อยากรู้เหมือนกัน

ยังไม่เคยได้ยินเลยครับ
ผมว่ายังไงd0 ก็ไม่น่าหมดนะครับ บางทีความหมายของคำว่าขับหมดของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกันครับ

พี่ gu เคยบอกไว้ว่า เดี๋ยวนี้ pk1 ขับง่ายขึ้นครับ

ส่วนอีกอัน มีคนพูดขึ้นว่า pk1 เดี๋ยวนี้ d0 ก็ขับออกเหลือๆแล้วครับ
แต่ว่าใคร จำไม่ได้ หากระทู้ไม่เจอครับ

ประมาณนี้ครับ

http://www.youtube.com/watch?v=Vj-i1hhrPt8

รีวิว พี่แพะบอกว่าขับหมดฮะ ส่วนเสียงดีเท่าตัวเก่าไหมก็แล้วแต่คนชอบ ขับง่ายขึ้นไม่ได้หมายความว่าเสียงแย่ลงฮะ

http://www.youtube.com/watch?v=Vj-i1hhrPt8

รีวิว พี่แพะบอกว่าขับหมดฮะ ส่วนเสียงดีเท่าตัวเก่าไหมก็แล้วแต่คนชอบ ขับง่ายขึ้นไม่ได้หมายความว่าเสียงแย่ลงฮะ

จากประสบการณ์อันน้อยนิด
d0ขับออกครับ คือมีเสียงออก แต่ใช้คำว่าขับหมดคงไม่ถูกนักครับ

PK1 ศักยภาพสูงสุดของมันยังไปได้อีกเยอะครับ
บุคลิกของเสียงและพลังเสียงของPK1ขึ้นอยู่กับแอมป์และกำลังขับเป็นอย่างยิ่งครับ :)

คำว่าหมดของแต่ละคนไม่เหมือนกันจิงๆครับด้วยกำลังขับของd-zeroนั้น เพียงพอจะขับ pk1แล้วหล่ะครับ เพียงแต่เสียงที่ได้จากd-zeroนั้นอาจจะยังไม่เป็นที่พอใจนัก pk1จะขับเสียงที่มีคุณภาพกว่านี้ออกมาได้เมื่อใช้แอมป์ที่มีคุณภาพสูงๆ pk1จากที่เคยฟังเสียงค่อนข้างเป็นกลางครับ ใช้วัดคุณภาพเสียงจากแอมป์ได้ดีทีเดียว (ความเห็นส่วนตัวนะครับ)

ผมว่าเราเข้าใจผิดกับครับว่า "ขับหมด" ไปแล้วล่ะครับ

ถ้าอธิบายง่ายๆ ถ้าต่อ amp แล้วปรับ volume ได้ไม่เกินซัก 70% (ประมาณ)
แล้วดังพอตามที่เราต้องการ ก็ถือว่าขับหมดแล้วครับ
ในกำลังของ amp ที่เหลือจะไว้ใช้กับ ช่วงความถี่อื่นๆ ที่ต้องการกำลังเพิ่ม
ในแต่ละช่วงความถี่เสียงจะมีค่า Impedance(ของหูฟัง) ไม่เท่ากัน

แต่เรื่องเสียงนั้นก็แล้วแต่ชอบครับ

ผมไม่เห็นด้วยครับ ไปเอาความเข้าใจที่ว่ามาจากไหนครับ ไม่น่าถูก ถ้าแค่มีเสียงดัง เท่าที่ต้องการแต่ออกมาไม่ครบทุกย่านก็ไม่เรียกว่าขับหมดครับ ผมเล่นเครื่องเสียงมา สิบกว่าปีพึ่งเคยได้ยิน นิยาม "ขับหมด" แบบนี้จากท่านนี่แหละ ถ้าเปนแบบนั้นทุกคนคงเข้าใจผิดกันหมด มีท่านถูกอยู่คนเดียว

อีกอย่างขับหมดไม่หมด ก็ไม่ได้ขึ้นกับค่า impedance เท่านั้นนะครับ ค่าsensitivity ก็มีผลครับ เรียกง่ายๆ impedance จะเป็นค่าความต้านทานทางไฟฟ้า แต่sensivity จะอิงตาม phisical มากกว่าครับครับ
ยืนยันครับการที่ว่าขับหมดหรือไม่ไม่ได้ดูที่ความดังครับ

ขออนุญาตอ้างอิงข้อความจากเวปอื่นนะครับ

ขับหมด หมายถึงมีความสามารถในการให้เสียงของหูฟังออกมาได้สม่ำเสมออย่างที่หูตัวนั้นควรจะเป็นในทุกๆความถี่ครับที่พบบ่อยๆว่าขับไม่หมดคือเบสมักจะหาย มิติไม่ได้ เวทีหุบอะไรทำนองนั้นคือเสียงมันประกอบด้วยหลายๆความถี่ ถ้ามันขับไม่หมดมันอาจจะดังมากก็ได้ คือมันขยายความถี่ที่กินกระแสน้อยเช่นกลางแหลมได้ไม่มีปัญหา แต่พอมาเบสกระแสมันไม่พอ ก็เลยกลายเป็นว่าเบสมันน้อยกว่าความถี่อื่น หรือเสียงออกแนวแผดๆ บาดๆ ไม่นุ่มนวลน่ะครับ

+1 blueseasonz
Pk1 ถ้าขับไม่หมด มันจะดังแบบที่เรียกว่าหนวกหูครับ

120338
119345
กระทู้เลขนี้ครับ ที่หาเจอว่า pk1 ใหม่ๆขับง่ายขึ้น

คิดว่าอ่านข้างบนแล้วคงไม่เข้าใจนะครับ
เด๋วผมจะคำนวณให้ดูนะครับ


Sensitivity | กำลังที่จะทำให้เสียงดัง
| 95dB | 105dB | 120dB
..................|.........................................|........................|......................
109dB/mW | 0.04mW | 0.40mW | 12.59mW

