ประวัติความเป็นมาคร่าวๆของ Double Helix Cables ครับ:

เนื่องจากว่าผมเป็นคนชอบถามนู่นถามนี่ เลยได้มีโอกาศสอบถามประวัติของ Peter ทางเมล์และได้เรียนรู้ถึงมุมมองของเค้าที่น่าสนใจมาก และตัวผมเองคนนึงก็เห็นด้วยกับเค้าครับ เลยขอเล่าให้ฟังคร่าวๆครับ

Peter Bradstock เป็นนักวิทยาศาสตร์มาก่อนครับ เค้าเริ่มทำสายหูฟังให้กับตัวเองเพราะว่าสายอัพเกรดในตลาดไม่มีอันไหนที่ถูกใจเค้า แต่อยากให้หูฟังของตัวเองนั้นเทพมากๆเลยได้เริ่มศึกษาและทำสายหูฟังให้ตัวเอง หลังจากนั้นไม่นานเค้าก็ได้เริ่มจริงจังกับการทำหูฟัง และเริ่มขายตามตลาดถายใต้ชื่อแบรนด์แนววิทยาศาสตร์ว่า Double Helix Cables ซึ่งผลิตสาย IEM, Headphones, Interconnects, Power Cable และ Digital Cable ระดับ High-end เรียกว่าสินค้าเค้าครบเครื่องมากๆครับ

Peter เค้าเชื่อว่าการที่เค้านำหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการพิศูจน์แล้วมาประยุกใช้กับสายหูฟังตากหลักเกณทางธรรมชาติ จะทำให้เราได้สายหูฟังที่ดีที่สุดได้ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่สายหูฟังทุกเส้นของเค้าจะทำด้วย ทองแดงล้วน, เงินล้วนๆ, หรือ เงิน OCC ครับ (เค้ายืนยันว่าสินค้าของเค้าจะไม่มีโลหะผสมเด็ดขาดครับ) Double Helix Cable นั้นมีคนทำแต่คนเดียวคือ Peter เนี่ยแหละครับ

เค้าบอกว่าคนอื่นทำแล้วไม่ได้ดีเหมือนเค้าทำเองครับ ซึ่ง Peter เค้าก็ยังคงพยายามที่จะขายสายหูฟังในราคาที่มีเหตุมีผลที่สุด และพยายามค้นหาวัสดุสินค้าที่เรียกได้ว่าดีที่สุดมาใช้กับสายของเค้าครับ ไม่ว่าจะเป็น ปลั้กต่อ,y-splitters, สายหูฟัง, และก็การดีไซน์สายหูฟังที่เป็นแบบของ Double Helix โดยเฉพาะเลยครับ ซึ่งดีไซน์ของเค้าไม่ได้มีใว้ดูเล่นสวยๆเท่านั้นนะครับแต่ละดีไซน์มีการใช้ฉนวนหุ้มที่แตกต่างกันไปและยังมีการเดินสายที่แตกต่าง

ซึ่งทั้งหมดนี้ Peter บอกว่ามีผลต่อรายละเอียดเสียงและมิติเวทีอีกด้วยครับ! ถ้าได้เข้าไปดูในเว็บของเค้าจะเห็นว่าผู้ชายคนนี้เหมือนพวกนักวิทยาศาสตร์โรคจิตครับอยู่นิ่งไม่ได้และจะมีไอเดียทำสายแปลกๆออกมาอยู่เรื่อยๆครับ

Peter เป็นคนที่ในความสำคัญกับทุกๆรายละเอียดยิบย่อย ทุกๆขั้นตอนในการสร้างสายหูฟังขึ้นมาแต่ละเส้น เริ่มตั้งแต่การส่ังสายทองแดงหรือเงินจากผู้ผลิต สายทุกเส้นของเค้าต้องผ่านกรรมวิธีหลากหลายเพื่อให้ได้ซึ่งสุดยอดสายสำหรับการฟังเพลงครับ พอได้คุยกับเค้าได้ถึงไอ้ OCC นี่ผมก็ตันแล้วครับ

แม่งอินดี้มากอธิบายในเมล์ให้ผมโคตรยาว แต่ OCC ตอนหลังแอบไปศึกษาเลยพบว่ามามันย่อมาจาก Ohno Continuous Cast (OCC) ซึ่งเป็นกรรมวิธีการผลิตสายหูฟังแบบพิเศษทำให้โลหะนั้นมีคุณสมบัติพิเศษเหมาะสำหรับการใช้ในการฟังเพลง มีแรงต้านทานน้อยลง มีการเก็บประจุพลังงานน้อยลง เป็นฉนวนตัวนำที่ดีขึ้น ซึ่งส่งผลให้สาย OCC สามารถส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นครับ

OCC อย่างเดียวไม่พอแน่ๆครับ เค้ายังยืนยังว่าสายหูฟังทุกเส้นของเค้าได้ผ่าน Cyrogenic Treatment หรือเรียกกันสั้นๆว่า Cyro อีกด้วยครับซึ่งก็คือการเอาสายไปแช่ในไนโตรเจนเหลวอยู่หลายวันเพื่อให้เนื้อโลหะมีความแข็งแรงขึ้นครับ ซึ่งมีผลทำให้คุณภาพเสียงดีขึ้นครับ

เท่านั้นยังไม่พอครับหมอนี่เป็นนักวิทยาศาสตร์ตัวจริง เค้ายังอธิบายสรรพคุณของสายหูฟังเค้าเพิ่มให้ผมฟังต่ออีกเรื่องของความละเมียดละไมของเค้าในการสั่งสายแต่ละเส้นมาทำหูฟังครับ เค้าบอกว่าสายหูฟังของเค้าในทุกๆเส้นเล็กๆนี้มีสารเคลือบบางๆที่มองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่าอยู่ด้วยครับ! ซึ่งไอเจ้ากรรมวิธีนี้มันเรียกว่า litz ครับ เจ้า litz เนี่ยมีประโยชน์ในการทำให้มันไม่เกิดการรวมตัวของอ๊อกซีเจนที่เป็นตัวทำให้สายมันกลายเป็นสีเขียวครับ 555+ นอกจากนั้นเจ้า litz ยังช่วยทำให้พื้นผิวของสายหูฟังสำหรับการส่งสัญญาณใหญ่ขึ้นอีกด้วยครับ ทำให้การเพี้ยนหรือสูญเสียของสัญญาณระหว่างการเดินทางเข้าหูฟังของเรามีน้อยลงด้วยครับ!!

สุดท้ายนอกจากกรรมวิธีการทำสายของเค้าแล้ว Peter ยังบอกอีกด้วยว่าเค้าเป็นคนที่เชื่อในเรื่องของการ damping and shielding มากๆครับ ประมาณว่าสายทุกเส้นของเค้าต้องมีการห่อหุ้มเป็นอย่างดีและหลายชั้นมากๆ เพื่อป้องกันการรบกวนจากทั้งภายนอกและภายใน ถ้าลองเข้าไปดูในเว็บของเค้าจะเห็นว่าสายของเค้าจะมีหลายรุ่นมากและแต่ละรุ่นหน้าตาจะไม่เหมือนกัน Peter อธิบายว่าการที่เราเดินฉนวนป้องกันอย่างแน่นหนาบวกกับการที่เราเดินสายให้คล้องจองกับฉนวนที่วางใว้จะช่วยให้เราได้รับรายละเอียดของเสียงมากขึ้นและมิติเวทีที่ชัดเจนและสมจริงมากยิ่งขึ้นครับ ทั้งหมดนี้เลยสายของ Double Helix Cable นั้นให้น้ำเสียงที่มีคุณภาพและมีการสูญเสียของสัญญาณน้อยมากๆครับ

อุปกรณ์ในการรีวิว:

Source: Mac Mini – Chord Hugo

แอมป์: RSA

(C)IEM: Noble Audio Kaiser 10

สายอัพเกรด:

Double Helix Cables Symbiote SP 8-Wire (CIEM)
Tralucent Audio uBer (CIEM)
Toxic Audio Piccolino (CIEM)

