ต้องยอมรับว่าตอนซื้อ ผมก็คิดอยู่ตลบ
จะดีหร่อว้าาาาา รีบซื้อขนาดนี้
แต่ผมเชื่อมั่นใน แบรนด์ไทย เดินออกจากบ้านไปโอนตังค์ แล้วรอจนได้ของ

ภาพที่เห็นนี่เป็น system ของผมครับ
ผมใช้ itune ตามปกติ
สาย USB ที่ sorch audio แถมมาให้ ผมไม่รู้ว่า คุณภาพระดับไหม แต่สวยดีครับ อิอิ
adapter ก็แถมครับ
DAC Z2 ใช้ opamp LME49720HA (เพิ่มราคาจากตัวธรรมดานะครับ)
สาย RCA Canare + สายทองแดงชุบดีบุกBelden ทำเองครับ(ส่วนตัวผมชอบเสียงจาก หัวCanareและสายBelden นี่มากๆตั้งแต่ทำสายminiแล้วครับ)
ลำโพง Microlab Solo6c แอมป์ Digital ในตัว

ถ้าต่อเข้าหูฟังจะเป็นสาย
RCA-mini ของ prolink (อนาคต ทำ Canare+Belden เหมือนกัน ตอนนี้ตังค์หมด)
headphone amp JDSLAB O2
Philips Fidelio L1 หรือ PK1

โต๊ะรกจัง ยังไม่มีเวลาจัดของเท่าไหร่ มีแววว่าจะย้ายห้องเปลี่ยนโต๊ะ ค่อยทำละกัน อิอิ

ทีนี้จะเกิดคำถามว่า opamp PCM ตัวธรรมดา กับ LME49720HA ต่างกันยังไง
อันนี้ผมไม่ทราบจริงๆ
ตอนสั่งซื้อผมถามเฮียเจ้าของว่า เอาอันไหนดี ผมดูไม่เป็นเลย
เฮียแกก็แนะนำ LME49720HA โดยให้เหตุผลว่า ดีกว่าทั้งเสียง และ มิติ
ผมลองใช้สติคิดนิดนึง อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้แนะนำ Dual LME49710HA หละครับ ฮ่าๆๆๆๆ

ด้วยความเชื่อในคนขาย ผมก็ จัดไปเน้นๆ ราคาไม่ถึง 4พัน

วันแรกที่ได้มาผมนี่น้ำตาจะไหล
เหตุผลก็คือ เสียงมันอัดอั้น ไม่เปิด เสียงสูงกุด เบสบวมๆ
แต่ใจก็บอกตัวเอง ใจเย็น ยังไม่ได้ Burn

เชื่อไหมครับ ผ่านไป 10 ชั่วโมง ก็เห็นแนวทางแห่งความสว่าง
เสียงสูงเริ่มมา เบสเริ่มเป็นลุก กลางเริ่มเนียน มิติกำลังมา
ผมอดทน Burn จนครบ 100 ชั่วโมงครับ
วันนี้ได้ ฤกษ์ นำมาเล่าให้ทกคนได้ฟัง

ยืมรูปจาก sorch audio นะครับ

วิธีใช้งาน
ง่ายๆครับ เพราะ Z2 มันรับภาค USB อย่างเดียว เสียบเข้าเครื่อง PC/MAC ก็ใช้ได้เลย ไม่ต้องลง driver ให้วุ่นวาย

ถ้าลองไล่วงจร จะเห็น IC อยู่ 2-3 ตัว
ตัวแรกเป็น 24LC108-I/SN1024
ตัวที่สองเป็น BB PCM2706
ตัวที่สามเป็น BB PCM1793
ตัวสุดท้ายเป็น option ครับ โดยตัวพื้นฐานเป็น OPA2132P (ตอนแรกที่บอก PCM นี่ผมพลาดครับ)

การประกอบ
ผมชอบการประกอบแบบเปิดแบบนี่ครับ
เห็นเครื่องใน แล้วมีการเล่นสีด้วย C R ก็สวยดีครับ
เขาบอกว่าเขาเปลี่ยน RCA ใหม่ให้แข็งแรงมากขึ้น ผมลองเคาะๆดู น่าจะเป็นพลาสติดธรรมดา แต่แข็งแรงครับ
ที่พื้นรองมีการติด ยางรองพื้น มาให้เรียบร้อย
ข้อเสียอย่างเดียวน่าจะเป็น แผ่นอาคิลิค เพราะว่าเป็นรอยตั้งกะออกมาจากกล่อง
ต้องเอาไฟส่องนะครับถึงจะเห็น

ในกล่องจะมี
สาย USB A-B
Adapter 12V
กระเป๋าน่าจะเป็นหนัง สีดำ เย็บตะเข็บด้ายแดง ใส่ Z2 พระเอกของงาน

ต่อไปเป็นเรื่องเสียง

หลังจากผ่านการ Burn ทะลุ 100 ชั่วโมงแล้ว
(ส่วนตัวคิดว่า อุปกรณ์ ที่ใช้ทุกอัน ต้อง burn ให้ครบ 100 ก่อน ทั้งมือ1 มือ2 burn ด้วยเพลงธรรมดาเนี่ยเหละครับ)

