มันคนละเรื่องกันเลย

งั้นขอถามใหม่นะครับ

สายหูฟัง ที่เป็น XLR กับ แจ๊ค 6.3 ให้คุณภาพเสียงต่างกันมากอย่างมีนัยยะสำคัญไหมครับ ถ้าแอมป์มีช่อง XLR

ต่างกันพอควรเลยคับ

xlr ดีกว่าทุกด้าน ยกเว้นความสะดวกในการใช้งาน และการพกพา

ตอบข้อสงสัยได้นิดๆ (ผมไม่รู้อะไรมาก) ถ้าเป็น Hadephone Amp ตัวเดียวกัน มีช่องทั้ง XLR และ TRS(6.3)เสียงก็คงไม่ต่างกันมาก เพราะถ้ามีช่องBalance โดยทั่วไปแล้วถ้าเป็นของยี่ห้อดังๆที่มีมาตรฐาน เขาจะจัดวงจรแบบสมมาตร แต่ถ้าเป็น Hadephone Amp ทั่วๆไปที่เป็นแจ็ค TRS อย่างเดียวก็มักจะจัดวางวงจรภายในเป็นแบบ Unbalance เสียงย่อมจะแตกต่างออกไป

ขอบคุณมากคับ :)

ส่วนจะบอกว่า Balance กับ Unbalance ใครจะเหนือกว่ากัน ก็เป็นเรื่องที่พูดยากมาก เพราะมีแอมป์ Hi-End ยี่ห้อดังหลายๆตัวก็ใช้แจคแบบ Unbance ถ้าทดลองจาก Systemเดียวกัน CD--->>Pre Amp---->>Power Amp--->>ลำโพง จะพบว่ามันมีดีกันคนละแง่ Balance จะใปแนวทางใสๆให้รายระเอียดที่ดีมาก แต่Unbalance จะให้เนื้อเสียง แรงปะทะทีดีเป็นต้น โดยส่วนตัวผมก็มักเลือกใช้ Unbalance แต่ถ้าเป็นแอมป์หูฟัง ถ้าเครื่องเล่นCDเป็นBalance และแอมป์หูฟังก็เป็นBalance แล้วน้ำสายสัญญาณมาต่อใช้มันจึงจะเห็นผลชัดเจน แต่ถ้าเครื่องPlayerเป็นUnbalance ถึงแอมป์หูฟังจะเป็นBalance ก็ไม่เห็นผลอะไรมากมันอยู่ที่คุณภาพของแอมป์มากกว่า เพราะธรรมชาติของแอมป์ที่ทีBalance มันจะเป็นแอมป์คุณภาพสูงราคาแพงอยู่แล้ว

เอาท์พุทของช่องbalanced จะดังกว่าครับ นี่เป็นอีกประเด็นที่ทำให้หลงทางได้
ถ้าจะเทียบเสียงต้องปรับความดังให้ลงมาเท่ากันด้วย ไม่งั้นไอ้ที่ดังกว่า(XLR) จะได้เปรียบเวลาฟังเทียบ

ตาม คห 6 คุนทิ้งครับ
ถ้า จะเล่น balance ควรเล่นตั้งแต่ต้นทาง ครับ จึงจะได้ ประโยชน์ สูงสุด ด้าน noise cancelling

ที่ผมได้สัมผัสมา กลายเป็นว่า KOSS KSC35 เปลี่ยนหัวจากsingle-end 3.5 เป็นbalanced แค่นั้น เสียงก็เปลี่ยนไปมากแล้วครับ ทั้งที่่ตามทฤษฎี ก็น่าจะครบวงจรจึงจะให้ผลได้เต็ม

ส่วนหนึ่งคือการเสียบหูฟัง ไม่ได้เสียบเข้าช่องเดิม(single-end) แต่ฟังกับช่องbalanced ของแอมป์International ซึ่งก็น่าจะได้เปรียบในแง่นี้ด้วย

บาลานซ์ และ ซิงเก้ิลเอนด์ เป็นรูปแบบขยายสัญญาณไฟฟ้า
แบบบาลานซ์เป็นพัฒนาการที่แก้ปัญหาสิ่งที่ซิงเกิ้ลเอนด์ไม่สามารถแก้ได้
คือเป็นจัดวงจรขยายสัญญาณให้สามารถลดสัญญาณรบกวนให้เหลือน้อยที่สุด

สำหรับคนที่ฟังแล้วไม่แตกต่าง นั่นอาจเป็นเพราะซิงเกิ้ลเอนด์ระบบนั้นคุณภาพสูงมากอยู่แล้ว
และขณะเดียวกัน กับคนที่ฟังออก ก็อาจจะเป็นเพราะระบบซิงเกิ้ลเอนด์นั้นมีคุณภาพต่ำ

การพัฒนาจากซิงเกิ้ลเอนด์ไปเป็นบาลานซ์ต้องจ่ายเพิ่มเท่าตัวอยู่แล้ว เพราะใช้ของเยอะกว่าสองเท่า ความปราณีตของคนออกแบบก็ต้องมีมากขึ้นด้วย ไม่แปลกที่ระบบบาลานซ์มักจะให้คุณภาพที่ดีกว่า เพราะคนที่ทำบาลานซ์ได้มักจะเป็นเป็นคนที่ทำของ "เป็น" หรือ "ออกแบบเป็น" ก็คือ มีความสามารถจริง

ได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากเลยครับ

คห.8 ผมก็ทราบอยู่แล้วไงว่าถ้าจะเล่น Balanceแท้ก็ต้องมีSystem ที่เป็นBalanceตลอดเส้นทางตั้งแต่Play จนไปถึงปลายทางตามที่บอกใว้ในคห.ที่6 จากกระทู้นี้เป็นคำถามที่เจ้าของกระทู้ได้ไปเห็นขั้วต่อหลังเครื่อง Hadephone Amp Hi-End ชื่อดัง Bryston BHA-1 มาเป็นแน่

ทดลองคิดกันเล่นๆนะ แอมป์ระดับ Hi-End อย่าง Bryston ซึ่งเป็น Balance แท้ๆเลย แต่ทำไมเขายังทำ Switch Mode ใว้หน้าและเครื่องให้เราเลือกใช้ระบบUnbalanceใว้ให้อีกด้วย และข้างหลังเครื่องก็มีขั้วต่อให้ทั้ง2ชนิด ใครมี Hadephone Amp รุ่นนี้ หรือลักษณะแบบนี้ทดลองดูก็ได้ ใครที่คิดว่าระบบBalance เหนือชั้นกว่าUnbalabceล่ะก็ขอบอกใว้ได้เลยว่า ไม่จริงเสมอไป สามารถสัมผัสได้ด้วยตนเอง

จากประสบการณ์ งูๆปลาๆของผม ถ้าต้นทางเหมือนๆกัน ผมชอบเสียง Balance เมื่อจับกับ Dynamic driver มากกว่า BA และชอบเสียง BA ต่อ SE (single end) มากกว่า Dynamic ต่อกับ SE

ความเหนส่วนตัวนะคับ
แนวเสียง ของ balance เท่าที่เคยใช้ จะ มีจุดเด่นคือ กำลังเยอะกว่า เสียงสะอาดกว่า โปร่งกว้าง กว่า และแยกแยะวางชิ้นดนตรีได้แม่นยำกว่า SE
ส่วน SE มักจะ มีเสียงร้อง ที่ อิ่ม หนามีมวลกว่า ครับ