ตาราง Sensitivity
-----------------------------


http://www.innerfidelity.com/images/YuinPK1.pdf (ทางเวป innerfidelity เป็นคนวัด)

จาก file pdf จะเห็นว่า Impedance ที่ 100kHz มีค่าเป็น ~160 ohm ซึ่งเป็นค่า Impedance ที่สูงที่สุด


จะยกตัวอย่าง e17 นะครับ
fiio e17
Output Power > 220 mW@32Ω /> 290 mW@16Ω
MAX output voltage > 7.3 Vp-p MAX (มันเป็นค่า Vp-p ต้องเปลี่ยนหน่อยเป็น Vrms)
output current > 80 mA

P=(V^2)/R
P=กำลังไฟฟ้า V=ความต่างศักย์(Vrms) R=ค่าความต้านทาน(Impedance)

P= (2.5813295615275813295615275813296^2)/160
P= 0.041645389407601095530850316795654 W
P= 41.645389407601095530850316795654 mW
ดังนั้น E17 จะจ่าย P ให้ได้ที่ R=160 คือ ~41.645 mW

จากตาราง Sensitivity
E17 จะสามารถให้เสียงได้ดังกว่า 120dB ด้วยซ้ำ

http://th.wikipedia.org/wiki/เดซิเบล

ที่เหลือก็แล้้วแต่ครับ (^ - ^)

ตาราง Sensitivity ไม่เลื่อนนะครับ
ที่ Sensitivity = 109dB/mW
95dB ต้องใช้ P = 0.04mW
105dB ต้องใช้ P = 0.40mW
120dB ต้องใช้ P = 12.59mW

เออลืมบอกไปครับ pk1 มีค่า Sensitivity = ~109dB

ตามปกติ หูฟัง โอมสูงที่มีค่า damping factor สูงๆนั้น ย่อมสามารถคุม dynamic ของ driver ได้ดีมากเป็นจุดเด่นอยู่แล้ว แต่ต้องแลกมาด้วย กำลังขับที่ลดลง โดยเฉพาะแอมป์ อย่าง D zero ที่ มี กำลังขับแค่ 95 mW ที่ 32 ohm ไม่ใช่ 220 mW ที่ 32 ohm เหมือน E12 ที่ท่านยกตัวอย่างมา

ผมไม่ได้แย้งสูตรที่ท่าน GorilazD คำนวน เพราะเป็นสูตร basic แบบกำปั้นทุบดิน เหมือนวิศวกรไฟฟ้า ที่ไม่เคยเล่นเครื่องเสียง แต่ผมแย้งนิยาม ที่ท่านคำนวนมันคือสามารถ"ขับได้"ครับตามความหมายทางไฟฟ้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า"ขับหมด" ซึ่งตามความหมายคำว่า "ขับหมด"แบบเครื่องเสียงนั้นเท่าที่ผมสัมผัสมาไม่ใช่ แค่เสียงดังครับ "หมด"นะครับ "หมด" คือรีดประสิทธิภาพออกมาจนไม่เหลือ
สูตรดังกล่าวบอกว่า แอมป์สามารถ ขับให้มีความดัง ตามที่ต้องการได้ ตามที่ผมก็ไม่ได้แย้งในข้างต้น แต่ประเด็นคือ จะได้ครบตามที่ ศักยภาพของหูฟังจะพึงแสดงออกมาหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องครับ มีปัจจัยอื่นๆที่ต้องคำนึงมากกว่า สูตร basic ที่ท่านให้มาครับ แอมป์ยังมีอีกหลาย factor นะครับ เช่น เรื่อง headroom, Source Maximum Output, load loss ที่ high impedance, การออกแบบวงจร ,ภาคจ่ายไฟ, THD ,etc.

ขนาด blog ของ NwAvGuy ที่เล่นเครื่องเสียงด้วยค่าทางไฟฟ้า กับเครื่องวัดเค้ายังคิดถึงปัจจัยพวกนี้เลยนะครับ

ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อไปยัง คุณภาพเสียงที่ได้ครับ
ถ้าขับหมดคือแค่เสียงดังก็พอแล้วที่เหลือยังไงก็ได้ ผมว่าฟังหู ipod ธรมดาก็พอแล้วครับ

ผมยกตัวอย่าง e17 ครับ ไม่ต้องรีบอ่านก็ได้ครับ
ผมว่าผมก็ใช่สัญลักษณ์ ประมาณนะครับ (~)
มันเป็นการคำนวณคราวๆนะครับอย่างให้ลงละเอียดเลย

ส่วน D0 ก็น่าจะหมดนะ เพราะที่ 160 ohm
ให้ p=19mw ซึ้งเกินพอที่จะ ดังเกิน 120dB

ลองไปอ่านดูนะครับใน blog ของ NwAvGuy ก็ได้ drive
พูดถึงกำลังในการขับ ไม่ได้พูดถึงเสียงเลยแม้แต่น้อยครับ
คนไทยเอามาใช้ผิด เหมือนบอกว่า วงนี้ๆ เล่นเพลงแนวอินดี้
ซึ้งมันไม่มีครับ แนวเพลงอินดี้ อินดี้มันมาจาก independent
หรือถ้าถามว่า คุณชอบฟังเพลงอะไรครับแล้วตอบว่า audiophile ครับ
อันนี้ก็ใช้กันผิดครับ
audiophile (ออ'ดีโอไฟล) n. ผู้ที่ชอบเสียงจากวิทยุ, โทรทัศน์, แผ่นเสียง ฯลฯ

ที่ผมต้องการจะบอกก็คือ เอาคำไปใช้กันผิดจนมันมั่วไปหมดครับ
ไม่ได้แย้งเรื่องเสียงนะครับ อันนี้มันต้อง Matching จริงครับ

ปล. เรื่องเสียงนี้แล้วแต่ชอบครับ (ตอบเหมือนเดิมครับ)

ผมคงอธิบาย ฟิสิกส์ ม.ปลาย ยากไปใช่ไหมครับ??

