จริง ๆ แล้วผมให้ความสำคัญกับทุกอย่างครับ

ถ้าชุดเครื่องเสียงตั้งโต็ะ หรือ เครื่องเสียงบ้านตามที่ผมคิด

มี แหล่งโปรแกรม (CD,Tuner,Tape,MD,MediaPlayer,Com,Notebook,Mobilephone,Turntable,etc.)

มี แอมป์
-แบ่งเป็น Pre amp ขยายสัญาณเสียงจากแหล่งโปรแกรม ไปยังภาคขยายหลัก เพื่อออกไปยังลำโพง
-Amp หรือแอมป์ขยาย เพื่อแปลงสัญญาณเสียงเป็นพลัง
งานไฟฟ้า ไปขยับลำโพงให้เกิดเสียง)

Pre amp + Amp = อินทรีเกรทแอมป์ หรือแอมป์ที่มีภาค pre เพื่อขยายสัญญาณเสียง (ไม่ว่าจะดิจิตอลหรืออนาล็อก) อาจจะมี DAC ในตัวหรือไม่มีก็ได้แล้วแต่รุ่น

มีสายสัญญาณ
-สายต่อต่างๆ จากเครื่องเล่นมาแอมป์ จากแอมป์ไปลำโพง

มีลำโพง
-ทำหน้าที่ ขยับตามพลังงานไฟฟ้าเพื่อให้เกิดเสียงต่าง ๆ
แบ่งเป็น
ลำโพงแบบ Active (มีแอมป์ในตัว ในกรณีนี้ต่อจากแหล่งโปรแกรมเล่นได้เลย
ลำโพงแบบ Passive มีแต่ลำโพง ต้องพึ่งพาพลังงานภายนอก

สายไฟ
-ถ้าไม่ต่อสายไฟทุก ๆ อย่างก็ไม่ทำงาน

ดั้งนั้น ผมจึงให้ความสำคัญกับทุกอย่าง เปรียบเทียบง่าย ๆ

เครื่องเล่น + ลำโพง + แอมป์ ไม่มีสายสัญญาณ = ไม่มีเสียง

แอมป์ + ลำโพง + สายไฟ + สายสัญญาณ ไม่มีเครื่องเล่น = ไม่มีเสียง

ยกตัวอย่างคร่าว ๆ ครับ จะเห็นว่าทั้งระบบมีส่วนสำคัญหมด ไม่งั้น ไม่มีเสียงออกมาให้เราฟังแน่นอนครับ

ผมว่า เจ้าของกระทู้น่าจะหมายถึง การโฟกัส ในการที่จะซื้อ ของ ชิ้นนั้นๆ ว่าชิ้นไหน ควรจะถูกจะแพง เน้นคุณภาพ มากที่สุด อย่างงั้นมากกว่านะครับ

ลืมสรุปไปเลย -*- ผมจะบอกว่าต้องเหมาะสมกับกำลังทรัพย์และซิสเต็มที่จะมีครับ

เช่นงบ สองหมื่น ก็จะเฉลี่ยเป็น ลำโพง แอมป์ เครื่องเล่น และสายสัญญาณเท่าที่จะซื้อได้ครับ

-,- สิ่งที่ผมหมายถึงคือ แต่ละส่วนชิ้นไหนให้ผลกับเสียงที่ออกมาเป็นอัตราส่วนเท่าไรหนะครับ
ขอโทษด้วยที่ให้ข้อมูลไม่ค่อยละเอียดนะครับ

อยู่ที่แนวด้วยมังครับ คุณดิว

บางท่าน ด้วยลำโพงที่เลือกใช้ ไม่ต้องใช้แอมป์ที่เลิศลอยมากก็ออกมาดีได้ อาจแบ่งงบไปที่ลำโพงเยอะหน่อย แต่กับบางชุด เห็นอยู่ว่าเฉพาะแอมป์ที่ใช้ แพงกว่าTotemรุ่นที่อยู่ในห้องเกือบสิบเท่าก็มี = =*

ผมให้ความสำคัญกับหูฟัง 60 ไฟล์เพลง30 เพลย์เยอร์10ตามลำดับครับ

เรื่องชุดตั้งโต๊ะหรือชุดบ้านนี้จัดยากจริงๆครับ

บางคนเน้นลำโพง บางคนเน้นแอมป์ บางคนเน้นที่สาย

แต่สำหรับผมนะเลือกหูฟัง หรือลำโพงแนวที่ชอบก่อนครับ
จากนั้นค่อยหาแอมป์ สายลำโพง สายสัญญาณ แล้วสายไฟครับ

ดูที่ลำโพงหรือหูฟังที่เราชอบก่อน จะจัดส่วนประกอบอื่นง่ายครับ
แล้วค่อยหาแอมป์ที่ขับถึงเค้นประสิทธิภาพของลำโพงออกมาให้ได้
DAC ช่วยเสริมให้มันเนียนขึ้น

