงั้น ผมว่าเสน่ห์อย่างนึงของการที่เราได้ทดลองใช้อะไรหลายๆอย่างมันคือ \" ประสบการณ์ \" ค่อยๆเล่นค่อยๆขยับไปจะดีกว่าในความคิดผมนะครับ

** จริงๆแล้วมิติเวทีเสียงต้องทะลุกำแพงหลังห้องไปนะครับถึงจะถูก แปลว่าคุณกวี อาจจะยัง Set ไม่เข้าที่ก็เป็นได้

*** แหมไม่ต้องถึงขั่นนั้นหรอกครับ แค่เอาประสบการณ์มาแชร์กัน \" เสียเงินซื้อไมใช่เรื่องยาก แต่เสียให้ได้คุ้มค่ายากยิ่งกว่า \" เรียกผม LoVe เมื่อเดิมนะดีแล้วครับ ผมยังอ่อนนัก....666+

ตกใจจริงๆครับ!!! มิติต้องทะลุกำแพงหลัง.. ผมยิ่งรู้สึกว่าประสพการณ์ของผมยังด้อยไปจริงๆ ผมคงต้องไปเริ่มต้นเซตลำโพงใหม่แล้วล่ะครับ แต่คุณ LoVeครับผมอาจจะหายไปสัก 2-3วัน เพราะว่าวันนี้ผมเอา pv10a ไปให้ช่างเช็คดูน่ะครับพอดีมันมีเสียงวี๊ดเบาๆออกมาที่ลำโพงขวาซักพักนึงแล้ว สลับหลอดก็ไม่หาย เดี๋ยวยังงัยผมจะมาตามหาคุณ LoVeใหม่นะครับ (อย่าเพิ่งทิ้งผมไปล่ะ ผมคงต้องรบกวนขอความรู้ในการเซตลำโพงอีกมาก)ขอบคุณครับ

OH...OH...HO คนรวยคุยกัน\"งง\"อ่ะครับ

ชอบครับ ขอบคุณ จขกท และคุณ love ที่ให้ความรู้ครับ

ต้องขอโทษสมาชิกท่านอื่นอีกครั้งนะครับที่กระทู้ของผมมันไม่เกี่ยวกับหูฟังน่ะครับ
คุณ LoVe ครับการที่เวทีเสียงของลำโพงจะทะลุกำแพงหลังออกไปได้นั้นเป็นเฉพาะกับเพลง classic หรือเปล่าครับ เพลงแจ๊สที่บันทึกมาดีๆ(เช่นแผ่น jass at the pawnshop)สามารถให้มิติอย่างนั้นได้ไหมครับ
แล้วอยากจะให้คุณ LoVe แนะนำเทคนิคในการเซตลำโพงให้ได้มิติเสียงแบบนั้นหน่อยน่ะครับ ว่าเขาขยับ+ฟังกันยังไง พอดีกลุ่มพรรคพวกของผมที่เล่นเครื่องเสียงก็มีอยู่แค่ 3-4 คน เท่าที่สอบถามดูก็ยังไม่มีใครไปถึงขั้นนั้นครับ(ยิ่งผมเคยอ่านบทความเจอพวกที่เขาเซตลำโพงเก่งขั้นเทพ เขาบอกว่า system ที่เซตได้ลงตัวจริงๆ ผนังทั้ง 6 ด้านมันจะหายไป ) ของผมคงไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอกครับ เอาแค่ให้มันดีกว่าเดิมและมีหลักในการเล่นที่ถูกต้องก็พอครับ
ขอบคุณ คุณ LoVe มากครับ

ถามอีกแล้ว(วันนี้ว่างมากครับ) พอดีเมื่อกี๊ซนเลยไปเปิดดู web noomhifi มีคนขาย power conrad-john mv75 ราคาพอรับได้(แต่ยังไม่กล้าโทรไปเพราะตอนนี้ไม่มีตังค์แล้วครับ)คุณ LoVe พอจะทราบไหมครับว่า mv55,mv60seและmv75 3ตัวนี้มันต่างกันยังไงครับ แล้วแอมป์ 3 ตัวนี้ถ้านำมาขับ LS3/5A จะไหวไหมครับ

คห.ที่ 24
ยินดีครับ คุณกวี เอาเป็นว่าอย่าลืมอุดหนุนสินค้าร้าน เฮียมั่นคง ด้วยแล้วกันครับเกรงใจแกอยู่เหมือนกัน 666+

คห.ที่ 25
คุณ ย่องมาฟัง อย่าเรียก \" คนรวย \" เลยครับ มันฟังดูแล้ว \" แตกแยกความรู้สึก \" ยังไงก็ไม่รู้
ถ้าเปลี่ยนเป็น \" คนเล่น \" จะรื่นหูกว่านะครับ (ผมไม่ได้โกรธ และก็ ไม่ได้ว่า) นะครับอย่าเข้าใจผิด

คห.ที่ 26
หวัดดีครับ คุณ ota_hay ผมไปอ่านอีกเว็บนึงแล้วเจอคุณเหมือนกัน ถ้ามีเวลาว่างมากพอจะลองทำ amp หลอด เอาให้ น้องไต้ฝุ่นเล่นกับ sr 80i ดูบ้าง เพราะผมพอจะบักรีเป็นเพราะเคยทำเล่นเมื่อนานมาแล้วเหมือนกันแต่ความรู้ด้านอิเล็คทรอนิกส์แค่หางอึ่งเอง....อิอิ ไว้ต้องแบบเข้าไปดูความรู้จากเว็บโน้นบ่อยๆซะแล้ว

คห.ที่ 27

ว่ากันถึงเรื่องการจะให้เครื่องเสียงที่เล่นอยู่นั้นแสดงประสิทธิภาพออกมาได้เต็มที่ผมว่ามันต้องมีองค์ประกอบหลายๆอย่างด้วยกันนะครับ เอาเป็นในความคิดผมนะครับเพราะผมก็ไม่ใช่ เซียน เทพ นักเขียน นักวิชาการ ขออธิบายตามประสาบ้านๆนะครับ

1.Sysytem
ต้องไปถึงระดับที่แสดงศักยภาพได้ในระดับหนึ่งเพื่อที่จะได้เห็นถึงการแยกแยะ มิติ เวทีเสียง บรรยากาศ และรายละเอียดต่างๆ

2.Matching
การเข้ากันของอุปกรณ์ใน system เพราะถ้าอุปกรณ์แต่ละตัวไม่สัมพันธ์กันเสียงที่ได้ก็จะไม่ดีและไม่ครบ หรือออกไปในโทนเดียวกัน ยกตัวอย่างในระบบของคุณกวี เช่น ปรีแอมป์ น้ำเสียงออกไปในทางอบอุ่นปนใส + แอมป์น้ำเสียงออกไปในทางโปร่งบางสว่างสดใส + ลำโพงน้ำเสียงออกไปในทางโปร่งใส = เสียงที่ได้ออกมาก็เลยกลายเป็นลูกชิ้นน้ำใส.....อิอิ

3.Setting
เมื่อมี system ที่ดีแล้ว มีการ Matching ที่ดีแล้ว ส่วนสำคัญต่อมาก็คือการ Setting ที่ดี อันนี้แนะนำว่า คุณกวี ต้องหาข้อมูลเยอะๆ ลองผิดลองถูกด้วยตัวเองเยอะๆ เพราะบางครั้ง \" ฟังเค้าเล่าว่า \" ไม่เท่าลงมือปฎิบัติเองเพราะการที่คุณได้ทดลองเองมันก็คือประสบการณ์ของคุณ ห้องฟังแต่ละห้องก็ Setting ไม่เหมือนกัน

** เรื่องวิธิการเซ็ทลำโพงสงสัยผมต้องใช้เวลาพอประมาณเลยครับเพราะต้องว่ากันย๊าวววยาวววว เลยหล่ะ

4.Perception
การรับรู้ (ของหู) แต่ละคนไม่เท่ากันเนื่องจากต้องใช้ประสบการณ์ในการที่ได้ฟังมาเยอะ เรียนรู้มาเยอะ รับรู้มาเยอะ ถึงจะบอกได้ว่าอะไรเป็นอะไร เอาเหตุการณ์ยกตัวอย่างมาเล่าให้ฟัง

ณ ร้านขายเครื่องเสียง Hi-End แห่งหนึ่ง เจ้าของร้านกำลังเปิด System หลายแสนบาทอยู่

นาย ก :
กำลังนั่งเสพเสียงที่ดื่มด่ำอย่างออกรสชาติอยู่ ในขณะนั้นก็หันไปถามเพื่อนที่มาด้วยว่า \" เป็นไงบ้างว่ะ เสียงโคตะระดีเลย เห็นนักร้องกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่ด้วย \"
นาย ข :
หันมาหา นาย ก แล้วทำหน้างงๆ \" ตรูไม่เห็นจะเห็นเลยอ่ะ ??? \"

ขอบคุณ คุณ LoVe นะครับที่กรุณาให้ความรู้กับผมมาตลอดในหลายๆวันนี้ พอดีวันนี้ผมได้ตัดสินใจเปลี่ยนลำโพงกระทันหัน เนื่องจากผมเห็นว่าผมคงไม่มีโอกาสพาให้ Roger ไปถึงดวงดาว ดังนั้นผมจึงนำ Roger+AB1+Ref.8 ไปเทรดเป็น Proac รุ่น D-15 มือสอง โดยเพิ่มเงินอีกเล็กน้อยท่ามกลางแววตาอันเขียวปั๊ดของภรรยาครับ เพราะผมเห็นว่า system ของผมน่าจะขับมันได้ดีกว่าลำโพง Roger ทางร้านจะนำมาส่งให้วันอาทิตย์ครับ แล้วยังไงวันหลังผมอาจจะต้องขออนุญาติเฮียมั่นตั้งกระทู้ตามหาคุณ LoVe ภาคสองนะครับ
หลังจากที่ผมได้คุยกับคุณ LoVe หลายวันมานี้ผมรู้สึกว่าคุณ LoVe เป็นคนดีมากเลยคับ ผมอยากขอบคุณ คุณ LoVe อีกครั้งครับ

แผ่น jass at the pawnshop นั้นก็ให้มิติทะลุได้นะครับ

ผมว่าถ้าผนัง 6 ด้านหายนี้ต้องเป็นระบบโฮมเธียเตอร์แล้วหล่ะครับ ลำพังชุดฟังเพลง ผนัง 4 ด้านหายนี้ผมก็ว่าสุดยอดแล้วนะ

conrad johnson mv60se
ตัวนี้ผมไม่เคยได้ฟังนะครับ แต่จากการที่ได้สอบถามเพื่อนที่มันเคยใช้อยู่บอกว่าขับ Roger ได้ดีทีเดียว แต่อาจจะเลือก Preamp ซักหน่อย เสียงกลางหวานแต่ไม่เลี่ยน น้ำเสียงเป็นธรรมชาติดีมาก ไม่ช้าเนิบนาบจนเกินไป

conrad johnson mv75
ตัวนี้ผมก็ไม่เคยได้เล่นอีกเช่นกัน แล้วก็ไม่มีเพื่อนผมคนไหนได้เล่นเหมือนกัน สงสัยคุณกวีต้องไปลองฟังเองซะแล้ว

ถามว่า 3 ตัวนี้ขับ Roger ไหวไหม๊ ผมว่าเอาอยู่นะครับ

* ส่วนเรื่องการเซ็ทลำโพง ผมต้องใช้เวลาเขียนซักพักเลยนะครับแล้วจะมาโพสเล่าให้ฟังอีกที เพราะว่าอาทิตย์นี้ไม่อยู่ไป ตจว. ครับ

อ้าวว......ซะงั้น

คุณ กวี ลองกลับไปอ่าน คห.ที่ 9 ก่อนบรรทัดสุดท้ายดูครับ...... ควันยังไม่ทันจางเลยนะครับท่าน

งานนี้เชื่อผมซิ คุณกวีมีเสียเงินอีกรอบแน่นอน เป็นอะไรนั้นรอดูกัน...666+

** แล้วร้านเค้าตีราคา Roger 3/5 ไม่รวม AB1 ให้เท่าไรครับผมอยากรู้ราคาซื้อเข้านะปัจจุบัน

ลำโพง proac d15 เขาตั้งไว้ 79,000 บาทครับ ตีราคา roger 3/5a + ab1 รวมกัน 40,000 บาท(เขาไม่ได้แยกให้ครับ) ref.8 + ขาตั้ง 26,000 บาท ครับ
ผมเห็นที่ web.noomhifi เขาตั้งราคาขายออก roger 3/5a 55,000 บาท ab1 10,500 บาทครับ แต่ที่ผมยอมเทรดที่ราคานี้ก็เพราะว่าผมซื้อคู่นี้มาในราคา 48,000 บาท แล้วก็ใช้มาสิบกว่าปีแล้ว สภาพก็ไม่ค่อยจะงามเท่าไรครับ
คุณ LoVe ครับถ้าผมได้ลำโพงมา (ปรีแอมป์ที่เอาไปซ่อมด้วย) แล้วผมอาจจะต้องรบกวนคุณ LoVe อีกนะครับ

สวัสดีครับคุณ LoVe หลังจากหายหน้ากันไปหลายวัน(ขอโทษสมาชิกท่านอื่นอีกครั้งครับถ้าหลงเข้ามาอ่านกระทู้นี้) ตอนนี้ลำโพงใหม่(D15) ตำแหน่งที่ผมเซตได้ดีที่สุดคือห่างจากผนังด้านหลัง 133 ซ.ม. ระยะห่างระหว่างลำโพง 184.5 ซ.ม. ถ้าถอยไปกว่านี้เบสจะเริ่มโด่ง ความเป็น 3 มิติจะเริ่มลดลง ปัญหาก็คือตอนนี้เวทีด้านลึกอยู่ในระดับที่ดีแล้ว แต่ตื้นกว่า Ref.8 และไม่สามารถทะลุกำแพงด้านหลังออกไป ส่วนเวทีด้านข้างก็ไม่กว้างเหมือนRef.8 (แต่ถ้าเป็นเพลงที่จงใจบันทึกเสียงแบบเน้นโชว์ soundstage ก็หลุดลำโพงดีเหมือนกันครับ) อยากให้คุณ LoVe ช่วยแนะนำหน่อยครับว่าผมควรจะขยับลำโพงยังไง รบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

หวัดดีคับ คุณกวี

ผมว่าถ้าไม่ลำบากเกินไปขอดูรูปถ่ายของห้องฟัง ว่าผนังด้านหลังและด้านข้างหน้าตาเป็นยังไงบ้างจะดีกว่า เพื่ออาจจะต้องมีการลองปรับเปลี่ยน acoustic ดูครับ เพราะเรื่องผนังห้องก็มีส่วนสำคัญอย่างมาก...