พอดีนึกออกครับ มีงานบรรยายที่เฮียมั่นจัด ชื่อ "ชวนเล่น ชวนฟัง"
พี่ที่เป็นผู้บรรยายเค้าอธิบายได้ดี มี3ตอน ช่วยตั้งใจดูด้วยนะครับ
น่าจะอยู่ตอน1กับ2นะถ้าจำไม่ผิด

http://youtu.be/rm6ZEJ87V08

http://youtu.be/Cq-jw4D2xkU

http://youtu.be/E6Hevwjo8KY

ลืมตอบไปประเด็นนึงครับ

160 ohmเนี้ยเป็นค่าที่สูงที่สุดที่ pk1 จะทำได้แล้วนะครับถ้าดูค่าจากกราฟเป็น(+เพิ่มไปแล้วครับ จริงๆน่าจะ ~155ohm)
http://www.innerfidelity.com/images/YuinPK1.pdf

เพราะงั้นกำลังที่ amp จ่ายให้เป็นค่าที่มี Impedance สูงที่สุดอยู่แล้ว
มันจึงทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพอยู่แล้วครับ
ถ้า amp ยังมีกำลังเหลืออีกอันนี้ก็ถือว่า เราสามารถเปิดดังได้อีกจนกว่า หูฟังจะพังอ่ะครับ

ระวังนะครับ เปิดเพลงที่มีเสียงดัง 120db อาจทำให้หูเสียได้เลยนะครับ

เพลงฟังเอาเพราะครับ
ไม่ใช่มีแต่ ได้ยิน กับ ไม่ได้ยิน -_-"

เริ่มจริงจัง ^^ เอาเป็นว่าต่อแล้วชอบไม่ชอบก็พอฮะ ไม่ถูกใจก็ย้ายไปตัวอื่น

ก็เหมือนเดิมครับ ผมไม่แย้ง ประเด็นที่ว่าขับได้ แต่ผมคนละประเด็นกับขับหมด

ท่านกลับไปอ่าน blog NwAvGuy ใหม่ดีกว่านะครับ เค้าพูดขับให้เสียงดัง ตามท่านว่าเป็นแค่ส่วนหนึ่ง และพูดเรื่องอื่นๆอีกหลายเรื่อง

link ที่ท่านให้มา ผมดูแล้วนะครับ เค้าใช้คำว่า ขับออก ขับไม่ออก
และขับไม่ออกคืออะไร ไม่ใช่ว่าแค่มีเสียง แต่ป้อแป้ ไม่มี dynamic คือขับไม่ออกครับ ครับ ลองไปดูนะครับ ประมาณนาทีที่16 ของตอนที่สอง เค้าบอกว่า ต้องใช้ฟังครับ ต้องไปทำเอีย เทรนนิ่ง
ผมว่าท่านกลับไปดู link ที่ท่านให้มาใหม่ดีกว่า ครับ
http://youtu.be/Cq-jw4D2xkU
ผมไม่เห็นซักคำที่เค้าบอกว่า ขับดัง แล้วคือขับหมด เค้าบอกตรงข้ามด้วยซ้ำ เค้าก็ยืนยันว่า ต้องฟัง และแอมป์ต้องเหมาะสมกับลำโพง ส่วนใหญ่จะอิงกับคุณภาพเสียงครับ และยังพูดถึง distortion และเรื่องอื่นๆ แอมป์ ถ้าสูงกว่าลำโพงจะดีแต่ถ้ามากไปไม่มีประโยชน์ (เช่นเอาแอมตั้งโต๊ะ มาขับ pk1) แต่น้อยไปอันตรายต่อลำโพง

ท่านอื่นรบกวนช่วยเข้า ไปดูlink ที่2 ที่ คุณ gorilazd ให้มาด้วยนะครับ มีประโยชน์มากเลย
แล้วช่วยสรุปหน่อยว่าเค้าบอกว่าเสียงดังคือขับหมดหรือปล่าว

ขับหมดมั้ยผมไม่รู้เหมือนกันครับ
แต่เสียงที่ได้จาก pk1+d0 กับ pk1+inter นี่ต่างกันแบบ...
ผมเรียนวิศวะไฟฟ้าเหมือนกันครับ ไอเดียวกับเรียวริสติกมันต่างกันที่ความรู้สึกนี่แหละครับ
ผมว่าเอาตามที่ชอบครับ เรื่องเสียงเป็นเรื่องของความรู้สึกครับ
(ตรงประเด็นมั้ยเนี่ย 5555)

ครับ ขอบคุณครับ คุณblack baron

http://www.youtube.com/watch?v=Vj-i1hhrPt8
เห็นในคลิปนี้ บอก d0 ก็ขับ pk1 ออก ประมาณ นาที 10.35 ตกลงมันขับได้ไหมนิ d0

ตามบนๆเลยครับ ถ้าแอมป์ดีเท่าไร เสียงที่ได้จะไปได้ไกลกว่า น่าจะปรัมาณนั้น ส่วนตัวไม่เคยฟังเพราะยงไม่มีแอมป์ครับ -_-

ตามคลิปบอกว่า ขับออก แต่เสียงร้องบางครับ อันนี้คงต้องแล้วแต่ผู้ฟังแล้วล่ะครับ ว่าจะตัดสินว่ายังไง
เรียนตามตรง ผมก็ไม่เคยฟัง pk1 lot ใหม่ที่ว่ากับ d zeroเหมือนกันครับ
แต่ถ้าจากประสบการณ์ผม ก็เห็นตาม คุณอิมพาล่า คห.6 ครับ

