op-amp นั้นย่อมาจาก operator Amplifier ซึ่งเป็นชิพขนาดเล็กที่ทำหน้าที่เป้นเหมือนหัวใจของเครื่องเสียง คือเชื่อกันว่าคาแรคเตอร์เสียงหลักๆๆ เจ้า op-amp ตัวเท่าลูกหมานี่ล่ะคือตัวกำหนด ซึ่งมักจะทำไว้ให้เราๆๆ ท่านๆๆ ได้เปลี่ยนได้

การเปลี่ยนจากเบอร์นึงไปอีกเบอร์นึง ก็ทำให้เสียงมันแปรเปลี่ยน จะเลือกแหลมมากแหลมน้อย เบสมาก เบสน้อย หรือกว้างมาก กว้างน้อย ก็เลือกเบอร์ opamp ที่ถูกใจก็เป็นอันเสร็จพิธี....

ไม่มีคำว่าใช้คู่กับอะไรครับ เพราะถ้าเครื่องเสียงไหนได้ออกแบบแผงวงจรให้ใช้ opamp ได้ ก็หมายความว่าเราสามารถเปลี่ยนได้เท่าที่ใจเราต้องการครับ 555

หาซื้อได้ตามร้านขายยาประเภท ก........เอ๊ย หาซื้อได้ตามบ้านหม้อ หรือจะหาซื้อ และขอคำแนะนำแบบทีเด็ด ก็ไปหาคุณหมูหวานให้เค้าหลอกต้ม เอ๊ย ให้เค้าแนะนำได้ครับ 555

http://www.hifimod.com/

เชิญเลยนะครับ 555

^_^ ขอบคุณพี่มั่นคงมากครับที่ให้ข้อมูลและความรู้ดีๆ คราวหน้าถ้าผมมีอะไรสงสัยผมจะโพสไปถามใหม่นะครับ ^_^

เฮียตอบได้เคลีย์ดีครับ ผมเห็นคำถามแล้วปวดหัวเลยแบบว่ากว้างมากไม่รู้จะตอบยังไง อิอิ

เอ้า ตายแล้ว พี่ Nopphong ยังปวดหัว แล้วผมตอบเข้าไปได้ยังไงล่ะเนี่ย 5555 ผมนึกตอบเอาแบบความเข้าใจแบบชาวบ้านน่ะครับ ถ้าผิดถูกประการใด หรือเพี้ยนนิดเพี้ยนหน่อย อภัยด้วยเด้อ 555

จริงๆ มันคืออุปกรณ์ขยายสัญญาณครับ สังเกตุง่ายๆ สัญลักษณ์จะเป็นรูป 3 เหลี่ยมหันหัวไปทางขวา ปกติ 1 ตัวจะมีขาที่ใช้ 5 ขา (2 ขาไฟเลี้ยง + -, 2 ขา เป็นตัวที่ขยายเกณฑ์ด่าน + และ - อย่างละขา และอีกขาเป็นด้านขาออก)เกณฑ์ (gain)การขยายจริงๆ ในทางทฤษฏีจะมีค่าเท่ากันอนันแต่ในทางปฏิบัติก็แล้วแต่การออกแบบวงจรรวมภายใน ที่เราเอามาใช้กันจะควบคุณเกณฑ์การขยายโดยให้สัญญาณเข้าที่งขั้ว + และ - ซึ่งจะมีวิธีการเลือกอุปกรณ์ R L C เพื่อควบคุมเกณฑ์ในแต่ละย่านความถี่
การเลือกหรือเปลี่ยนเบอร์ที่เสียงไม่เหมือนกัน มาจากคุณภาพและการออกแบบวงจรรวมภายใน เพราะแต่ละตัวจะมีเกณฑ์การขยาย และการตอบสนองความถี่ที่ไม่เท่ากัน บางตัวเกณฑ์ไม่คงที่ความถี่เปลี่ยนเกณฑ์ก็เปลี่ยนตาม บางตัวเกณฑ์คงที่แม้จะเปลี่ยนความถี่ ถามว่า op amp ที่ดีจำเป็นต้องราคาแพงมั้ย ตอบได้ว่าไม่จำเป็นถ้าหากเกณฑ์ สอดคล้องกับการตอบสนองความถี่ของหูฟัง ซึ่งอาจทำให้ หูฟังตัวนึงเหมาะกับ op amp ตัวนึงเท่านั้น
ยิ่งพูดยิ่งลึก ไว้อยากรู้อะไรถามมาจะลองหาคำตอบมาให้ครับ

อ้าววว นึกว่า แอมป์ ของ ไอ้ออป ซะอีก แป่วววว..........