ในที่สุดก็เข้าสู้ประเด็นสำคัญซักทีครับ 555+

Double Helix Cables: Symbiote SP 8-Wire (CIEM)

สายที่ IEM ที่ผมสั่ง Peter ไปเป็นสายเงินรุ่นเรือธงของเค้าครับ ชื่อรุ่น Symbiote SP ครับซึ่ง SP นั้นย่อมาจาก Silver Peptide นั่นเอง ผมได้สั่งให้เค้าใช้ขั้ว CIEM สำหรับ K10 สุดรักครับ สายรุ่นนี้สามารถส่ังได้ทั้งแบบ 4, 6, และ 8 เส้นครับขึ้นอยู่กับว่าอยากจัดหนักแค่ไหนครับ และยังมี option ให้เลือกว่าเราจะเอาสายนั้นไปใช้กับหูฟังอะไร ขั้ว CIEM, FitEar, MMCX เป็นต้นครับพร้อมทั้งยังสามารถเลือกว่าจะให้ปลั้กต่อเป็นแบบ Kobiconn, TRRS 3.5mm, และล่าสุดที่กำลังดังก็คงไม่พ้น 2.5mm TRRS ที่ Double Helix ได้สั่งทำพิเศษมารองรับความต้องการของเจ้าของ AK240 เลยทีเดียวครับ (ผมเป็นรุ่น 8 เส้นครับและได้สั่งสาย 2.5mm TRRS ไปเรียบร้อยครับ)

การเพิ่มจำนวนสายนั้นก็จะเพิ่มรายละเอียดของเสียงที่จะได้รับครับ สายเรือธงรุ่นนี้ให้คำนิยามสั้นๆว่าเป็นสายที่ให้เสียงที่เป็นธรรมชาติอย่างน่าประหลาดใจ ทำให้เพลงที่เราฟังนั้นไม่เหมือนเพลงดิจิตอลแต่เหมือนกำลังฟังการอัดเพลงสดๆของแหล่งต้นฉบับอย่างไงอย่างงั้นเลยครับ

สเป็คคร่าวๆของสายอัพเกรดเส้นนี้ครับ:

- ใช้สายเงินเปปไทด์ขนาด 25.2awg ต่อเส้นที่มีความบริสุทธิ์ที่สูงสุด

- Type 2 litz ช่วยคงความต้านทานและเพิ่มค่า LCR, ทำให้พื้นผิวการเดินทางของสัญญาณมีมากขึ้น และป้องกันไม่ให้สายเป็นสีเขียว

- Cyrogenic Treatment เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่โครงสร้างอะตอมของโลหะ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

ค่าตัวเค้าแรงไหมครับ

รูปแบบหน้าตา, การใช้งาน, ความประณีต, และ คุณภาพสาย

สาย SP 8 เส้นของผมนั้นขนาดกระทัดรัดอย่างไม่น่าเชื่อครับ น้ำหนักของมันก็เบามากๆอีกด้วย สายมีความยีดหยุ่นและมั้นเก็บได้ง่ายมากครับ สำหรับกล่องของ K10 ผมสามารถม้วนเจ้า Symbiote SP และใส่เข้าไปในกล่อง K10 พร้อมหูฟังได้อย่างสบายๆเลยครับ ตอนแรกก็กลัวมากว่าซื้อมาแล้วสงสัยได้อยู่แต่บนโต๊ะที่บ้าน แต่พอของจริงมาใส่แล้วสบายมากๆครับ ไม่รู้สึกว่ากำลังใช้สาย 8 เส้นอยู่

เรียกได้ว่าฟังอยู่บ้านหรือพกไปนอกบ้านได้สบายๆเลยครับ ขนาดของสายเงินที่ทำหน้าที่เป็นตัวนำสัญญาณนั้นมีสูงถึง 22.2awg เลยทีเดียวครับ เรียกได้ว่าเยอะมากๆสำหรับสาย IEM แต่สายเงินถึง 22.2awg ขนาดไม่ได้ทิ้งสาย Tralucent uBer เลยครับ ยัดคงเป็นสายที่กระทัดรัดและที่ได้เปรียบ uBer ก็ตรงจุดที่สามารถพกพาไปไหนมาได้โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าสายข้างในนั้นจะร้าวและหัก

จากรูปจะสังเกตุได้ว่าสายทั้ง 8 เส้นของ SP นั้นได้ถูกถักร้อยอย่างละเมียดละไมสวยงาม ดูดีมีสกุล มากๆครับ เป็นงานที่สวยที่สุดในบรรดาสายอัพเกรดหลายเส้นที่ผมมีอยู่ในครอบครอง สีสายออกเงินขาว มีประการแวววาว งดงามมากๆครับ ตรง y-splitter นั้นจะสังเกตุเห็น Spec ของสายเขียนอยู่ครับซึ่งของผมก็จะเป็น Silver Peptide Pure OCC Silver Type 2 Litz

ส่วนทางด้านปลายสายนั้น Double Helix สั่งปลั้กพิเศษเป็นปลั้ก Rhodium เคลือบสีดำและมีตรา Double Helix เขียนอยู่บนปลั้ก เป็นปลั้ก 3.5mm ที่เรียบหรูสุดๆไปเลยทีเดียวครับและสิ่งที่ผมชอบมากจากปลั้กนี้คือมันไม่ซ้ำกับใครครับ ปลั้กพิเศษนี้มีชื่อว่า DHC Elite Mini Plug ครับ สเป็คของปลั้กนี้คนขายยืนยันครับว่าสั่งมาพิเศษแข็ง ทนทาน และ คุณภาพดีกว่า Oyaide Rhodium แน่นอนครับ!! ปกติตามแบรนดังๆทั่วไปเราก็จะเห็น Oyaide, Viablue เต็มไปหมด แต่สำหรับ DHC ปลั้กของเค้าไม่เหมือนกับใครซึ่งผมเป็นคนที่ชอบใช้ของที่แตกต่างครับ 555+

รายละเอียดและการตอบสนองของเสียง

เนื่องจากว่าคนขายอวดผมใว้เยอะมากตอนที่ฟังครั้งแรงผมก็เตรียมหาจุดด้อยของสายเส้นนี้เต็มที่ พอต่อกับ K10 แล้วฟังปุ้ปตกใจมากครับเพราะว่าเสียงดีมากจนเลิกมองหาที่ติไปเลย เป็นน้ำเสียงที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนในสายอัพเกรดเส้นอื่นๆที่ผมมีและสัมผัสได้ถึงมิติเวที รายละเอียด ที่ชัดเจนและดีขึ้นอย่างไม่ต้องพยายามฟังเลย

สาย Symbiote SP ให้เสียงที่ใสสะอาดและไม่มีการปรุงแต่งเสียงเลยไม่แต่น้อย เป็นสายอัพเกรดที่จะฟ้องทั้ง source และเพลงที่เล่นอย่างยิ่ง source ปล่อยออกมายังไง สายเส้นนี้ก็จะให้เสียงแบบนั้นเลยโดยที่ไม่มีความเพี้ยนและการสูญเสียของรายละเอียดจาก source เลยแม้แต่น้อย ทำให้สาย Symbiote SP เป็นสายที่ให้รายละเอียดสูงมากๆ มีมิติเวทีที่สมจริงและให้ตำแหน่งบนเวทีที่ชัดเจนมากๆ ผมได้ยินรายละเอียดที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน เป็นสายอัพเกรดเหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักฟังที่หลงไหลในรายละเอียดยิบย่อยในดนตรี, ต้องการมิติเวทีที่เป็นเหมือนกับเพลงที่อัดมาและสมจริงที่สุด, หรือต้องการหาสายอัพเกรดที่สามารถใช้เป็นสายทดสอบ source/amp ทั้งหลาย Symbiote SP ตอนโจทย์ได้แน่นอนครับ

เสียงร้อง/เสียงกลาง:

เสียงร้อง เสียงกลาง เป็นจุดเด่นของสายเส้นนี้มากๆครับ ให้เสียงที่ละเอียดเหมือนแป้งเด็กแคร์ทาก้นเด็กยังไงอย่างงั้นเลยครับ 555+ ผมได้ยินการหายใจเข้าออกของนักร้อง เสียงเคาะสายกีตาร์เวลาตีคอร์ด เสียงมือกลองเล่นกับสแนร์เบาๆ รายละเอียดเวลานักร้องเล่นลูกคอที่ลอยมาเป็นคลื่นตามจังหวะลูกคอสวยงามมากๆ ซึ่งส่วนตัวผมเป็นคนที่ชื่นชอบในการได้ยินและเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยของเพลง (เราลงทุนไปเยอะก็เพื่อจะได้ฟังเพลงที่อัดดีๆ จาก Source ดีๆ และได้ยินรายละเอียดที่หาไม่ได้จากที่อื่น)

เสียงร้องและเสียงกลางของ Symbiote SP นั้นจะเป็นโทนที่มีความเป็นธรรมชาติและเป็นกลางมากๆ เสียงนักร้องที่ใสสะอาด ไม่มีความขุ่นมัว และไม่มีการปรุงแต่งเสียงจากเดิมแม้แต่น้อย เหมือนท้องฟ้าใสสะอาดตอนเช้า เวลาเราฟังสายอัพเกรดตัวอื่นเราจะรู้สึกว่าเสียงร้องนั้นหวานขึ้นหรือเสียงร้องถูกยกขึ้นมาอยู่ข้างหน้าเป็นต้น แต่สำหรับ Symbiote SP นั้นจะให้แนวเสียงคนละแนวกันเลยครับ

Symbiote SP นั้นทำให้เรารู้สึกว่าฟังที่เราเปิดไฟล์เพลงดิจิตอลฟังอยู่แต่เหมือนเรานั้นกำลังอยู่ในห้องอัดเสียง หรือเหมือนกับว่าเรากำลังอยู่ในการแสดงสดที่กำลังถูกอัดอยู่ เป็นสายที่มีความเป็นกลางสูงมากๆ เป็นสายที่จะให้เสียงตามเพลงและ Source ที่เราใช้อย่างยิ่ง ถ้าไฟล์เพลงดีบวกกับ Source ที่ดีรับรองว่า จะได้เสียงและรายละเอียดที่เราไม่คิดว่าจะมีอยู่ในเพลงที่เราฟังอยู่ทุกๆวัน เลยครับ

เสียงสูง:

เสียงสูงของ Symbiote SP นั้นเป็นเสียงสูงที่พอเหมาะพอเจาะมากครับ เพลงที่มีโน้ตเสียงสูงๆ Symbiote SP สามารถถ่ายทอดเสียงสูงออกมาเป็นประกายละเอียดมากๆ และไปได้ไกลสุดลูกหูลูกตา และไม่มีความรู้สึกว่าเสียงสูงนั้นหยาบหรือทำให้รู้สึกเหนื่อยแม้แต่น้อยครับ ปกติผมเป็นคนชอบฟังเพลงผู้หญิงเช่น Rebecca Pidgeon, Alison Krauss, Anne Murray, Amber Rubarth, Carol Kidd, หรือ Diana Krall เป็นต้นครับ

ซึ่งน้องร้องระดับนี้จะต้องมีเพลงจัดเต็มที่จะร้องตีขึ้นโน้ตสูง และดนตรีก็จะเล่นรับขึ้นโน้ตสูงเช่นกัน และยังมีบางเพลงที่เป็นเพลง Acoustic ที่เน้นเรื่องของเครื่องสาย ซึ่งสำหรับ Symbiote SP นั้นผมสามารถสัมผัสได้ถึงรายละเอียดที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนในสายอื่นๆ รู้สึกถึงเสียงสั่นไปมาของสายกีตาร์แต่ละเส้น เสียงบอร์ดของกีตาร์เบาๆเวลามือกีตาร์กำลังค่อยๆไล่โน้ตหรือเปลี่ยนคอร์ด เสียงสั่นไปมาของสายไวโลลีน เสียงร้องแตะโน้ตสูงของนักร้องซึ่งหลายคนก็มีเทคนิคการร้องที่แตกต่างกันไป

ผมสามารถสัมผัสได้ถึงเทคนิคการหายใจและการเร่งเสียงขึ้นโน้ตสูงของนักร้องแต่ละท่าน ซึ่งสายอัพเกรดหลายๆสายที่ได้ลองมา เวลามาถึงช่วงโน้ตสูงๆ ถึงแม้ว่าจะขึ้นได้สุดเป็นประกายแต่ผมจะรู้สึกแสบหูขึ้นมา เหมือนกับเสียงมันแหลมบาดหูซึ่งมากน้อยแล้วแต่สายที่ลอง แต่พอได้ฟัง Symbiote SP เสียงสูงเหล่านั้นกลับเป็นประกายละเอียดที่ไม่บาดหูแม้แต่น้อย

เบส:

หลายคนเวลาตัดสินใจเลือกซื้อสายอัพเกรดจะกังวลใจเรื่องของสายเงินที่จะให้แนวเสียงที่แข็งและเบสที่น้อยและบาง ซึ่งผู้ผลิตสายอัพเกรดหลายเจ้าก็ได้ตระหนักถึงข้อจำกัดนี้และคิดค้นตัวเลือกหลายอย่างให้ตรงตามความต้องการของนักฟังหลายๆท่าน เช่น สายทองแดงชุบเงิน หรือ สายทองแดงผสมกับสายเงิน เพื่อให้สายนั้นยังของมีความอิ่มหนาของเสียง และให้รายละเอียดเพิ่มขึ้น

แต่สำหรับสาย Symbiote SP นั้น Peter ได้พยายามพัฒนาสายเงินของเค้าเป็นเวลาหลายปีจนมาถึงรุ่นปัจจุบันซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสายเงินที่เปลี่ยนความคิดของผมถึงแนวเสียงสายเงินรุ่นก่อนๆไปโดยสิ้นเชิง สาย Symbiote SP นั้นให้เบสที่ลงได้ลึก ออกมาเป็นลูกๆ อย่างนุ่มนวล ซึ่งปริมาณเบสของ SP นั้นเมื่อมาจับคู่กับ K10 แล้วได้เสียงเบสที่เหมือนจริงมากๆครับ เป็นเบสที่ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป กำลังดีเหมือนกับเสียงที่เค้าอัดมาจริงๆ

สายนี้ไม่เหมาะสำหรับนักฟังที่รับประทานเบสเป็นชีวิตจิตใจ แต่สำหรับนักฟังที่ชอบเพลง Audiophile และนักฟังที่ต้องการเสียงเบสที่เหมือนกับเพลงที่อัดมาโดยที่ไม่มีการปรุงแต่งหรือความเพี้ยน ซึ่งสาย Symbiote SP สามารถทำได้ดีมากๆครับ เวลาฟังเพลงเพลงที่สื่ออารมณ์ผ่านเสียงกลองหรือเสียงเบสให้จังหวะ เช่น Daft Punk, The Eagle, หรือ Dream Theater ผมรู้สึกได้ถึงเสียงเบสที่ลงได้ลึก มีความกระหึ่ม กระแทกได้ใจมากๆ ตัวโน้ตเบสทุกตัวชัดเจน ไม่มีการเฉื่อยหรือมัวแม้แต่น้อยครับ

3.) มิติเวที

มิติเวทีของ Symbiote SP ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของสายเส้นนี้ครับ ผมมองว่าสายเส้นนี้ไม่ได้ให้มิติเวทีที่กว้างขวางและมีความลึก เหมือนสาย uBer ส่วนตัวเวลาผมฟังสาย uBer นั้นทุกๆเพลงจะได้มิติเวทีที่กว้างขวางและลึกขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับสายอัพเกรดอื่นๆ ซึ่งตอนแรกผมก็ชอบสายเส้นนี้มาก แต่เมื่อมาฟังสาย Symbiote SP แล้วผมกลับชอบมิติเวทีของสาย Symbiote SP มากกว่าเนื่องจากความเหมือนจริงที่ Symbiote SP นั้นได้สื่อออกมาอย่างละเอียดและแม่นยำ