ขับหมด แต่ต้องดูที่ matching ด้วยหรือเปล่าครับ

ลองไปดูlink คห 23 ดูนะครับ วิทยากร อธืบายไว้ดีครับ

อันนี้ลองสมมุตินะครับ ผมว่า มันก็เหมือน บางคน ขับ camry 2.0 บอกว่า เหยียบได้ถึง160 สบายๆ แค่นี้ก็เต็มๆแล้ว
แต่คนที่เคยขับตัว 2.4 มาก่อนอาจจะบอกว่า กว่าจะถึง 160 โคดอืดเลย camry ต้องเร่งได้ดีกว่านี้สิ

ถ้างงต้องขอโทดนะครับผมเปรียบเทียบไม่ค่อยเก่ง

แล้ว sunrise sw 2 นี่d0ขับหมดมั้ยครับ

ถ้าอ่านจริงๆคงเข้าใจว่าผมต้องการจะสื่อก็คือแค่ d0ขับ pk1 ก็ได้เต็มประสิทธิภาพแล้วครับ
แต่เสียงที่ได้เนี้ย ไม่เป็นที่น่าพอใจหลายคนเพราะ เสียงกลางจะหายอันนี้เป็นบุคลิกของ d0
ส่วน pk1 ก็เป็นหูฟังที่แสดงเอกลักษณ์ของ amp ได้ดี


**อันนี้ผมถึงบอกว่า มันเป็นเรื่อง Matching คำว่า Matching ก็แล้วแต่คนชอบอีกแหละครับ
ความชอบบังคับกันไม่ได้ครับ ไม่ใช่ตัวเองฟังแ้ล้วไม่ชอบก็บอกว่า "ขับไม่หมดๆ"

ในคลิปเค้าเน้นมากนะครับเรื่อง Matching



อย่าเอาคำไปใช่มั่ว คนที่เค้าไม่รู้เข้าก็รับไปผิดๆส่งต่อกันไปเรื่อยๆ แล้วมันก็ฝั่งเข้าหัวไปแล้ว

ผมคิดว่าถูกต้องทั้งสองท่านนะครับ ทั้งคุณblueseasonz และคุณGorilazD

ความเห็นของคุณblueseasonz นั้นเป็นความเห็นแบบนักฟังเพลง แต่ความเห็นของคุณGorilazD เป็นแบบนักวิชาการ ทั้งสองแนวทางต้องนำมาใช้ร่วมกัน สำหรับการฟังที่ดี แต่คนในบอร์ดนี้โดยมากจะเป็นนักฟังเพลง จึงอาจจะชอบความเห็นของคุณblueseasonzมากกว่า (รวมทั้งผมด้วย)

นักฟังเพลงส่วนใหญ่ต้องการความสุขจากการฟังเพลง ฉนั้น matching เป็นสิ่งสำคัญที่สุด และหูของแต่ละคนก็ให้ความหมายหรือคำนิยามของคำว่า matching ไม่เหมือนกัน

ด้วยเหตุนี้จึงการเถียงกันว่า หูฟังตัวไหนเสียงดีกว่ากัน หรือแอมป์ตัวไหนขับดีกว่ากัน บทสรุปก็จบเหมือนเดิม คือแล้วแต่คนชอบ และเป็นอย่างนี้จริงๆ

ด้วยเหตุนี้นักฟังเพลงที่มีประสบการณ์ จึงต้องลองฟังเสียงด้วยหูของตังเองก่อน แล้วจึงค่อยตัดสินใจซื้อ เพื่อป้องกันความผิดพลาด แต่ก็อาจผิดพลาดได้อีกบ้าง เพราะยังมีของเรื่องการเบิร์และสายสัญญาณอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย ไม่อย่างนั้น หูฟัง แอมป์ สายสัญญาณต่างๆ ก็คงไม่มีให้เลือกมากมายก่ายกอง ตั้งแต่หลักร้อยหลักพันไปจนถึงราคาสูงๆหลักหมื่นหลักแสนเลยทีเดียว

สรุป แอมป์ สายสัญญาณ และ หูฟัง ที่ท่านทั้งหลายชอบ อาจไม่ใช่เพราะเหตุว่า "มันมีราคาแพง" แต่ แอมป์ สายสัญญาณ และ หูฟัง ที่ท่านทั้งหลายชอบ เพราะท่านทั้งหลายเลือกเฟ้นจนเกิดภาวะที่เรียกว่า" matching กัน" สำหรับแต่ละท่าน เพียงเท่านี้จริงๆครับ

ขอโทดนะครับ อย่าแถครับ ประเด็นที่ผมแย้งไม่เกี่ยวกับ D zero เลยครับ

ถ้ากระทู้ 8 ท่านเข้ามายืนยันว่า ยังไง D ZERO ก็ขับหมดเพราะท่านเคยฟังมาแล้ว ผมคงเงียบๆไป ไม่แย้งอะไร อาจเชื่อท่านด้วยซ้ำ จะเห็นได้จากกระทู้ที่ 29 ผมก็บอกตรงๆ ว่าไม่กล้าฟันธง เพราะไม่เคยฟังตัวใหม่ที่่ว่า แค่คิดเอาตามประสปการณ์ว่าไม่น่าหมด ตามคุณอิมพาล่า

ที่ผมแย้งประเด็นในกระทู้ที่ 8 และ กระทู้ต่างๆที่ท่านบอกว่าท่านเท่านั้นทีถูก คนอื่นๆผิดต่างหากครับ


กระทู้ 2 ผมพยายามบอกว่า "ความหมายของคำว่า ขับหมดของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน"

กระทู้ 8 ท่านพยายามบอกว่า นิยามขับหมดของทุกคนผิดหมด ของท่านถูก กล่าวคือถ้าขับดัง คือขับหมด

