การบันทึกเป็น DVD ส่วนใหญ่จะบันทึกเป้น Concert ครับ น้อยครั้ง ที่จะเห็น DVD Audio เป้นของแท้ครับ

ของดีๆ ก็มีหลากหลายยี่ห้อนะครับ ส่วนตัวใช้ของ Marantz ไม่ใช่ของหรูอะไรเท่าไหร่ แต่เสียงดีทีเดียว(ดีหลายทีไม่ได้ 555 ) ต้องต่อผ่าน amp อีกทีนะครับ เสียงออกมา เยี่ยมครับ

ระหว่าง CD กับ MD ยังไง CD ดีกว่าแน่นอนครับ เพราะแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะอัด CD ไป MD โดยไม่มีการสูญเสียครับ

กระจ่างๆ ขึ้นมาอีกนิด ว่าแต่ม่ะบอกกระผมหน่อยละ เจ้า มาแร้นนนซ์ เนี่ยค่าตัวมันจัดมั้ย
แล้วมันกันการสั่นสะเทือนได้มั้ยครับ

คำถามแรก พวกแผ่นเพลงของแท้ มีแต่ CD หรือ ก็มีการบันทึกแบบ DVD ด้วยครับ
มีทั้งหมดแหละครับแต่พอมันไม่เป็นที่นิยม เขาก็เลิกทำออกมา เพราะคนส่วนมากชอบที่จะซื้อเป็นแผ่นผีครับ ดังนั้นตอนนี้เหลือแต่ที่เป็น CD ที่หาง่ายที่สุด ถ้าเรายังจะหาแต่โหลดจากเน็ต อนาคตอันใกล้นี้ก็คงจะไม่เหลือ CD ให้เลือกซื้อแล้วละครับ คงจะเป็นแบบ mp3 กันหมด

แล้วเจ้าเครื่องเล่นเพลงจากแผ่นกลมๆเนี่ย เจ้าไหนเขาเจ๋งบ้างครับ ค่าตัวมันราคาเท่าไหร่ คุณภาพเสียง ก็มาจากชิพเหมือนเครื่องเล่นแบบดิจดตอลมั้ย
อันนี้ตอบยากมากครับ ไม่มีอะไรดีที่สุดแต่มีอะไรที่คนนิยมที่สุด และที่สำคัญ อะไรที่มี โฆษณาเยอะ อันนั้นจะเป็นที่นิยมที่สุด ซึ่งราคาที่เราจ่ายไป จะรวมอยู่ในค่าโฆษณาด้วย ทางที่ดีถ้าคิดจะจ่ายเงินทั้งที่ ไปหาลองฟังเองดีกว่าครับ เพราะ รีวิวผมว่าอ่านเอามันจะดีกว่า

เจ้าMD เทียบเสียงกับเครื่องเล่น CD ใคระจะมาวินครับ เห็นกระแสเขาเริ่มตีขึ้นมาด้วยเจ้าเทคโนโลยีอาทิตย์อุทัย(ธานี) SONY
จากความรู้เดิมๆนะครับ...... ไม่ยืนยัน แต่ นี่คือที่รู้และได้ลองมาเอง ถ้ามีคนไม่เห็นด้วยก็ขอให้ผ่านๆไปนะครับ.....

ในการเล่าคราวนี้ขออิงจากที่ได้ยินอย่างเดียวนะครับ ผมฟันธงครับว่า MD ดีกว่า CD!!! แต่ต้องอัดมาจาก master เดียวกันเท่านั้นนะครับ อย่างที่ผมทำเล่นกันคือผมใช้ LP เป็นต้นทาง แล้วต่อมาลงที่ MD หรือ CD ตั้งเสียง rec ให้เท่ากัน และลองฟังเทียบ เห็นชัดครับว่า MD ดีกว่าแน่นอน ไม่น้อยกว่า 20% ชัดครับ.....
**cd ที่ผมเอามาอัดนี้คือ Tascam DV-RA1000 ส่วน MD คือ Denon DN-M991R และในการ อัดทั้งหมดเป็นแบบ 1:1 ครับ**
มันจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เอา master เป็น CD เอามาอัดลง MD แล้วเอา MD แผ่นนั้นมาเทียบกับ master ซึ่งแน่นอนว่า cd ที่เป็น master นั้น เสียงต้องดีกว่า MD แน่นอน.....