Symbiote SP นั้นให้มิติเวทีที่เสมือนการอัดจริงมากๆครับ ตำแหน่งของนักน้องและเครื่องดนตรีต่างๆ สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนมาก เพลงที่อัดสดก็ให้เวทีที่กว้างขวางเหมือนกำลังชมการเล่นสดอยู่ เพลงที่อัดในห้องอัด ก็รู้สึกได้ถึงเวทีที่แคบลงมาแต่กลับเหมือนจริงมากๆ รู้สึกได้ถึงนักร้องที่กำลังนั่งร้องอยู่และมีวงดนตรี รอบข้างที่กำลังเล่นอยู่

การแยกมิติและชิ้นดนตรีนั้นก็ถือว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยมมากครับ ไม่ให้ความรู้สึกว่ามีนักร้องหรือนักดนตรีคนใดยืนซ้อนกันอยู่ ทำให้เวลาฟังเพลง Classic หรือ ดนตรีอัดสดในคอนเสิร์ตใหญ่ ผมสามารถสัมผัสได้ถึงจุดยืนของนักร้อง และนักดนตรีแต่ละคนได้อย่างชัดเจน รายละเอียดความชัดเจนบนเวทีเล็กๆน้อยๆที่ไม่เคยคิดว่าจะสามารถได้รับจากหูฟังก็ปรากฏขึ้นมา ซึ่งผมรู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าไปฟังการเล่น/อัดสด อย่างไงอย่างงั้น หลายครั้งที่เราฟังเพลงแล้วจะรู้สึกว่าเรานั้นอยู่กลางเวทีและมีวงดนตรีเล่นอยู่รอบๆเรา แต่สำหรับ Symbiote SP นั้นผมรู้สึกได้ว่า ผมถูกดึงออกจากกลางวงนั้นและได้กลายเป็นผู้ฟังที่นั่งชมอยู่ในที่นั่งแถวหน้าๆของเวทีเลยครับ เป็นอรรถรสอีกระดับของการฟังเพลงเลยทีเดียวครับ

สรุป:

สำหรับนักฟังที่กำลังมองหาสายอัพเกรดคุณภาพระดับเรือธง (และงบประมาณเป็นเรื่องรอง 555+) คุณภาพงานประณีตสวยงาม วัสดุที่นำมาใช้ทำเป็นวัสดุที่ดีที่สุดที่หาได้ และให้น้ำเสียงที่มีความเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง สาย Double Helix Cables เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้แน่นอนครับ

ทำไม Double Helix Cable จึงใช้แต่สายเงิน OCC litz เป็นสายเรือธงของเค้า!?:

***ข้อความที่ผมจะแบ่งปันนี้โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านครับเนื่องจากว่าตัวผมเองถึงแม้จะเชื่อคนขายแต่ได้ไม่สามารถพิศูจน์ได้ว่ามันจริงหรือไม่ และส่วนตัวสายแต่ละแบบก็มีข้อดี ข้อเสียที่แตกต่างกันครับ​***

ตอนที่ผมส่งเมล์ติดต่อกับ Peter ครั้งแรงผมก็ได้แจ้งเค้าไปว่ากำลังตามหาสายอัพเกรดที่ดีที่สุดให้กับ K10 ของผม ซึ่งผมก็ได้ถามเค้าไปว่าทำไมสายเรือธงของเค้าถึงไม่มีทองผสมอยู่เลย เพราะตอนนั้นเห็นสายยี่ห้ออื่นๆต้องมีทองผสมอยู่ไม่มากก็น้อยในสายรุ่นเรือธงของเค้า แต่ Double Helix กับไม่มีสายเงินผสมทองอยู่เลย!!!! ตอนนั้นก็คิดอยู่ว่าแม่งยี่ห้อกระจอกป่าววะ สงสัยมีปัญญาซื้อแค่สายเงินมาขาย แต่หลังจากที่ได้คุยกับ Peter อยู่หลายเมล์เค้าก็สามารถทำให้ผมเชื่อในแนวคิดของเค้าได้ครับ และก็เป็นสิ่งที่ผมประทับใจในยี่ห้อนี้มากเพราะว่าเค้ายินดีที่จะตอนคำถามผมอย่างตั้งใจทุกครั้งทั้งๆที่ผมเหมือนว่ายังไงก็ไม่ซื้อเค้าอยู่แล้ว

Peter ยืนยันว่า สายเงิน OCC litz ของเค้านั้นเป็นสายที่ดีที่สุดที่เงินสามารถซื้อได้ในทุกๆระดับราคา เพราะว่าตามหลักวิทยาศาสตร์แล้วเงินเป็นโลหะที่ดีที่สุดที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมา ทำให้เงินเหมาะสำหรับการทำเป็นสายสัญญาณที่สุดครับ เค้าถึงกับยืนยันว่าเค้าได้ไปปรึกษาอาจารย์จากมหาลัย MIT ชื่อดังด้วยครับ

ซึ่ง Peter ได้ไปคุยกับ Dr. Samuel Allen ซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกวิสวกรรมวัสดุครับ Peter บอกผมว่า Dr. Samuel ได้ยืนยันว่าเค้าไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมถึงต้องนำทองมาใช้กับเงินในการทำสายสัญญาณในการฟังเพลง เนื่องจากว่าการที่เราใส่ทองเพิ่มเข้าไปในสายเงินเราหวังว่าทองจะเข้าไปอยู่ในช่องว่างของโมเลกุลของสายเงินได้และทำให้การเดินสัญญาณเป็นไปได้อย่างง่ายได้ขึ้นและส่งผลให้เสียงออกมีละเอียดอ่อนและไพเราะขึ้น

แต่ว่า Dr. Samuel กลับไม่เห็นด้วยครับ เค้าบอกว่าอะตอมของทองและเงินนั้นมีขนาดเท่ากันและเป็นไปไม่ได้ที่ทองจะเข้าไปช่วยปิดช่องว่างของสายเงินได้และเค้ายังได้อธิบายหลักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเรื่องของโลหะตัวนำอีกด้วยครับ

จากการทดลองของ Dr. Samuel เค้าได้พบว่าการที่เราเพิ่มทองคำเข้าไปในเงินเพียง 1% จะส่งผลให้ประสิทธิภาพในการนำส่งสัญญาณของเงินลดลงถึง 15% ครับ และถ้าเราเพิ่มทองเค้าไป 5-10% เงินจะสูญเสียประสิทธีภาพในการนำส่งสัญญาณถึง 50% เลยครับ!!!! แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Dr. Samuel ก็บอกว่าเรื่องของเสียงนี้ใช้วิทยาศาสตร์อย่างเดียวไม่ได้เพราะว่าผู้ผลิตอาจจะมีเคล็ดลับประจำตัวที่ทำให้สายทองผสมเงินให้เสียงที่เหนือกว่าสายเงินธรรมดาได้ครับ

และจากการทดลอง Dr. Samuel ก็ได้บอกว่าการเพิ่มทองเข้าไปในสายเงินจะทำให้บุคลิกของเสียงสายเงินนั้น ด้วยคุณสมบัติของทองจะทำให้ได้เสียงที่อุ่นและหวานนุ่มมากขึ้นครับ เนื่องจากว่าการเดินทางของสัญญาณเป็นไปได้ช้าขึ้นและตามหลักวิศวะจะทำให้ได้รับรายละเอียดที่น้อยลงซึ่งลงผลให้ได้เสียงที่ได้จะนุ่มเนียนมากขึ้น

ด้วยเหตุผลด้านบนบวกกับความที่ Peter เป็นนักวิทยาศาสตร์อย่างเต็มตัว เค้าจึงเลือกใช้วัสดุตามที่วิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์ว่าดีที่สุดหรือก็คือสายเงินนั่นเองครับ เค้าได้พยายามค้นคว้าหาวิธีทำให้สายเงินของเค้านั้นดีที่สุดเท่าที่เทคโนโลยีปัจจุบันจะทำได้เลยทีเดียวครับ สายเงินของ Peter นั้นให้รายละเอียดที่ดีมากๆจริงครับ เค้าเชื่อว่าการที่เราจะพัฒนาสายหูฟังให้ได้รายละเอียดและมิติเวทีที่สมจริงที่สุดนั้นยากกว่าการที่เราจะทำให้เสียงอุ่นหวานด้วยการลดรายละเอียดลงครับ

พอผมได้ฟังสายเงินของ Double Helix แล้วเหมือนได้ยินเสียงและรายละเอียดที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยจริงๆครับ และที่สำคัญสายเงินของ Double Helix นั้นไม่ได้ให้น้ำเสียงที่แข็งเหมือนสายเงินอื่นๆที่ผมเคยฟังมาเลยครับ แต่กับให้น้ำเสียงที่นุ่มนวลมีคุณภาพน่าฟังเป็นอย่างยิ่งครับ!!