"ผมว่าเราเข้าใจผิดกับครับว่า "ขับหมด" ไปแล้วล่ะครับ
ถ้าอธิบายง่ายๆ ถ้าต่อ amp แล้วปรับ volume ได้ไม่เกินซัก 70% (ประมาณ)
แล้วดังพอตามที่เราต้องการ ก็ถือว่าขับหมดแล้วครับ "

กระทู้ถัดๆ 13-14 มาท่าน เอา ทฤษฎีพื้นฐาน ที่ใครๆก็รู้พยายามมาอธิบาย

กระทู้ถัดๆ มาผมพยายามอธิบายว่า มันมีค่าอื่นๆอีกนะที่ต้องคำนึงถึงนอกจากเสียงดังเนี่ย

ถัดมาท่านก็ยกตัวอย่างงาน "ชวนเล่น ชวนฟัง" ให้ผมไปดู

กระทู้ถัดๆมา ผมไปดูแล้วก็รู้สึกว่ามันตรงกับที่ผมเข้าใจ ตรงข้ามกันที่ท่านบอกด้วยซ้ำ(ตั้งแต่นาทีที่ 16 เค้าก็บอกไว้ชัดๆว่า ขับออกไม่ใช่แค่เสียงดัง แต่ต้องไม่ป้อแป้ ต้องฟังเอา เค้าพูดแม้กระทั่ง ต้องทำ เอียร์เทรนนิ่ง ช่วงนาทีที่16:20-40 วิทยากรบอกว่า

"ขับไม่ออกคืออะไร ขับไม่ออกไม่ใช่ไม่มีเสียงครับ แต่ฟังดูไม่มีแรง เราจะรู้ได้ไงว่าไม่มีแรง ไปจบที่เอียเทรนนิ่ง คือเราต้องมีประสบการณ์ตรงนั้นอีก"

ช่วงนาทีที่50-52 คณธานี พูดไว้ชัดเจนเรื่อง แอมป์ครับ กำลัง กำลังสำรอง เค้าบอกว่า สูตรสำเร็จคือ อย่าไปดูกำลังต่ำสุดที่ spec ลำโพงกำหนด ดูที่สูงสุด เช่น กำหนดกำลังขับ 100W สูงสุด อย่างน้อยก็ต้องเลือก 75W ครับ สูงก็ไม่เป็นไรยิ่งดี

กระทู้ 33 ท่านกลับบอกว่า

ถ้าอ่านจริงๆคงเข้าใจว่าผมต้องการจะสื่อก็คือแค่ d0ขับ pk1 ก็ได้เต็มประสิทธิภาพแล้วครับ แล้วกระทู้ 8,17 คืออะไรครับ

ท่านยังแถเปลี่ยนเรื่องไปเป็น matching อีก

รู้ไม๊ครับ ช่วงนาทีที่ 51:20 คุณธานี พูดอะไร แกให้ความสำคัญกำกำลังแอมป์ที่ขับก่อนครับ แล้วก็จบประเด็นนี้ด้วยคำว่า "พอได้จากแอมป์ขับลำโพงเสร็จอย่างอื่นก็ง่ายแล้วไม่ต้องคิดเรื่อง matching เยอะ" จากนั้นก็ไปเรื่องอื่น



ความชอบบังคับกันไม่ได้ครับ ไม่ใช่ตัวเองฟังแล้วไม่ชอบก็บอกว่า "ขับไม่หมดๆ"

กลับไปดูในคลิปที่ท่านยกมาเองเค้ายังบอกว่า ต้องทำ เอียเทรนนิ่ง ถึงจะรู้ว่าขับออกหรือไม่ เพราะ มันมี pattern ของการขับออกอยู่ครับ ผมพูดตามคลิปนะครับ ช่วยกลับไปดูคลิปที่ท่านยกตัวอย่างเองอีกครั้งด้วย

อย่าสักแต่่พิมๆครับ กลับไปดูสิ่งที่ท่านพิมด้วย

ประเด็นของผม จิงๆแล้วไม่ได้อยากบอกว่าท่านผิดหรอกครับ แต่จะบอกว่า นิยามของแต่ละท่านอาจไม่เหมือนกัน ในต่างประเทศยังถกเถียงกัน นิยามอาจไม่เหมือนกันได้ จึงไม่เห็นด้วยกับการฟันธงของท่านในกระทู้ต่างๆว่า ทุกคนผิดหมด

แต่ประเด็นของท่าน พยายามจะบอกว่า ทุกคนผิดหมด ท่านถูก ถ้าท่านจะบอกแบบนั้น หลักฐานของท่านต้อง solid มาก คับ และเป็นที่ยอมรับ ไม่ใช่กระทั่งคลิปที่ท่านยกมายังพูดตรงข้ามกับสิ่งที่ท่านจะสื่อเลย พอผิดพลาดท่านก็เบี่ยงประเด็นไป

ขออภัยด้วยครับถ้าพูดรุนแรงไป

ปกติผมไม่ใช่คนแรงเท่าไหร่ครับ ^^

จริงๆกระทู้แบบนี้ผมว่า ดีนะครับ สร้างสรรค์ ดี ถ้าไม่มีการใช้ข้อความว่า ฝ่ายตรงข้าม

ขออภัยครับที่ว่า ท่านแถ ขอถอนคำพูดครับ

ผมไม่เห็นด้วยกับคำว่าขับออกเต็มประสิทธิภาพครับ ผมว่า d0 ใช้คำว่าขับออกพอครับเนื่องมาจากมีกำลังขับเพียงพอแต่ถ้าพูดถึงประสิทธิภาพของ pk1 ที่ได้ออกมาจริงๆนั้น ต้องแอมป์ตัว topๆ ครับถึงจะ"เต็มประสิทธิภาพ"

ด้วยความหวังดีครับคุณblueseasonz คำว่ากระทู้ในคห.35ข้างบน น่าจะใช้คำว่า คห.หรือความเห็นน่าจะถูกต้องกว่านะครับ (ไม่รู้ลืมป่ะ) อิอิ ^__^