รบกวนพี่ชิมอธิบาย คำว่า LP หน่อยครับ ติดคำคำเดียวที่ยังไม่กระจ่าง

แต่ผมว่ามันน่าจะมีความต่างอยู่ เพราะหลายคน(ในเน็ต)ต่างพูดว่า เสียงมันนิ้งเหมอืน CD เลย

เริ่มไม่แปลกใจที่ทำไมอยู่ MD ที่คิดว่าน่าจะกลับไปนอนแล้ว ออกมาโลดแล่นอย่างคึกคักกันอีกครั้ง
วันที่ 18 นี้คงต้องไปลองของเขาหน่อยละ

เรื่องDVD อ่านแล้วอืมมันใช่เลย จะอัดให้อลังกาลล้านห้าสิบไปทำไม ในเมื่อค่อนของผู้ฟังยังกิน MP3สำเร็จรูปเป็นอาหารหู
ต่อยอดอีกหน่อยครับพี่ชิม ถ้ามีการบันทึกลง DVD มันจะได้ของคุณภาพกว่า CD มั้ยครับ

ส่วนรีวิวเครื่องเล่น CD อะไรนี่ไม่สันทัดเลยครับ ความรู้เป็น 0 จิง รู้แค่ว่ามันมีแบบสะเทือนก็ยังเล่นแผ่นได้
การใช้เครื่องเล่นCD ที่ผมไม่เคยเหลียวมองเท่าไหร่ก็ประเด็นแบตเตอรี่ ไม่ทราบว่าเด๋วนี้เขาใช้แบตแบบไหนกันครับ มีแบบชาร์จในตัวเหมือน ipod หรือ เพลเยอร์อื่นๆมั้ย ที่ผมเคยเห็นก็ถ่านAA สองก้อน

ขอบคุณทุกคนตอบและคนอ่านจ้า

นั่นดิ คิดกันได้ไง เอา cd :ในกรณีนี้ก็คือ master
ละมาเทียบกับ md :ในที่นี้ ก็คือ secondary แล้วนะ
สมอง process ไรผิดป่าว ครับ ไปปรึกษาแพทย์ ก่อนนะ
เดินยังไม่ตรง ละมาฟันธงไรแบบนี้ ไม่เข้าท่า

แล้วไอ้การอัดเพลงลงแผ่น dvd เค้ามีการทำอยู่ละ เน้อใน studio
ถ้ารู้จักนักดนตรีหลายๆคน คุณ จะรู้ว่า cd ที่คุณ ฟังอยู่ master track
ที่เค้ามา mix down ให้เป็นเพลง ก็มาจาก md ทั้งนั้น

งุงิ

ประโยคเชิงนี้ มิควรนะครับ

"นั่นดิ คิดกันได้ไง เอา cd :ในกรณีนี้ก็คือ master
ละมาเทียบกับ md :ในที่นี้ ก็คือ secondary แล้วนะ
สมอง process ไรผิดป่าว ครับ ไปปรึกษาแพทย์ ก่อนนะ
เดินยังไม่ตรง ละมาฟันธงไรแบบนี้ ไม่เข้าท่า"

ขอโทษครับ กรุณาเคารพความคิดเห็นผู้อื่นด้วยนะครับ อย่าทำให้กระทู้กลายเป็นที่ประชันปัญหาในทางทำลาย ผมไม่ชอบ

ความคิด ประสบการณ์ ของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน การประมวลผลต่างกัน แต่การที่เขาเอามาเล่าให้ฟัง ก็ถือว่าเป็นการแบ่งปันแล้วครับ