สั่งแล้วกว่าจะได้นานไหมครับพอดีผมสนใจ เจ้า 2.5mm TRRS อยู่เหมือนกันครับ ขอบคุณครับ

รบกวนช่วยเปรียบเทียบกับสาย picolino ให้หน่อยได้มั้ยคะ โดยเฉพาะเสียงกลางสูง รายละเอียดย่านสูงละเอียดกว่า picolino แบบชัดเจนแค่ไหน

@คุณ สุมิตร ทับมี เห็นเฮียโพสต์ว่ากำลังดูยี่ห้อนี้อยู่ครับ แต่ผมซื้อราคาหน้าเว็บเลยครับ

@คุณ actionmanz รอบที่แล้วผมรอประมาณเกือบๆ 1 เดือนครับ แต่ปลั้ก 2.5mm ของเข้าอีก 2 อาทิตย์ครับ

รอดูกลางเดือนหน้าเห้นว่า y-splitter ที่เค้าทำจะมีออกมาให้เลือกใช้แทนแบบท่หดล่ะครับ

@ คุณ actionmanz ขอโทษครับให้ข้อมูลผิด ปลั้ก 2.5mm TRRS แบบสั่งพิเศษ (ที่ไม่ใช่แบบของถูก) เวลาผลิดอีก 5 อาทิตย์ครับ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับผม

@ คุณ porparty เทียบ Symbiote SP กับ Piccolino:

ส่วนตัวผมชอบสายทั้งสองเส้นนี้มากครับ กินกันไม่ลงเลย (แทบจะสลับฟังวันละเส้นครับ) ซึ่งต้องเรียนตามตรงว่าแนวเสียงต่างกันอยู่พอสมควรครับ

สาย Piccolino เป็นสายเงินผสมทอง ให้เสียงร้องที่หวานมากๆครับ ส่วน Symbiote SP ที่เป็นเงินล้วน ให้เสียงร้องที่ใสเคลียและรายละเอียดเยอะกว่าครับ เรื่องเสียงร้องผมชอบ Piccolino มากกว่าครับถึงจะไม่ใสเท่า Symbiote SP แต่มีความหวานลงตัวที่ฟังแล้วเคลิ้มตามเพลงได้เลยครับ 555+

เรื่อง มิติเวที Piccolino เป็นสายที่ให้เวทีกว้างมากทีเดียวครับเมื่อเทียบกับ Symbiote SP แต่ส่วนตัวผมชอบ Symbiote SP มากกว่าครับ ให้มิติเวทีที่เหมือนจริงมากๆครับ ตำแหน่งชัดเจน และเหมือนจริงกว่าครับ

ส่วนเสียงสูง รายละเอียดเยอะกว่าพอสมควรครับ ผมฟังสาย Piccolino กับ K10 ก่อนที่จะได้ Symbiote SP, ซึ่งพอผมฟัง Symbiote SP แล้วได้ยินรายละเอียดที่ไม่เคยได้ยินจาก Piccolino ครับ ฟังไม่ยากเลยครับ

ส่วยเบสนั้นแนวคล้ายๆกับครับ เป็นเบสประมาณกำลังดี เก็บตัวได้ดีมากๆ แต่เบสของ Symbiote SP จะหนักแน่นและได้รายละเอียดโน้ตที่ชัดเจนกว่า Piccolino ครับ

โดยภาพรวมแล้วถ้าฟังกับ K10 ผมชอบ Symbiote SP มากกว่าครับ เสียงของ Symbiote SP นั้นเวลาฟังแล้วเหมือนฟังการร้องสดมากๆครับ และเนื่องจากว่าเสียง overall ของ K10 นั้นมีความลงตัวมากเมื่อจัดคู่กับ Symbiote SP และ ด้วยความที่เป็นคนชอบฟังรายละเอียดผมเลยฟัง Symbiote SP บ่อยกว่า Piccolino ครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ อ่านแล้วตัวคันคะเยอเลย

เฮียมั่นนนนนน ว่าไง อิๆ

ขอบคุณครับคุณ wannapatc อ่านจนจบ หันไปมองเงินในบัญชี....( T_T)

โอ้วขอบคุณสำหรับข้อมูลมากๆเลยครับ
สายของเเบรนด์นี้ทางร้านกำลังจะสั่งมาให้ลองกันในเร็วๆนี้เลยครับ

@wannapatc สะดวกทางไลน์มั้ยคะ คุยแบบนี้ไม่ทันใจ อยากทราบเรื่องประเด็น TRRS 2.5" กับ 3.5" ด้วยค่ะ เวลาสายถึงจะได้ถ่ายทอดสดกันเลยทีเดียว

ขอบคุณที่แบ่งปันข้อมูลค่ะ ยกเป็นผู้กล้าเลย สุดยอดดด

ขอบคุณ คุณ ohwownoone, หลุยส์, Nsign, porparty ครับ

@คุณ porparty line: wannapatc ครับ

ขอบคุณคุณ wannapatc ที่มาแชร์กันครับ
ผมใช้ pico อยู่ ยังอ่านรีวิวไม่จบ ไว้อ่านจบแล้วจะมาถามอีกทีครับ

ว่าแต่ ราคาเรียงยังไงครับ ทั้งสามเส้น

มาทำงานกับเฮียเหอะ 555

ขอบคุณคุณ wannapatc สำหรับขอมูลดีๆ ยังไปไม่ถึง ขอเก็บข้อมูลไว้ก่อนครับ
ตอนนี้ท่อง อิติปิโส ค่อยๆๆ ใจเย็นๆๆ 555++

ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆที่มีมาให้อ่านครับ

อ่านจนจบ.....

สนุกดีครับ แต่ผมไม่ค่อยจะยู้เยื่องงงงง 555+

แต่รีวิวดีจริงๆนะ

ถ่ายรูปสวยชวนอ่าน

รีวิวรายละเอียดยิบๆยันประวัติ โคตรเหง้าสักหลาด

เรื่องที่พอจะบ่นได้ [เรื่องเล็กกระติ๊ดเดียวครับ] คือตัวหนังสิอยาวเป็นพรืดไปหน่อย ผมตาลาย *-*

Type 2 litz ช่วยคงความต้านทานและเพิ่มค่า LCR, ทำให้พื้นผิวการเดินทางของสัญญาณมีมากขึ้น และป้องกันไม่ให้สายเป็นสีเขียว

ค่าLCRมันคืออะไรหรอครับ อยากทราบอ่าาาาาา???