ผมว่าเฮียตอบได้เข้าใจง่ายที่สุดละครับ 555+

อ๊อฟ เป็นชื่อเล่นครับ
ชื่อจริงของเค้าคือ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
เป็นดารารุ่นใหญ่ครับผม

แอมป์ เป็นชื่อเล่นเหมือนกันครับ
ชื่อจริงของเค้าคือ สิริพงศ์ ชูศักดิ์สกุลวิบูล
ผู้เข้าแข่งขันในโครงการ The Star เดอะสตาร์ 7 ครับผม



...

....

..... ไปดีกว่า ฟิ้ววววววววววว 55555555

บอนด์ย์ เป็นชื่อเล่นครับ
เป็นคนที่กำลังจะถูกเล่นตับย์ในเร็วๆ นี้ครับ...

ตามไปตับย์....ชอบนักพวกพาออกทะเล...!

^
^
^
ตามมาเร็วมากกก ฮ่าๆๆๆๆๆ

เป็นข้อๆไปนะครับ

1.op-amp (operational amplifier นะครับไมใช่ operator)คืออะไร

เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อลดความยุ่งยากในการออกแบบวงจรของวิศวกรอิเล็กทรอนิกส์

คือแทนที่จะต้องใช้อุปกรณ์จำนวนมากมาสร้าง "สิ่งที่ใช้งานได้" สำหรับงานหนึ่งๆ ก็ย่อส่วน "วงจรมาตรฐาน" มันลงไว้ใน "ไอ้ตัวเล็กหลายๆขา" แล้วเพิ่มอุปกรณ์ภายนอกบางส่วนเข้าไปเพื่อให้เป็นไปตามที่ต้องการได้หลากหลาย

2.ทำหน้าที่อะไรบ้าง มีประโยชน์อย่างไรบ้าง

สากกะเืบือยันเรือรบขอรับ ในทีวีก็มี ในเครื่องบินก็มี ในปืนใหญ่อัตราจรก็มี (ซีซ่าร์พึ่งยิงไปเร็วๆนี้) ในยานอวกาศก็ยิ่งต้องมี ตามข้อ 1. ครับ

3.หาซื้อได้จากที่ไหน

ตามร้านอิเล็กทรอนิกส์ทั่วไปครับ

4.ต้องใช้คู่กับอะไรถึงจะมีประสิทธิภาพสูงสุด

แล้วแต่คนออกแบบว่าจะสร้างอะไร เพราะจริงๆแล้วมันไม่ได้ออกแบบมาสำหรับเครื่องเสียงตั้งแต่แรกนะครับ

ที่จริง (ดั้งเดิม) มันออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาการคำนวนของนักวิทยาศาสตร์ที่มักจะ "เรื่องมาก" จะเอาอย่างนั้นจะเอาอย่างโน้น เดี๋ยวจะ sum เดี๋ยว dif, Integrate, etc,. วิศวกรเลยเซ็ง

หนักเข้าก็รวมหัวกันคิด "รูปแบบวงจร" อย่างกลางๆออกมา (แรกๆก็อันเบ้อเร่อไม่เล็กจิ๋วเหมือนเดี๋ยวนี้ดอก)

พอนักวิทยาศาสตร์อยากได้อย่างนั้นก็ "จัดให้" อยากได้อย่างโน้นก็ "จัดให้" ซึ่งจริงๆแล้วก็อีตัวเก่านั่นแหล่ะ เพียงแต่เพิ่มอุปกรณ์ภายนอกเข้าไปเท่านั้น สบายตรู

