ผมเป็นคนที่แอนตี้สายusb และ hdmi ราคาแพงมาตลอด เห็นว่ามันเป็นแค่เรื่องหลอกลวงของผู้ผลิตและคนขาย (คิดไปถึงว่าคนขายนั่นแหละที่หลอกตัวเองไปด้วย) จนไปเจอกระทู้ทดสอบสายhdmi เรือนหมื่นในเว็บTAF เข้า อคติก็ลดลงไปเยอะเหลือแค่หาทางทดสอบด้วยตัวเองเท่านั้น แต่จนแล้วก็จนรอดก็ไม่สบโอกาสซะที เพราะมันไม่ได้อยากจะอัพเกรดระบบอะไรและเชื่อว่าเอาตังค์ไปอัพสายanalog ยังไงก็คุ้มกว่าอยู่ดี
จนมาอยากเอาไม่กี่วันนี่แหละครับ หาข้อมูลได้ไม่กี่วันได้มาแค่สองสามยี่ห้อ ก็เดินเข้าร้านเฮียไปลองซะเลย โจทย์มีอยู่ที่ว่าผมเชื่อแล้วว่ามันต่าง แต่มันจะต่างจนผมฟังออกรึเปล่า และที่ว่าต่างที่คือต่างจากสายแถมถูกๆ นะครับ
ไปถึงร้านสอบถามได้ความมาว่าที่ร้านมีอยู่แค่สองยี่ห้อสองรุ่น Furutech GT2 ที่ฮ็อตฮิตข้ามปี กับยี่ห้อดัง Nordost - Blue Heaven ซึ่งทั้งร้านมีอยู่แค่นั้น แล้วผมจะไปหาสายแถมที่ว่ามาอ้างอิงจากไหนกัน พนักงานค้นให้ทั้งหน้าร้านหลังร้านก็ไม่เจอ เลยนั่งฟังๆ ไอ้ GT2 ที่ต่ออยู่ไว้ไปก่อนแบบแกนๆ จนผมเห็นปริ๊นเตอร์ที่อยู่หลังเคาท์เตอร์แล้วก็ร้องยูเรก้าในใจ...
"น้องครับ ถอดเอาสายusb ของปริ๊นเต้อร์มาให้ผมลองละกัน" (ฉลาดโคตรอะ)
น้องพนักงานก็มาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาให้อยู่สามสี่รอบ เพราะผมใช้โปรแกรมเล่นเพลงของทางร้านไม่เป็น ใช้เวลารวมๆ แล้วประมาณชั่วโมงกว่า ก็ถอยสาย usb ราคา 8000 มาจนได้... usb ราคา 8000... แฟนรู้ไม่ได้เชียว
สายusb ราคา 8000 ต่างจากสายแถมราคา 50 บาทตรงไหน? เท่าที่ผมบอกตอนนี้ได้มันก็คือรายละเอียดยุบยิบ ความโปร่ง มวลและอิมแพ็คของเบส แล้วมันคุ้มมั้ยล่ะ.. มันก็ต้องถามกลับไปว่าคุณให้ราคากับ passion ของคุณเท่าไหร่ แต่ยังไงซะถ้าซื้อแล้วไม่มีตังค์กินข้าวมันก็ไม่ใช่เรื่องอะนะ
ซิสเต็มที่ผมลองที่ร้านคือ
source : mac mini
dac : chord (เยี่ยมมากกกๆๆ ตอนที่มาลองและซื้อdac ตัวอื่นไป ผมชอบ chord นี่มากกว่าและชอบมากกว่า ayre ด้วยซ้ำ)
headamp : shiit lyr + ac nordost blue heaven + rca nordost blue heaven
headphones : lcd2 + สาย toxic ไม่แน่ใจรุ่น
และสาย usb สามรุ่นดังที่ว่าไป
ว่ากันจริงๆ แล้วผมว่า Blue Heaven ห่างจาก GT2 ไม่มากนัก ดังนั้นเหตุผลที่ซื้อตัวแพงกว่ามาก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าซื้อให้มันจบซะ ชาตินี้คงไม่มีทางที่ผมจะอัพเกรดไอ้สายนี่อีกแล้วล่ะ 555 ว่าแล้วก็จ่ายตังค์หอบกลับบ้าน
โชคดีชะมัดที่แฟนไม่ถามอะไรซักคำ (ถุงของร้านและใบเสร็จอยู่ในที่มิดชิด พร้อมทำลาย) ไม่งั้นไอ้คนโกหกไม่เก่งแบบผมโดนไอ้สร้อยทองห้าสิบสตางค์นี่รัดคอตายแหงม
เลอะเทอะมาถึงขนาดนี้ก็ขอกลับเข้าเรื่องตามชื่อกระทู้แบบสั้นๆ นะครับ
1. การทำA/B test ที่ร้าน ถ้าเป็นตัวหูฟัง หรือแม้แต่แอมป์แล้วก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็น DAC ล่ะก็ค่อนข้างจะวุ่นวายพอดู พอมีทางที่จะทำการเทสต์แบบสลับกันปุ๊บปั๊บได้หรือไม่ เพราะถ้าไม่นับรวมพวก accessory หยุมหยิมแล้ว DAC นี่น่าจะเป็นอุปกรณ์ที่ต้องใจฟังกันมากที่สุด ความสะดวกในการเทสต์น่าจะมีมากกว่านี้ครับ
2. น่าจะมีอุปกรณ์บ้านๆ อยู่ในร้านไว้อ้างอิงกับชุดบ้านๆ ของลูกค้าบางท่าน (เช่นผม) บ้างนะครับ ผมเงิบพอดูที่ที่ร้านไม่มีสาย usb ราคาห้าสิบบาทไว้ "อ้างอิง" เนี่ย นี่รวมไปถึงโปรแกรมเล่นเพลงด้วยครับ ผมเองใช้แค่ foobar กะวินโดวส์มาเจอของที่ร้านถึงกับไปไม่เป็น ถ้ามีโปรแกรมพื้นๆ ติดเครื่องไว้ซักนิดหน่อยก็น่าจะสะดวกดีนะครับ ผมเกรงใจน้องๆ เขาด้วยต้องมาคอยเฟ้น คอยนวดทุกทีที่ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ (หรือผมทำไม่เป็นเองฟะ?)
3. พนักงานที่อัมรินทร์วันนี้ดูเกร็งๆ ไปนิดแต่ยิ้มแย้มแจ่มใส นวดเฟ้นแขกเต็มที่... น่ารักครับ
4. ขอบคุณสำหรับบริการที่จริงใจทั้งจากเจ้าของร้านและพนักงานครับ จุ๊บๆ