แต่ผมสนใจที่คุณว่าเพลงทั้งหลายมาจาก md คือมันย่อจากอะไรครับ แต่MD ที่ผมตั้งประเด็นไว้คือ เจ้า MiniDisc ของโซนี่อ่ะครับ

LP ย่อมาจาก Long Play ครับ คือเป็นแผ่นเสียงขนาดใหญ่มาตรฐาน สมัยก่อนพวกแผ่นเล็กเค้าเรียกแผ่นSingle ซึ่งมักจะตัดเพลงที่คิดว่าจะขายได้ ออกมาจำหน่ายแบบไม่กี่เพลงต่อแผ่นก่อน สรุปก็คือ LP ก็คือแผ่นเสียงลองเพลย์นั่นเอง เป็นขนาดมาตรฐานที่ใช้กันแบบแพร่หลาย

คนที่รักแผ่นเสียงก้เพราะยังหลงรักความเป็น analog ของมัน แฟนๆๆ กลุ่มนี้มักจะรักอนาลอกแท้ๆๆ มากกว่าเสียงดิจิตอลจากแผ่นซีดี หรือฟอร์แมทอื่นๆๆ น่ะครับ

แต่ว่าชักจะเห็นภาพและอยากฟังเหมือนกันว่า MD ถ้าถ่ายจากมาสเตอร์แล้วดีกว่า CD แน่ๆๆ แบบนี้สนุกล่ะครับ 555

ก่อนอื่นต้องเข้าใจ codec ที่ MD ใช้ก่อนครับ
codec ของ MD จะใช้ ATRAC ซึ่งจะแบ่งย่อยออกอีกหลายประเภท
ตั้งแต่แบบ ATRAC แบบดั้งเดิมหรือที่เรียกกันว่า SP หรือ standard playmode
อันนี้จะมีรายละเอียดยิบย่อยเยอะเช่น ATRAC 4.5 ATRAC R อันนี้ไม่ต้องสนใจอันนี้บิทเรทอยู่ที่ 292kbps

ต่อมาคือ ATRAC3 ซึ่งออกแบบให้บิทเรทน้อยลงเพื่อให้บีบอัดเพลงลงในแผ่น md ได้มากขึ้น
ใช้ในเครื่องแบบ netMD ซึ่งจะแบ่งเป็น LP2 บิทเรท 132 kbps และ LP4 บิทเรท 66 kbps
รุ่นที่รองรับก็จะมีคำว่า MDLP อยู่แถวๆหน้าเครื่อง

รุ่นต่อมาคือ Atrac3plus ที่ใช้ในเครื่อง hi-MD บิทเรทที่สามารถใช้ได้คือ 48, 64, 96, 128, 160, 192, 256, 320 และ 352 kbps ตามลำดับสำหรับ codec รุ่นนี้ทางโซนี่โม้ว่าคุณภาพดีพอกับ mp3 ที่บิทเรทมากกว่าสองเท่า

ดังจะเห็นว่าที่ว่ามาทั้งหลายแหล่เป็นการบีบอัดข้อมูลแบบ lossy ล้วนๆ
สำหรับคำถามที่ว่าอัด md แบบไม่สูญเสียข้อมูลเลยได้ไหมนั้น
คำตอบคือได้ครับ แต่ต้องใช้กับ hi-MD เท่านั้น

Hi-MD นั้นจะบีบอัดไฟล์สามแบบครับคือ PCM , hi-SP , hi-LP
้hi -SP กับ hi-LP ก็คือ lossy แบบ SP กับ LP ที่พัฒนาคุณภาพให้ดีขึ้น
ส่วน PCM เป็นการบันทึกเสียงแบบ lossless บนแผ่น hi-MD ขนาด 1GB ได้ประมาณ 90 นาทีต่อหนึ่งแผ่นครับ

อ๋อ มันคือเจ้าแผ่นจานบินใหญ่ๆ นี่เอง ผมก็รู้แต่เขาเรียกแผ่นเสียงๆ ได้ความรู้หลายเลย
เฮียละครับ มีเจ้า ลองเพลย์ เพลย์เย่อร์มั้ยครับ