พอมาเรื่อยๆใครๆก็นิยม เทคโนโลยีก็ดีขึ้น เลยย่อมันลงซะเหลือตัวกระจิ๋วหลิว

ทีนี้นักออกแบบเครื่องเสียงก็อยากมักง่าย เอ้ย! เห็นมันสะดวกดีก็เลยนำเข้ามาสู่วงการ ซึ่งแรกๆมักจะอยู่ในกลุ่มที่ไม่เน้นเสียงที่ดีมากนัก (แต่บางตัวก็เจ๋งนะ)

ครานี้ผู้ผลิต "ไอ้ตัวจิ๋ว" ก็เห็นช่องทางทำมาหากิน ก็เลยผลิต "For Audio" มั่ง "Audio grade" มั่งล่ะชิมลางกันออกมาเรื่อยๆ (ไม่มีดีมั่งก็ให้มันรู้ไป)

เลยเป็นที่มาของ "op-amp" ในกระแสเี๋ดี๋๋ยวนี้แหล่ะครับ

ส่วนการเลือกก็ตามเฮียมั่นกับคุณ H-sang ล่ะครับ

พล่ามซะยาวเชียว ข้ามๆไปก็ได้นะครับ ผมก็โม้ไปเรื่อยเปื่อยตามประสาแหล่ะครับ ขออภัย

สุดท้ายก็งงอยู่ที่มึงนี้เละ

อืมมม........

เข้าใจละครับคุณบอยกับบรรยากาศแถวๆนี้

ต่อไปผมสั่งของจากนอกเองก็ได้ครับ

ลาล่ะครับ

อ่าว ......... :()

มี 2 บอย boy ........

ความคิดเห็นที่ 13
ใช้วาจาสุภาพกันดีกว่าไหมครับ ไม่ได้คุยกันแค่2คน

ขอค้านคุณมั่นคงครับ....ตัว op-amp ไม่เท่าลูกหมาครับ เล็กกว่ามากเรยยครับ

stop drug abuse https://holisticdrbright.com/buy-ziconotide-us.php>https://holisticdrbright.com/buy-ziconotide-us.php herbalism 1-525

ขอถามต่อน่ะครับ 
1.DAC...มี opamp
2.Preamp Tube...ปรับทุ้มแหลม...มี opamp อีก 2 ตัวข้างใน

คำถาม..
ตอนนี้ ระบบของผม เสียงมันแหลมไป ต้องการเสียงทุ้มให้มากขึ้น ต้องการอัพเดท opamp ให้ผมไปโฟกัสที่ opamp ตัวไหนครับ แก้ตัวที่อยู่ใน DAC หรือไปแก้ ตัวที่อยู่ใน preamp ครับ

ขอบคุณครับ

ในเมืื่อปรีหลอดปรับเสียงได้  ทำไมไม่ลดแหลมจากปรีหลอดล่ะครับ 

กรณีศึกษา แนวทาง มองเห็นภาพรวมของการทำงานของเครื่องเสียง ผมงงกับระบบน่ะครับ มี opamp หลายจุด แล้วสรุปที่ผมฟังอยู่ เสียงออกมาจาก opamp ตัวไหนน่ะครับ อีกอย่างผมอยากลอง เล่นอัพเกรด opamp ที่นี้ไม่รู้ว่าจะไปแก้จุดไหนน่ะครับ มองภาพไม่ออก ขอบคุณครับ

ต้องดูเบอร์เดิมในเครื่องแต่ละเครื่องด้วยครับ
ว่าเป็นเบอร์อะไร หรือถ่ายรูปมาก็ได้ครับ
บางกรณี OpAmp ในแต่ละเครื่อง อาจไม่ได้เป็นตัวกำหนดบุคคลิกเสียงโดยตรงก็ได้ครับ
แต่บางครั้งเปลี่ยนแล้วก็มีแนวเสียงที่เปลี่ยนไปด้วย

ส่วนมากก็จะเปลี่ยนเป็น OPA กัน
หรือตระกูล LME

เสียงที่ออกมาเกิดจากการผสมกันของทุกเครื่องและ opamp ทุกตัวครับ ประเด็นหลักเลยต้องรู้คาแรกเตอร์เสียงของเครื่องแต่ละตัวก่อนว่าเสียงมีบุคลิกเป็นยังไงนะครับ ตัวใหนเป็นต้นเหตุที่ทำให้เสียงแหลมเกินไปก็ไปแก้ที่ตัวนั้นครับ บางครั้งเห็นแค่เบอร์ opamp เราจะไปฟันธงว่าตัวนี้เป็นต้นเหตุไม่ได้ครับ เพราะเหตุผลที่เขาใส่มาเราไม่รู้ว่าเขาจูนเสียงมาแบบไหนครับ

