จะช่วยตอบเท่าที่รู้นะครับ
1.1ค่าโอห์มเอาไว้บอกความขับง่ายขับยากของหูฟัง ยิ่งสูงยิ่งขับยาก เเต่ทั้งนี้ต้องดูคู่กับค่าอะไรอีกสักอย่างจำไม่ได้
4.การเบิร์นหูฟังควรเบิร์นด้วยไฟล์คุณภาพดีหน่อย เเละใช้เพลงหลากหลายเเนว พักบ้างเป็นช่วงๆ
5.ไฟล์loseless เป็นไฟล์ที่ไม่มีการตัดออก เเต่อาจมีการบีบอัด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนามสกุลของไฟล์
7.ก็เเล้วเเต่ครับ หลักๆที่ฟังกันมี flac wav aiff
10.อันนี้มันเเล้วเเต่ชอบครับ บางคนชอบเเบบโม บางคนชอบเเบบไม่โม
สุดท้ายผมเป็นมือใหม่ผิดพลาดประการใดอย่าด่าผมเลย

555 ผมเล่นมาหลายสิบปีแต่ไม่แน่ใจว่าจะตอบถูกหรือเปล่านะครับ 555


1.สเปคหูฟังบอกมาเพื่อให้รู้ว่าหูฟังแต่ละตัวมีคุณสมบัติอย่างไรบ้างนั่นเอง นัยว่าเอาไว้เพื่อเป็นการประกอบในการตัดสินใจครับ

พวกโอห์มคือความต้านทานทางไฟฟ้าของหูฟังแต่ละตัว ซึ่งสูงหรือต่ำแล้วแต่การออกแบบครับ ส่วน frequency นั้น เขียนเอาไว้ให้ดูว่าหูฟังนั้นๆน่าเกรงขาม เบสลงได้ลึกเพียงไหน ซึ่งเอาเข้าจริง วัดในแลปอีกทีก็ไม่ได้หรอกครับ

2. ขนาดสามารถบอกความสามารถในการถ่ายทอดเสียงได้ครับ ใหญ่กว่าน่าจะหมายถึงว่าตอบสนองความถี่ได้ครบทุกๆย่านมากกว่าจ้า

3. ข้อสามขอผ่านครับ 555 รอท่านผู้ทราบดีกว่าผมมาบอกดีกว่า

4. การเบิร์นหูฟัง ไม่ใช่เรื่องตายตัวที่จะระบุออกมาว่าอันนี้คือถูกวิธีหรือผิดวิธี แต่ความเข้าใจโดยรวมคือต้องใช้เวลาที่เหมาะสม ความดังที่เหมาะสม และต้องไม่ทำอันตรายต่อหูฟังเป็นหลักก่อนครับ

5. ก็เป็นไฟล์ที่ีบอัดแล้วไม่มีการสูญเสีย โดยมากมักจะแนะนำให้คนทีต้องการเบิร์น พยายามหาไฟล์ที่ไม่มีการบีบอัดมาเบิร์น ชั่วโมงนี้ lossless ถือเป็นมาตรฐานทั่วไปไปแล้ว ไม่ได้ถือว่าละเอียดอะไรมากมายแล้วครับ

6. แล้วแต่คนครับ ใครถนัดใช้ก็จัดไปได้ครับ

7. มาตรฐานสำหรับคนเล่นหูฟัง น่าจะใช้เป็นไฟล์ lossless เป็นอย่างต่ำแล้วนะครับ

8. ไม่จริงหรอกครับ 55 มันจะแย่หรือไม่แย่ขึ้นอยู่กับซาวด์การ์ดของคอมมากกว่าจ้าๆๆ การใช้คอมเล่นเพลง ไม่ได้ทำให้หูฟังเสื่อมครับ

9. ตามทฤษฎีน่าจะใช่ แต่เอาเข้าจริงผมว่าบางทีฟังความแตกต่างไม่ออกครับ

10. ได้ครับ แต่ทั้งนี้ต้องคิดก่อนว่าค่าใช้จ่ายในการโม กับการนำไปอัพเกรดเป็นหูฟังรุ่นสูงกว่า อันไหนตอบสนองโจทย์เราได้มากกว่า