ด้านหลังลำโพงครับ

ด้านข้าง

อีกข้างนึงครับ

ด้านหลังตำแหน่งนั่งฟังครับ

เม็ดเล็กๆที่เห็นด้านหลัง TV นั่นคือเม็ดไม้ปรับอคูสติกครับ ก่อนติดเม็ดไม้พวกนี้เสียงต่างๆตีกันมั่วไปหมดครับ แต่ตอนนี้ไม่มีปัญหาครับ มีแต่เรื่อง soundstage แคบไปหน่อยเท่านั้นครับ

ต้องขออภัยคุณ LoVe อย่างแรงครับ คือหลายวันที่ผ่านมาผมใช้ปรี Simaudio celetls(ทางร้านที่ซ่อมปรีให้ยืมมา)แทน PV10a ที่นำไปซ่อมรอบสองครับ ผมเพิ่งได้PV10a กลับมาวันนี้ครับ ปรากฏว่าต้องเซตลำโพงใหม่ครับ แต่รู้สึกว่าจะได้ความกว้างกับความลึกคืนมาแล้วครับ เดี๋ยวยังไงถ้าลงตัวกว่านี้อาจจะขอรบกวนคุณ LoVe อีกทีนะครับ

จากที่ได้ดูรูปแล้วไม่แปลกใจเลยครับว่าทำไมคุณกวีบอกว่าเสียงถึงตีกันมั่วไปหมด.....

ห้องฟังของคุณกวีนั้น เป็นห้องแบบทั้งดูหนังด้วยฟังเพลงด้วยก็ต้องได้อย่างและก็ต้องเสียอีกอย่างนะครับ เพราะตัวปัญหาที่ทำให้มิติด้านหลังนั้นไม่ได้ดีอย่างที่ควรจะเป็นก็คือ TV ต้องเอาออกแล้ววางแผ่น difuser แทนที่แต่ถ้ายังต้องการ TV อยู่ก็ไม่มีทางแก้แล้วละครับนอกจากจะเปลี่ยนไปใช้โปรเจคเตอร์ยิงภาพใส่ จอม้วน โดยที่เมื่อไม่ได้ดูก็ม้วนจอเก็บ โดยยังมีแผ่น difuser วางอยู่ตรงกลางได้เหมือนเดิม ถ้าเป็นแบบนั้นรับประกันมิติทะลุกำแพงหลังแน่นอน

สายลำโพงอย่าให้แตะพื้นห้องนะครับหา ท่อ PVC ที่มีเคเบิลมาวางให้ลอยจากพื้นแทนเสียงจะดีขึ้นครับ แล้วสายต่างๆก็พยายามอย่าให้มันแตะกัน หรือพาดผ่านตัวหม้อแปลงของตัวเครื่องด้วยนะครับเสียงจะแย่ลง

** แล้วมิติ ด้านซ้าย แย่กว่า ด้านขวา ใช่รึป่าวครับ

ผมดูแล้ว พนักพิงของเก้าอี้นั่งฟังของคุณกวีก็มีผลด้วยครับ เพราะเก้าอี้คุณกวีนั้นค่อนข้างสูงกว่าศีรษะและใบหูแน่นอน เวลาเราเอนศีรษะลงกับเบาะ มันจะเกิดอาการสะท้อนจากตรงนี้ได้ด้วยครับ 555

คือเสียงส่วนหนึ่งจะยิงตรงเข้าหู แต่อีกส่วนจะสะท้อนตรงเบาะพนักพิงศีรษะด้วยเช่นกัน ลองทดสอบด้วยการหาเก้าอี้ที่ความสูงเท่ากัน แต่มีพนักพิงแค่คอ ผมเชื่อว่าดีขึ้นได้อีกจ้า

ลองทำมือแบๆๆ แล้ววางไว้หลังหู ทำมือแบๆๆ แบบคล้ายๆๆ หูช้างล่ะครับ (ไม่ใช่ป้องหูนะครับ) ลองเอามือยกขึ้นและยกลง ฟังเปรียบเทียบกัน แบบที่เรายกมือแบๆๆ คล้ายๆๆ กับหูช้าง จะทำให้เราได้ยินเสียง 2 ครั้ง (ฟังเผินๆๆ มันจะเป็นครั้งเดียว แต่ถ้าเทียบจริงๆๆ มันจะมีการสะท้อนเป็น 2 ครั้งนิดๆ) ซึ่งตรงนี้มีผลต่อการพร่าเลือนของมิติด้วยจ้า....

ลองดูครับ ผมเองก็มั่วๆๆ เอาเหมือนกันล่ะ 55

มิน่าล่ะครับผมเซตลำโพงยังไงมิติมันก็สุดอยู่แค่กำแพงหลัง เป็นเพราะ TV นั่นเอง จริงๆTVผมก็ไม่ค่อยได้ดูหรอกครับผมยกมาจากห้องนอน ในบ้านไม่มีที่จะเก็บแล้วครับ จะทิ้งก็คงโดนเมียตบแน่
**มิติ ด้านซ้าย ก็แย่กว่า ด้านขวา จริงๆครับแต่ไม่มากพอรับได้ ตอนนี้ลำโพงยังเซตไม่ได้เลยครับ งงๆอยู่เพราะเสียงของปรี Simaudio ยังติดหูอยู่ครับ ตอนแรกที่เขาให้ยืมมาเราก็ติว่าเสียงมันทึบต้องฟังดังๆจึงจะออกมาดี แต่พอคืนเขาไปแล้ว มาฟังปรีของเรามันใสและกว้างกว่าก็จริงแต่มวลเสียงกลับบางเกินไป ได้อย่างเสียอย่างครับคงต้องรอให้ชินหูก่อนแล้วค่อยขยับต่อ(ตอนนี้ขยับไม่ถูกแล้วครับ พักให้หายก่งก๊งก่อน)
ขอบคุณเฮียมั่นมากๆครับ ผมรบกวนใช้เวปเฮียออกนอกเรื่องไปหน่อยต้องขอโทษด้วยนะครับ(แต่คงต้องรบกวนต่อไปอีกระยะนึง 555) ส่วนข้อแนะนำของเฮียเดี๋ยวผมจะรีบนำไปปฏิบัติอย่างด่วนครับ
ขอบคุณคุณ LoVe กับเฮียมั่น มากๆนะครับ

TV ถ้าไม่ได้ดูก็ยกออกไปไว้นอกห้องดีกว่าครับ

** ที่ผมถามถึงเรื่องมิติทางด้านซ้ายแย่กว่าด้านขวานั้นเพราะว่าผมดูจากรูปที่ คห.ที่39แล้วมีอยู่ 2 อย่างที่เป็นตัวปัญหา
1.คือตู้โชว์ที่มีกระจกอยู่ข้างลำโพง อันนั้นถ้าติดตายตัวย้ายออกไม่ได้ก็สุดวิสัย
2.diffuser ด้านซ้ายตัวที่อยู่ด้านหลังลำโพงที่ติดกับกำแพงด้านหลัง ระยะไม่บาลานซ์กับแผ่น diffuserด้านฝั่งขวา ลองวิธีนี้ดูไม่รู้จะได้ผลรึป่าวนะครับขยับ diffuser ออกจากผนังด้านซ้ายให้บาลานซ์เท่ากับด้านขวา ผมว่าน่าจะได้มิติดีขึ้นอีกนิสสสสนึง


ผมก็เห็นด้วยกับความคิดของเฮียมั่นคง เรื่องเก้าอี้เหมือนกันครับ แต่ถ้าเปลี่ยนเก้าอี้ก็มีปัญหาตามมาอีก(แต่ก็ควรจะเปลี่ยนครับ)ในความคิดเห็นของผมนะ คือจุดที่นั่งฟังดูจากรูปแล้วห่างจากผนังหลังไม่น่าจะเกิน 1ฟุต เสียงเพลงจะสะท้อนกำแพงหลัง delay กลับมาตีกับเสียงหลักที่ออกจากลำโพงอีกทีนึง

วิธีแก้ไขแนะนำให้หาฟองน้ำซับเสียงมาติดกำแพงด้านหลังจนเต็มผนัง เพราะเนื่องจากขนาดห้องเกือบจะเป็นสี่เหลี่ยนจตุรัส ด้านหลังจะต้องทำให้เสียงที่เลยจากหูคนฟังไปแล้วนั้น เสียงต้อง dead ไปเลยไม่มี effect กลับมาอีก วิธีนี้จะทำให้มิติในเวทีเสียงเงียบสงัดมากขึ้น ระหว่างชิ้นดนตรีจะเงียบขึ้นอีก

โต๊ะวางของที่อยู่ตรงหน้าก็ย้ายออกมาไว้ด้านข้างที่นั่งทางซ้ายมือจะดีกว่านะครับ

ผมลองเอา plan วางให้ดูเล่นๆครับ

สเกลห้องถูกต้อง แต่สเกลของต่างๆประมาณเอานะครับ

55 มาช่วยมั่วๆๆ ต่อ ห้ามว่ากันเน้อ 555

เก้าอี้นั้น ผมแนะให้ลองเอาตัวใหญ่ออกไปจากห้อง แล้วใช้ตัวเล็กแทนไปก่อนครับ แล้วขยับเก้าอี้ให้เดินหน้าอีกนิด เอาให้ใกล้ลำโพงอีกซัก 30 ซม. (ลองมั่วๆๆ ก่อน) อาการก้องสะท้อนน่าจะลดลงนิดนึงครับ

ถ้ามีแผ่นอคูสติกบอร์ดซัก 4-5 แผ่น ปิดตรงบริเวณหลังเก้าอี้ก็จะเยี่ยมเลย เห็นตามคุณ love เลยเด้อ 555 เพราะเมื่อไหร่ที่หลังของเรามีการก้องสะท้อน ฟังไงก็สะท้อนล่ะจ้า

หลังจากขยับเก้าอี้ขึ้นหน้าแล้ว อย่าลืมปรับระยะห่างของลำโพงกับฝาผนังหลัง และระยะห่างระหว่างกันและกันอีกทีนึงครับ 555 ของพรรค์งี้ ไม่ตายตัวจริงๆๆ คือต้องกะและขยับฟังไปทีละเสตป ไม่ดีก็แก้และปรับไปเรื่อยๆๆ ครับ

เรียกว่าไม่ได้กินไม่ได้นอนเป็นอาทิตย์เลยล่ะ กว่าจะพอลงตัว 555


เอ้า เอาใจช่วยคุณกวีครับ สู้ๆๆๆๆๆ

666+ ถ้าเฮียมั่วๆๆ ผมก็ออกทะเลๆๆแล้วหล่ะคร๊าบบบบ เอิ๊กๆๆ

ตอนยกเก้าอี้ตัวใหญ่ออก ยกเอา TV ออกไปด้วยนะครับ.....อิอิ (แล้วจะรู้ว่าสวรรค์มีจริง)

ถ้าเอาเก้าอี้เดินหน้าอีก 30 ซม. น่าจะใกล้ลำโพงเกินไปนะครับผมว่าต้องเซ็ทลำโพงใหม่แล้วก็อาจจะต้องโทนอินลำโพงเล็กน้อย แต่ผมว่าเวทีเสียงอาจจะแปลกๆก็ได้นะครับ ทางที่ดีเอาตัวปัญหาใหญ่ออกไปก่อนเลยครับ TV อ่ะนะ

ยังไงก็ค่อยๆลองดูไปทีละอย่างแล้วอย่าลืมมารายงานผลด้วยนะครับผม...