สายต่างสัญญาณต่างๆเป็นตัวช่วยเสริม
แต่บางคนเน้นที่สายลำโพงครับ เพราะส่วนใหญ่มันจะดีขึ้นเยอะครับ
แถมแมทง่ายครับ ไม่เหมือนแอมป์
คือสายราคาแพงส่วนใหญ่ทำให้ลำโพงดีขึ้นครับ
เช่น MIT Oracla, JPS Aluminata, Nordost vallhala
สายพวกนี้ใส่ลำโพงคู่ไหนก็เสียงดีขึ้นครับ

สำหรับผมนะสายไฟซื้อทีหลังสุดแต่ซื้อแบบดีๆไปเลยครับ
เพราะถ้าsystemไม่ดีพอ เปลี่ยนสายไฟไม่เห็นผลครับ
และถ้าสายไฟไม่ดีจริง เปลี่ยนก็ไม่ค่อยเห็นผลเหมือนกันครับ

ส่วนตัวผมเลือกหูฟังก่อนครับ ตามด้วยเครื่องเล่น ไฟล์เพลง dac-amp ตามด้วยสายสัญญาณ แล้วสายไฟครับ ผมใช้หูฟังเป็นหลัก ผมมองแบบนี้ครับหูฟัง 30 เครื่องเล่น +dac-amp40 ไฟล์เพลง20 สายสัญญาณ สายไฟ 10 ส่วนเรื่องราคาตามกำลังทรัพย์และปัญญาที่ซื้อไหวครับ

ไม่มีประสพการณ์ชุดตั้งโต๊ะครับ (หมายความเฉพาะเจาะจงถึงที่ใช้กับหูฟัง)
ถ้าที่เล่นเครื่องบ้านอยู่...ระดับราคาแค่เริ่มต้น... ผมหนักไปทางลำโพงครับ
แล้วแอมป์ แล้วแหล่งโปรแกรม

สายค่อยหางบเพิ่มทีหลังครับ ^ ^

หูฟัง:แอมป์:DAC:(ไฟล์เพลง+สายไฟ+สายต่อ) = 1:1:1:1 ครับ

เริ่มแรกผมเลือก ลำโพงที่ชอบก่อนครับ แล้วค่อยหาแอมป์ กับปรีที่ แมทกัน
ซึ่งแอมที่ใช้ มักแพงกว่าลำโพงที่ผมชอบครับ เพราะลำโพงเสียงดีหลายตัวราคาไม่แพง เช่น totem model 1 ,proac 1sc ,focus audio หรือ apogee ,magnapan, matin logan แต่แอมป์ที่ขับลำโพงเหล่านี้ให้ ได้ศักยภาพเต็มที่นั้น มักแพงกว่าลำโพงครับ
ต่อมาค่อยไป player แต่มาตอนหลังผมพบว่า แอมป์เสียงดีที่โดนกับเราหายากมากครับ จนได้เจอตัวที่โดน จริงๆ ตั้งแต่นั้น แอมป์เลยเป็นหลักสำหรับผม แล้วเปลี่ยน ลำโพง กับ source ไปเรื่อยๆ สาย accessory ยี่งนับไม่ถูกเลย ครับ จำได้ว่าแอมป์ตัวสุดท้ายที่ใช้ อยู่กับผมนานมากครับ เปลี่ยน ลำโพงไปเป็น สิบๆตัว player turntable อีกหลายตัวก็ยัง ไม่มีตัวไหนที่ผมใช้เป็นหลักแทนแอมป์ตัวนี้ครับ ด้วยเหตุผลดังกล่าว แอมป์เลยเป็นตัวที่สำคัญที่สุดของผมไปครับ สุดท้ายเลิกเล่น ขายไป ก็ยังคิดถึงเสียงแอมป์ตัวนี้มาจนทุกวันนี้ อยากหาซื้อกลับมาก็หาไม่ได้ครับ คนที่ซื้อต่อจากผมไปก็ไม่ยอมขายคืน T^T

ผมให้ ลำโพง > dac amp > ภาคไฟ > สายสัญญาณ ตามนี้ครับ

ขอบคุณทุกๆความเห็นและความรู้จริงๆๆๆครับ
@blueseasonz ขอถามได้มั้ยครับว่าแอมป์อะไรครับ

เพลง 50%
หูฟัง 20%
DAC 10%
AMP 10%
ที่เหลือรวมๆ 10%

สำหรับผม เพลงไม่เพราะถูกใจฟังยังไงก็เฉยๆ ครับ

จริงๆเวลาเล่นไปพักนึงแล้ว ทุกชิ้นกลายเป็นสำคัญหมด และได้รับการเลือกและพิจารณาหมดครับ ผมเองตอนแรกไม่เน้นนู่นเน้นนี่ แต่พอนานๆเข้า เน้นทุกอย่าง แต่ขึ้นกับว่าขณะนั้น จ่ายกับอะไรไหว และทำใจได้แค่ไหนเท่านั้นเองจ้าๆๆๆ 555

