Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

สอบถามเฮียมั่นเรื่องสายลำโพง

Cyberman

12/04/2010 12:06:42
ติดตามเว็บบอร์ดเฮียมั่นมานานพอสมควร ได้รับประโยชน์มากมายจากเว็บนี้
วันนี้ขอนอกเรื่องถามไม่เกี่ยวกับหูฟังหน่อย คงไม่ว่าอะไรนะครับ

คือทราบจากในกระทู้เก่า ๆ ว่าเฮียใช้ Moon I1 กับ Model 1 อยู่ ไม่ทราบว่าตอนนี้ยังใช้อยู่หรือเปล่า
ผมอยากทรายว่าเฮียใช้สายลำโพงอะไร เสียงเป็นอย่างไรบ้าง

เรื่องของเรื่องก็คือ ผมอ่านจากหลาย ๆ ที่ว่า Model 1 นี่ เสียงเบสน้อย กลางแหลมชัดใสดี บางคนบอกจัดไปจนถึงกับบาดหู แต่สุดท้ายผมก็ไปสอยมาจนได้ เพราะไปฟังชุดเดโมที่เขาจัดไว้ดี แบบว่าทุกอย่างดีหมด เฉพาะสายลำโพงก็เหยียบแสนเข้าไปแล้ว

หลังจากกระเป๋าเบากลับมาถึงบ้านก็จัดแจงต่อกับระบบเดิม เครื่องเคราเก่าตามสภาพ
โอ ใช้ได้เลย เบสมา นุ่ม เนียน รายละเอียดดีกว่าของเก่ามาก กลางแหลมพริ้วหวาน นี่ขนาดไม่ได้เบิร์นเลย ส่วนเรื่อง มิติ เวที โฟกัส ไม่ต้องพูดถึง ผมฟังไม่เป็นกับเขานักหรอก ขนาดแอมป์ 40 วัตต์ของผมที่คนขายบอกไม่มีทางขับออกผมว่ายังฟังได้นะ ไม่เลวร้ายอย่างที่เขาขู่ ลืมบอกของผมเป็นแค่ Moon I.5 เท่านั้น (ขนาดผมต่อกับ T.AMP 15 วัตต์ ที่ซื้อมาจากคุณหมูหวาน บิดโวลุ่มไปที่เที่ยงวันยังฟังได้เลย)

ผมก็เลยคิดว่าถ้าขยับขยาย เปลี่ยนสายลำโพงให้ดีขึ้น ให้สมน้ำสมเนื้อหน่อย สุ้มเสียงคงจะดีขึ้นไปอีก ตอนนี้ใช้ VDH CS-122 อยู่ ก็เลยไปขอยืม Blue Heaven มาลอง เสียงโปร่งใสดี แต่บางมาก เบสแทบไม่ออก รีบเอาไปคืนแทบไม่ทัน อะไรกัน สายเกือบสองหมื่น สู้สายบ้านหม้อ Canare 2S11 ของเก่าผมยังไม่ได้เลย พอดีเห็น QED XT-350 ลดครึ่งราคา เคยฟังตัวนี้ต่อกับ D140 ที่ปิยะนัส ก็คิดว่ามันน่าเสี่ยงเพราะไม่กี่พันเอง คราวนีรู้สึกเหมือนจะดีขึ้น เบสน้อยกว่า 122 นิดหน่อย แต่กลางแหลมสดขึ้นเยอะ โปร่งขึ้น แต่พอเอาเพลงร้องชุดโปรด Shelly Snow Rose มาลอง ฟังแทบไม่ได้ เสียงร้อง กลางแหลมพุ่ง บาดหูมาก เหมือนกับที่หลายคนวิจารณ์ในหลาย ๆ แห่งเลย ผมลองกับลำโพงอื่น ๆ ที่มีอยู่ ทั้ง Bose, Q-Acoustic, Mezzo2 สายลำโพงมีผลต่อเสียงแน่ ๆ แต่ไม่มากเหมือนเจ้า Model 1 นี้ สรุปผมต้องกลับไปใช้สาย 122 เมตรละ 500 บาทตามเดิม กลายเป็นสายที่ดีสุดในตอนนี้ เลยต้องขอคำแนะนำจากเฮียมั่น และผู้มีประสบการณ์ในเว็บนี้ทั้งหลาย

ขอบคุณทุกคำแนะนำครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

เบียส

12/04/2010 16:11:20
11
เอ้า เดี๋ยวรอเฮีย เดี๋ยว ครับ วันนี้ แกคงเข้ามาตอบช่วง ค่ำ ค่ำ อ่ะ จ้า 555 .......อิ อิ อิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

นายมั่นคง

13/04/2010 00:13:24
4,294
ต้องแจ้งก่อนว่า วิชาเครื่องเสียงบ้านผมนั้นแค่ระดับพอทน คือเล่นมานาน แต่ก็เอาดีไม่ได้ล่ะครับ เนื่องจากไม่มีสตุ้งสตางค์เปลี่ยนบ่อยๆๆ และเป็นซิสเต็มก็ระดับรากหญ้าแห้วหมูครับ คือพื้นๆ ไม่ได้ดีเด่อะไรนัก ไม่เคยถึงไฮเอนด์ แต่อยุ่แค่ระดับมิดเอนด์ล่ะครับ

ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีก่อนล่ะครับ สำหรับ Totem Model One Sigature ผมคาดว่าคงเป็นรุ่นนี้มากกว่า เพราะตัว Single wire คงหาไม่ได้แล้วล่ะครับ 555

ผมเคยไปฟัง Model One Signature มาหลายรอบ ถ้าเป็นที่เดโค ผมว่ามันไม่แมทช์กับแอมป์อย่าง Ayre และสาย Nordost ล่ะครับ จำได้ว่าเสียงมันแผด แห้ง หรือที่ฝรั่งมักจะใช้คำว่า Cold ส่วนถ้าเบสอุ่น กลางอิ่ม เราก็มักจะใช้ว่า warm แทน

กำลังของแอมป์นั้นสำคัญ และที่สำคัญคาแรคเตอร์ของแอมป์ก็สำคัญ ตอนที่ผมซื้อ Moon i1 จำได้ว่าใช้วิธีนั่งทางในเอาครับ เพราะผมไปฟังมันขับลำโพง Vienna แล้ว ปรากฏว่ามันขับได้ค่อนข้างดี และเบสนั้นลงลึกได้ เสียงกลางหนา อวบ

ผมใช้สายลำโพงของ purist รุ่น musaeus เป็น Single Wire ราคาหมื่นต้นๆ เท่านั้นครับ สายลำโพงที่ดีๆหน่อย มันมักจะไม่ค่อยได้ให้เรื่องเบสเป็นหลักนัก คือผมว่าส่วนมากมักจะไปแข่งขันกันเรื่องเวทีและอิมเมจมากกว่า

สายลำโพงทองแดงอย่าง canare มันให้เบสเกินตัวครับ ค่อนข้างจะถูกหูง่าย แต่ฟังไปจริงๆ นานๆๆ จะทราบว่าเรื่องโฟกัส ตำแหน่งของชิ้นดนตรีมันยังให้ไม่ได้ครับ เพียงแต่แค่มันมีเบสทำให้เราคิดว่ามันเข้ากับ Model One

แอมป์อย่าง Moon i.5 ผมว่ามันก็มาทำนองเดียวกับ i1 ครับ เพียงแต่ประหยัดเรื่องกำลังขับขึ้นมาบ้าง แต่ถ้าเอาเข้าจริงผมว่ามันอาจจะขับเจ้า Model One Signature ได้ไม่เต็มที่นักล่ะครับ คืออยากให้ลองสังเกตุใหม่ครับ คือพอเร่งไปประมาณที่ 10 นาฬิกา เสียงกลางแหลมมันเริ่มแผดหรือเปล่า ถ้าใช่ก็แสดงว่าแอมป์กำลังต่ำเกินไปครับ