ไปอ่านๆดูก็รู้สึกว่า MD นี่ท่าทางจะสะดวกกว่าแต่ก่อนเยอะเลยนะครับ
ใครรู้อะไร เอามาใส่ในกระทู้นี้ได้เลยจ้า

*หลงรักรักแผ่นแท้ซะละ*แต่ยังม่ะมีเครื่องเล่นเลย*
คำถามใหม่ ถ้าใช้ไดรฟ์ซีดีของคอมเล่นแผ่นซีดีเพลง แผ่นจะสึกหรอมากกว่าเล่นกับเครื่องมั้ยครับ

โอ๊ว โดนพาดพิงซะแล้ว

ที่ผมบอกว่า CD ดีกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะ MD มันไม่มีขายในตลาดครับ จะไปหาจากไหน
มันหาไม่ได้ ผมจึงตอบไปเช่นนั้น

แต่ถ้า Master ทั้ง MD และ CD อันนี้ ไม่เถียงครับ แต่ในความเป็นจริง master md มันไม่มีขายครับ

ส่วนที่นิยมกันก็คือ SP นั่นล่ะครับเพราะเครื่องหาง่ายกว่า

และะ hi-MD เครื่องค่อนข้างแพง ปัจจุบันนี้ต่ำๆก็ยังเป็นหมื่น
แต่บังเอิญผมเพิ่งได้ hi-MD จากหาดใหญ่มาตัวนึงในราคาสามพันก็กำลังทดสอบดูคุณภาพเสียงแบบ PCM ซะหน่อย

แต่พูดง่ายๆคือ MD ไม่มีทางที่คุณภาพเสียงจะดีกว่า CD ครับ
อย่าลืมนะครับว่ามันคือ lossy มันเหมือนกับจะบอกว่า mp3 เพราะว่า audioCD นั่นล่ะครับ
แต่ใกล้เคียงนั้นได้ครับ จริงๆแล้ว ณ SP bitrate 292 ฟังแยกกับ audioCD ก็ยากแล้วครับถ้าหูท่านไม่ได้พิเศษจริงๆ
เหมือน mp3 320kbps มีคนฟังแยกกับ lossless ได้ซักกี่คนกัน

ถ้าสนใจลองมาฟังตัวอย่างในงานมีทก่อนก็ได้ครับ คนรัก md นิสัยรักสงบครับ รับรองไม่กัดท่านๆที่มาแจมงานมีทแน่นอน

ครับผม ในงานจะมีแบบเอาต้นฉบับ มาเทียบกับ MD ให้ฟังมั้ยครับ

ส่วนอีกคำถาม เรื่องเจ้าแผ่นจานบิน ลองเพลย์ ปัจจุบันยังมีการผลิตอยู่มั้ยครับ
ทีเขาเล่นกันมีแต่ของเก่ารึเปล่า

แบบนี้ถ้าเจ้าจานบินมันบิ่นไป ไม่เซงจิตกันเลยเหรอครับเนี่ย

ฟอแมตPCM ของ MD กับ ฟอแมต WAV ที่ว่าไม่มีการสูญเสียเช่นกัน กับ แอปเปิ้ล Lossless ที่มาจากคุณภาพสูงสุด อะไรจะได้ขึ้นแท่นครับ

รู้สึกจะไม่มีนะครับ แต่ถ้าสนใจอยากให้มีคนเอา audioCD ต้นฉบับไปฟังเทียบก็ลองไปรีเควสในเว็บได้ครับ
เรื่อง แผ่นที่ว่าไม่ทราบครับไม่เคยเล่น
ส่วน PCM ,wav ,m4a อะไรเหนือกว่ากัน
ก็ต้องบอกว่าเมื่อผ่าน decode ของแต่ละสกุลจะได้คุณภาพเท่ากันทั้งสิ้นครับ เพราะมันคือ lossless