ใช่คับ ขออนุญาต เปลี่ยน คำว่า กระทู้ใน คห.35 เป็น คห. ทั้งหมดคับ
ขอบคุณครับ คุณ p,p

เรื่อง d0 เนี้ยผมเขียนว่า "แค่ d0" ซึ่งนั้นหมายความว่า amp ที่กำลังมากกว่า d0 ก็ขับได้หมดแหละครับ

ผมว่าผมก็เขียนตั้งแต่แรกแล้วนะครับ

คห.8
**เรื่องเสียงนั้นก็แล้วแต่ชอบครับ

คห. 17
**ไม่ได้แย้งเรื่องเสียงนะครับ อันนี้มันต้อง Matching จริงครับ

คห. 33
**อันนี้ผมถึงบอกว่า มันเป็นเรื่อง Matching คำว่า Matching ก็แล้วแต่คนชอบอีกแหละครับ
ความชอบบังคับกันไม่ได้ครับ ไม่ใช่ตัวเองฟังแ้ล้วไม่ชอบก็บอกว่า "ขับไม่หมดๆ"

ลองดู "ชวนเล่น ชวนฟัง" ครั้งที่ 1 (ตอน 2) ตั้งแต่นาทีที่ 12.00 โดยประมาณนะครับ เรื่องกำลังสำรอง แล้วก็นาทีที่ 16.00 เฮียถามเรื่อง ขับออกไม่ออก (ฟังให้จบช่วงด้วยนะะครับ)

นาทีที่16.00นั้นพี่เค้าให้ดูที่เบสนะครับ ผมถึงบอกนะครับว่า pk1 ที่100kHz มี 160 ohm ซึ่งตรงกันที่ให้วัดที่เบส (ผมก็บอกนะครับหูฟังในแต่ระช่วงความถี่จะมีค่า Impedance ไม่เท่ากัน )
อันนี้อยู่ที่ คห. 13
แล้วผมก็บอกแล้วนะครับว่า spec จากเวป yuin บอกว่า Impedance 150 แต่ผมบอกว่า 160
เนีื่องจากเป็นค่าที่วัดได้สูงสุดจากเวป http://www.innerfidelity.com/images/YuinPK1.pdf
จริงมันน่าจะ 155 ด้วยซ้ำ (เมื่อ R เพิ่ม P(watt) ที่หูฟังต้องการก็จะเพิ่มด้วย) ผมคิดเผื่อ ไว้แล้วครับ ในกรณีที่หูฟังต้องการกำลังเพิ่มไป ถึงบอกว่า ขับได้ (กำลังสำรอง นาทีที่ 20.00)

ถึงนาทีที่ 19.08 คุณหมูหวานยังบอกเลยนะครับว่า
"ที่เค้าบอกขับออกนั้น ไม่ใช่ว่าฟังได้ทุกแนวนะ" ซึ่งมันหมายถึง Matching ครับ

นาทีที่ 20.50 "แต่เราใช่ amp กำลังสูง มันก็เป็นข้อดีตรงที่ว่า ลำโพงตัวนั้น พูดง่ายๆว่า เผื่อเหลือเผื่อขาด สบายๆ มีกำลังรอให้มันสวิง" แต่... นาทีที่ 21.10 คุณหมูหวานถามว่าดีไหม
พี่ผุ้บรรยายตอบสวนมาว่า "มีความเป็นไปได้ว่าจะดี" ซึ่งมันก็หมายถึง Matching อีกครับ

นาทีที่ 21.43 -24.15 "เรื่องกำลังมันไม่ใช่เรื่องเดียวของคุณภาพเสียง" ซึ่งมันก็หมายถึง Matching อีกแหละครับ

เอาเท่านี้แล้วกันครัย ผมว่ามันจะยาวมากไป(ตั้งแต่แรกเลย) ยังไงก็ลองไปดูเอาเองนะครับในคลิปทั้ง 3ตอบมีคำตอบให้เยอะครับ ลองดูแบบจับผิดนะครับ ผมถึงบอกว่าให้ตั้งใจดู และผมจำได้นะมีอีกช่วงนึง ที่พูดถึงว่าต้อง Matching

ผมแยกเป็นสองส่วนนะครับ 1.กำลังในการขับส่วนนึ่ง 2.Matching

เพราะงั้นถ้ากำลังขับพอ แต่เสียงไม่ Matching จะเรียกว่ายังไงครับ หรือว่าขับไม่หมด ??

เอาไว้คิดเล่นๆก็ได้ครับ จบแล้วครับ ไม่่่่่่่่่่่่่่่่่่่ต่อแล้ว

"เพราะงั้นถ้ากำลังขับพอ แต่เสียงไม่ Matching จะเรียกว่ายังไงครับ หรือว่าขับไม่หมด ??"

จากประสบการณ์ที่เล่นpk1 เสียงมันยังไปได้อีกเยอะครับไม่ใช่แค่matchingแน่นอนครับ แอมป์ระดับกลุ่มพวกนี้คงเทียบดราก้อนบอลได้ประมาณหมัดจอมเทพ5เท่า10เท่าครับ ยังไม่ได้เป็นซุปเปอร์ไซย่าครับ

ขอโทษนะครับ นอกเรื่องนิด

ที่งง สุดก็คือ akg k550 เค้าออกแบบมาให้ขับง่าย ใช่กับ
แต่เคยเจอท่านนึงบอกว่า ต้องใช่ amp ถึงจะขับหมด อันนี้ก็งงเลยขับไม่หมด

แต่้ถ้าบอกว่า k550 เสียงมันออกสว่าง่ น่าจะใช่ amp ที่ออกเสียงเนียน อุ่นๆ
อย่าง amp หลอด อะไรอย่างนี้น่าจะพูดถูกกว่าหรือป่าว??