ขอบคุณครับ คุณ prathan, เฮีย, paponpat, joe_np1920, themiumhhh, hippo12893

@คุณ themiumhhh: รับทราบครับ ใว้จะนำไปปรับปรุงครับผม

@คุณ hippo13893: มันคือ 3 ค่าที่เวลาเราทำสายหูฟังเราจะพยายามลดมันลงให้ได้มากที่สุดครับ ได้แก่ Inductance, Capacitance, แล้วก็ Resistance ครับ

เดี๋ยวผมช่วย Edit แก้วรรคตอนให้เองจ้าๆๆๆ

ที่ผมพิมพ์ด้านบนนั้นอำขำๆๆนะครับ มือเล่นหนักแบบนี้มั่นคงไม่มีปัญญาจ้างครับ 5555

สายอันนี้ผมให้เจ้าหลุยส์ติดต่อแล้วล่ะครับ มอบให้เจ้าหลุยส์เป็นคนดูแลติดตามแบรนด์นี้ไปอีกอัน เดี๋ยวถ้าได้ความคืบหน้าผมจะมาเล่าให้ฟังนะครับ 555

ขอบคุณ คุณ wannapatc สำหรับรีวิวและข้อมูลแน่นๆๆแบบนี้ครับ

ขอบคุณมากครับเฮีย ขอค่าจ้างเป็นส่วนลดได้มั้ยครับ 555

ได้ซิครับ นี่น่าจะเป็นนักเล่นที่เล่นโหดมากในรอบปีเลยล่ะครับ 555

โอ้ ไม่โหดเลยครับเฮีย เน้นไปขอฟังฟรีที่ร้านเฮียแหละครับ 555

ประทับใจกับร้านเฮียมากครับ มีอะไรช่วยได้ยินดีครับ

ปล. คุณหลุยส์เค้าขายเก่งครับ นั่งงงๆ ตังหายอยู่เรื่อย 555

รีวิวอ่านสนุก เขียนดีมากๆครับ
อ่่านจนอยากได้เลยครับพี่ แต่ตอนนี้นั่งเบิร์นpk2 ไปก่อนดีกว่า มีงบแค่นี้ อาทิตย์ที่แล้วไปสอยมาจากสาขาดิจิตอลเกตเวย์ครับ 555

ตอนนี้ให้หลุยส์แมล์ถามเรียบร้อยแล้ว รู้สึก DHC จะตอบมาแล้วครับ เดี๋ยวเล่าให้ฟังนะคร้าบบ

อ่านจบแล้ว อยากได้เลย ชอบเรื่องรายละเอียดไม่เน้นเสียงร้องเบส กลัวสายเขียว ว่าแต่เสียงเหมือนดิจิตอลมากหรือliveเหรอครับ

ขอบคุณครับ คุณ ศรราม01, prathan

@คุณ prathan: สายสมัยใหม่ ไม่เขียวแน่ๆครับ (ตามกรรมวิธีหลากหลายที่ผมอธิบายใว้เลยครับผม) 555 ส่วนเสียงผมขอเรียกว่า neutral, natural ครับ คือส่งมายังไงก็ปล่อยไปแบบนั้นโดยที่ไม่มีการสูญเสียของรายละเอียดเลยครับ

@เฮีย: เฮงๆ ขายดีๆ ครับ

คุณwannapatcรีวิวได้เยี่ยมครับ รูปสวยมากครับ เนื้อหามีสาระอ่านแล้วเพลินมาก

อย่างเดียวที่อยากจะติคืออ่านรีวิวจบแล้วทำให้กิเลสเกิดครับ คันมากครับอยากลองสายDHC 555+

ขอบคุณมากครับสำหรับรีวิวดีๆ :)

สาย m2m ของ piccolino ผมแดงไปละ (แดงมากด้วยอะ)
เลยกลัว สาย pico เส้นใหม่จะเปลี่ยนสีเหมือนกัน
อยากได้ DHC ซึ่งไม่เขียวอะคับ

ขอบคุณครับ คุณ อิมพาล่า

@คุณ prathan: สาย piccolino ผมไม่แน่ใจเหมือนกันครับผม หาข้อมูลสายเส้นนี้ไม่ได้เลยครับ มันเป็น OEM ของ Crystal Cable ต้องลองขอความรู้จากคุณหลุยส์ดูครับ 555+ แต่ถ้ามันเป็น litz (ฟิล์มบางๆเคลือบสายทุกเส้น) ไม่เขียวแน่ๆครับ สาย DHC litz ทุกเส้นครับ

พี่เขียนรีวิวได้เมพขิงๆเลยครับ อยากได้สายยี่ห้อนี้อยู่พอดี^^

ขอบคุณครับ คุณ msmrjia

อัพเดตข่าวครับ:

ตอนนี้หน้าเว็บ Double Helix Cables มีลิงค์แนะนำสินค้าเวอร์ชั่นภาษาไทยแล้วครับ!!

เพื่อนๆที่สนใจสายยี่ห้อนี้อยู่ สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดสายแต่ละเส้นของเค้า เพื่อเตรียมไปมอบตัวกับเฮียได้เลยครับ 555+

http://doublehelixcables.com/store/

คุณ wannapatc เคยฟังเทียบ Toxic silver window มั้ยครับขอความเห็ยหน่อย

โอ้โฮ คุณ wannapatc นี่ไม่ธรรมดาเลยแฮะ เล่นเขียนเป็นคู่มือให้เค้าเป็นภาษาไทยด้วยเลย 555


เอ้า อดใจรออีกนิด สำหรับสาย DHC มีขายแน่ๆๆๆครับ 555

ขอบคุณครับ เฮีย

@คุณ NSign: พอดีวันนี้มีโอกาศแวะมาเรือธง เลยรบกวนคุณหลุยส์ขอฟัง Silver Widow แบบ 4 เส้น ครับ ฟังแบบไม่ทราบราคาของ Silver Widow เลย

ผลที่ได้โดยรวม SP ดีกว่าเยอะเลยครับ รายละเอียดทุกย่านทำได้ดีกว่าเยอะพอสมควรเลยครับ เสียงโดยรวมของ SP ใสกว่าพอสมควรเลยครับ มิติเวทีของ Silver Widow จะแบนกว่าครับเมื่อเทียบกับ SP แล้ว SP มีความเหมือนจริงกว่าเยอะพอสมควรครับ ฟังออกได้ไม่ยากเลยครับ แต่อาจจะเป็นเพราะเทียบสาย 4 เส้นกับ 8 เส้นด้วยครับ

หลังจากที่ทราบราคาว่าอยู่ระดับ 10,000 บาท (ต่างกันเกือบ 3 เท่ากับ SP 8-wire) ส่วนตัวผมว่าเป็นสายคนละระดับราคากันครับ เลยลองขอฟังสายเส้นอื่นในระดับราคาเดียวกัน ส่วนตัว Silver Widow ทำได้มากในระดับราคา 10,000 เลยครับ

wannapatc @ ขอบคุณมากๆครับ พอดีกำลังมองสองเส้นนี้อยู่ Window กับ SP แต่ผมคงเลือกแบบ 4Wire ไม่ค่อยจะชอบหกสายขนาดใหญ่ๆ ครับและงบประมาณของสายผมวางอยู่ในเลทๆนั้นพอดีครับ

น่าสนใจมากเลยครับ
ผมก็ชอบแบบ 4wireขนาดไม่ใหญ่จนเกินไปเหมือนกับคุณNSign

กำลังดูๆตัวHybrid(ทองแดง+เงิน)กับSPC(ทองแดงเคลือบเงิน)อยู่ครับ
ไม่ทราบบุคคลิกเสียงต่างกันอย่างไรบ้าง

@คุณ NSign: ยินดีครับ สาย 4-wire ขนาดกระทัดรัดมากครับ 25.2awg! 555+

@คุณ เด็กแป๊ะ: ถ้าเทียบสายสองเส้นนี้ (อ่านมานะครับผม):

- สาย SPC ให้เสียงแนวโปร่งมีเนื้อเบสที่หนักหน่วงครับ เหมาะเอาไปฟังเพลงร๊อคๆ

- สาย Fusion จะให้เสียงที่เป็นกลาง เรื่องรายละเอียดและความแม่นยำของมิติเวทีจะดีกว่าครับ (แต่ถ้าเทียบ Fusion กับสาย SP, สาย Fusion ให้เบสเยอะกว่าในระหว่างที่สาย SP ให้รายละเอียดดีกว่าครับผม 555+)

