เท่าที่ผมอ่านคร่าว ๆ กับโจทย์ที่ จขกท. ให้มา...

น่าจะเข้า พรบ.สาธารณสุข...ในหลาย ๆ หมวดเลยน่ะครับ...

แต่...ไอ้ที่น่าหนักใจก็คือ...มันล้วนอยู่ในอำนาจของ "เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น" ตามที่พรบ.ดังกล่าวได้ให้อำนาจไว้...

แยกเป็นสองเรื่องในเรื่องเดียวกัน...มีสองทางเลือกนะครับ...ให้ลองพิจารณาดู...

1. จะสู้แน่ ๆ ล่ะ...โอเคในแง่ของกฎหมายคุณชนะแน่ ๆ ...แต่อีกแง่ที่ไม่มีใครมาช่วยคุณเพื่อนเลยก็คือ...
เรื่องอิทธิพลท้องถิ่นนี่ล่ะครับ...ที่ผมเป็นห่วง...เพราะการที่เขากล้าเปิด เขากล้าทำอะไรแบบนี้...
แปลว่าเขาต้องมีเส้นพอสมควร หรือ ได้จ่ายอะไรเป็นเรื่องเป็นราวแล้ว...

มีทางออกไหม...มีครับ...ทางที่ปลอดภัยที่สุดคือแจ้งสื่อ...ในช่วงทีสื่อท้องถิ่นกำลังไม่มีข่าวจะเล่น...
เหมือนเคสโรงชำแหละไก่เน่าที่อีสานนั่นแหละครับ...สร้างกระแสได้พักนึง....จากนั้นก็อย่างที่พวกเรารู้ ๆ กัน...
เพื่อน จขกท. หลังจากเข้าสู่กระบวนการต่อสู้แล้ว...ก็ต้องพร้อมจะรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนะครับ...
ถ้าพร้อมลุยก็เดินหน้าได้เลยครับ...หรือ ทางเลือกที่สอง

2. ย้ายออกจากสถานที่นั้นซะ...เริ่มต้นชีวิตใหม่ดีกว่าครับ...

ได้ฝึกการไม่ยึดติด ไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่มีอัตตาตัวกูของกู เป็นคนที่ปรับตัวเข้ากับทุกที่ได้...

3. หากไม่ย้าย...ปรับใจแทนได้ไหม...แล้วปรับสถานที่ของเราซะ...คำนวณแล้ว...20 ปียอมจ่า่ยค่าไฟละกัน...ทำระบบปรับอากาศทั้งหลังเลยครับ...โดยอาจไม่ต้องใช้แอร์ทั้งหมดก็ได้...
เป็นการสร้างโรงเรือนครอบอีกชั้นนึง...ใช้ระบบชิลเลอร์ระบายความร้อน กลิ่น อากาศด้วยน้ำแทน...แบบโรงเรือนฟาร์มไ่ก่ระบบปิดนั่นแหละครับ...ผมดูแล้วเราทำได้หากเราอยากจะทำ...

แล้วอยู่กับบ้านหลังเดิมที่นี่ต่อไป...

ฝากไปให้เพื่อน จขกท. พิจารณาด้วยละกันครับ...

ผมว่าควรรวมตัวกันหลายๆบ้านในเขตเข้าฟ้องร้อง หรือหากทางเจ้าหน้าที่รัฐไม่สนใจดูแลหรือมีส่วนได้ส่วนเสียกับโรงงานที่ว่า ก็ออกสื่อให้เป็นทราบว่าเป็นปัญหาสังคม

สมัยนี้ Social media เป็นอีก1ไม้ตายในการแสดงความคิดเห็นจากพลังของคนมหาศาล และหากเป็นประเด็นที่คนส่วนใหญ่เห็นพ้องด้วย จะเป็นการง่ายในการออกสื่อข่าว TV และเริ่มใช้สื่อกดดันเพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาจัดการดูแล เพราะเรื่องมันแพร่กระจายไปแล้ว หากยังไม่ทำการดูแล ผลเสียจะตกมาที่เจ้าหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบแต่ดันละเลยหน้าที่แทน

ที่ผมเขียนมาอาจจะดูใช้เวลามาก แต่หวังผลระยะยาว พวก Social media ตอนนี้หากใช้ให้เป็น จะเป็นอำนาจให้กับเราได้เหมือนกัน

แต่หากไม่อยากมีปัญหากับโรงงานย้ายที่อยู่ก็ดีครับอย่างที่คุณ montree2511 ว่าก็ได้เพราะกลิ่นเน่าคงไม่ดีต่อสุขเราและครอบครัวมีผลระยะยาวต่อสุขภาพและใจ ก็เตรียมตัวย้ายหาที่อากาศดีๆดีกว่าครับ อาจจะเปลืองงบก็ต้องใช้เวลาตั้งตัวเอง

แจ้งเขตหรืออำเภอครับ

ถ้าไม่มีอะไรคืบหน้าก็แจ้งไปที่กทม.หรือทางจังหวัดครับ เพราะเจ้าหน้าที่คนละส่วนกัน จะเวียนมารีดไถจนโรงงานทนไม่ได้ครับ

แจ้งสรยุทธครับ รายนั้นชอบให้เป็นข่าวอยู่แล้ว

อย่าไปแจ้งรัฐบาลนะครับ ท่าน"เอาอยู่"เกรงใจครับ