ผมว่าเล่นถึงขั้นนึงแล้วไฟล์เพลงคงระดับสูงกันแล้วพอสมควร ทีนี้มาอยู่ที่อุปกรณ์ครับ ที่จะขับไฟล์นั้นออกมาให้สมบูรณ์และถูกหูของแต่ละท่าน ถ้าสมมุติว่าผมมีงบ1แสนบาท(ไม่รวมเครื่องเล่นcdหรืออุปกรณ์ต้นทางเครื่อง)ผมก็จะแบ่งเป็น
1. หูฟังประมาณ3-4หมื่นบาท
2. แอมประมาณ 3-4หมื่นบาท
3. สายหูฟังประมาณ1.5หมื่นบาท
4. สายไฟ-สายRCAประมาณ 1หมื่นบาท

แต่ถ้าเป็นบ้าน ลำโพง40 แอม25 CD25 สาย10
เป็นความคิดส่วนตัวผมนะครับคุณดิว ^ ^

music reference rm9mkii ครับ เป็น แอมป์หลอด 125w ครับ ได้ stereophile class A +$$$


ตัวนี้ถ้าหาได้อายุน่าจะ 15-20 ปีแล้วเพราะเลิกผลิตนานแล้วครับ

จุดแข็งคือเป็นแอมป์หลอดกำลังสูงมาก กระแสสูง ขับลำโพงได้เกือบทุกตัวในโลกครับ ปรับ gain ได้ 3 ระดับ bias ด้วยมือครับ แต่ให้บุคลิคมีความเป็นหลอด แท้ๆครับมีความเนียนหนา พริ้ว หวาน ต่างกับ พวก audio research หรือ sonic frontier รุ่นใหญ่ๆ ที่เสียงเริ่มทาง solid แล้วครับบุคคลิคความเป็นหลอดเหลือน้อยเต็มที

ตัวนี้ผมมาลงตัวกับ preของ cary ครับ player gamut cd1 และ linn lp12 (จำได้ว่าไปซื้อต่อมาจากบ้านพี่ชิม เมื่อนาานมาแล้ว)

ก่อนจะมาเล่นหูฟัง เคยเล่นเครื่องเสียงบ้านมาก่อนครับ จริงๆแล้วเริ่มจาก โฮมเธียร์เตอร์ แล้วขยับมาเล่นชุดฟังเพลงระดับกลางๆครับ

ผมว่าเพลงที่ฟัง ต้องสัมพันธ์กับชุดที่จะใช้ก่อน เช่นฟังเพลงตามท้องตลาดทั่วไป ไปใช้ชุด HI END คงไม่เหมาะ เวลาฟังอาจจะเพราะน้อยกว่าชุดกลางๆด้วยซ้ำ

ผมจะให้ความสำคัญกับ System หลัก(ไฟล์เพลง+Player,ลำโพง,DAC/AMP) เท่าๆกัน

รองลงมาก็จะเป็น สายสัญญาณ ประมาณ 30% ของราคา Player และ สายลำโพง ประมาณ 25% ของราคาลำโพง (มักจะลองฟังพร้อมๆกัน แต่จะทะยอยซื้อตามแต่งบจะอำนวย)

สายไฟ AC ปลั๊กไฟ AC อุปกรณ์อื่นๆ เป็นอันดับสุดท้าย ขึ้นอยู่กับว่าต้องการเพิ่มเติมอะไรเล็กๆน้อยๆเข้าไปในระบบ

วางหิ้งบุ๊คเชลฟ์ ขาตั้งลำโพงก็สำคัญน่ะครับ

ผมใช้ ขา partington ครับเป็นขาตั้งที่ดีเลยครับ

โอว นักเลงเครื่องเสียงเข้ามาตอบกันเพียบเลย ขอบคุณทุกท่านสำหรับความรู้ครับ ^^

เห็นด้วยกับที่เฮียกล่าวมา +100 เลยครับ

สุดท้ายไม่ว่าจะเน้นไปที่ตรงไหนคุณก็ต้องมาแมทชิ่งอุปกรณ์ทุกๆอย่าง ให้เสียงมันเข้า ลงตัว ไปในทางเดียวกัน อย่างที่เราอยากจะให้เป็น

มาถึงต้องนี้ระดับราคาของอุปกรณ์ อาจไม่สำคัญเท่ากับว่ามันให้ผลลัพธ์ที่เข้ากันได้กับระบบของเราได้ดีที่สุด บางระบบก็ไปเน้นแพงที่บางอย่าง แต่บางอย่างถูก(แต่มันแมทกัน) ก็ทำให้ได้เสียงที่ดีกว่าชุดที่แพงไปทั้งระบบ แต่อุปกรณ์แต่ละตัวไม่แมทกันเลย