ปล. ส่วนตัวผมก็สั่งสาย Fusion 4-wire ไปเหมือนกันครับ ตอนนั้นไม่รู้ว่าเฮียจะขาย ตอนนี้รอสั่งเฮียดีกว่า 555+

แจ้งความคืบหน้าครับ 555 หลังจากคุณ wannapatc ช่วยชี้เป้าให้แล้ว ผมก็ให้เจ้าหลุยส์เมล์สอบถามและเป็นผู้สั่งซื้อสินค้า และให้หลุยส์ดูแลแบรนด์นี้ให้ซะเลย

เมื่อวานน่าจะเรียบร้อยแล้วครับ คือขั้นต้นจะสั่งตัวท็อปอย่าง Symbiote SP มาก่อน และจะสั่งสาย micro usb มาด้วยครับ (ใช้กับ AK240 กับ Hugo ได้) และจะมีสาย mini to mini เพิ่มมาด้วยครับ

ขอบคุณคุณ wannapatc มากๆๆครับ 555 ถ้าติดขัดสงสัยอะไร จะให้หลุยส์โทรหานะครับ 555

โอว์เฮียสั่งมาแล้ว ใช้เวลานานมั้ยครับเฮียกว่าจะมีให้ได้ลองกัน

เมื่อคืนสัก สองทุ่ม ถึง สี่ทุ่ม คุยกะเค้าอยู่ครับ

แอบไปคุยโดยไม่รู้มาก่อนว่าทางร้านมีส่วนเกี่ียวข้องกันแล้วครับ

ทางบริษัทแจ้งว่า ใครที่ความสามารถด้านภาษาอังกฤษไม่กระจ่างชัดนัดนัก ร้าน munkong gadget สามารถช่วยคุณได้ครับ

Munkkong will be helpful for people where my English website is not easy to use, for people to try certain cables in person, and to also pay in cash in person

ขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องเสียง และ ราคา ของ

DHC Complement2 Flagship OCC Copper Litz Headphone Cable

- แยกสายตลอดเส้น (Separate sleeves on each channel's cable, end to end.) ,
- XLR 4 pin DHC/Valab Carbon Fiber trimmed และ 3.5 ของ DHC สีเงิน(โรเดียม)
- DHC Capsid Carbon fiber/Aluminum Y splitter
- ขั้วต่อแบบ HD800 หรือ LCD2
- ความยาว 4 ฟุต และ 6 ฟุต

ว่าจะเอามาต่อกับ k550 (โมขั้ว LCD หรือ HD800 ) น่าใช้อัพเกรดมั้ยครับ หรือมีหูปิดแนวๆนี้ที่น่าเปลี่ยนสายคุ้มกับการลงทุนมากกว่านี้มั้ยครับ

ปล. หูฟังแอบให้เค้าลองแนะนำมาตัวนึง อยากได้กว้างๆ (มีคนแนะนำ ATH w1000x แต่เคยฟัง ATH AD-2000, AD-900 แต่แอบรู้สึกว่ากลางมันอึดอัดมากครับ เข้ามาใกล้ตัวเกิน ไม่ชิน เลยไม่เคยไปลองตัวอื่นของค่ายนี้เลยครับ)

(What I love is a big and wide soundstage, airy, spacious, not too heavy to walk around with, closed, and the most can work good with your cable too.)

เค้าแนะนำ Alpha Dog มาครับ บอกว่าไม่หนัก ใส่สบาย และ ใส่เดินไปเดินมาได้ครับ !!! {0.0} !!! จริงหรือครับ หรือท่านอื่นมีตัวไหนที่จะแนะนำบ้างไหมครับ ขอบคุณครับ

คุณmoohunt21 ครับ alpha dog เป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ ครับ ผมปล่อยอยู่ในห้องมือสอง...




อายจุง แหะแหะ

moohunt21 @ ลอง Shure SRH1540 อีกซักตัวเเล้วกันครับไม่แน่ใจว่าจะชอบมั้ยนะ เป็นทางเลือกละกันครับ

ท่าน ก๊วกกี้ ครับ มันเบาขนาดนั้นเลยเหรอครับ ขนาดใส่เดินไปเดินมาได้เลยเหรอครับ ไม่นับขนาดนะครับ

ท่าน NSign ครับ ได้ข่าวว่า 1540 นี่ปลายแหลมเค้า roll off รึเปล่าครับ เห็นหลายคนบ่นๆกันมาน่ะครับ

ส่วนเรื่องรายละเอียดอื่นๆ เดี๋ยวรอเฮียตั้งกระทู้เเยกอีกทีละกันครับ เพราะจะได้ลงรายละเอียด Product ไว้หลายๆรุ่นครบๆด้วยครับ

moohunt21 @ ครับสูงจะ roll off หน่อยตามที่ว่าครับ แต่ส่วนตัวผมไม่ได้ชอบเสียงสูงๆมากนักเลยเฉยๆครับ

จะบอกว่า alpha dog เบาก็บอกไม่ได้ครับ แต่มันสบายจริงๆ

สายให้หลุยส์คุยแทนอยู่ครับ (แต่ผมก็ช่วยมองให้) น่าจะสั่งสายตัวที่รีวิวนี้มาก่อนเลยครับ เพราะมีรายละเอียดการใช้งานครบถ้วนอยู่แล้วจ้าๆๆๆ 555

ผมสนใจ DHC Complement2 Flagship OCC Copper Litz Headphone Cable เพราะถามแล้วเค้าแนะนำแบบนี้ครับ

I would recommend the Complement2 cable, it is very refined. The ultimate travel cable is the Macromolecule Elite with Silver Peptide OCC silver litz, but the Complement2 is the best value & refinement, it has the most precision, for dedicated home listening. It is pretty compact, but not as small & flexible as the Macromolecule.

งั้นรอให้เฮียเอาสาย DHC Complement2 เข้ามาก่อน มารีวิวให้ดีกว่ามั้งครับ เพื่อความมั่นใจครับ แฮ่ๆ.......^_____^

ขอบคุณเฮียนะครับ

@คุณ moohunt21: อีก 2-3 วันผมจะได้สาย Complement2 ครับ ใว้เดี๋ยวฟังเป็นยังไงแล้วผมจะมารายงานให้ทราบครับ

ขอบคุณ คุณwannapatc มากครับสำหรับข้อมูล

แบบนี้คงโดนFusionแน่ละ

@ คุณ wannapatc : ตอนนี้กะลังชั่งใจ complement 2 หรือ silver dragon ดีกว่าน่ะครับ

ถ้ามีประสบการณ์รบกวนขอรายละเอียด ข้อแตกต่าง ระหว่างสองเส้นนี้หน่อยนะครับ

ขอบคุณมากๆเลยครับ

ปล. ตอนนี้แอบเล็ง Alpha Dog อยู่เหมือนกันครับ รองบประมาณลับครบคงได้ลองครับ

คอยติดตามได้เลยครับ ผมทะยอยเข้ามาก่อน ดูลาดเลาเรื่องเวลาการทำงานอะไรอีกนิดหน่อยเท่านันเองจ้าๆๆ

สนใจสายUSB ด้วยครับ. เฮียสั่งมาด้วยไหมครับ

สาย USB สั่งมาครับ เป็นหัว micro B ครับ มีคนสนใจเยอะไม๊ครับ ผมสั่งมาทดลองดู 5 เส้นก่อน ถ้าดีค่อยสั่งเพิ่มครับ 555

ผมสนใจเป็น A-B สำหรับใช้กับ dac ตั้งโต๊ะครับ

เดี่ยวพรุ่งนี้รอเฮียขึ้นกระทู้ใหม่ของ Double Helix Cables เเล้วสามารถสั่งของรุ่นที่สนใจไว้หน้ากระทู้ได้เลยครับ