แห่ะๆคุณ LoVe กับเฮียมั่น ครับพอจะแนะนำแผ่นนอคูสติกบอร์ดให้ผมซักนิดได้ไหมครับว่าจะต้องไปซื้อจากที่ไหนครับ พอดีเมื่อซัก 10 ปีที่แล้วผมก็เคยไปซื้อแผ่นฟองน้ำจากแถวบ้านหม้อมาใช้ แต่เมื่อติดไปแล้วตอนนั้นผมฟังไม่ออกน่ะครับว่าดีขึ้นยังไง(ตอนนั้นซื้อติดด้านหลังลำโพงครับ)เลยถอดออก
ขอบคุณคุณ LoVe(อีกแล้ว)นะครับที่อุตส่าห์ทำแผนผังมาให้ ผมจะค่อยๆปรับปรุงห้องไปเรื่อยๆครับ โต๊ะวางของกับฟองน้ำคงใช้เวลาไม่นานแต่ TVคงต้องยอมน่ะครับ ในบ้านไม่มีที่วางจริงๆ

แผ่นอคุสติกนั้นมีอยุ่เจ้านึงครับ อยู่แถวๆๆ วัดสระเกศหรือไงนี่ล่ะ ลองเปิดในหนังสือเครื่องเสียงได้เลยครับ เดี๋ยวผมเปิดให้แล้วจะมาบอกครับ

มันมีหลายลายครับ เป็นแผ่นสีขาวๆๆ มีรูต่างๆๆ กันไม่ติดไฟ ไม่ฟุ้ง น่าใช้กว่าฟองน้ำ ซึ่งค่อนข้างจะเก็บและขังขี้ฝุ่นในระยะยาวจ้า ราคาน่าจะไม่เกิน 200 บาท ขนาด 60x60 ซม.จ้า

ชื่อร้านอุดมไม้ไทยหรือไงนี่ล่ะครับ.........


เย้ เจอพอดีเลย ผมหาลิงค์จนเจอแล้ว 5555

http://archive.htg2.net/webboard2/view.php?No=20601

ขอบคุณเฮียมั่นนะครับ

ซื้อมาเรียบร้อยแล้วครับ แผ่นละ 65 บาทครับ ผมลองเอาหูแนบดูแล้วรู้สึกว่าสงัดกว่าแผ่นชานอ้อยพอสมควร เดี๋ยวจะไปลองติดดูครับ

ผมจำได้ว่ามันมีหลายลาย และแต่ละลายจะถูกแพงไม่เท่ากันหรือไงนี่ล่ะ 555 แผ่นอคุสติกบอร์ดผมซื้อมาใช้เยอะเหมอืนกัน ไม่ใช่ห้องฟังเพลงอย่างเดียว มุมไหนที่ไม่อยากให้เสียงรบกวนมากนัก เอามาบุๆๆๆ แล้วมีผ้าม่านบังซักหน่อย โอ๊ยยยย สุดๆๆๆ คือมันสงัดขึ้น..........

น่าใช้มากๆๆ ครับคุณกวี...ลองดูครับ ผมว่ามันไม่แพงแต่ได้ผลดีพอควร และที่ดีกว่านั้นคือไม่เก็บฝุ่น


นานๆๆ เอาเครื่องดูดฝุ่น ดูปรื๊ดเดียวเกลี้ยงเลยครับ แนะนำให้ค่อยๆๆ ซื้อเพิ่มไปทีละหน่อย อย่าซื้อตูมเดียวครับ ดุจากห้องคุณกวีแล้ว เริ่มต้นที่ 6-8 แผ่นก็เหลือๆๆๆ แล้วล่ะจ้า 555

ผมติดไป 8แผ่นครับเฮีย หลังจากติดเสร็จก็ฟังเลยโดยยังไม่ได้เซตลำโพง เสียงเปลี่ยนไปดังนี้ครับ
1. เสียงปลายแหลมในบางเพลงที่มันแข็งจัดกร้าวลดลงอย่างชัดเจน แกล้งเปิดดังๆก็ฟังได้โดยขี้หูไม่เต้นครับ
2. มิติด้านลึก(ลึกเท่าเดิม)แต่เห็นตำแหน่งได้ง่ายขึ้น ชัดเจนขึ้น
3. อันนี้เป็นไปตามที่คุณ LoVe คาดการณ์ไว้ครับ คือช่องไฟของชิ้นดนตรีสงัดขึ้นมากครับ แยกแยะออกจากกันดีขึ้นชัดเจนครับ (นี่ขนาดยังไม่ได้เซตลำโพงนะครับ)
4. เบส(เดิมก็ไม่บวมนะครับ)สะอาดขึ้นครับ
วันนี้ก็ไม่ได้เซตลำโพงครับ เพราะกว่าจะติดแผ่นอคุสติกบอร์ดเสร็จก็ดึกแล้วครับ แต่ผมว่าเสียงมาอย่างนี้น่าจะเซตง่ายแล้วครับ
ขอบคุณคุณ LoVe กับเฮียมั่น มากๆนะครับสำหรับข้อแนะนำต่างๆ โดยเฉพาะการติดแผ่นนอคุสติกบอร์ดเพราะผมเองก็ไม่เคยจะติดมาก่อนแต่มันได้ผลดีมากครับ

ยินดีด้วยครับที่ได้เสียงดีขึ้นไปอีก ดีนะครับที่ผมขอดูรูปห้อง ไม่อย่างนั้นป่านนี้ยังนั้นงมโข่งกันอยู่อีกนานเลย

ยังไงลองถ่ายรูปผนังด้านหลังที่ติดแผ่นแล้วมาให้ดูด้วยนะครับ

อย่าลืมขยับแผ่น diffuser ตัวซ้ายด้านหลังด้วยนะครับ ผมอยากรู้ว่าจะดีขึ้นอย่างที่คิดไว้รึป่าว

ส่วน TV ถ้าไม่มีที่วางเอาไปฝากไว้ร้านเฮียก็ได้นะครับ......666+ อ่ะล้อเล่นนะคร๊าบบบบบ

555 ยินดีด้วยจ้า ค่อยๆๆ แก้ไขครับ มันน่าจะดียิ่งขึ้นไปได้เรื่อยๆๆ อีกครับ ผมเคยเป็นแบบนี้เหมือนกัน คือแก้ไปแก้มา.....ขายยกชุดทิ้งหมดเลยดีกว่า เนื่องจากรำคาญเรื่องการปรับตั้ง แต่ในที่สุด ก็ต้องซื้อกลับเข้ามาใหม่จนได้ เฮ้อ 555


ส่วน TV เอามาฝากแบบที่คุณ Love บอกก็ได้ครับ และถ้าเหลือๆๆ พวก Blueray หรือพวก HD-DVD หรือ amp AV เอามาเหวี่ยงไว้ที่ร้านผมก็ได้ 555 หม้อหุงข้าว กระทะไฟฟ้า ไมโครเวฟ ก็รับทิ้งจ้า 555

ถ้าผมขืนเอา TV ไปเหวี่ยงทิ้งที่ร้านเฮียผมก็คงโดนเมียเหวี่ยงทิ้งไปนอกบ้านแน่ๆครับ 555 ส่วนรูปถ่ายผนังด้านหลังเดี๋ยวผมจะลงให้ดูพรุ่งนี้นะครับ
คืนนี้ผมได้ไปลองฟังโดยละเอียดอีกครั้งเพราะเมื่อคืนมีเวลาฟังค่อนข้างน้อย ปรากฏว่าเมื่อคืนหูไม่ฝาดครับมันดีขึ้นอย่างที่ได้บอกไว้จริงๆ แต่คุณ LoVe ครับ(ถามอีกแล้ว)ผมรู้สึกว่าระหว่าง poweramp 2 ตัว คือ ts.50.2 กับ audiolab มันมีดีมีด้อยคนละอย่างครับ คือเวลาฟังเพลงร้องts.50.2 จะให้เสียงที่หวานกว่า อิ่มกว่า แต่พอฟังเพลงบรรเลงที่มีไดนามิกแรงๆ มันจะให้ขนาดวงดนตรีด้อยกว่ามาก ความอลังการณ์ ความมันส์ส์ ลดลงไปกว่า audiolab มากพอสมควร แห่ะๆ คุณ LoVe พอจะแนะนำผมได้ไหมครับว่าทำยังไงผมถึงจะๆด้ข้อดีของทั้งสองอย่างมารวมกัน(หาเรื่องเสียเงินอีกแล้ว )
ขอบคุณทั้งสองท่านด้วยครับ

รูปผนังด้านหลังครับ ติดไป 8 แผ่นครับ

อ้อ ผมลืมขยับแผ่น diffuser ครับเดี๋ยวถ้าลองแล้วได้ผลยังไงผมจะรายงานให้ทราบครับคุณ LoVe

ผมว่าดูแล้วปิ๊งๆๆ เลยครับ

สำหรับผมไม่รู้เป็นไงถ้าเสียงรวมของห้องมันก้องสะท้อนเกินไป ผมว่าฟังเพลงอะไรก็เหนื่อยครับ คล้ายๆ เราคุยมือถือในห้องน้ำล่ะ ทุกอย่างจะก้อง รวน และมั่วหมด 555

ห้องที่เป็น dead room นิดๆๆ ผมว่าฟังสนุกดี

อคูสติกบอร์ดคือทางเลือกที่ดี ได้ผล และไม่แพงด้วยล่ะครับ 55

ถ้าผมขืนเอา TV ไปเหวี่ยงทิ้งที่ร้านเฮียผมก็คงโดนเมียเหวี่ยงทิ้งไปนอกบ้านแน่ๆครับ ( อย่างฮาเลยครับ )

หลังเก้าอี้แผ่นสีดำคืออะไรครับ ?

ts.50.2 กับ audiolab ถ้าอยากได้ข้อดีทั้งสองยี่ห้อมารวมกันมีทางเดียวก็คือ เปลี่ยน poweramp ใหม่ (เสียเงินอีกแว๊วววว) คูณกวีต้องระบุงบประมาณด้วยนะครับจะได้เลือกให้ถูกว่าจะใช้ยี่ห้อไหน รุ่นไหน

แต่ทางที่ดีผมว่านะ ยังไงก็ขอยืนยันนั่งยันนอนยันเลยครับ เอา TV ออกโดยการขายทิ้งแล้วเอาเงินที่ได้มาไปซื้อแหวนสักวงให้เมียใส่รับรองไม่โดนด่าแน่ๆ....666+

หลังจากนั้นก็ค่อยๆตะล่อมกล่อมหาเรี่องเปลี่ยน amp จะได้ไม่โดนด่าแล้วเมียคูณกวีอาจจะส่งเสริมด้วยก็ได้นะครับ...อิอิ

เพราะไม่อย่างนั้นถึงคุณกวีเปลี่ยน amp ไปสมมุติว่าเสียเงินซื้อ amp ใหม่ไปห้าหมื่นได้น้ำเสียงเปลี่ยนแน่นอน มิติเวทีเสียงต่างๆดีขึนแน่นอน แต่เสียไปห้าหมื่นได้กลับมาสามหมื่นห้า ผมมองยังไงก็ยังไม่คุ้มที่จะเปลี่ยนตอนนี้เพราะยังมี TV เจ้าปัญหาอยู่ดี

เฮียมั่นคง พูดถึงเรื่องห้อง dead room ทำให้ผมคิดถึงห้องฟังรุ่นพี่ผมคนนึงเลยครับ แกลงทุนทำห้อง dead room 100% คือไม่มีอะไรสะท้อนเลยทั้งห้อง ผมเดินเข้าไปในห้องฟังก้าวแรกความรู้สึกแรกที่หูได้รับคือเหมือน หูอื้อ เสียงเงียบสงัดจนขนาดหายใจเบาสุดๆยังได้ยินเลยครับ แต่เมื่อลองได้ทดสอบฟังเพลงใน system ระดับกลางที่คุ้นหูอยู่ ผมฟังแล้วเสียงมันเงียบสงัดจนขาดบรรยกาศโดยรวมไปนะครับ เหมือนมันออกมาจากลำโพงแล้วกลืนหายไปในอากาศทันที แต่นั้นก็เมื่อนานมาแล้วนะครับสมัยที่วงการเครื่องเสียงยังไม่มีพวกแผ่น diffuser ทั้งหลาย ตอนนั้นเป็นการลองทำกันดูเพราะด้วยความอยากรู้ dead นิดๆพอประมาณได้อยู่ครับ แต่ถ้า dead ทั้งห้องแบบรุ่นพี่ผมก็ dead สมชื่อเลย.....555+

วันนี้ดึกแล้วยังไงเดี๊ยวผมมีไอเดียจะให้ คุณกวีลองของอีกนะครับ.....