ผมอยากให้ทดสอบแอมป์กับลำโพงให้มั่นใจก่อนว่ามันไปกันไหวแน่นอน เพราะการเปลี่ยนสายลำโพงไปเรื่อยๆๆ สิ้นเปลืองมากครับ อยากให้เช็คว่า ขนาดความดังที่ฟังทุกวันนี้ กับขนาดของห้องฟัง moon i.5 เปิดแล้วดังเต็มห้องหรือเปล่า โดยให้ใช้สายลำโพง VDH CS-122 ที่มีไปก่อน

ไม่ต้องเสียเงินซื้อใหม่ครับ ใช้ไปเรื่อยๆ จนลำโพง และแอมป์พ้นเบิร์นจริงๆ ก่อน แล้วค่อยมารายงานผลกันเน้อ 55 ช่วงนี้นักเล่นทุกคนมักจะใจร้อน (ผมเองนี่ล่ะตัวดี)เรามักอยากจะอัพเกรดของทุกอย่างในระยะสั้นๆๆ

แต่สุดท้ายคืออาจจะหลงทาง สิ้นเปลืองเงินทองซื้อมากองเป็นเข่งๆ เหมือนกับที่ผมเคยทำมาก่อนล่ะครับ ..........

5555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

Cyberman

13/04/2010 13:47:35
คำแนะนำของเฮียทำให้ผมเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น ในทางกลับกันก็มีความสงสัยเพิ่มขึ้นอีกเช่นกัน

เรื่องของเรื่องก็คือตอนซื้อ i.5 ก็ไม่ได้ตั้งใจจะนำมาใช้กับ Model 1 Sig เจ้า Model 1 มันมาทีหลังเพราะหูมันเริ่มหาเรื่องมากขึ้นเรื่อย ๆ

จริงอย่างที่เฮียบอก พอ 10 นาฬิกา เสียงร้องเริ่มเพี้ยนโดยเฉพาะเพลงที่มีเครื่องดนตรีหลายชิ้น ผมชอบลองกับ Better be home soon แทร็กที่ 10 ใน Best Audiophile Voice Selection แต่กับเพลงร้องของ Snow Rose ที่ 11 นาฬิกาก็ยังพอไหว

แต่ผมลองเปลี่ยนลำโพงและแอมป์สลับกันไปมาหลายตัวรู้สึกว่าที่ประมาณ 10.30 น. มันก็เพี้ยนกันทั้งนั้น พอดีไม่เคยมีแอมป์วัตต์สูง ๆ ใช้ สูงสุดก็แค่ 90 วัตต์ เป็น AVR 5003 ของ Marantz

ตอนไปสอย Moon วันนั้นไม่มีลูกค้า ผมก็ลองทั้ง I.5, I1, I5, 840A ลำโพง 685, CM5, รวมทั้ง Mezzo2 ที่ยกไปเอง ง่วนอยู่ในห้องตั้งแต่เที่ยงวันยันหกโมงเย็น สลับกันไปมาเป็นสิบ ๆ เที่ยว สรุปว่าเสียง 840A สู้ Moon ไม่ได้ในเรื่องความเนียน ความหวาน แต่พละกำลังไม่แน่ใจเพราะสเป็คบอก 120 วัตต์แต่ต้องเร่งโวลุ่มดูจาก LCD ครึ่งวงกลมไปถึงประมาณ 120 องศา พูดง่าย ๆ ก็คือเกือบเต็มสเกล 180 องศาจึงจะเทียบเท่า Moon ที่ 10 นาฬิกา

ที่เหลือก็คือ Moon ล้วน ๆ I5 กับ I3.3 ตัดไปก่อนเพราะถือว่ามือใหม่ยังไม่ควรทำอะไรเกินตัว ก็เหลือแต่ I.5 กับ I1 ลองสลับกันฟังหลาย ๆ รอบพบว่าเสียงแทบไม่ต่างกับ การเร่งโวลุ่มต่างกัน 1 สเต็ป กับราคาที่ต่างกัน 15,000 ตอนนั้นผมว่าไม่คุ้ม เพราะสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาไม่ว่าจะเป็น RS-232, IR input ผมคงไม่มีโอกาสได้ใช้แน่