และต้องขอบคุณ คุณ wannapatc สำหรับรีวิวดีๆที่อุดมไปด้วยสาระ อีกครั้งครับ

จะทราบราคาก่อนสั่งมั้ยครับคุณหลุยส์

ดีเลยครับจะกดสั่งเองอยู่แล้ว ถ้าทางมั่นคงสั่งก็ดีครับ กำลังสนใจตัวแจ๊ค 2.5 balance

ราคาจะทราบตอนของมาถึงครับ แต่สามารถคำณวนจากหน้าเว็บของ DHC ได้ครับราคาจะไกล้เคียงกัน หรือเเพงกว่านิดหน่อย

ราคาใกล้เคียงกับสั่งเองครับ (ไม่เสี่ยงภาษี) เดี๋ยวผมมาโพสกระทุ้ใหม่ให้จองกันนะครับ 555

แพงกว่าไม่มากก็สั่งกะเฮียนี่ละคับ :)

อัพเดตข่าวครับ: ผมพึ่งได้รับสาย IEM ล้อตใหม่จาก Double Helix ครับ ระยะเวลาประมาณ 2 อาทิตย์เท่านั้นครับ

สาย IEM มีตามนี้ครับ

1.) Complement2 IEM Cable (Full Shielded/Compact Series)
2.) Fusion with 2.5MM TRRS
3.) Fusion with 3.5MM TRRS with Microphone

ใครถูกชะตากับเส้นไหน มอบตัวกับเฮียมั่นได้เลยครับ

สำหรับท่านที่สนใจ สาย TRRS 2.5mm วันนี้ทดลองฟังแล้วเสียงดีมากครับ ตัว Y-Splitter ตอนแรกดูในรูปก็กลัวเกะกะ แต่พอสัมผัสของจริงแล้วขนาดกำลังดีครับ น้ำหนักเบามากๆ หน้าตาสวยงาม 555

First Impression AK240 Balanced Out:

แบ็คกราวด์นิ่งสงัดขึ้น รายละเอียดดีขึ้น อิมเมจมิติเวทีชัดเจนขึ้น และมีโฟกัสที่ดีขึ้นด้วยครับ โดยที่ character เสียงยังคงเป็นสไตล์ AK240 อยู่ครับผม

สำหรับท่านที่สนใจสาย Headphone Complement2 เดี๋ยวผมจะมารายงานรายละเอียดเพิ่มเติมครับ

เบื้องต้นเป็นสายทองแดงที่เสียงดีมากครับ ให้เสียงใส มีความเป็นธรรมชาติสูง เบสมีเนื้อและเก็บตัวดีมากๆครับ

โอววว มายก๊อด แต่ละเซ็ทนี่แจ่มๆๆทั้งนั้น 555 พรุ่งนี้ผมจะสรุปกับหลุยส์อีกรอบว่าสั่งสายรุ่นไหนเพิ่มมาอีก หลังจากตัดสินใจสั่ง SP8 ไปแล้วน่ะครับ 555

สงสัยจะต้องจัด Complement2 IEM Cable มาเพิ่มด้วยเเน่นอนครับ
เพราะให้เเบ็คกราวด์ที่นิ่งมากๆ Dynamic Contrast สุดยอด น้ำหนักเสียงดีมาก
เบสเเน่นลงได้ลึกเเละเก็บตัวดีมาก แต่เเหลมค่อนข้างใส ถือว่าเป็นสายทองเเดงที่ดีที่สุดเส้นนึงที่เคยลองมาทีเดียวครับ

ผมจะสั่ง sp 8 ขั้วฟิตเอียร์ ปลั๊ก 2.5 สำหรับ ak240 น่ะครับ จะสั่งพร้อมทางมั่นคงได้หรือเปล่า(หรือตีองสั่งเอง)

+1 คุณหลุยส์ครับ Complement2 IEM Cable เป็นสายที่เสียงดีอย่างเหลือเชื่อมากๆครับ

เป็นสายหูฟังที่เกิดจากความซนของผมเองครับ โดยที่ Peter เองตอนแรกก็ไม่คิดว่ามันจะออกมาดีขนาดนี้ได้ 555+

เนื่องจากว่าสาย Signature ที่ใช้แสดงเทคโนโลยีและความสามารถแบบสุดขีด ของ Double Helix Cables นั้นเป็นสายเส้นใหญ่ๆซึ่งส่วนมากก็ต้องเอามาทำ Headphone/Interconnects ใว้ใช้กับชุดตั้งโต็ะด้วยข้อจำกัดของขนาดครับ

ซึ่งผมมีแต่ IEM ก็เจ็บใจเหมือนเป็นลูกเมียน้อย เลยคุยกับ Peter ว่าอยากได้สาย Complement2 เป็น IEM บ้างทำไมต้องเล่น Headphone ถึงได้ของแหล่มๆ ผมก็ตกลงยอมเสียเงินค่าสาย Complement2 ให้เค้าเอาไปชำแหละไปมา จนในที่สุดเค้าก็คิดค้นสาย "Complement2 IEM Cable" มาจนได้ ซึ่งเป็นสาย IEM แรกของ Double Helix Cables (และผมว่าของยี่ห้ออื่นๆด้วย) ท่ีใช้การ Shielding & Damping หลากหลาย ซึ่งเป็นเทตโนโลยีของสายอัพเกรด Headphone ระดับเรือธงเลยครับ

Peter เรียกมันว่าเป็นสาย IEM ที่ใช้การห่อหุ้มของฉนวนกันสัญญาณรบกวนเส้นแรกที่เค้าคิดค้นสำเร็จเลยที่เดียวคัรบ "My first-ever shielded IEM Cable"

ซึ่งเสียงที่ได้นั้นไม่เสียชื่อ Complement ของ Double Helix Cables เลยครับเทคโนโลยีห่อหุ้มฉนวน ช่วยเรื่องความแม่นยำของมิติเวที และความนิ่งสงัดของแบ็คกราวด์ ตามที่คุณหลุยส์ได้บอกใว้เลยครับ

ปล. สาย Complement2 IEM Cable ของผมเป็นแบบ Prototype ครับ Peter เค้าทำให้แบบลองผิดลองถูกหน้าตาเลยดูไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ ส่วนตอนนี้ Peter เค้ามีวิธีเอาสาย Complement2 มาทำให้มันสวยงามมากกว่าของผมแล้วครับผม 555+ (เป็นลูกเมียน้อยอีกแล้ว)

wannapatc @ โอว์รีวิว. Complement2 ได้ยั่วกิเลสมากครับ เส้นไม่ใหญ่ดีด้วย หน้าเวปยังไม่มีรายละเอียด ไม่ทราบราคาต่างจาก SP 4wire มากมั้ยครับ

ไอหย่๋าา......กิเลศขึ้นเลยครับ
ติดใจตรงที่ว่า หุ้มฉนวนแบรนแรก นี่แหละครับทำใหอยากลองมาก

@คุณ NSign: ขอบคุณครับ 555+ สาย Complement2 IEM ผมถอยมาราคา $500 ครับผม สายแบบสั่งทำพิเศษเลยครับ เลยยังไม่ขึ้นหน้าเว็บครับผม

โอววว มาอีกแล้วแฮะ เดี๋ยวผมคุยกับเจ้าหลุยส์อีกทีว่าต้องสั่งเส้นไหนบ้างนะครับ

ขอบคุณคุณ wannapatc มากๆๆครับ อันนี้แทบจะเป็นข้อมูลเดียวและใหม่สุดในโลกเลยครับ 555

complement 2 ทั้งสองเวอร์ชั่น น่าสนใจมากๆๆเลยครับ

เคยแอบคิดเหมือนกันสำหรับสาย IEM แบบ complement 2 แต่ไม่นึกว่าจะมีคนสั่งจริงๆครับ 555+

ขอบคุณนะครับสำหรับผลการทดสอบเบื้องต้น

รอผลการทดสอบตัวเต็มนะครับว่าจะน่าสนใจมากขนาดไหนครับ