แผงสีดำหลังเก้าอี้เป็นหัวเตียงครับ คือห้องนี้เคยเป็นห้องนอนของผมสมัยก่อนน่ะครับ เมื่อก่อนผมใช้ฟูกนอนกับพื้น(ห้องค่อนข้างเตี้ยครับ)

คุณ LoVe ครับ ผมเตรียมใจเสียตังค์ไว้แล้วครับแต่ตอนนี้ผมคิดวางแผนการร้ายไว้ในใจแบบนี้ครับ

- ขายts.50.2 กับ audiolab (ร้านที่ผมซื้อ D15 มาเขาตีราคาคู่นี้ให้ 40,000 บาทครับ) ทางร้านเขามี power conrad mv.55 มือสองขายอยู่ราคา 55,000 บาท เพิ่มเงิน15,000 ครับ

- ขายts.50.2 กับ audiolab + PV10A น่าจะได้ประมาณหกหมื่นกว่า คงจะแลกกับ Jadis Orchestra Ref.มือสอง พอดีๆ
แต่เนื่องจากแอมป์ทั้งคู่ต่างก็เป็นหลอดผมคาดว่าแอมป์ทั้งสองตัวนี้คงจะให้เสียงของเพลงร้องที่ดีกว่าts.50.2 แน่นอน แต่ผมไม่แน่ใจว่ามันจะให้ไดนามิก ความกระแทกกระทั้น ขนาดวงดนตรี ได้ดีเท่าaudiolab 8000M หรือไม่ ดังนั้นผมขอรบกวนถามคุณ LoVe หน่อยครับ
ผมกะว่าจะเก็บเงินให้ได้ซัก 20,000 บาท(คงจะใช้เวลา 2-3 เดือนครับ)
1. เปลี่ยนเฉพาะ poweramp (ขายts.50.2 กับ audiolab )บวกกับเงินที่เก็บได้รวมเป็น 60,000 ครับ
2. ขายts.50.2 กับ audiolab + PV10A บวกกับเงินที่เก็บได้รวมเป็น 80,000 กว่าเปลี่ยนเป็น อินทิเกรทแอมป์ ครับ

อยากขอความเห็นของคุณ LoVe โดยไม่ต้องสนใจแผนการร้ายของผมนะครับ จะเป็นหลอดหรือโซลิดสเตรทก็ได้ครับ มือสองก็ไม่เกี่ยงครับ
ขอบคุณครับ
**แหมพอผมรู้ว่าจะได้ไอเดียใหม่จากคุณ LoVe อีกรู้สึกดีใจจริงๆครับ

สวัสดีครับคุณ LoVe พอดีวันนี้ผมได้ poweramp Musical Fidelity P280 (200W.)มาลองครับ ปรากฏว่า ไปได้ดีกับ D15 เลยครับ ทีแรกลองฟังเพลงกลองแทรคแรกของแผ่น Drum Track Disc เพื่อเทียบกับ audiolab ก่อน มันให้เบสใสกว่าและ ลึกกว่า audiolab ครับ และดูเหมือนว่ามีขนาดใหญ่เต็มห้องกว่าครับ(แล้วลองฟังเพลงอื่นเทียบอีกหลายเพลง ก็ดีกว่าแบบขาดลอยครับ) จากนั้นจึงเอาแผ่นเพลงร้องมาเทียบกับts.50.2 ก็รู้สึกว่าให้เสียงหวานไม่แพ้แอมป์หลอดครับ (ทางร้านบอกว่าเป็นแอมป์คลาสเอ) แถมเสียงยังอิ่มกว่าts.50.2 ด้วยครับ

และก็เป็นครั้งแรกครับที่ผมได้ยินเสียงมิติทะลุกำแพงหลังว่าเป็นยังไง (เป็นเสียงของฟ้าร้องตอนต้นเพลงของแผ่น 12 vocal female voice ครับ)มิติด้านกว้างก็ไกลกว่าเดิมแบบไม่เห็นฝุ่นครับ งานนี้เทรดฟรีครับ เอาts.50.2 กับ audiolab แลกไปเลยไม่ต้องเพิ่มตังครับ แต่คงต้องเซตลำโพงใหม่อีกแล้วเพราะตำแหน่งเดิมฟังแล้วรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย


***ผมยังรอไอเดียใหม่จากคุณ LoVe อยู่นะครับ ขอบคุณครับ

เอารูปมาให้ดูครับ ตัวแอมป์ค่อนข้างร้อนครับ

สวัสดีครับ คุณกวี ขอโทษทีครับที่มาตอบช้าไปเพราะว่าช่วงนี้ค่อนข้างยุ่งนะครับ

ย้อนไปถึงคำถามที่คุณกวีถามเรื่องของ Conrad และ Jadis นั้นในความคิดเห็นผมถึงแม้ส่วนตัวจะชอบ Jadis เป็นทุนเดิมอยู่แล้วนั้นในส่วนของเรื่องไดนามิคเสียงผมไม่แน่ใจว่า Jadis จะสู้ Conrad ได้รึป่าวเพราะยังไม่เคยเทสแบบ A B แต่ถ้าน้ำเสียงโดยรวมผมว่า Jadis ดีกว่า Conrad แต่ผมไม่แนะนำให้กลับไปเล่น Int. เพราะว่าเวลาจะขยับขยายในอนาคตการเล่น Pre-Power นั้นออกตัวได้ง่ายกว่าครับ

Musical Fidelity นั้นก็เป็นอีกยื่ห้อที่ให้เสียงได้ดีเหมือนกันผมเคยใช้แบรนด์นี้ผ่านมืออยู่หลายตัวทีเดียว สมัยก่อน Int. ยอดฮิตของเค้าผมเอาจัดชุดนั่งฟังที่โต๊ะทำงาน เรื่องความร้อนของยี่ห้อนี้เป็นเรื่องธรรมชาติครับ ผมเอาแก้วกาแฟวางไว้บนครีบระบายความร้อนด้านบน กาแฟอุ่นอยู่ตลอดเวลาเลย...555

** เรื่องมิติทะลุผนังหลังนั้น ผมว่าวันไหนคุณกวีชวนเพื่อนสักคนมาออกแรงยก TV ที่บ้าน ลองเอาออกดูครับแล้วชั่งใจเรื่องมิติอีกครั้งว่า TV มันยังควรจะอยู่ในห้องอีกรึป่าว เพราะ system คุณกวีเริ่มมีประสิทธิภาพมากขึ้นผมก็แนะนำว่าไม่อยากให้มีอะไรมาขวางกั้น เพื่อว่ายกออกแล้วจะมีอาการไม่อยากยกกลับเข้าที่เดิม....

** สายลำโพงทางที่ดีอย่าให้แตะพื้นห้องนะครับ

** แล้วขยับ Diffuser ฝั่งซ้ายรึยังเอ่ย อยากรู้ว่ามีผลไหม๊

เรื่องไอเดียของผมก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่อยากลองให้คุณกวีซื้อแผ่นอคูสติกบอร์ดเพิ่มอีก 1 แผ่น มาติดไว้แทนที่ตรงกระจกฝั่งด้านซ้ายมือ เพราะผมว่ามิติน่าจะดีขึ้นกว่าเดิมอีกเล็กน้อยเพราะกระจกจะสะท้อนเสียงได้เร็วและก้องกว่าแผ่นอคูสติกบอร์ดครับ รวมทั้งขยับแผ่น Diffuser ด้านหลังซ้ายด้วย น่าจะทำให้เสียงทางฝั่งซ้ายที่มิติแย่กว่าขวากลับมาดีขึ้นอีกพอประมาณ

ลองดูครับแล้วอย่าลืมมารายงานผลด้วยนะคร๊าบบบบ....

Diffuser ตัวหน้าและหลังลองเซ็ทให้ได้ตำแหน่งระนาบเดียวกันครับ

สวัสดีครับคุณ LoVe 2 วันมานี้ผมมัวยุ่งอยู่กับการเซตลำโพงครับเนื่องจากตำแหน่งเก่าไม่เหมาะกับ poweramp ใหม่ครับฟังดังๆแล้วรู้สึกอึดอัด
ผมหลงทางอยู่ตั้งนานเนื่องจาก P280 คงจะมีค่า damping facter สูงกว่า audiolab ผมเลยถอยลำโพงไปข้างหลังได้อีกสิบกว่าเซ็นต์โดยที่เบสไม่บวม แถมยิ่งถอย เบสยิ่งมันส์ แต่พอนั่งฟังจริงๆมิติกลับมั่วไปหมดหลงทางไปเลย สุดท้ายเลยต้องยอมแพ้ เลื่อนลำโพงกลับมาที่เก่าแล้วเริ่มต้นเซตใหม่ โดยถอยหลังไปแค่ 2 ซ.ม. และถ่างออก 3 ซ.ม. ครับ ดีที่สุดในตอนนี้ครับ
พอเซตได้ในตำแหน่งปัจจุบัน ผมเลยลองขยับDiffuserตัวที่ใกล้ผนังหลังออกมาตรงตำแหน่งที่คุณ LoVe แนะนำครับ

ผลปรากฏว่ามิติกลับแคบลง และเสียงดูเหมือนว่าจะเข้มข้นขึ้น นักร้องเหมือนว่าจะถูกผลักพุ่งออกมาด้านหน้านิดหน่อย ฟังแล้วเลยต้องถอยกลับไปที่เก่าครับ แต่ผมว่าไอเดียของ คุณ LoVe ไม่ผิดหรอกครับ ไอ้ Diffuser ต่างหากที่ผิด 555.. เพราะจริงๆมันไม่ใช่ Diffuser ครับมันเรียกว่า SWK (standing wave killer) มันไม่ได้ทำหน้าที่กระจายเสียงครับ มันเอาไว้เก็บเสียงเบสต่ำๆครับ ผลมันเลยออกมาเป็นแบบนี้ครับ

ส่วนสายลำโพงผมยกลอยขึ้นมาแล้วครับ ผมเป็นลูกค้าชั้นดีของอิออนครับเขาเลยให้ป้ายประกาศเกียรติคุณลูกหนี้ชั้นดีมาให้ผมทำเป็น floater ร้อยสายลำโพง 4 อัน ยังฟังไม่ออกครับ แต่ผมว่าใช้ไปนานๆแล้วจะลองเอาออกดูครับ
ขอบคุณคุณ LoVe อีกครั้งนะครับ

ตัว SWK นั้นผมไม่รู้จักชื่อหรอกครับ แต่รู้อยู่ว่ามันเก็บเสียงเบส เพราะผมก็เคยมีแบบท่อกลมเหมือนกันแล้วเคยลองแบบกลม กับ แบบแบน รึป่าวครับว่าอันไหนเสียงดีกว่ากัน แต่ในความคิดผมแบบกลมน่าจะเก็บ standing wave ของความถี่ต่ำได้ดีกว่านะครับ เนื่องจากลักษณะแบบทรงกระบอกกลมจะเก็บคลื่นได้จากทุกมุมโดยไม่มี reflex กลับไป แต่ผมก็ไม่เคยลองแบบแบนๆเหมือนกัน....

เรื่องขยับตัว SWK นั้นผมมองว่าในห้องฟังทุกอย่างต้องสมมาตรกันทั้งซ้ายขวาเสียงถึงจะบาลานซ์กันนะครับแต่ด้านผนังหลังฝั่งซ้ายของคุณกวี มันหลบมุมเข้าไปผมเลยคิดว่าน่าจะลองขยับออกดู แต่ลองแล้วไม่เป็นบวกก็ขยับกลับครับไม่เสียหายอะไร....