ห้องของผมเป็นห้องอเนกประสงค์ รูปร่างซับซ้อนพอสมควร ขนาด 4.5 x 5.5 เมตร แต่มีส่วนต่อออกไปอีก 2x3 เมตร เหมือนกับสองห้องต่อกัน หลังคาจั๋วทำให้มีฝ้าสองระดับคือ 2.5 เมตร และแนบตามแนวหลังคาไปสุดที่ประมาณ 5 เมตร ลำโพงวางแนวขวาง พื้นเป็นไม้ลามิเนต มีแผ่นอคูสติกขนาด 60x120 ของ Mic-cell อยู่ด้านหลังและข้างลำโพงทั้งหมด 4 แผ่น รอบ ๆ มีพรม ม่าน โซฟา เฟอร์นิเจอร์ ที่ช่วยปรับอคูสติกได้พอสมควร

ที่อธิบายเรื่องห้องก็เพื่อจะตอบคำถามที่ว่า moon I.5 นั้นเปิดแล้วดังเต็มห้องหรือเปล่า ที่ 9 นาฬิกานี่เป็นจุดที่ฟังได้สบาย แต่ก็มีบางแผ่นที่อัดมาเบาต้องเร่งอีก 1-2 สเต็ป ขนาด 9.30 -9.45 นี่เต็มห้องครับ ส่วนที่ 10 นาฬิกานี่สำหรับผมชักไม่เหมาะกับการฟังเพลงแล้วละ แต่เป็นการฟังเครื่องเสียง ฟังเพื่อจับผิด ฟังนาน ๆ ไม่ได้ ฟังได้ไม่เกินหนึ่งเพลงก็ต้องรีบลดลงมาที่จุดปกติแล้ว ผมก็เลยไม่เคยฟังเกิน 10 นาฬิกาเป็นเรื่องเป็นราวสักที

คำถามก็คือ: เราจะให้นิยามคำว่า "ขับได้เต็มที่" อย่างไร ถ้า 10 นาฬิกาได้ไม่เพี้ยนนี่เต็มที่หรือยัง หรือต้องที่ 11 นาฬิกา หรือเลยเที่ยงไปเลย และถ้าใช้ที่ 10 นาฬิกาขึ้นไป แสดงว่าไม่ใช่สำหรับห้องฟังขนาดเล็กแล้วใช่ใหม่ เพราะเสียงมันจะดังเกินไป ถ้าเป็นแบบนี้ผมก็ยังไม่ต้องเปลี่ยนแอมป์ใหม่ก็ได้ ถูกต้องไหมครับ (ถ้าเทิร์นเป็น I1 ตอนนี้ยังไม่ขาดทุนมาก) หรือว่าพวกนักเล่นเครื่องเสียงหรือ Audiophile นี่เขาต้องฟังกันดัง ๆ กันเป็นหลัก

ในความเข้าใจของผม ไม่ว่าแอมป์วัตต์สูงวัตต์ต่ำ ที่ประมาณ 11 นาฬิกานี่มันน่าจะเพี้ยนเหมือนกันหมด (ทนกับมือใหม่ไม่เคยมีแอมป์วัตต์สูงหน่อยนะครับ) เพียงแต่ที่โวลุ่มเท่ากัน แอมป์วัตต์สูงมันจะดังกว่าแอมป์วัตต์ต่ำกว่าเท่านั้น ตามสูตรประมาณ วัตต์เพิ่ม 10 เท่า เสียงดังเพิ่ม 2 เท่า (แอมป์ 100 วัตต์ ดังกว่าแอมป์ 10 วัตต์ 2 เท่า)

ขอคำแนะนำจากเฮียมั่นและผู้รู้ทั้งหลายอีกครั้งหนึ่ง จะช่วยให้ผมและมือใหม่อีกหลายคนไม่ต้องหลงทางมากนัก