ออกความเห็นกับแบบนี้ดีแล้วครับแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน จ่าพิชิตเป็นตัวอย่างของuserที่ดี
ไม่ใช่พอเค้าเอาข้อมูลมาบอก ก็ตีโพยตีพายทำน้อยใจเป็นเด็กๆเหมือนบางuser มันเลยทะเลาะกันเพราะอย่างนี้

0.0

เหอๆ อะไรอีกเ่อ่ย เหอๆ...
LP ก็แผ่นเสียงแหละครับ เฮียได้อธิบายไปแล้ว
ส่วนเรื่อง DVD นี้ไม่รู้จริงๆครับ ยังไปไม่ถึง เหอๆ...... รอผู้รู้มาตอบดีกว่า เหอๆ...

ขอบรรยากาศดีๆหน่อยนะครับ เดี๋ยวผู้รู้ท่านอื่นไม่กล้าตอบ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาตอบครับผม

^^ เพื่อโลกสดใส

ประสบการณ์ที่พอมีน่ะครับ พอรู้ว่านักดนตรีเขาก็ใช้MD ในการบันทึกลายดนตรี
แต่ไม่รู้ปัจจุบันเป็นแบบนั้นหรือเปล่า
ส่วนแผ่นเพลงที่เป็นMD ที่บันทึกมาจากมาสเตอร์ (ไม่ใช่ CDแท้ ที่วางขาย)เมื่อก่อนผมเห็นมีขายน่ะในเมืองนอก
แต่ราคาแพงกว่า CD เลยไม่ซื้อมา
แล้วถ้าจะเอาคุณภาพจริงๆก็ยังมี HDCD SACD DVDAudio ที่บันทึกมาจาก มาสเตอร์
bitrate สูงกว่า CD ทั่วไป แต่พวกนี้ก็ต้องเล่นกับ CD Player ที่รองรับ บวกกับภายในก็ต้องมีชิพประมวลผลที่ดีด้วย สุดท้ายน่ะครับ ขอให้ทุกคนมีความสุขในฟังเพลง ไม่ใช่ฟังเสียง

พวกกลุ่ม HDCD SACD DVDAudio กับเครื่องเล่นพวกนี้ น่าจะราคาสูงใช่มั้ยครับ
ต้นๆนี่เลขกี่หลักครับ แล้วมีอัลบั้มให้ฟังเยอะมั้ยครับ

ผมมองว่า เสียงมันคุณภาพสูงจริง แต่ถ้ามีอัลบั้มซัก20-30 อัลบั้ม มันก็ยังไม่คุ้มกับการลงทุนที่จะหาความหลากหลายในการฟัง

มันเหมาะสำหรับกลุ่มคนที่ต้องการเพิ่มดีกรีของเสียงคนตรี มากกว่า

ที่ผมสนใจเองคุณภาพเสียงก็เพราะแหล่งต้นทางคือตัวเพลงถ้าเสียงมันคุณภาพสู. ก็น่าจะช่วยให้หูฟังราคาสูงๆ ส่งคุณภาพของมันออกมาด้วย
แล้วคุณภาพที่ได้มา ก็ช่วยทำให้ความสุขของการฟังเพลงมันเข้มข้นขึ้นอีกขั้น

นี่ละครับเป็นสาเหตุที่ mp3 แจ้งเกิด บางทีเราต้องการความหลากหลาย ความสะดวกในการฟังเพลง
เราจึงต้องยอมลดคุณภาพของไฟล์เพื่อจำนวนเพลง สมมุติถ้าเรามีplayer ความจุ 100 mb
เราจะเลือก 128 ได้เพลงจำนวนมาก หรือ wave แล้วได้ไม่กี่เพลง
และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ MD ขายสู้ MP3 ไม่ได้

ถ้าเป็น LP ต้องถามตาชิมล่ะ เพราะแกมีของเยอะมากๆๆๆๆๆ และน่าจะช่วยตอบคำถามได้มาก ส่วนปัจจุบันนั้น ผมกลับมองว่า Format ไหนที่มีอัลบั้มให้เลือกมากๆๆ อันนั้นน่าจะมหาชนสุดๆๆ ล่ะครับ เพราะบางอย่างนั้น บางเครื่องก็ไม่รองรับ หรือมีแผ่นออกมาน้อยมั่ง....