ตัว floater เข้าใจทำครับ OTOP ดี 555+

อย่าลืมซื้อแผ่น Acoust Board มาลองติดที่กระจกซ้ายดูด้วยนะครับอยากรู้ว่าจะดีขึ้นรึป่าว

สวัสดีครับคุณ LoVe วันนี้ผมมาเซตลำโพงต่อจากเมื่อวาน ขยับลำโพงเข้าอีกข้างละครึ่งเซ็นต์ให้เสียงตรงกลางเข้มขึ้นอีกหน่อย แต่ผมยังติดใจแผงSWKอยู่ วันนี้เลยขยับมาเอียงปิดมุมห้อง ทำมุมเอียงนิดเดียวครับรู้สึกว่ามีผลให้มิติด้านลึกชัดเจนขึ้นไปอีกโดยเวทีเสียงด้านกว้างไม่มีปัญหา แต่ก็ทำให้เสียงโดยรวมสะอาด+แห้งเกินไป ฟังแล้วน่าเบื่อ มองไปมองมาเหลือสายไฟเส้นสีแดงอยู่เส้นนึง(หน้าตัด 2.5 สแควร์มิล ของคนไทยทำไม่มียี่ห้อเส้นละ 1,150 บาท) เลยเอาไปสลับกับ supra rolad ที่ต่ออยู่ท้าย cd rega ปรากฏว่า บิงโกครับ ได้ผลลัพธ์น่าพอใจครับ น้ำเสียงกลมกล่อมมีน้ำมีเนื้อเพิ่มขึ้น(เหมือนเสียงมีพลังเพิ่มอีกนิดหน่อยด้วยครับ) ฟังเพลงต่อได้อีกหลายเพลงโดยที่ไม่อยากเปลี่ยนแผ่นครับ
**TUBE TRAP ผมเองก็ไม่เคยใช้ครับ แต่ตามสเปค(ของxav)SWK จะเก็บคลื่นเสียงความถี่ที่ต่ำกว่าTUBE TRAP ลงไปอีกครับ ตอนนั้นผมซื้อมาใช้กับห้องฟังเก่าครับขนาด 3.6*7m. มีปัญหาเรื่องเบสโด่ง(standing wave )มาก แต่ก็เอาไม่อยู่ครับแก้ไม่หาย พอดีเอามาใช้กับห้องนี้(3.8*3.6)มันกลับใช้ได้ดีครับ
สำหรับแผ่น Acoust Board ผมเห็นว่าได้ผลดีชัดเจน(ฟังออกทันทีหลังจากติดไปแล้ว)เลยอยากถามว่าผมควรจะติดเพิ่มตรงไหนได้อีกครับ + ถ้าติดมากเกินไปเสียงจะแห้งไหมครับ

คุณกวี ลองย้อนกลับไปดูที่ คห.ที่ 69 นะครับ ตรงที่เป็นตู้โชว์ติดแทนที่กระจกข้างลำโพงฝั่งซ้ายครับ

** สงสัยผมทำตัวอักษรเล็กไปมั้งเลยมองไม่เห็นชัดเจน....666+

** ต้องลองดูครับว่าจะแห้งไปรึป่าว ถ้าแห้งไปเติมน้ำเพิ่มครับจะได้แบบคลุกคลิก....อะจ๊ากกก

ฮือ ฮือ เห็นคุณกวีแล้วสนุกตามเลยล่ะ เล่นเครื่องเสียงมันสนุกก็อีตรงนี้ล่ะครับ คือถ้าทุกอย่างมันลงตัวเร็ว แบบนั่งปุ๊บ ฟังปั๊บ มันง่ายเกินไป พาลจะฟังไม่สนุกเอา 555 และต้องมีเวลาพอจะมาเซ็ตชุดทีละหน่อยๆๆๆ

ผมเพิ่งซื้อสาย HomwGrown DNA กับ Silverlace มาใช้ ป่านนี้ยังไม่มีเวลาเปิดฟังเลย ฮือๆๆๆๆ 555

สวัสดีครับคุณ LoVe และเฮียมั่นครับ เล่นเครื่องเสียงมันสนุกปนเวียนหัวน่ะครับ มันไม่เหมือนกับเล่นหูฟังตรงเรื่องมีห้องมาเกี่ยว บางวันผมว่าผมเซตลำโพงได้ดีที่สุดแล้วเอาปากกามามาร์คจุดไว้ที่พื้น แต่พอวันรุ่งขึ้นมาฟังก็ฟังไม่เพราะ ต้องขยับใหม่ จุดไปจุดมาจนตอนนี้พื้นห้องผมเหมือนเป็นอีสุกอีใสไปแล้วครับ
แต่วันนี้ผมสามารถฟังเพลงได้หลายช.ม.โดยไม่ต้องขยับลำโพงอีกแล้วครับ เพราะตำแหน่งล่าสุดที่ผมเซตไว้เมื่อคืนนี้ได้ตำแหน่งที่เรียกว่า ลำโพงล่องหนแล้วครับ ฟังเพลงร้องช้าๆก็ได้อารมณ์ต่อเนื่อง ฟังแล้วเสียงร้องให้ความน่าติดตามไปเรื่อยๆโดยไม่อยากเปลี่ยนเพลงไปมาแบบเมื่อก่อน ฟังเพลงเร็ว(แผ่น asians root)ก็สามารถให้ไดนามิค ความกระแทกกระทั้นฉับพลันได้เป็นอย่างดี วันนี้ผมได้ฟังเพลง rain forrest dream (แทร็คที่6 ชื่อเดียวกับแผ่น) เป็นเพลงสุดท้ายก่อนนอนครับ บริเวณซ้ายสุดไปจนถึงขวาสุดของห้อง และจาก บริเวณหน้าลำโพงเลยมาทางตำแหน่งนั่งฟังประมาณ 1 เมตรไปจนสุดกำแพงด้านหลังลำโพง กลายเป็นสนามเสียงทั้งหมดครับ เสียงนกร้อง เสียงเครื่องเคาะต่าง ผุดขึ้นมาตามตำแหน่งในอากาศชัดเจนโชว์ความเป็นสามมิติได้อย่างยอดเยี่ยมครับ พื้นเสียงของเวทีก็ใสสะอาดมากครับ(บางเสียงคล้ายๆมาอยู่ข้างตัวเรา)
วันนี้ก่อนพิมพ์กระทู้ผมได้กลับไปอ่านใหม่ตั้งแต่ ค.ห.ที่1 จนมาถึง ค.ห.ที่76 ของเฮียมั่น ผมยังจำเสียง system ของผมตอนนั้นได้อย่างแจ่มชัด มันขาดๆเกินๆ เมื่อเทียบกับตอนนี้ผมว่าผมมาได้ไกลจากเดิมมากแล้ว ทั้งนี้ไม่ว่าการตัดสินใจเปลี่ยนsystem หรือการปรับปรุงห้องฟัง ก็ล้วนมาจากคำแนะนำของคุณ LoVe และเฮียมั่น ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ผมขอขอบคุณทั้งสองท่านที่ให้ผมได้รบกวนมาตลอดหนึ่งเดือนเต็มๆ
ขอบคุณครับ
**อ้อ คุณ LoVe ครับ ผมยังไม่ได้ลองเอา TV ออก+ติดแผ่น Acoust Board ที่ตู้ด้านซ้ายเลยครับ แต่ตอนนี้ก็โอเคแล้วครับ ยังไงเดี๋ยวผมจะนำไปปฏิบัติต่อไปนะครับ

เข้ามาอ่านแล้วได้ความรู้ขึ้นเยอะเลยครับ

ขอบคุณพี่love พี่กวี และ เฮียมั่นมากนะครับ

เด่วจะลองไปหาซื้อ acusticboard มาลองเซ็ตห้อง ที่บ้านมั้งครับ

เย้ คุณกวีเข้ามาอัพเดทบ่อยๆๆ นะครับ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีกหลายแง่มุมเลยล่ะครับ 555



แผ่นพวกอคูสติกบอร์ดนี่ ผมว่ามันเป็นอุปกรณ์ที่ราคาถูก และให้ผลค่อนข้างดี คุ้มค่าเงินที่สุดแล้วล่ะ คือมีผลต่อระบบเสียงในห้องจริงๆๆๆ (ต้องวางตำแหน่งเป็นด้วยล่ะ) จะไปซื้อแบบอื่นๆๆ มันก้แพงแสนสาหัส พวก Diffuser หรืออุปกรณ์อื่นๆๆ เป็นหมื่นๆๆ ทั้งนั้นล่ะ 555

แถม 1 ห้องต้องใช้หลายๆๆ ชิ้น ใครเพิ่งเล่น ยังไม่ชินกับการเสียสตางค์มีหวังเป็นลมก่อน 555


ลองดูครับ แผ่นอคูสติกบอร์ดราคาไม่แพงมากนัก และถือว่าเป็นการแก้ความผิดปกติของห้องได้แบบถูกสตางค์ที่สุดล่ะครับ (ฟองน้ำซับเสียงยังแพงกว่าหลายเท่าเลยล่ะครับ)

5555

ขอบคุณเฮียที่แนะนำนะครับ

คืออย่างงี้ครับ บ้านผมเป็นตึกแถวอะครับ ติดถนนเลย

ห้องที่ผมใช้วางเครืิื่่องเสียงก็ เป็นห้องนอนขนาด 2.5 x 5.5

เรื่องเสียงภายนอกรบกวนนี้ มีประจำ แถวบ้านผมเด็กแว้น เยอะอะครับ

แต่ปัญหาคือด้านหลังของลำโพงอะครับ มันลึกเข้าไป ไม่เท่ากัน

ตอนนี้ ลำโพงซ้าย ห่างจากผนัง 1 เมตร ลำโพงขวา 1.5 เมตร อะครับ(ด้านหลังนะครับ)

สงสัยแก้ไขไม่ได้อะครับ คงต้องรอ ทำบ้านใหม่อย่างเดียว555

แต่จะลองมั่วๆ ดูครับ

แหะๆ พรุ่งนี้ผมว่าจะไปงาน BAV ดูครับ ผมไม่ได้ไปงานโชว์เครื่องเสียงมาหลายปีแล้ว สมัยก่อนไปฟังชุดแพงๆตามงานพวกนี้ทีไร กลับมาฟังเพลงที่บ้านไม่ได้ไปหลายวัน ตอนนี้ผมว่าsystem ของเราก็อยู่ในระดับที่สูงกว่าเดิม และห้องเราก็ปรับปรุงมาถึงตรงนี้แล้ว เลยอยากจะไปลองดูว่าคราวนี้ถ้าได้ไปฟังsystem ระดับสุดยอด และได้รับการ set up จากยอดฝีมือเหล่านั้น แล้วกลับมาบ้านจะเกิดอาการหูเสียอีกหรือเปล่า (หาเรื่องใส่ตัวอีกแล้ว)555...

บ้านผมก็อยู่แถวๆ ฟอรจูนอะครับ แต่ไม่มีบัตรเข้างานอะครับ

แต่ก็ อยากไปดูไปฟังอยู่นะครับ

ของผมแค่ชุดเริ่มต้นอะครับ nad320 bee + cec cd 3300r + psb b25

เดินดูแต่ รถที่โชว์อยู่หน้าห้างอะครับ

สวัสดีคร๊าบบบบบ เฮียมั่นคง และ คุณกวี

ด้วยความยินดีครับคุณกวี ที่ผมพอจะมีประโยชน์อยู่บ้าง....555+

เมื่อไรเอา TV ออกไปแล้ว คุณกวี จะได้พบเจอกับสวรรค์ชั้น 8 !!!! ไม่ได้โม๊ ##

งานโชว์ผมเลิกไปนานแล้วครับ เพราะไปกลับมาทีไรเจ็บตัวทุกที กระเป๋าฉีกกกก กิเลสหนา ตัณหาจัด (ว่าตัวผมเองน๊ะครับ) เลยต้องปลงด้วยการไม่ไปไหนแทน .... 666+

** เคยฟังเป็นบุญหูสุดซู๊ดๆๆๆ ก็ชุด system ละ 20 ล้านบาท !!!!! แค่หลับตานึกว่ามีวงดนตรีมาเล่นอยู่ตรงหน้าเลยทีเดียว

สวัสดี คุณ บุค

เรื่องห้องคางหมูผมมีวิธีแก้นะครับ แต่ขอดูรูปผนังห้อง 3 ด้าน ซ้าย ขวา หลัง แล้วก็ สเกลห้องกับความสูงด้วยครับ
หลังจากดูรูปแล้วผมจะอธิบายวิธีแก้ให้ลองดูครับถ้าสนใจก็....จัดมา เดี๊ยว จัดให้

สวัสดีครับคุณ LoVe และเฮียมั่นครับ อ้อคุณบุคด้วยครับ ไปงาน BAV มาแล้วครับ ผมว่าห้องฟังที่งานแต่ละห้องมันมีขนาดเล็กไปหน่อยครับทำให้system ที่นำมาโชว์ถูกจำกัดประสิทธิภาพไปพอสมควร ไปฟังลำโพง proac รุ่นใหม่ D28 ผมว่าแนวเสียง+น้ำเสียง ก็ไม่หนีไปจากตัวที่ผมใช้อยู่มากนัก เขาใช้แอมป์ Bryston ขับเสียงก็ออกมาไม่หนีไปจากห้องเราเท่าไหร่ แฮ่ๆ.. คราวนี้กลับมาบ้านหูไม่เสียอย่างที่กลัวครับ
แต่ห้องที่ฟังแล้วจะทำให้หูผมเสียได้น่าจะเป็นห้องที่โชว์ลำโพง AVALON เขาใช้ cd+pre+power ของAyre ทั้งชุด เสียงดีกว่าsystem ที่ผมใช้อยู่ทุกๆด้านครับ ไม่ว่าเสียงร้อง ชิ้นดนตรี ความมีพลัง ความสมจริง ดีกว่าทุกกรณีครับ(ทั้งชุดน่าจะประมาณล้านกว่าบาท)บางห้องอาจจะมีราคาสูงกว่านี้ แต่ไม่รู้เป็นไงผมติดใจห้องนี้ที่สุด( แต่วันนี้ไม่ได้ลองฟังsystem ของDECO ครับเห็นว่าหลายล้านบาท แต่เขาไม่ได้เปิดเพลง ผมเดินเข้าไปเห็นเขายุ่งๆกันอยู่เลยไม่กล้ารบกวน)
คุณ LoVe ครับงานBAV ไม่น่ากลัวเหมือนกับสมัยก่อนที่เขาจัดกันที่โรงแรม แอมบาสเดอร์ ครับ system ส่วนใหญ่ที่นำมาจัดแสดง มีขนาดย่อมเยากว่าสมัยนั้นเยอะครับ อาจเป็นเพราะขนาดของห้องที่นี่มันเล็กเกินไปเขาจึงนำ system ระดับสุดยอดมาโชว์ไม่ได้ครับ