ขอบพระคุณอย่างสูงครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

squid

13/04/2010 14:54:12
0
"ในความเข้าใจของผม ไม่ว่าแอมป์วัตต์สูงวัตต์ต่ำ ที่ประมาณ 11 นาฬิกานี่มันน่าจะเพี้ยนเหมือนกันหมด (ทนกับมือใหม่ไม่เคยมีแอมป์วัตต์สูงหน่อยนะครับ) เพียงแต่ที่โวลุ่มเท่ากัน แอมป์วัตต์สูงมันจะดังกว่าแอมป์วัตต์ต่ำกว่าเท่านั้น ตามสูตรประมาณ วัตต์เพิ่ม 10 เท่า เสียงดังเพิ่ม 2 เท่า (แอมป์ 100 วัตต์ ดังกว่าแอมป์ 10 วัตต์ 2 เท่า)"

มันไม่ใช่อย่างนี้ครับ ตำแหน่งของโวลุ่มมันบอกได้เพียงคร่าวๆเท่านั้นครับ มันต้องดูไปถึงว่า ปรีตัวนั้นอัตราขยายกี่เดซิเบลครับ ถ้าเกนสูงเวลาเทียบกับตัวที่เกนต่ำกว่า (แอมป์กับลำโพงตัวเดียวกัน)
บิดโวลุ่มนิดเดียวก็ดังกว่าแล้วครับ

ถ้าในกรณีที่ ต้นทางเป็นซีดี แล้วส่งสัญญาณได้ 2โวลล์กว่า (ถือว่าแรงในระดับline levelทีเดียว) แล้วต่อไปที่ปี ซึ่งมีเกนขยาย ซัก 18 dB แล้วไปเจอแอมป์ความต้านทานขาเข้าไม่ถึง 1oo โอมห์ ต่อเข้ากับลำโพงที่มีความไว 98 dB กว่าๆ เชื่อมั้ยครับ เปิดโวลุ่ม 11 นาฬิกาก็คุยกันไม่รู้เรื่องแล้วครับเสียงมันจะดังมาก โดยแอมป์ที่ผมว่าเป็นแอมป์หลอด ข้างละ 8 watt เองนะ

เราจะดูยังไงล่ะว่าแอมป์ตัวไหนมันจะขับได้หมดจด ก็ต้องไปดูที่สเป็คครับ ว่า กำลัง wที่แอมป์จ่ายได้เวลาที่โหลด ของลำโพงลดต่ำลง มันจ่ายให้ได้สองเท่าหรือเปล่า อย่างเช่น 50 w ที่ 8 โอมห์ ถ้าลำโพงโหลดไปเหลือ 4 โอมห์ แอมป์สามารถจ่ายเพิ่มเป็นสองเท่าที่ 100 w ได้หรือเปล่า แล้วถ้าโหลดยังต่ำไปเรื่อยๆ ยังจะได้มากกว่านี้มั้ย ส่วนใหญ่ไปไม่ถึงครับ แล้วเราจะได้ยินเสียงแบบว่า มันดังนะ แต่มันไม่มีแรงอ่ะ ป้อแป้แบบรู้สึกได้ ไม่ต้องให้เป็นนักฟังก็ฟังออก สังเกตจากเสียงต่ำมันจะวูบวาบแล้วขนาดของเวทีจะหดเข้าออก เวลาที่ดนตรีโหม

model 1 เป็นลำโพงที่ความไวระดับกลางค่อนมาทางต่ำครับ ดังนั้น ให้ดูที่สเป็คแอมป์ ตรงนี้นะครับ
1.กำลังวัต เวลาโหลดต่ำได้สองเท่ามั้ย
2.ค่าแดมปิ้งแฟคเตอร์ ยิ่งมากยิ่งดี เพื่อเอามาหยุดกลวยลำโพงไม่ให้คราง
3.ค่าslew rate ยิ่งเยอะยิ่งดี มีผลโดยตรงกับไดนามิค
คร่าวๆน่าจะประมาณนี้ครับ
ส่วนเรื่องสาย ผมไม่แนะนำ อยากให้ลองฟังดูเยอะ แล้วถ้าตัวแทนจำหน่ายที่เราซื้อประจำน่าจะมีให้เราเอาไปลองได้ครับ เพราะว่าอันนี้มันต้องใช้เวลาในการฟังมากกว่า ซีดี แอมป์ หรือลำโพงครับ แต่บอกได้ว่าถ้าหาสายที่ลงตัวได้แล้ว สุโค่ยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

