ผมไม่ของพูดถึงเรื่องความเที่ยงตรงนะครับ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่ามันของตายอยู่แล้วที่ไม่ว่าจะระบบไหนก็ไม่มีวันถ่ายทอดเสียงออกมาจากต้นฉบับได้เที่ยงตรง 100% เพราะต่อให้เล่นให้ฟังสดๆ เสียงที่ไหลผ่านโมเลกุลในอากาศมาก็ไม่เที่ยงตรงแล้ว เพราะยังมีปัจจัยต่างๆ เช่น อุณภูมิ หรือความกดอากาศอะไรต่างๆนาๆ ก็อย่างที่เราทราบกันดีอ่ะนะ
แต่ผมเห็นด้วยเต็มๆครับ ระบบการบันทึกเสียงแบบ Analog ถ้าว่าในแง่เรื่องของคุณภาพการใช้งานจริงมันห่วยแตกครับ อย่างเช่นเรื่อง Noise Floor โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาอัดลงเทป Reel นี้สุดๆครับ ไหนจะผ่านบอร์ด ผ่านอะไรต่อมิอะไรไหนจะตัวเทป Reel อีกเรียกได้ว่าซ่าไปหมด จะบันทึกทีต้องอัดเข้าไปให้เต็มสูบเพื่อให้มันได้ Signal to Noise Ratio ที่เอาไปใช้งานได้ แต่ Headroom นี้แทบไม่เหลือ แถมจะทำการตัดแต่งทำการ Edit ก็ลำบากและไม่ค่อยตรงจุด เพราะต้องกด Playback ฟังเอาแล้วก็ต้องเอาเทปมาตัดแปะกันโคตรลำบาก แถมไม่แม่นด้วย ในขณะที่ระบบ Digital นี้สบายๆเลย เสียงใสสะกิ๊งอัดแค่เบาๆพอเหมาะก็พอแล้ว Headroom เหลือเฟือ แถมเวลาจะทำการตัดแต่ง Edit ก็สะดวกรวดเร็วเราะมี Waveform ให้ดู มีหน่วยวัดต่างๆอย่างแม่นยำแล้วก็ทำได้ละเอียดมากๆถึงระดับ Millisec,Microsec ไปจนถึงระดับ Sample ด้วยเหตุนี้แหละงานมาสเตอร์ตั้งแต่ยุคหลัง 90s เป็นต้นมามันถึงเนีียบกว่าของยุคก่อนหน้านี้ราวฟ้ากับเหว
แต่ยังไงข้อเสียของมันก็มีนะครับ คือมันทื่อๆ Transperent ตรงไปตรงมาไม่มี Colors นี่แหละซึ่งใช้บางขั้นตอนมันก็ดีเพราะมัน Transperent แต่กับบางขั้นตอนมันก็ไม่ค่อยเวิร์คครับ เพราะดนตรีมันคือศิลปะ มันคือรสชาติ มันต้องการการปรุงแต่ง บางทีอะไรที่ Transperent มากๆมันก็ไม่ตอบโจทย์เสมอไป ด้วยเหตุนี้แหละมันจึงมีการจำลองพวก Analog ขึ้นมา โดยเฉพาะพวก Signal Processor ที่มีการจำลองพวกอุปกรณ์ Outboard Hardware กันอย่างแพร่หลาย แรกๆก็แข็งๆทื่อๆเอาไปเทียบกับของจริงไม่ได้หรอกครับ แต่พอยิ่งผ่านเวลายิ่งเริ่มเนียนขึ้นเรื่อยๆ จนปัจจุบันบอกได้เต็มปากเลยครับว่าถ้า Blind Test โดยหู Sound Engineer ก็แยกไม่ออกครับ ยกตัวอย่างชัดเจนเห็นภาพที่สุดก็แอมปืกีต้าร์นี่แหละ Blind Test ก็ไม่รู้แล้วครับว่าอัดแอมป์จริงผ่านไมค์ หรือเสียบตรงเข้า Audio Interface แล้วเปิด Amp Sim
แต่ก็นั่นแหละครับวงการนี้ก็รู้กันว่าไสยศาสตร์นักมโนมันเยอะกว่าคนที่ศึกษาและเข้าใจข้อมูลที่ถูกต้องจริงๆที่ไม่ใช่การบิดเบือน