http://fiio.com.cn/news/index.aspx?ID=100000046224759

โทษทีครับและ (ไม่ต่อแล้ว)
เอาเป็นว่าอาจจะเป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของผมคนเดียว(ทั้งหมดเลยตั้งแต่ คห.8)
แต่ก็อยากให้เอาไปลองคิดดู มุมที่ต่างบ้างนะครับ (ผมก็เล่น pk1 มานานแล้วเหมือนกันครับแต่ไม่ค่อยเล่น บอร์ด)

ไม่มีใครที่ไม่ยอมรับความคิดต่างกรอกครับ
คห.2 ของผม ก็บอกแล้วว่า ความหมายของแตละคนอาจต่างกัน
ท่านต่างหากที่ ไม่รับความคิดต่าง ออกมาฟันธงว่า ทุกคนผิด ท่านถูก
ปัญหาคือ หลักฐานที่ท่านนำมาแสดง ไม่ solid เพียงพอครับ
นำมาพูดแค่บางส่วน อ้างอิงไม่ครบ
ท่านอย่าเอาประด็นมาปนกันสิครับ หัวข้อที่ผมแย้งท่านคือ คห.8 เท่านั้น
ประเด็นแรก คลิปที่ท่านว่าผมฟังเท่าไหร่ เค้าก็บอกว่าขับออก ขับไม่ออก อยู่ที่ต้องฟังเท่านั้น แต่ท่านยืนยันว่า volume 70% ก็พอแล้ว อันนี้ในคลิปบอกชัดเจนครับ แย้งกันท่านแน่นอน
ประด็นที่2 คือ ผมจะบอกแค่ว่าปัจจัยมันมีอีกหลายอย่าง ไม่ใช่แค่ เสียงดัง 70-80 % ก็เรียกว่าออกหมด
เช่นเรื่องของ head room เรื่องloss ที่ hi impedance ( มี่อ้างอิงในหลายๆ website ถ้าจำไม่ผิด shure ก็มี ) ความเพี้ยน ค่า THD การออกแบบภาคจ่ายของวงจร และอื่นๆ ไม่ใช่แค่ท่านใช้ สมการฟิสิคง่ายๆ ผมก็เป็นวิศวกรคนับ ผมไม่มีปัญหากับสมการ เพียงแต่ถ้าท่านจะอธิบายด้วยสมการ ท่านต้องมีตัวแปรมากกว่านี้
เหมือนท่าน จะเอากฏของนิวตัน มาอธิบาย การตกของ ลูกเหล็ก กับขนนกจากหอคอยแล้วฟันธงว่าต้องถึงพื้นพร้อมกัน ผม ก็แย้งว่า อาจไม่พร้อมกันนะครับ ท่านควรเติมปัจจัยอื่นๆ ในสมการท่านให้ครบ มันยังมี friction มีแรงพยุงตัวของอากาศ มีปัจจัยอื่นๆด้วย จากประสบการผมถ้าไม่ใช่ภาวะสูญญากาศขนนกอาจถึงพื้นทีหลังลูกเหล็กครับ

อ้ออีกอย่าง คห.17 ท่าตำหนิคนไทยว่าชอบนำคำพูดไปใช้ผิดๆโดยยกตัวอย่างว่า

"ถ้าถามว่า คุณชอบฟังเพลงอะไรครับแล้วตอบว่า audiophile ครับอันนี้ก็ใช้กันผิดครับ audiophile (ออ'ดีโอไฟล) n. ผู้ที่ชอบเสียงจากวิทยุ, โทรทัศน์, แผ่นเสียง ฯลฯ
ที่ผมต้องการจะบอกก็คือ เอาคำไปใช้กันผิดจนมันมั่วไปหมดครับ"

ท่านลองหาข้อมูลดูใหม่นะครับ

An audiophile is a person enthusiastic about high-fidelity sound reproduction.

[1]Audiophile values may be applied at all stages of music reproduction: the initial audio recording, the production process, and the playback, which is usually in a home setting."Audiophile" recordings include those using conventional formats but with special attention to audio quality, as well as recordings in high-resolution formats such as Super Audio CD or DVD-Audio. Recently, there has been interest in losslessfile formats such as WAV, FLAC, WMA Lossless, andApple Lossless.

ผมดูหลายแหล่งแล้วครับ ส่วนใหญ่มันจะมีคำว่า hi fidelity อยู่ด้วยเสมอครับ
ผมว่าก็ไม่น่าจะผิดนะครับถ้า จะชอบฟังเพลงในแนวที่ เน้นการบันทึกดีๆ แบบ hi fidelity
ปกติผมฟังเพลงลูกทุ่งครับ แต่ชอบฟังลูกทุ่งไฮไฟ ของค่ายใบชา เพราะส่วนนึงคือบันทึกมาดีแล้วเพลงก็เพราะ
การตอบว่าชอบฟังเพลงแนว audiophile ก็น่าจะสื่อให้คนอื่นเข้าใจได้ครับ ไม่น่าผิดนะครับ ต่างชาติก็ใช้กันนะครับ

บางทีการที่ท่านเอาตำราเล่มที่ท่านอ่านอยู่เล่มเดียวมาตัดสินผู้อื่น ไม่น่า จะเป็นธรรมครับ บางทีอาจมีคนอ่านตำราหลายเล่มกว่าท่านอ่านก็ได้ ท่านอาจดูกลายเปนคนโลกแคบไปครับ

แก้คำผิดครับ
ปกติผมไม่ฟังลูกทุ่งครับ แต่ชอบฟังลูกทุ่งไฮไฟของค่ายใบชา

ตอนนี้ผมก็เล่น PK1 เหมือนกันครับ เมื่อก่อนผมใช้กับ d0 เสียงยังไม่ถูกใจ เกือบตัดสินใจขายทิ้งแล้วละครับ แต่พอดีเพื่อนแนะนำว่าน่าจะนำไปลองกับแอมป์ตัวอื่นดูก่อน จึงนำไปลองกับแอมป์ Conti ปรากฏว่าเสียงดีกว่าเดิมเยอะมาก ผมจึงตัดสินใจขาย d0 ทิ้ง