จริงๆส่วนตัวผมว่า DAC ไม่น่าพูดเรื่องเสียงเท่าไหร่
ที่ควรจะเน้น น่าจะเป็นมิติ ไดนามิค เวทีเสียง การแยกซ้ายขวา
แต่ก็ปฏิเสทไม่ได้ว่า DAC แต่ละตัวก็ได้เสียงไม่เหมือนกัน แถมมี opamp อีกเป๊นเรื่องยากที่จะพูดเรื่องเสียง

จับคู่กับ Microlab Solo6c

เบสราวๆอัพเปอร์เบส
ย่านเบสเป็นย่านที่ผมคิดว่ามีปัญหามากที่สุดกับเจ้า microlab solo6c เพราะว่า มันชอบให้เสียงเบสที่ ล้น บวม เบลอ
พอจับคู่กับ Z2 แล้ว เบสก็หายบวม เบลอ แต่อิมเพคยังดีขึ้นอย่างชัดเจน ไม่กลบชาวบ้านแล้ว
ถ้าท่านบริโภคเบสเป็นชีวิตจิตใจ อาจจะต้องดันเบสกันหน่อย
ส่วนตัวผมชอบ เบสประมาณนี้ คือคุมข้างหลัง ฟังชัด กลมกล่อม ไม่หาย ไม่เด่น มีที่อยู่ชัดเจน (แต่ในบางเพลงที่อัดเบสให้เด่น มันก็เด่นนะ)

กลาง/ร้อง
ผมชอบการจัดเรียงเสียงกลางมาก สะอาด เคลียร์ ออกมาข้างหน้านิดนึง
การที่เสียงกลางออกมาข้างหน้านิดนึง ผมคิดว่าเวลาที่เบสเดินมาถึงเฟรตสูง ทำให้เสียงเบสมันไม่หลบหายไปข้างใน (หลายครั้งเวลา เบสดังๆ แล้วเดินไปเสียงสูง กลายเป็นว่าเสียงจม)
ร้องเด่นที่ตรงกลาง โดยรวมต้องชม โฟกัส มากกว่า

เสียงสูง
พริ้ว ปลิว งาม สวย ไม่เสียด ไม่โดด บรรยายยาก เพราะ microlab solo6c เสียงสูงเขาก็โอเคอยู่แล้ว

กลอง
ที่เด็ดสุดของเครื่องดนตรี ต้องบอกเลยว่า เสียงกลอง
เสียงกลองที่เปลี่ยนไป หน้ามือเป็นหลังมือ นอกจากมิติจะดีขึ้นอย่างชัดเจน แสนร์ยังโต๊ะๆสมจริง เด้งดึ๋ง เรียกภาษาชาวบ้านว่า สด
รับรู้ถึงความ live มากๆ จริงๆต้องชม โฟกัสอีกแล้ว

จริงๆแล้วหลายครั้งที่เราฟังเพลง แล้วรู้สึกมันไม่พอดี มีอะไรบางอย่างมันหายไป พยายามปรับ EQ แล้ว มันก็ยังไม่ได้
สิ่งที่หายไป อาจเป็น มิติ ไดนามิค ambient โฟกัส
ซึ่งทั้งหมดนี้จะได้มา ต้องได้มาด้วย DAC ครับ

Z2 นี่ถือเป็นการอัพเกรดครั้งใหญ่สุดของผมก็ว่าได้
เพราะผมไม่เคยได้สัมผัสประสบการณ์การฟังเพลงแบบนี้มาก่อน
แต่ก่อนผมฟัง Microlab Solo6c แล้วรู้สึก มิติมันไม่ได้ ผมโทษที่ผมวางมันไว้ใกล้เกินไป แต่วันนี้ มันโดนหักล้างแล้วครับ

มิติและโฟกัส
ซ้ายขวาชัดเจน จะแจ้ง หน้าหลังสัมผัสได้ ยิ่งฟังการแสดงสดยิ่งสัมผัสได้ง่าย
ทั้งหมดนี่ต้องชม โฟกัส ของมันครับ การที่มันโฟกัสตำแหน่งเครื่องดนตรีได้ชัดเจนทำให้เราจับทิศของเครื่องดนตรีได้ หน้าหลังซ้าวขวา
เรื่องต่อมาที่เกี่ยวข้องจะเป็น Background เพราะว่ามันเงียบมากๆ
ทั้งหมดนี่สงผลให้เป็น DAC ที่ดีที่สุดตั้งแต่ผมเคยใช้มา
เทียบกับ E17 Dzero นะครับ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ (ไม่เคยใช้ของแพงเท่าไหร่)

