รุ่นนี้มาพร้อมกับ titanium bore เหมือนกับ F111 ครับ

สายยังคงถอดได้เหมือนเดิม ตัว connector น่าจะเป็นรุ่นใหม่ที่ใช้กับ iem ทุกตัวของ Fitear

ส่วนสายที่มากับ Parterre นั้นเป็น 001 ครับ

รูปหน้าตรง

ของที่ให้มานั้นเหมือนกับชุด TG334 เลยครับ

อันนี้เป็นลิ้งค์ brochure ของ Fitear Parterre ครับ

http://fitear.jp/music/_src/sc1938/fitearparterre.pdf

น่าจะ2ไดรเวอร์ป่ะครับ เดาๆจากรูปทรง

น่าสนใจจริงๆ

@mtthefirst
น่าจะอ่านว่า "พาแทร์" มากกว่านะครับ

อ่านจากภาษาญี่ปุ่นมันยากมากเลยมันเขียนว่า パルテール (ปารุเทรุ) ผมล่ะงง ^^'

เสียดายไม่ใช่รุ่น driver เยอะๆ รุ่นใหม่
รอท่าน mtthefirst สอยมารีวิวนะครับ

555 ต้องขอไปลองดูก่อนล่ะครับ ราคาผมว่าน่าจะแพงกว่า F111 อยู่พอสมควร เดาว่าน่าจะซัก 70000 เยนได้ ตีเป็นบาทก็ประมาณ 20000 บาท

เดี๋ยวอาทิตย์นี้จะเข้าไปโตเกียวพอดี ถ้าร้านที่โน่นมีให้ลองแล้วจะมาเล่าให้ฟังครับ แต่ดูท่าว่าจะยังไม่ออกนี่สิครับ มีความเป็นไปได้ว่าจะเปิดตัวจริงๆสัปดาห์หน้าที่งาน Spring Headphone Festival 2013

เข้ามาชมรุ่นใหม่ครับ

ของเล่นใหม่ออกมายั่วกิเลสอีกแล้ว

ผมว่า dynamic Driver 1 BA driver 1 ดูจากรูปทรงแล้ว

ผมว่า dynamic Driver 1 BA driver 1 ดูจากรูปทรงแล้ว

เด้ง2 T_T ขออภัยครับ

น้องตองเราจะตกกระป๋องมั้ยเนี่ย อิอิ

ไปเจอรีวิวอันนี้ใน Head-fi มาครับ เป็น impression ของหูฟังของ Fitear ทุกรุ่น

ของเดิมเป็นภาษาฝรั่งเศสแล้วคนใน head-fi เอามาแปลเป็นอังกฤษอีกที ผมเลยเอามาแปลต่อเป็นภาษาไทยให้มาอ่านกันเล่นๆครับ

-------------------------------------------------------------------
Space Cowboy

ในบรรดาหูฟังรุ่นต่างๆของ Fitear ที่ผมได้ลอง (F111, Parterre, ToGo 334, MH335DW, Monet, and C435) นั้นทุกตัวล้วนมีเสียงที่เป็นสไตล์เฉพาะตัวของ Fitear ทั้งนั้น ซึ่งก็คือ: ความมีมิติของเสียงที่ออกมาภายนอกหัว การเคลื่อนตัวของเสียงที่ไม่เคยเจอในหูฟังแบรนด์อื่นมาก่อน ช่วงเสียงสูงที่ชัดเจน เสียงกลางและเบสที่ชัดเจน สุดท้ายคือรายละเอียดที่สามารถได้ยิน ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานั้นมีอยู่ในหูฟังทุกรุ่นของ Fitearและแทบจะไม่พบเห็นในหูฟังของแบรนด์อื่น