เอ้า ลองดูเน้อๆๆๆ 555

4.เบินด้วยเพลงlossless ไปเรื่อยๆ=="เดวดีเอง เอาหลายๆเเนวเอาให้ได้ความถี่ครบหน่อย
5.losslessคือไฟล์ที่ถูกบีบอัดมาน้อยที่สุด เช่น aiff flac wav ส่วนใหญ่มีขนาดใหญ่มาก ประมานเพลงละ30mb
7.บางที่อาจเปนไฟล์losslessปลอมก็เป็นได้ 1411kbpsครับ ไอ192นั่นจะเปน 24bit192kHZ
8.ไม่นะครับ เเต่ปกติจะมีเสียงnoiseเข้ามาเเทรก
9.เห้นเวปต่างชาติบอกว่าใช่นะครับ ส่วนตัวไม่เคยเทียบอ่ะครับ
10.โมก็เเพงขึ้นอีกอ่ะครับ==" ผมว่าดีขึ้นนะ

ผมเคยตอบคำถามเหล่านี้ใว้ในกระทู้ http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=106378 บ้างแล้วพอเข้าใจ

6. จุกโฟม การใส่ใช้งาน และเสียง จะมีข้อดีต่างกับจุกยางครับ
อาจจะทำให้แหลมลดการฟุ้ง และเพิ่มเนื้อเสียงให้มากขึ้น
หากตรงความต้องการของเจ้าของหูฟังให้การเปลี่ยนแปลงไปในแนวทางนั้น ก็อาจจะสรุปว่าดีกว่าจุกยางได้ ในขณะที่บางท่านก็ชอบจุกยางรูปทรงต่างๆที่แถมมา ชั้นเดียว สองชั้น สามชั้น
แต่รู้สึกอายุการใช้งานของจุกโฟมจะจำกัดกว่านะครับ

ตอบ ข้อ3. เสริม ไม่ขอย้อนไปหลังๆนะครับ

หูฟังที่Jack 3.5mm กับมือถือ +เครื่องเล่นเพลง รูเสียบ 3.5mm ใช้ร่วมกันได้ครับ แต่จะแยกออกเป็น

-หูฟังธรรมดาๆ ทั่วไป Jack3.5mm กับมือถือ+เครื่องเล่นเพลง รูเสียบ 3.5mm ใช้ได้ทั้งหมด ใช้ได้ที่นี้คือ ฟังเพลงได้ แต่มีพิเศษ คือ Andriod หูฟังธรรมดานี่แหละ เป็น Small Talk ได้อีกด้วยครับ

-หูฟังแบบ มีไมค์ ส่วนมากที่มีไมค์จะใช้ได้(90%) กับ iPhone iPod iPad กับเครื่องเล่นเพลง ยกเว้นกับ มือถือบางรุ่นครับ เช่น Andriod แต่..ก็มีบางรุ่นที่ใช้ได้ครับ ใช้ไม่ได้พอเสียบจะขึ้น No Support ประมาณนี้

เดียวนี้ ที่กล่องหูฟังจะเขียน For iPhone iPod iPad

**** ผมว่ามีเยอะครับ เข้าใจผิดกัน ไปซื้อแบบมีไมค์มากะว่าจะใช้กับมือถือ(Andriod) แต่ดันใช้ไม่ได้ แต่ก็บางรุ่นของ Andriod กับหูฟงมีไมค์ ใช้ร่วมกันได้นะครับ เป็นรุ่นๆไป

-หูฟังแบบมีไมค์ แถมจากมือถือ ตรงนี้ใช้กับ มือถือรุ่นนั้นๆไปครับ ใช้กับมือถือรุ่นอื่่นๆก็ได้บ้างไม่ได้บ้างครับ เป็นรุ่นๆไป

6.

http://www.youtube.com/watch?v=czOFzjdLHPQ
รีวิว จุก Inear



ผมว่าแล้วแต่คนครับ ผมว่าเน้นการสวมใส่ครับ ใส่แล้วสบายๆตัว ไม่อึดอัดเกินไป ก็เลือกจุกนั้นครับ

ต่อให้จุกเทพๆ เสียงดีมากๆ แต่ใส่แล้ว เจ็บ หลวมบ้าง ใส่แล้วเป็นทุกข์มากกว่า