ทั้งผมและเพื่อนมีจำนวนเป็นสิบคนต่างก็สรุปว่า do ขับ PK1 ได้ แต่ขับไม่หมด และนักเล่นหูฟังส่วนใหญ่ก็สรุปในทำนองเดียวกันนี้ ขอชี้แจงเพียงเท่านี้นะครับ

ปล.ไม่ได้เข้าข้างคุณblueseasonz และเคารพในความคิดเห็นของคุณGorilazD นะครับ เพียงแต่อยากจะชี้แจงว่านักฟังเพลงส่วนใหญ่ เขามีความคิดเห็นและสื่อความหมายกันอย่างไร เฉพาะกรณี d0+PK1 เพียงอย่างเดียวนะครับ

ผมคิดว่า PK1 เป็นหูฟังที่ให้เสียงตามแอมป์

แอมป์ดี เสียงก็ดี
แอมป์ไม่ดี เสียงก็คงจะไม่ดีเหมือนกัน

ปล. อย่าว่าผมแรงนะครับ ผมกลัว

จากประสบการผมถ้าไม่ใช่ภาวะสูญญากาศขนนก"อาจ" ถึงพื้นทีหลังลูกเหล็กครับ

ชอบครับ ดูมีชั้นเชิงดีจังเลย

ผมว่าอย่าไปเถียงกันเลยครับ แล้วเเต่จะเชื่อละกันนะ^ ^"

ผมใช้วิธี ลองจริงๆ ไม่อิงทฤษฎี
ถึงจะเรียกว่าขับไม่หมด ถ้าผมชอบ ผมก็ฟังมันแบบนั้นแหละ
555

^
ขับไม่หมดแล้วชอบ ถ้าฟังที่ขับหมดจะยิ่งชอบเข้าไปใหญ่เลยครับ

มันน่าจะจบตั้งแต่ คห.ที่ 34 แล้วนะเนี่ย หุ หุ

ผมว่า ผมยังไม่ได้คำตอบเลยครับ T___T
(จขกท)

^
ขับง่ายขึ้นมั๊ย? ผมฟังแล้วต่างน้อยมากครับ ดังนั้นประเด็นนี้ไม่สำคัญครับ

ที่สำคัญคือ ขึ้นชื่อว่า PK1แล้ว ทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ทั้งโมและไม่โม ยังไงต้องต่อแอมป์ที่ดีๆอยู่ดีครับ
หาแอมป์ที่ดีสุดเท่าที่เราจะซื้อได้ PK1เสียงมันดีตามนั้นครับ

^ ตามนั้นคร้าบ ไม่ว่าจะล็อตเก่า ล้อตใหม่ หรือไม่ว่าจะโมยังไง ก็ต้องใช้แอมป์ดีๆถึงจะดึงประสิทธิภาพจริงๆของมันออกมาครับ หรือไม่ก็ใช้ player ที่ดีๆและแรงขับสูงๆ เช่น hm901 ครับ

ผมเสียบตรง ipod vdo ผมก็ชอบนะ
แต่พอไปฟังผ่าน amp ผมก็ชอบมากกว่า

ผมว่าคำว่าขับสุด มันค่องข้าง นามธรรม
ถ้าฟังแล้วเฮ้ยก็ได้นิหว่า ก็ขับสุด ตามแบบของเราแล้วครับ

แต่ตามว่ามันไปได้อีกไหม ผมว่ามันไปได้ไกลนะ ผมยังหาที่สุดของ pk1 ไม่เจอเหมือนกัน แล้วก็เชื่อว่า ที่สุดของ pk1 แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน

แต่ผมลองฟังกับ ibasso dzero แล้ว ผมว่ามันจะติดบางไปบ้างจริงๆนั่นเหละครับ เสียงจะได้แบบ บาดๆหน่อย

PK1 ผมใช้ iBasso D6 บิด70% ถือว่าฟังดังสุดล่ะ

แต่ต่อ amp ตั้งโต๊ะ บิด50% หูแทบแตก 555+

แต่ amp ตั้งโต๊ะตัวนั้น ทำให้เป็นครั้งแรกที่ฟัง PK1 แล้วรู้สึกถึงพละกำลังของเสียงแต่ละย่าน และ soundstage กว้างและลึก ที่ทิ้ง iBasso d6 แบบเห็นได้ชัดเลยทีเดียว

PK1 นี้ผันไปตาม amp จริงๆครับ เหมือนหูฟังคนละตัวเลย

สรุปง่ายๆตามภาษาชาวบ้านให้ฟังละกัน ถ้าใช้ d0ขับPK1 ยังคลุมเครือครับ(เพราะหูแต่ละคนได้ยินไม่เท่ากันที่คลื่นความถี่ต่างๆ) แต่ถ้าจะให้ดีแน่ๆหาแอมป์รุ่นสูงๆกว่านี้มาขับจะดีกว่าครับ จบข่าว อิอิอิ

ลองคิดกลับทางกันดูเล่นๆนะครับ อาจจะไม่ใช่แอมป์ที่ดึงความสามารถของpk1ออกมา แต่pk1อาจจะเป็นตัวที่ดึงความสามารถของแอมป์ออกมาดีที่สุดก็เป็นด้ายยยย..555 อ้างอิงจากหูฟังบางตัวเช่น mx980 985 พวกนี้ไม่ค่อยยอมให้แอมป์เปลี่ยนแนวเสียงเท่าไหร่ แต่จะอัพขึ้นทั้งระนาบ^ ^