ส่วนมาเวลาไปฟังเสียงในงานแสดงเครื่องเสียงพวกนี้ ประสิทธิภาพเสียงที่ออกมานั้นผมว่าประมาณสัก 70% น่าจะได้เพราะมีเรื่องของ ระบบไฟที่ให้กำลังไม่มากพอเพราะนึกสภาพว่าแต่ละห้องฟังก็ดึงกำลังไฟใช้พร้อมกันทุกห้องเหลือกำลังไฟแชร์กันทุกห้องได้ไม่ 100% แน่นอน ไหนจะเรื่องอคูสติกของห้องที่ set ได้ไม่ 100% อีก และก็อื่นๆอีกพอสมควร

ลำโพง AVALON ผมก็ชอบเหมือนกันครับ น้ำเสียง และมิติ เยี่ยมทีเดียว โดยเฉพาะการออกแบบตัวตู้เป็นเอกลักษณ์ดีครับ

ไอ้เรื่องงานแสดงผมไม่ได้กลัวหรอกครับ กลัวใจตัวเองมากกว่าน๊ะ....666+

** ได้ข่าวว่า Pretty แหร่มๆทั้งน้านเลยใช่ไหม๊ครับ จะมีผู้ใจดีเอารูปมาฝากบ้างไหม๊น้ออออ

ขอบคุณพี่ love นะครับ ที่จะช่วยแนะนำให้

เรื่องรูปถ่าย ผมยังไม่สามารถ เอาสภาพห้องให้พี่ดูได้อะครับ5555

เพราะของมันเยอะอะครับ รกมา เสียงสะท้อนมั่วไปหมด แถมมี ทีวี21นิ้ว อยู่ตรงกลางอีก

ไว้ ผมจัดห้องให้เรียบร้อย ลองเซ็ตลำโพงดีดี หาแผ่นอคูสติกมาติดแล้วจะถ่ายรูปมาให้ดูนะครับ

ขอบพระคุณมากครับ

แวะมาบอกว่า ไม่ได้โพสแต่ผมตามอ่านตลอดเลยจ้า มีสาระประโยชน์จริงๆๆๆ กระทู้นี้ 555

ขอบคุณเฮียมั่นมากๆครับที่ได้ติดตามอ่านกระทู้นี้ครับ วันนี้ผมมีเรื่องมาเล่าให้ฟังอีกครับ คือหลังจากที่ system ของผมลงตัวแล้ว เลยเกิดความว่าง(เกินไป) ผมเลยไปเอาแอมป์เก่าที่ซื้อมาเมื่อสิบกว่าปีก่อนมาลองต่อดูครับ เป็นอินทิเกรทแอมป์หลอดซิงเกิลเอนด์ขนาด 3.5 วัตต์ ยี่ห้อ vactech se86 มาลองต่อดูครับ(เป็นของคนไทยทำซื้อมา 3,500 บาท) จริงๆแล้วแอมป์ตัวนี้ตั้งแต่ผมซื้อมาใช้ ยังหาเนื้อคู่ให้มันไม่ได้เลยครับ เคยใช้กับลำโพง small one se ก็มีแต่เสียงคนร้อง เสียงของชิ้นดนตรีเบามากฟังแล้วเหมือนกับมินิคอมโป ยิ่งถ้าใช้กับ roger 3/5a เสียงจะแตกพร่าไปหมดครับ กำลังขับมันน้อยเกินไป
แต่พอเมื่อคืนนี้ผมเอามาลองต่อกับ proac d15ดู มันกลับขับลำโพงคู่นี้ออกได้เป็นอย่างดีครับ(ผมฟัง p280 200w อยู่ทุกวัน) ผมเองยังแปลกใจมาก เพราะว่ามันมีกำลังขับเพียง 3.5 w แต่มันสามารถให้เวทีเสียงที่ยิ่งใหญ่อลังการณ์พอๆกับ p280 ครับ เสียงเบสต่ำๆลึกๆ อาจจะไม่ควบแน่น+ทิ้งตัวลงพื้นห้องเท่า p280 แต่เสียงร้องนี่สิครับ มันกลับหวานกว่า ใหญ่กว่า ปรี pv10a + p280
เมื่อคืนผมฟัง vactech อย่างเดียวโดยไม่ได้ลองสลับครับ ฟังเพลง rain forrest dream ก็สามารถให้มิติ +เวทีเสียง ไม่ด้อยกว่า pv10a + p280 เลยแม้แต่น้อย แต่ถ้าเป็นเพลงหนักๆอย่างกลองจีน(แทร็คแรก ของ YIM HOK MAN ) ความกว้างของเวทีเสียงไม่ลดลง แต่พลังเสียง ความหนักแน่น น้อยกว่าชัดเจนครับ
มาวันนี้ กลัวเมื่อคืนหูเพี้ยนครับ ผมเลยลองฟังสลับไปสลับมา( vactech สลับกับ pv10a + p280 ) เน้นแต่เพลงร้องครับ ผมบอกได้อย่างไม่อายเลยครับถ้าใครจะบอกว่าผมฟังไม่เป็น ไอ้แอมป์กำลังขับกระจิ๋วริ๋ว มันกลับให้เสียงที่น่าฟังกว่ามากครับ เสียงมิติด้านลึกชัดเจนกว่า เสียงคนร้องใหญ่+นุ่มนวลกว่า ฟังเพลงจีนที่บันทึกมาเกรนเสียงดังๆ คมๆ กลายเป็นฟังแล้วนุ่มหวานกว่า pv10a + p280 เยอะครับ เพลงของจ้าวเผิงที่บันทึกมาดี แต่ติว่าคมไป ก็ฟังได้อย่างไพเราะเพราะพริ้ง ไม่มีอาการสากหูเลยแม้แต่น้อย
สุดท้ายคืนนี้ก็ยัง งงๆครับ เพราะไม่ว่ากำลังขับ+ราคา มันห่างกันคนละชั้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้ฟังมันออกมาเป็นอย่างนี้
**ถือว่าเป็นเรื่องเล่าประสพการณ์ให้ฟังก่อนนอนนะครับ

ไอ้แอมป์ที่ว่า หน้าตาเป็นอย่างนี้ครับ

สวัสดีคร๊าบบ เฮียมั่นคง คุณกวี และชาวเว็บมั่นคงทุกท่าน

ผมพยายามที่จะนึกว่า Int.vactech ตัวนี้ผมเคยเห็นที่ไหน ? ว่าแต่ว่า 3.5 w. ขับ Proac ได้เสียงอย่างที่คุณกวีว่ามานั้นก็สุดยอดเลยนะครับ ผมว่าหลังจากใครได้อ่านกระทู้คุณกวีแล้ว สงสัยต้องมีคนไปตามหาซื้อ vactech มาใช้แน่ๆเพราะด้วยราคาอันแสนคุ้ม 666+

เจ้าตัวสีเงินๆด้านหลังนั้นยังอยู่อีกเหรอครับ 555+

ผมเห็นในรูป คุณกวี เอา PV10A ไปวางแทนที่ Rage รึครับ ถ้า CD เอาออกมาวางอยู่ด้านนอกแล้ว ผมไม่รู้ว่า cd รุ่นใหม่ๆนั้นมีการพัฒนาในการป้องกันการรบกวนจากแสงผ่านฝาด้านหน้ารึป่าว ถ้าฝาด้านบนเวลาเล่นลองหาอะไรมาปิดกระจกด้านบนด้วย เพราะถึงแม้ว่ากระจกของ Cd ของ Rega จะเป็นสีดำแต่แสงก็ยังรอดผ่านไปรบกวนหัวอ่านได้มีผลทำให้เสียงไม่ดีครับ.....

สวัสดีครับคุณ LoVe vactech se-86 ตัวนี้น่าจะเป็นรุ่นแรกน่ะครับ รุ่นที่ดังของเขารู้สึกว่าจะเป็นรุ่น Flute ซึ่งคุณ ภมรเดช แห่งหนังสือ audiophile ยังใช้เป็น reference ในการทดสอบเครื่องเสียงอยู่เลยครับ แต่ผมว่าทั้งสองรุ่นนี้น่าจะหาซื้อไม่ได้แล้วครับ เพราะมันออกมานานมากแล้วครับ
จริงๆแล้วแอมป์ตัวนี้อยู่กับผมมาระยะนึงตอนซื้อมาใหม่ๆ ตอนนั้นผมใช้กับลำโพง Paradigm atom ก็พอใช้ได้ครับ(ตอนนั้นเพิ่งเล่นเครื่องเสียงใหม่ๆ ยังฟังไม่ค่อยเป็นครับ ตอนนั้นฟังความแตกต่างของสายสัญญาณ สายลำโพง ต่างยี่ห้อยังไม่ออกเลยครับ)แต่รู้สึกว่าเสียงจะสู้แอมป์อีกตัวที่ใช้อยู่ไม่ได้ (Musical Fidelity A1) เลยขายให้เพื่อนไป สุดท้ายก็ได้กลับมาอยู่ที่บ้านผมเมื่อปีที่แล้วนี่เองครับ ผมเอามาขับกับลำโพง small one se กับ roger 3/5a ก็ได้เสียงอย่างที่เล่าให้ฟังนั่นแหละครับ แต่ผมมาติดใจตอนที่พี่คนที่มาติดเม็ดไม้ Acoustic system เขามาเห็นเขาบอกว่า เขาก็มีอยู่ เสียงดีมากใครขอซื้อเขาก็ไม่ขาย( พี่คนนี้เขาเก่งมากตอนเขาเซตลำโพงให้ผมเขาไม่ต้องนั่งฟังตำแหน่งตรงกลาง เขานั่งฟังอยู่ด้านข้างผมแต่เขาขยับroger 3/5a + AB1 เพียงสามสี่ชั่วโมงดีกว่าที่ผมเซตมาเป็นเดือนครับ)ซึ่งหลังจากนั้นผมก็ยังไม่เห็นค่าของมันเลยครับ วันนั้นเพื่อนผมก็อยู่ด้วย 2 คน พวกเขาเลยยืมกลับบ้านไป คนนึงใช้ลำโพง usher s520 เขาก็บอกว่าไม่เห็นได้เรื่องเลย ส่วนอีกคนที่ยืมไปเขาใช้ Epos M16i ก็ได้ผลลัพธ์เหมือนกัน แสดงว่าแอมป์ตัวนี้หาลำโพงเข้าคู่กับมันยากเหมือนกัน
ผมเองก็เพิ่งจะมาเห็นคุณค่าของมันเอาเมื่อไม่กี่วันนี้เองครับ ยังนึกเสียดายอยู่ที่ไม่ได้เอามาลองกับ ref.8 ซึ่งผมคิดว่าก็น่าจะออกมาดีครับ
*** แฮ่ๆๆ TV ยังอยู่ครับคุณ LoVe ไม่มีที่เก็บจริงๆครับ เคยคิดเหมือนกันว่าจะเอาออกดู แต่คงจะไม่สะดวกถ้าจะต้องยกเข้ายกออกเวลาฟังน่ะครับ
*** ส่วน CD Rega เดี๋ยวผมจะลองหาของมาปิดดูนะครับ ถ้าฟังออกผมจะย้ายกลับไปที่เก่าครับ

อ้อ ขอฝากขอบคุณคุณหมูหวานผ่านเวปเฮียมั่นด้วยครับที่กรุณาเปลี่ยน DAC ให้ผมฟรีโดยไม่คิดเงินครับ ทั้งที่DAC ตัวนี้ผมใช้มากว่าหกเดือนแล้ว เป็นบริการแบบประทับใจที่คาดไม่ถึงเลยครับ

สวัสดีครับคุณ LoVe พอดีวันนี้ผมได้ยืมแอมป์ mv55 มาฟังครับ เพราะยังฝังใจกับคำร่ำลือที่ว่า proac ต้องเจอกับแอมป์หลอดเท่านั้น เลยขอยืมจากร้านมาฟังหนึ่งคืน โดยตกลงว่าจะเอาแอมป์ p280 ไปเทรดเพิ่มเงินประมาณสองหมื่นกว่าบาทครับ