F111:
หูฟังรุ่นต่ำสุดของ Fitear เป็นรุ่นที่เรียกได้ว่าเบสนั้นค่อนข้างทำได้ดีน้อยที่สุดในบรรดา Fitear แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า F111 นั้นขาดเบส ผมเห็นหลายคนเปรียบเทียบว่า F111 นั้นคลายกับ ER4P (ซึ่งเป็นหูฟังที่ผมไม่ชอบเลย) ในความคิดของผมนั้นมันไม่ใช่เลย ที่ราคานี้ transparency ของ F111 นั้นไม่เป็นรองใครทั้งนั้น (ผมยังไม่เคยลอง 4ai) เวทีเสียงนั้นให้ความรู้สึกโปร่งกว้างและลึก ช่วงเสียงกลางนั้นฟังสนุกแถมเสียงสูงที่แม่นยำ ในความคิดผมนั้น F111 นั้นทำได้ดีกว่าพวก IEM ที่เป็นที่ค่อนข้างมีชื่อด้านนี้เช่น W4 หรือ SM3 สุดท้ายคือเรื่องขนาด ทั้ง F111 และ Parterre นั้นเป็นหนึ่งใน UIEM ที่ใส่สบายที่สุดเท่าที่ผมเคยลองมา โดยรวมแล้ว F111 เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวและคุ้มค่ามาก

Parterre:
ราคาเกือบจะเป็นเท่าตัวของ F111 ทั้งดีไซน์และความสบายในการใส่ใกล้เคียงกับ F111 บวกกับอัพเกรดเคเบิลเป็น 001 และไดรเวอร์ที่เพิ่งขึ้น (ไม่รู้เหมือนกันว่ามีกี่ตัว) สิีงที่ได้มาคือความบาลานซ์ที่เพิ่มขึ้น รายละเอียดที่เพิ่มขึ้นมาอีกขั้นและเวทีเสียงที่กว้างขึ้นไปอีก จากเวทีเสียงที่กว้างรายละเอียดและบาลานซ์ของ Parterre นั้นเป็นส่วนที่ทำให้ผมประทับใจมากใน IEM ตัวนี้ ในส่วนของ performance นั้นถึอว่าอยู่ในขั้นสูง อาจสามารถเทียบกับ TG334 ได้เลย ถ้าคุณต้องการช่วงเสียงกลางและเบสที่เยอะและชัดเจนมากนั้น TG334 นั้นจะดูเป็นตัวเลือกที่เหมาะกว่าแต่ถ้ามองหาความบาลานซ์และเวทีเสียงที่โปร่ง Parterre นั้นน่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า ผมคิดว่า Parterre นั้นน่าจะขายดีมากๆ

MH335DW:
เสียงนั้นค่อนข้างจะคล้ายกับ 334 แต่จะเน้นไปที่เบสและเสียงกลางมากกว่าแต่ก็ทำให้เสียงสูงหายไปนิดหน่อย เมื่อเทียบกับ TG334 เบสจะแน่นและเก็บตัวเร็วกว่า เบสช่วงกลางจะน้อยกว่า TG334 แต่มีรายละเอียดช่วงเสียงกลางและสูงที่ดีกว่าโดยที่เสียงสูงนั้นจะถอยนิดๆ ผลที่ได้คืือเสียงค่อนข้างเป็นธรรมชาติ เวทีเสียงนั้นค่อนข้างจะแคบที่สุดในบรรดาหูฟังทั้งหมดของ Fitear แต่ยังรูัสึกลึกและมีมิติอยู่ MH335DW นั้นทำให้ผมนึกถึง LCD2 เนื่องจาก transparent ที่ยอดเยี่ยม มีเพียงแค่ 1plus2 หรือบางโมเดลของ Fitear ที่สามารถสู้ได้ โดยรวมแล้วเป็นหูฟังที่ทั้งฟังสนุกและมีความเป็น technical