ไดนามิค
เวลาฟังเพลง แล้วรู้สึก ทำไมเสียงมันแปลกๆ แต่ไม่ใช่ EQ รู้สึกว่า เสียงนี้มันดีกว่า แต่อธิบายไม่ถูก
ไดนามิคครับ เมื่อ EQ มันใช่ สิ่งที่ทำให้ใช่ได้มากกว่าเดิมคือ ไดนามิค เสียงเอื้อน เสียงดังเบา เสียงหอน มันจะได้อารมณ์มากกว่าเดิม
ตรงนี่จะตามมาด้วย ambient พอไดนามิคได้ ambient จะเริ่มชัด เริ่มได้ยินเสียงที่ไม่เคยได้ยิน

ผมว่าผมเขียนได้งงมากครับ ฮ่าๆๆๆ

ถึงจุดนี่
ผมค่อนข้างสรุปได้เลยว่า DAC Z2 เป็น DAC ที่คุ้มค่าราคาค่าตัวมาก (เทียบกับความพอใจล้วนๆ)

ผมคิดว่า การนำไปเทียบกับ Fiio E17, iBasso Dzero ที่ผมเคยใช้ มันน่าจะเป็นการเอาเปรียบไปมากๆ
เพราะนั่นเป็น portable DAC amp
เป็นไปได้ยากที่ portable ในราคาเท่ากัน เสียงจะชนะ Desktop ครับ (ความคิดส่วนตัว)

แต่จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ผมเคยลองฟัง Audio GD ในราคาที่สูงกว่านี้ (เมื่อนานมาแล้ว)
ผมกลับชอบ Z2 มากกว่า
ไว้วันหน้า ผมมีทุนทรัพย์ ผมจะเอามาชนกัน แล้วเขียนให้เพื่อนๆอ่านอีกทีครับ


บทสรุปสุดท้ายของเจ้า DAC คนไทยราคาไม่ถึง4พัน ตัวนี้
คือของที่ทำได้ดี คุ้มค่าราคา เหมาะสำหรับคนเริ่มเล่น ไม่รู้ว่าจะซื้อ DAC ตัวไหนดี ในราคาต่ำกว่า 5พัน
นี่ผมถือเป็นตัวเลือกแรกที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม

ปล. ผมเห็น sorch audio แกโพสใน facebook ว่า จะมีตัวใหม่ แต่ไม่ออกซะทีแฮะ

รีวิวดี

รีวิวได้เยี่ยมสุดๆ

ผมว่าผมเขียนงงมากเลยนครับ ฮ่าๆๆๆๆๆ
ใครสงสัยอะไรก็ถามได้นะครับ
ผมตอบได้จะตอบให้ละกันครับ

สนับสนุนงานคนไทยครับ ผมมี DAC DIY สมัยเล่นอยู่บอร์ดเขียวพอเปลี่ยน opamp 627 ก็ฟินแล้วครับเสียไป 5000 ก่าๆเหมือนกัน

ถามครับ
วิธีใช้งาน
ง่ายๆครับ เพราะ Z2 มันรับภาค USB อย่างเดียว เสียบเข้าเครื่อง PC/MAC ก็ใช้ได้เลย ไม่ต้องลง driver ให้วุ่นวาย ....แล้วต้องตั้ง out put ที่เครื่องไหมครับเพื่อให้เสียงออก ไม่ว่าจะฟังจากโปรแกรมอะไร หรือ ฟังจากเว็บ อะครับ ขอบคุณครับ

เคยใช้ มันก็ดีเกินราคานะครับ เห็นด้วยเรื่อง เสียงโปร่ง,มิติ
แต่ก็ไม่เห็นด้วยในหลายๆจุด
เช่น เรื่องเสียงกลางผมว่ามันถอย ปลายแหลมผมว่ามันก็มีนะ แต่มันตรงๆมากกว่าพริ้ว
ส่วน 6c ต้องวางแบบลำโพงวางหิ้งเท่านั้น

@ppmod
ต้องตั้ง output ด้วยครับ
อันนี้ผมคิดว่าน่าจะเป็นทุกเครื่องที่ต้องตั้งครับ นอกจากบางเจ้าเขาจะเล่นทริคอะไรบางอย่าง

@trusted
อ่อ ผมกลับได้ยินเสียงกลางชัดขึ้นกว่าเก่า
สงสัยผมจะสับสน เสียงกลสงหนา กับ โฟกัส นิดหน่อยนะครับ อิอิ
เรื่องขาตั้งนี้กำลังหาเหมือนกันครับ แต่ ขาตั้งแต่ละอันมันแพงเหลือเกิน

ผมก็ได้มาตัวหนึ่ง สมัยนั้น(2013) 555

ชิงรางวัลได้
ตอนนี้ก็ใช้อยู่ แต่น็อต ตัวล่าง กะแผ่น อะคริริคล่าง หายไปละ เนื่องจากเอาไปใช้ลงเครื่องเสียงบ่อย 555

ปล.ใส่รูปยังไงอะ ใส่ไม่เป็น

ตอนนี้ผมใช้ Fiio E10K + Eidifier S350DB อยุ่ครับ
ถ้าขยับมาเล่น Z2 จะเห็นความต่างเยอะมั้ยครับ