วันนี้ผมเลยชวนเพื่อนมาช่วยฟังด้วยจะได้ช่วยกันตัดสินใจก่อนจะเสียเงินครับ เริ่มฟังกันตั้งแต่ 5โมงเย็น โดยเปิดแอมป์ค้างไว้ตลอดทั้ง 2ตัว ฟังสลับกันเกือบทุกเพลง
ฟัง 2 ช.ม.แรกแอมป์ mv55 เสียงดีกว่าทุกแนวเพลง ไม่ใช่ว่าดีกว่าเฉพาะเพลงร้อง ผมยังนึกในใจว่าถ้าเสียงต่างกันขนาดนี้ เพิ่มเงินสองหมื่นก็ต้องยอมให้เมียด่าล่ะ(วะ)ยังคุยกับเพื่อนเลยว่าเห็นมั้ย proac มันต้องหลอด
พอตอนซักประมาณสองทุ่มกว่าๆ ยังฟังสลับไปมา เพลงต่อเพลงเหมือนเดิม คราวนี้เสียงที่เคยแตกต่างกันมากเมื่อช่วงเย็นมันชักจะใกล้เคียงกันขึ้นเรื่อยๆ เลยย้อนกลับไปเปิดแผ่นที่ฟังช่วงแรกๆ ว่าเสียงมันต่างกันมากเหมือนเดิมอีกไหม ปรากฎว่ามันใกล้เคียงกันซะแล้ว.. เสียงคนร้องเมื่อช่วงเย็น ฟังจากแอมป์ mv55 ดีกว่า p280 เยอะครับ เสียงอิ่มหวานกว่า เสียงขลุ่ยจีนมีเนื้อ มีเสียงเหมือนลมออกมาจากขลุ่ยจริงๆ คราวนี้แอมป์ p280 ก็ทำได้ใกล้เคียงครับ ยังนึกเลยว่าอย่างนี้จะยอมเสียเงินดีไหม
พอเข้าชั่วโมงที่สี่ แอมป์ p280 คงจะร้อนได้ที่ เปิดแผ่นไช่ฉินไฮไฟ แทรคแรก ฟังเสียงกลองท่อนแรก ผมกับเพื่อนถึงกับสะดุ้งทั้งคู่ครับ ทั้งๆที่เคยฟังมาไม่รู้กีสิบรอบแล้ว คราวนี้พอย้อนกลับไปฟัง mv55 มันให้เสียงกลองเหมือนบ่อลั้ก ฟังแล้วธรรมดามาก
หลังจากนั้น p280 ก็เริ่มทิ้ง mv55 ห่างไปเรื่อยๆ จากความรู้สึกว่าต้องเพิ่มเงินดีไหม กลายเป็นเปลี่ยนฟรีก็ยังไม่เอาครับ เพราะนอกจากความหวานที่ใกล้เคียงกันแล้ว พละกำลัง ความอลังการณ์เต็มห้อง p280 ให้ได้ดีกว่าครับ
วันนี้โชคดีที่มีคนมาฟังเป็นเพื่อนเลยได้ประโยชน์หลายอย่างครับ
1. ธรรมดาผมฟังเพลงไม่เกินสองช.ม. ดังนั้นผมคงตัดสินใจเปลี่ยนแอมป์แน่นอน ถ้าฟังเทียบกันเพียงช่วงแรก
2. ถ้าผมไม่ได้ยืมแอมป์ mv55 มาเปิดฟังเปรียบเทียบแบบนี้ ผมคงจะไม่รู้ว่าแอมป์ p280 เสียงดีขนาดนี้ครับ ผมเลยได้รู้ว่าแอมป์ p280 ต้องเปิดเผาหัวก่อนฟัง 3 ช.ม. จึงจะให้เสียงที่แท้จริงออกมา
*** วันนี้ผมว่างจัดครับ เลยได้ทั้งฟังเพลง แถมยังได้มาโพสหาคุณ LoVe อีกครับ (กลัวห่างเหิน)555

สวัสดีครับ คุณกวี

อ่านประโยคนี้แล้วอดหัวเราะไม่ได้ครับ ขำดี \"จากความรู้สึกว่าต้องเพิ่มเงินดีไหม กลายเป็นเปลี่ยนฟรีก็ยังไม่เอาครับ\" โชคดีนะครับที่ได้รู้ความจริงแถมไม่ต้องเสียเงินเพิ่มอีกต่างหาก แต่ผมงงว่าทำไม p280 มันต้องเบริน์นานตั้ง 3 ชม แบบนี้ก่อนจะฟังเพลงก็มาเปิดเครื่องก่อนแล้วก็ไปจู๋จี๊กับแฟน อาบน้ำเสร็จค่อยมาฟังยังทันเลยนะนี่ 666+

ว่าแล้วผมก็มีเรื่องเล่าให้ฟังแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันบ้าง..เรื่องของการ matching ระหว่าง poweramp กับลำโพง

ไปบ้านเพื่อนคนนึง มันมีลำโพงตั๊งพื้นสูงท่วมหัวผมเลย ยี่ห้อ W (วันดีคืนดีเมียโมโหมันผลักลำโพงทับใส่นี่อาจตายได้เลย)666+ โดยที่มันมี poweramp ยี่ห้อ K ตัวใหญ่ขับอยู่แล้ว แต่มันบอกว่าเบสไม่กระชับเท่าที่ควร บานๆบวมๆยังไงไม่รู้ เซทลำโพงก็แล้ว เซทอคูสติกห้องก็แล้ว เพื่อนผมอีกคนก็บอกว่าเดี๊ยวมันจะเอา poweramp ยี่ห้อ S มาให้ลองซึ่งขนาดของ amp K นั้นใหญ่กว่า S ถึง 3 เท่า........

ก่อนลองผมยังคิดอยู่ว่า เห้ยจะจริงเหร๊อว่ะตัวแค่นั้นจะเอาอยู่เหรอ แต่หลังจากที่ได้ลองจับ poweramp S คู่กับลำโพง W ปรากฎว่าเสียงเบสที่มีอาการ บานๆบวมอยู่นั้นหายสนิท เบสกระชับได้สัดส่วน ไม่ตึงไม่หย่อนกำลังดี เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะ poweramp ยี่ห้อ S นั้นมีค่า damping factor มากกว่ายี่ห้อ K ก็เลยทำให้หยุดการสั่นค้างของ driver ลำโพงได้ดีกว่านั้นเอง แต่เสียงกลางแหลมนั้นยังสู้ยี่ห้อ K ไม่ได้.......

เรื่องนี้ก็เลยสอนให้รู้ว่า คนจะดีดีที่ใจใช่ใบหน้า คนจะบ้าบ้าที่ใจใช่ร่างกาย (เกี่ยวกันไหม๊เนี่ย)

*** ไม่ต้องกลัวห่างเหินหรอกครับ ผมก็ยังวนเวียนอยู่ในเว็บเฮียมั่นแกนี่แหล่ะ เข้ามาอ่านทุกวันแต่ไม่ค่อยได้โพสซักเท่าไร เข้ามาศึกษาความรู้ของคนอื่นคร๊าบบบ 666+

แวะมาบอกว่า ผมตามอ่านตลอดเลยเด้อคุณกวี 5555

สวัสดีครับคุณ LoVe และเฮียมั่นครับ พอดีผมได้ย้ายเอา TV ออกจากห้องมาได้ซักระยะนึงแล้วครับ ตอนเอา TV ออกไปทีแรก เบสบวมฉึ่งเลยครับ ต้องมาเริ่มต้นเซตอัพลำโพงใหม่ครับ

ผมขยับลำโพงอยู่หลายชั่วโมงก็ไม่ได้ผลครับ เพราะนอกจากเบสจะบวมแล้ว อิมเมจของชิ้นดนตรีก็พร่าเลือนไปหมด แทบจะถอดใจยก TV กลับมาไว้อย่างเดิม ผมเลยโทรไปปรึกษาเพื่อนที่ใช้เม็ดไม้ปรับอคูสติกเหมือนกัน เพราะเขาก็เพิ่งจะยก TV ออกไปจากห้อง เขาบอกว่าห้องของเขาก็เจอแบบเดียวกัน แต่เขาไปเรียกร้านที่ติดเม็ดไม้มาปรับระยะเม็ดไม้ให้ใหม่
ผมเลยให้เพื่อนผมมาช่วยทำให้ โดยใช้ระยะเดียวกันกับห้องของเขาครับ(ผมไม่อยากเรียกทางร้านมา กลัวเครื่องเคียงของเขา ที่ชอบเอามาให้ลอง เพราะของแต่ละอย่างลองแล้วมันติดหูครับ )

ตอนที่เพื่อนมาขยับเม็ดไม้ให้เขาบอกให้ผมขยับลำโพงใหม่ เอาให้สวยไม่ต้องสนใจเรื่องเสียง ผมเลยขยับถอยไปด้านหลังเพราะเดิมลำโพงตั้งอยู่ใกล้ตัวเรามาก คราวนี้เบสยิ่งบวมหนักเข้าไปใหญ่เลยครับ เพื่อนผมมันบอกไม่ต้องตกใจ เดี๋ยวมันจะเซตเม็ดไม้ให้โดยไม่ต้องขยับลำโพงอีกเลย
พอหลังจากเขาขยับเม็ดไม้เสร็จ ผมไม่ได้โม้นะครับ สาบานได้ว่านี่เป็นเรื่องจริง เสียงที่ได้คราวนี้นอกจากเบสจะหายบวมแล้ว ทั้งอิมเมจ ซาวด์สเตจ ดีกว่าเดิมตอนที่ทางร้านเขามาเซตให้(แบบมี TV ) อีกครับ
มิติเวทีด้านหลัง ที่คุณ LoVe เคยบอกว่าต้องทะลุกำแพงด้านหลังออกไป ห้องผมตอนนี้มำได้แล้วครับ ผมยังจำคำพูดของคุณ LoVe ที่เคยแนะนำให้ผมยก TV ออกไปแล้วสวรรค์มีจริง ตอนนี้ผมได้สัมผัสแล้วครับ
ขอบคุณ คุณ LoVe มากๆนะครับ

ตอนนี้ผมได้ปรับปรุง เปลี่ยน system ออกไปบางตัวน่ะครับเอาไว้ผมจะเล่าให้ฟังครับ ราตรีสวัสดิ์ครับคุณ LoVe และเฮียมั่นครับ

หวัดดีคร๊าบบ คุณกวี

system ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ไปถึงสวรรค์ชั้นไหนแล้ว !!! พอดีช่วงก่อนยุ่งมากเลยไม่ค่อยได้เข้ามาอ่านซักเท่าไร กระทู้ไหลจนหาไม่เจอเลยไม่ได้ตอบกลับครับ

ดีใจครับที่ได้มิติทะลุกำแพงไปแล้ว คงสนุกกับการฟังเพลงในมิติใหม่กับอัลบั้มเดิมๆนะครับ ตอนนี้เป็นไงบ้างอย่าลืมมาเล่าให้ฟังด้วยนะครับ อยากรู้ ?

อ่าสสสส์ ลืมไปครับ

audio research ตัวดำ คหท.97 นั้นผมก็ชอบเหมือนกันนะครับ ได้เคยเล่นอยู่หลายตัวที่เดียวเป็นรุ่นก่อนๆ ตัวในรูปเป็นรุ่นอะไรครับ

สวัสดีครับคุณ Love ดีใจจริงๆครับที่ได้คุยกับคุณ Love อีกครับ ปรีแอมป์ตัวนี้รุ่น LS2 น่ะครับ พอดีได้มาจากเพื่อนผมเองเขาเปลี่ยนไปเล่น Mark แล้ว ผมเลยอาสารับช่วงต่อ ปรีตัวนี้เมื่อเทียบกับ PV10A มันให้ไดนามิกกระแทกระทั้นกว่าครับ ความลึกของเวทีเสียงดีกว่า รายละเอียดของชิ้นตรีดีกว่า แต่ความกว้างผมว่าพอๆกันครับ
ปรีตัวนี้ใช้หลอด 6dj8 หลอดเดียว ซึ่งผมมีโอกาสได้ลอง 4 ยี่ห้อครับ sovtex,goldendragon,amperex buggle boy สุดท้ายมาลงตัวที่หลอด RAM ครับ
ส่วน power amp เป็นของ Lyngdorf ครับ class D 200 วัตต์ ตัวนี้เสียงดีมากๆๆๆครับ เอาไว้จะเล่าให้ฟังต่อครับ

power amp Lyngdorf มีจุดเด่นมากๆตรงที่ความสงัดของเวทีเสียงครับ ขั้นเทพเลยครับ ส่งผลให้อิมเมจของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นเด่นชัดมากครับ ไดนามิกช่วงดนตรีที่โหมขึ้นมาดังๆมีพลังเหลือหลาย ช่วงเงียบก็เงียบกริบจริงๆครับ น้ำเสียงแม้ไม่หวานแบบแอมป์หลอดหรือแอมป์คลาสเอ แต่เสียงก็ไม่แห้งนะครับ ปลายแหลมก็ไม่มีอาการจัดกร้าวครับ(ยกเว้นบางแผ่นที่อัดมาไม่ดีเอง)ออกแนวสุภาพครับ ส่วนเสียงเบสตอนที่ผมใช้ P280 ผมก็ว่าลึกและหนักแน่นดีอยู่แล้ว แต่กับแอมป์ Lyngdorf ให้เบสที่ลึกแน่นแถมสะอาดกว่ามากๆครับ
ผมเล่ามาถึงตรงนี้เหมือนกับผมจะบอกว่า system ของผมดีขึ้นมากแล้ว จริงๆตอนนั้นผมก็คิดแบบนั้นครับ แต่พอผมฟังไปนานๆผมยังรู้สึกว่ามันยังขาดอะไรอยู่ ยิ่งหลังจากที่ไปฟัง system ของเพื่อน(ราคาสูงกว่าของผมเท่าตัวกว่าๆ) กลับมาบ้านยิ่งรู้สึกว่าชุดของเรามันยังไม่ใช่
จากนั้นผมก็คิดไม่ออกว่าจะต้องปรับปรุงตรงไหนดี ลำโพงก็คงไม่มีปัญญาเปลี่ยนแล้ว ปรี+พาวเวอร์ ก็ดีกว่าเก่าเยอะแต่เสียงก็ยังไม่สุดๆเท่าไหร่ มองไปมองมาสงสัย cd rega apollo (ที่ผมเคยภูมิใจนักหนา)นี่แหละต้องโดนจัดการ
ตอนแรกก็มองหา rega saturn มือสอง แต่หาไม่มีของครับ cd player ตัวอื่นที่เด่นๆราคาก็เฉียดแสนทั้งนั้น (เคยฟัง Lyngdorf CD1 ของเพื่อนดีจริงๆครับ แต่เกินงบไปหลายอยู่)
แต่สุดท้ายผมก็หาพระเอกตัวจริงมาเติมเต็มฝันของผมได้แล้วครับ มันคือ DAC audio-gd 19mk3 ของคุณหมูหวานนี่เองครับ