Monet:
ข้อเสียของการลองหูฟังของ Fitear คือคุณจะอยากที่จะซื้อมันไปซะทุกตัวเลย Monet นั้นสร้างขึ้นมาเพื่อการฟังเพลงการ์ตูนโดยเฉพาะ ซึ่งผมมีความรู้สึกในทางลบกับ Monet อยู่ การจัดวางไดรเวอร์นั้นเป็นแบบ 3 ทาง 4 ไดรเวอร์ สองไดรเวอร์สำหรับเสียงต่ำ/กลาง สองไดรเวอร์สำหรับเสียงสูงแต่แยกเป็นสองทาง เห็นจะเป็นการจัดวางที่แปลกไปสักหน่อย เสียงโดยรวมที่ได้นั้นค่อนข้างบาลานซ์ เสียงสูงนั้นทำได้ดีที่สุดในบรรดาหูฟังทั้งหมดของ Fitear เบสช่วงต่ำนั้นให้แรกกระแทกที่ดี เบสช่วงกลางนั้นไม่ล้ำเหมือน 334 หรือ 335 ซึ่งเสียงที่ได้จะค่อนข้างเป็นกลางกว่า ย่านเสียงกลางนั้นดูจะไม่เด่นแต่ยังคงให้รายละเอียดที่ยอดเยี่ยม เวทีเสียงนั้นกว้างกว่าทั้ง 334 และ 335 ถ้าคุณไม่ชอบเสียงของทั้ง 334 หรือ 335 คุณอาจจะชอบ Monet ก็เป็นได้ Monet นั้นดูจะเป็นหูฟังที่มีความหลากหลายที่สุดในบรรดาหูฟังของ Fitear ทั้งหมด ส่วนตัวแล้วผมชอบ Monet และมันยากมากที่จะเลือกระหว่าง Monet กับ MH335DW

C435:
เป็น Flagship ก่อนที่ MH335DW จะออกมา 5 ไดรเวอร์ แยกเป็น 4 ทาง แบ่งเป็น หนื่งเบส สองกลาง หนึ่งกลาง/สูง หนึ่งสูง คุณภาพที่ได้จาก C435 นั้นอยู่ในระดับเดียวกับ Monet และ MH335DW เบสนั้นจะแน่นและออกแห้งๆแต่ถึอเป็นหูฟังที่มีความเป็น analytical มากที่สุดในบรรดาหูฟังของ Fitear ทั้งหมด (Analytical ในที่นี้หมายถึงความสามารถในการนำเสนอเพลงไม่ใช้ความสามารถของตัวหูเอง) เสียงสูงนั้นดูจะมีความเป็นกลางน้อยกว่า Monet และ MH335 โดยรวมแล้ว C435 นั้นจะฟังสนุกน้อยกว่า

WOW!!!

ขอบคุณ คุณ mtthefirst ที่แปลมาให้อ่านครับ ^_^

โอ๊ะ รุ่นนี้ รูปร่างท่าทางจะใส่สบายแฮะ สวยดีอีกด้วย ทำไมน้า fitear ไม่ทำทรงแบบ shure westone มั่งน้า ไม่งั้นคงไร้ที่ติใดๆเลยล่ะ

ผมว่าน่าจะมาจาก BA ที่ใช้ครับ พวก Westone หรือ Shure นั้นส่วนใหญ่จะใช้พวก micro BA ซึ่งมีขนาดเล็กแต่ Fitear นั้นใช้ BA ธรรมดาซืึ่งโดยทั่วไปจะใช้ใน CIEM ครับ

ถ้าว่ากันที่เสียงร้องและเพลงแนวอะคูสติกอย่างเดียว TG334 กับ MH335 ต่างกันเยอะไหมครับ
ตอนนี้อยากได้ Universal มากกว่า CIEM แต่ถ้าต่างกันเห็นได้ชัดก็คงต้องยอมครับ

อ่าน รีวิวที่เอามาแปลให้อ่าน แล้วรู้สึกปิ๊งๆกับโมเน่ ครับ T T

อ่านแล้วอยากลอง monet จังเลย T^T

TG334 กับ MH335 ช่วงเสียงกลางนั้นต่างกันเล็กน้อยเท่านั้นล่ะครับ ที่ต่างกันแบบเห็นได้ชัดคือเบสครับ เสียงสูงก็ต่างกัน่อยู่เล็กน้อย