ถ้ายังไม่ซีเรียสเรื่องเค้นคุณภาพ เลือกซีดีมาเล่นก่อน และเลือก Player ที่ราคาสมเหตุผลมาก่อนครับ อันอื่นยิ่งเล่นยิ่งแพง ยิ่งหาลำบาก 555

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาให้ความกระจ่างครับ
ถ้าใครอ่านแล้วมีปรเด็นก็เพิ่มเติมกันได้นะครับ

ผมคงเฝ้าอ่านอย่างเดียวไปก่อน

พวกแผ่นเสียง เนี่ยมันมีอายุการเก็บไหมครับ จำได้ว่าเมื่อ5-6ปีก่อนไปช่วยเก็บบ้านของลุง
มีแผ่นเสียงเพลงไทยเก่า ๆ เก็บอยู่กล่องนึง ถ้ามันยังทำประโยชน์ได้ จะได้ลองไปขอเขารื้อดู

เท่าที่มีอยู่ตอนนี้ ไม่เห็นว่ามันจะยือหรือเสียนะครับ อายุมันอยู่ที่การเก็บมากกว่า เช่น ถ้าเก็บไม่ดี ลาขึ้นบนแผ่น ทำให้ ตกล่องเวลาเล่น หรือ ตั้งแผ่นไว้โดยไม่มีการเปลี่ยนมุม หรือ มีของหนักทับนานๆ ก็ทำให้แผ่นงอ ตอนเอามาเล่นก็ทำให้เข็มกระโดด หรือไม่ก็ ไม่เก็บในซองใน โดยใส่ตรงกับซอลนอกอย่างเดียว พวกเยื่อกระดาษ+ความชื้น ก็จะไปติดในล่องเสียงตอนเล่นก็เป็นเสียง ฝนตก (ซ่าๆ) อันนี้ยังไม่รวมถึง แผ่นเสียจากการใช้งานนะครับ ..........

ของมันสูงค่า การดูแลมันก็ละเอียดอ่อนตามกันไป เหมือนสาวน้อยที่ต้องคอยถนุถนอมเลยนะครับ

เพื่อเสียงที่ยังคงเดิม ผมว่าทำได้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่า จะรู้วิธีเก็บรักษากันจริงมากน้อยเท่าใด

พี่ิชิมคงเหนื่อยกับการดูแลพอสมควรเลยสิครับ

ก็ไม่เท่าไรครับ ตอนนี้มีแผ่นเสียงประมาณ 3000+ แผ่น อาทิตย์นึง เปลี่ยนตำแหน่ง ทีนึงซัก 300 แผ่น ก็พอ 2 เดือนก็ครบแล้ว ทำงี้จะไม่ทำให้แผ่นงอครับ ส่วนแผ่นใหม่ๆที่ได้มาก็ ล้างซะก่อนเก็บ แล้วถ้าไม่ได้ฟังมันก็จะสอาดอยู่อย่างนั้น ไม่ต้องห่วงเท่าไร....

เล่นแผ่น สนุกครับ ไม่น่าเบื่อแน่ๆ.....

แล้วเพลงที่เขาทำ LP ละครับ เป็นเพลงใหม่ๆ หรือก็เอาเก่ามาบันทึกใหม่ครับ

มีทั้ง 2 อย่างครับ ถ้าจะเริ่ม แนะให้ซื้อแต่พวกเพลงที่อัดใหม่ แต่พวก Re ทั้งหลายหรือ พวกที่อ้างว่า Re แบบสุดยอดพวก โคตร ออดิโอฟาย ไม่ต้องไปซื้อ แต่ถ้าชอบเพลงในแผ่นนั้นๆ ให้หาแผ่น ออริจินอล อย่างเดียวแต่ถ้าหาไม่ได้จริงๆ อันนี้ก็ตามสดวกละกันครับ.....