การไปแก้ที่ตัวอื่นคือการเกาผิดที่ ผลอาจจะออกมาดี แต่พอคุณเปลี่ยนชุดใหม่ มันก็จะเกิดอาการเดิมอีกถ้าตัวปัญหายังไม่ถูกแก้ ต้องลองไล่ฟังทีละเครื่องโดยหาตัวอื่นมาเปรียบเทียบดูครับ

** ปล.อย่าง คห 23 บอกก็ถูกนะครับ ไม่ลองปรับเสียงดูก่อนเผื่อถูกใจไม่ต้องเสียเงินครับ 
** คห.ส่วนตัว ปรีที่ปรับทุ้มแหลมได้ถึงเปลี่ยน opamp ไปก็เท่านั้นเพราะเขาออกแบบมาให้ปรับแต่งเสียงได้อยู่แล้ว อย่างมากคุณจะได้ความสงัด+ความอิ่มของเสียงขึ้นมาแทนครับ  

1. Dac...OPA627au
2. ปรีแอมป์ opamp...BB2107Ap 2 ตัวซ้ายขวา หลอด Jan 5654w usa ใหม่
3. Buffer Stage...หลอด 6dj8 เนเธอรแลนด์มือสอง
......................................................................
1+3 = ชอบเสียงดี อิ่มหวาน เสียงใหญ่     ไม่ชอบ ดนตรีไม่ชัด อุ่นมากไปหน่อย เบสไม่เป็นลูก
......................................................................
1+2+3..เลยไปเอาปรีแอมป์เข้ามาเพิ่ม หวังจะเติมส่วนที่ขาด ผลที่ได้คือ ดนตรีชัด เบสมาเป็นลูก กรุงกริ้งมาเยอะ...ที่ขาดคือเสียงหวาน ความอิ่มหนา
......................................................................

ต้องการ เสียงอิ่มหวาน (คล้ายๆ หรือใกล้เคียง class A หลอด) ไปเปลี่ยนจุดไหนดีครับ หรืออออว่าไปเปลี่ยนหลอดให้เป็น 6DJ8 ที่ปรีด้วย ไม่ต้องสนใจ opamp

....ประเด็นคือแก้จุดไหน ตรงไหนน่ะครับ opamp ตัวไหน หรือ หลอดตัวไหนน่ะครับ

ขอบคุณครับ
ไม่ได้ซีเรียสน่ะครับ ส่วนตัวต้องการเป็นกรณีศึกษา  มองภาพรวมให้ออกน่ะครับ จากผู้มีความผู้ ไม่อยากเสียเงินลองให้ผิดจุดมากน่ะครับ

เท่าที่เคยฟังๆ มา เหมือนต้องได้อย่างเสียอย่างครับ
เครื่องหลอด หนานุ่มก็เป็นแนวเขา
ส่วน solid stage ก็ฉับไว มีไดนามิค
จากที่บอกมา น่าจะเหมือนไม่ลงตัวกันระหว่างอุปกรณ์
แต่ opamp ที่ลงไว้ ในตัวมันเองเป็นแนวเสียงอุ่นหนาอยู่นะครับ 2107 นี่ใช่เลย นำเสนอนักร้อง

ถ้าจะลองเปลี่ยนเบอร์ opamp ลองเลือก
2134 เพื่อความฉับไวดูก็ได้ ไม่แพงมากเท่าไร
แต่ทั้งนี้ ผลที่ได้ ต้องอิงกับวงจรที่ผู้ออกแบบกำหนดมาด้วยครับ
ไม่ฟันธง 100 เปอร์เซ็นต์ครับ

เครื่องเสียงหลอด เมิ่อใช้ op amp หลอดแล้วมีเสียงจี่เบาๆในลำโพง เป็นผลโดยตรงจาก op amp มั้ยครับ