โฉมหน้าของพระเอกตัวจริงครับ DAC audio-gd 19mk3

ตอนแรกผมก็ยังไม่มีความเชื่อมั่นในตัว DAC จากเมืองจีนซักเท่าไหร่ครับ ผมยังปรึกษากับคุณหมูหวานว่าขอวางเงินไว้ก่อนแล้วขอยืม DAC กลับไปฟังหนึ่งคืนถ้าไม่ถูกใจจะไปทวงตังค์คืน 555 คุณหมูหวานแกยังใจดีเอาเครื่องใหม่กล่องยังไม่ได้แกะมาให้ แถมยังบอกว่าแกมั่นใจว่าผมจะไม่เอา DAC กลับไปคืนแกแน่นอน
หลังจากผมต่อ DAC 19mk3 เข้ากับ cd apollo แล้วลองฟังเปรียบเทียบแบบ AB test เพลงต่อเพลงครับ(ผมถนัดแบบนี้ครับ เพราะความจำของผมมันไม่ค่อยดี) ปรากฎว่าผมหาสิ่งที่เข้ามาเติมเต็มให้กับชีวิตของผมได้แล้วครับ สิ่งที่ผมรู้สึกว่า system ของผมมันขาดอะไรไปแต่ผมนึกไม่ออกในตอนนั้น มันมาหมดแล้วครับ แถมมามากเกินความคาดหมายจาก DAC ราคาขนาดนี้ นั่นคือความมีพลังครับ ความมีพลังนี่ผมไม่ได้หมายถึงพลังจากเสียงเบสแบบเขย่าห้องนะครับ ผมหมายถึงความมีพลังในทุกย่านของเสียงน่ะครับ ไม่ว่าเสียงคนร้อง เสียงของชิ้นดนตรีทั้งที่ดังและค่อย มันชัดเจนน่าฟัง มีมวลมีเนื้อเสียงไปหมดครับ ที่เหนืออื่นใด เสียงของเพลงที่ต่อผ่านออกมาจาก DAC 19mk3 มันมีความเป็นดนตรีสูงอย่างยิ่งครับ มันสามารถดึงให้ผมนั่งฟังนักร้อง ร้องเพลงผ่านไปทีละประโยค ทีละคำ แบบที่ผมไม่เคยได้จาก apollo เลยครับ เคื่องดนตรีทุกชิ้นทั้งใกล้และไกล มันมีความชัดเจนละมุนละไมไปหมดคับ
ตอนนี้ผมว่าเสียงแบบนี้คงไม่ต้องพูดถึงเสียง เบส กลาง แหลม แล้วครับ มันเหมือนดึงให้เราฟัง ฟัง แล้วก็ฟังครับ
ขอบคุณคุณ Love เฮียมั่น และทุกท่านที่อุตส่าห์ทนอ่านนะครับ

สวัสดีครับ เฮียกวี

ตี๋ AC ครับ

อ่านกระทู้ ของเฮียแล้วได้ความรู้สนุกดีครับ

ลิิงค์มาโดนบังเอิญ

ยินดีด้วยนะครับ คุณกวี ที่ได้ไปอยู่บนสวรรค์แล้ว.....(หมายถึงเรื่องการเสพเสียงนะครับ)555+

LS2 ก็เสียงดีนะครับผมก็ชอบเหมือนกัน แต่ว่าตอนนั้น system ที่ใช้ turntable ดัน match กับ LS3B มากกว่า ว่าแล้ว step ต่อไปแนะนำคุณกวี(เสียเงินอีกแล้ว)ถ้ายังไม่เคยเล่นแผ่นเสียงก็ลองหาเครื่องเล่นมาลองบ้างก็ได้นะครับ เครื่องเล่นแผ่นเสียงให้เสียงได้ดีเท่ากับ CD ในราคาที่ถูกกว่าประมาณ 3 เท่า ความเป็นธรรมชาติก็ดีกว่า และอีกหลายๆอย่างครับ ไม่ลองไม่รู้ สมัยก่อนตอนวัยรุ่นผมก็ฟังเพลงไทยบ้านเรานี่แหละครับ แต่ไอ้ cd ที่พวกบรรดาค่ายเพลงบันทึกมาไม่ต้องสืบครับ แบนนนนนน แข็งงงงงงง เป็นสากกะเบือเลย ผมเลยต้องไปดิ้นรนหาซื้อแผ่นเสียงเพลงไทยมาฟัง

ผมหล่ะทึ่งคนออกแบบ เม็ดไม้อคูสติก จริงๆเม็ดเล็กขนาดนั้นแต่มีผลกับเสียงในทางที่ดีได้ สงสัยวันหน้าต้องโดนซะหน่อย

ใน system ผมสังเกตว่า คุณกวี ยังไม่มีตัวกรองไฟตัวปรับแรงดันไฟอะไรประมาณนั้น (เสียเงินอีกและ)ใช่รึเปล่าครับ

แหม๊ของจีนเค้านี่ดีจริงๆเลยนะครับ

โอ้ น่าลองนะครับสวัสดีครับทุกท่าน ผมน้องใหม่หลงเข้ามาอ่านกระทู้
ตามหาคุณ LoVe ครับ ได้ประโยชน์มากเลยครับ


ตี๋ AC ครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ

โอ้ น่าลองนะครับสวัสดีครับทุกท่าน ผมน้องใหม่หลงเข้ามาอ่านกระทู้
ตามหาคุณ LoVe ครับ ได้ประโยชน์มากเลยครับ


ตี๋ AC ครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ

สวัสดีครับคุณ Love ตอนนี้ผมเพียงแต่ได้เห็นสวรรค์ครับ แต่ผมยังไม่อยากขึ้นไปอยู่ครับ 555
สำหรับ เครื่องเล่นแผ่นเสียงผมเคยเล่นมาแล้วเมื่อตอนเป็นวัยรุ่นน่ะครับ ใช้เทอร์นของ Technic ครับ แต่ตอนนั้นยังไม่ได้เล่นเครื่องเสียงแบบจริงจังน่ะครับ ใช้ฟังเพลงตลาดทั่วๆไปในตอนนั้น (เครื่องเล่นกับแผ่นยังอยู่ในห้องเก็บของเลยครับ) แถมผมมีแผ่นออดิโอไฟล์อยู่เพียงแผ่นเดียวเองครับ ของ Sonny Rolins ชุด Way Out West นอกนั้นเป็นเพลง Pop ทั่วๆไปครับ ผมเองก็ชอบเสียงจาก turn table เหมือนกันครับ แต่ผมมันเป็นคนไม่ค่อยพิถีพิถันเท่าไหร่ (ขี้เกียจคอยล้างแผ่น) แถมผมยังขี้รำคาญเสียงกร็อบแกร็บที่คลอไปกับเสียงเพลงด้วยครับ
เครื่องกรองไฟผมเองก็เคยซื้อของแบบราคาสามพันกว่าบาทมาใช้ครับ เป็นปลั้กรางของไทยยี่ห้อดังครับ ผมว่าเครื่องระดับนี้มันใช้แล้วได้อย่างเสียอย่างครับ สิ่งที่ได้แบบเห็นๆคือความสะอาดของพื้นเสียงช่องไฟของชิ้นดนตรีครับ ส่วนที่เสียไปคือบรรยากาศ แอมเบียนส์ เสียงแห้งลง รวมทั้งพละกำลังของแอมป์ดูเหมือนมันดรอปลงไปน่ะครับ สุดท้ายเลยต้องถอดออกครับ
ส่วนปลั๊กกรองไฟแพงๆผมก็เคยลองตอนที่ร้านที่มาติดเม็ดไม้เอามาครับ เป็นของยี่ห้อ Vibrex ครับ ราคาตัวปลั๊ก 48000 บาท ส่วนตัวสายแยกขายต่างหาก 25000 ครับ (โหดดีมั๊ย) ถ้าวันหลังคุณ Love ได้ติดเม็ดไม้อคูสติกจริงๆ ทางร้านเขาอาจจะเอามาให้ลองด้วย ปลั๊กระดับนี้เมื่อเสียบเครื่องเสียงลงไปมันจะไม่เหมือนกับปลั๊กที่ผมเล่าให้ฟังตะกี๊ครับ มันจะช่วยยกระดับเครื่องของเราทั้งชุดครับ เอาเป็นว่าพอถอดออกแล้วสวรรค์ล่มทันทีเลยครับ ตอนนั้นผมเองยังเกิดอาการหูเสียไปหลายอาทิตย์ครับ
สวัสดีคุณครับตี๋ AC บังเอิญจริงๆครับที่ได้มาเจอกันในเวปของเฮียมั่น ผมเองเป็นลูกค้าของคุณตี๋ครับ ซื้อสายไฟของคุณตี๋มาหลายเส้นแล้ว ล้วนแต่เป็นของดีราคาประหยัดครับ เมื่อเช้าเราได้คุยกันทางโทรศัพท์เห็นว่าคุณตี๋เพิ่งจะได้ Proac 1sc มาเห็นยังบ่นว่า system ยังไม่ลงตัว ยังไงลองปรึกษา อ.ยุทธพงศ์ เลิฟ ดูก็ดีเหมือนกันนะครับ

คุณตี๋ AC ครับพอดีผมเพิ่งจะนึกถึงแอมป์ตัวนึงออกครับ ผมเคยเอามาลองกับ D15 แล้วไปกันได้ดีมากครับ เป็น อินทิเกรทแอมป์ของ CREEK รุ่น Destiny ครับ ให้เสียงเพลงร้องเยี่ยมยอดมากครับไม่แพ้แอมป์หลอดเลยครับ ฟังเพลงได้ค่อนข้างหลากหลายแนวดีครับ

ตอนนั้นผมเอามาเทียบกับ LS2 + P280 ขับกับ Proac D15 ครับ เสียงเพลงร้องของ Destiny กิน LS2+P280 ขาดลอยครับ แต่เพลงที่มีไดนามิกหนักๆ เสียงเบส เสียงกระเดื่องกลองชุด รวมถึงขนาดของวงดนตรีเป็นรองครับ แต่ผมว่าถ้านำมาขับ Proac 1sc น่าจะเหลือๆครับ อยากให้คุณตี๋ลองหาโอกาสไปลองดูครับ

โอ๊วววว ปลั๊กไฟตัวละ 48,000 บาท + สายอีก 25,000 บาท ........

ได้ system mini อีกชุดนึงเลยนะนั้น

แห๊มไม่ถึงขั้น อ.ยุทธพงศ์ เลิฟ หรอกครับ ว่าแล้วคุณตี๊ AC ก็สอบถามจาก คุณกวีก็ได้ครับเพราะช่วงที่ผ่านมา คุณกวี ก็ได้ผ่านการเทสทดสอบไปหลายวิธีเหมือนกัน เปลี่ยน system เป็นว่าเล่นเลยยย ได้ประสบการณ์มาเพียบ

แวะมาทักทายทุกท่านเน้อ 555 ตามสบายเลยนะครับ ถือเป็นที่นัดแนะชุมนุมเรื่องเครื่องเสียงได้เลยล่ะครับ

คุณ Love คุณกวี คุณตี๋AC มีอะไรก็โพสแนะนำน้องๆๆ ท่านอื่นที่ตามอ่านได้เน้อ 5555



ความรู้ทั้งน้านนนน

ขอบคุณเฮียมั่นอีกครั้งนะครับ อาทิตย์ที่แล้วผมเองครับที่โทรไปหาเฮียเรื่องจะไปซื้อแอมป์ลูกเจี๊ยบที่ประตูน้ำ พอดีผมเปลี่ยนเบอร์เฮียเลยจำผมไม่ได้ 555