Cyberman

13/04/2010 16:32:05
ขอบคุณคุณ squid มาก ได้รู้อะไรอีกเยอะเลย

ที่ผมใช้ตำแหน่งโวลุ่มก็เพื่อจะได้เปรียบเทียบกันอย่างคร่าว ๆ ส่วนอื่น ๆ สมมุติว่าเท่ากันหมด
ช่วงนี้หยุดยาวสงกรานต์ ไม่มีใครอยู่บ้านก็เลยนั่งลองโน่นลองนี่ไปตามเรื่อง ทำเสียงดังได้ไม่ต้องเกรงใจใคร

กลับมาเรื่องการขับหมดจดโดยดูจากสเป็คที่คุณ Squid บอก ปัญหาคือเราจะเชื่อที่ผู้ผลิตระบุได้มากน้อยขนาดไหน ถ้าจะวัดกันเองมีวิธีง่าย ๆ อย่างไร ตอนนี้ผมมีแค่ Multimeter, Scope เก่า ๆ แค่ 60MHz และ Sound Level Meter รุ่นชาวบ้านของ Radioshack

โจทย์ผมตอนนี้ นอกจากเรื่องสายลำโพง หลังจากที่เฮียมั่นจุดประกายเรื่อง ขับได้เต็มที่ไม่เต็มที่ ก็คือ มันจะเป็นอย่างไรถ้าจะขยับจาก Moon I.5 ไปเป็น I1 รุ่นอื่นยังไม่ต้องพูดถึงเพราะเกินแสนทั้งนั้น และถ้าจะเอาขนาดนั้นจริงยังมีตัวเลือกอีกเพียบ ตอนไปซื้อ Moon ยังไม่มี Model 1 แต่ลองกับลำโพงอื่นที่ขับง่ายกว่าพบว่าสองรุ่นนี้มันแทบไม่ต่างกัน

จากสเป็คทั้งสองรุ่น ในส่วนของข้อ 2 และ 3 เท่ากัน คือ Damping Factor > 200 และ Slew Rate = 20V/us ต่างกันที่กำลัง 40 กับ 50 วัตต์ ที่ 8 ohm และระบุไว้อีกว่า ที่ 4 ohm จะได้ 80 และ 100 วัตต์ตามลำดับ

ที่ยกสเป็คมาเทียบเพราะไม่แน่ใจว่า ตัวเองฟังถูกหรือเปล่าเพราะจากการที่คุณ squid แนะนำ ผมฟังเสียงเบสตอนเเปิดดัง ๆ ประมาณ 10 โมงกว่านิดหน่อย มันยังไปได้นะ แต่เสียงกลางและสูง ฟังจากเสียงร้องมันจะเริ่มแหบพอสังเกตได้ จนถึงพร่าเมื่อเพิ่มความดังไปเรื่อย ๆ ส่วนเรื่องเวทียังไม่ชัดเจน ต้องหาเพลงที่โชว์เรื่องเวทีชัด ๆ มาลองดูอีกทีหนึ่ง คุณ squid ช่วยยกตัวอย่างเพลงที่ใช้ทดสอบสักสองสามเพลง เผื่อผมพอจะมีอยู่ในมือกับเขาบ้าง

ขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

squid

13/04/2010 16:50:29
0
ผมอยากรู้นิดนึงครับ ต้นทางของคุณcyberman เป็นอะไรครับ
ส่วนเพลงที่ผมใช้ฟังบ่อยๆ
1. ayako hosokawa ชุด whisper of love ครับ
2.jenifer warners ชุด hunter อัลบั้มนี้ สำหรับผมเอาไว้ฟังช่วงความถี่ต่ำครับ
3.clair malo ชุด let it go อันนี้ได้เกือบครบเลยครับ
4.dave younger ชุด จำไม่ได้ครับ หน้าปกเป็นรูปคนร้องใส่ชุดแบบคาวบอย เด็ดตรงบันทึกสดลงเทปสองแทร็ค ของค่าย clarity record
จริงๆมีเพลงคลาสสิคด้วยครับ แต่ผมต้องไปหาก่อนน่ะ ถ้าเช็คเรื่องความลื่นไหล กลางสูงนี่ส่วนใหญ่ผมใช้ข้อ 1,4 ครับเพราะฟังประจำ ฟังตั้งแต่เรียนมัธยมมาจนถึงตอนนี้เลย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

Cyberman

13/04/2010 17:47:23
ของผมมี ข้อ 2 กับ 3 เด๊๋ยวจะลองดูอีกที สมัยก่อนเปิดข้อ 2 ลองเครื่องเสียงซ้ำไปซ้ำมาบ่อย ๆ แฟนบอกเพลงอะไรไม่เห็นเพราะเลยเปิดอยู่ได้ เลยเก็บไว้หลังตู้เลย ต้องไปค้นมาดูก่อน
ผมกลับไปค้นไฟล์ที่โหลด ๆ มาเจอ Official Sound Quaility Reference CD ของ IASCA มันจะมาพร้อมคู่มือบอกตำแหน่งต่าง ๆ ของเครื่องดนตรีบนเวทีมาให้ด้วย แต่รู้สึกเพลงส่วนใหญ่จะไม่จบเพลง ให้ฝึกฟังสั้น ๆ เท่านั้น น่าจะใช้ได้

ซอร์สผมเป็น CD 6002 รุ่นเริ่มต้นของ Marantz และ DAC Music Streamer กระป๋องแดงของ HRT เอาไว้เปิดไฟล์ Flac และ APE กับโปรแกรม Foobar ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

Cyberman

13/04/2010 17:59:55
ผมเจอ Whisper of Love ของ Ayako ใน Bit กำลังโหลดอยู่ มีคน Seed อยู่ 4 คน ประมาณเวลาไว้ 40 นาที เด๊๋ยวจะลองฟังดู ส่วน Dave Younger หาไม่ได้เลย แค่นี้คงพอเป็นแนวทาง ขอบคุณมากอีกครั้งครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

squid

13/04/2010 18:35:39
0
ผมไม่เคยฟัง dac ตัวนี้ครับ แต่ซีดี ผมคิดว่ามันน่าจะมีความคล้ายกับ 63 se ที่ใช้งานอยู่บ้างครับ ผมว่าซีดี ตัวนี้มันเด่นในด้านกลางสูงครับ แล้วพอมาจับคู่กับ moon ที่ฟังแล้วขึงขังจัดนิดๆ มันก็เลยออกมาอย่างที่ได้ยินน่ะครับ แต่ไม่ใช่ว่าอะไรไม่ดีนะ แต่ผมว่าอาจต้องต้องลองหาสายสัญญาณมาเบรค แนะว่าเป็นสายโซลิดคอร์ ที่เป็นทองแดงครับ น่าจะพอช่วยได้บ้าง ส่วน ayako แนะนำแทร็ค too young ครับ ลองฟังเทียบกันกับ ซีดี และ dac ดูครับ

ใจผมก็อยากได้มูนครับ แต่กำลังชั่งใจอยู่เพราะตอนนี้มี dac matrix อยู่ ยังเลือกอยู่ระหว่าง rocksan กะ moon นี่หล่ะ ลำโพงก็คงเป็นของเก่าไปก่อนครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

นายมั่นคง

14/04/2010 00:25:23
4,294
เอ้า มาตอบต่อกันครับ

อย่าไปนึกว่าเป็นการไขปัญหาเลยครับ เอาเป็นว่าเล่าเรื่องจากประสบการณ์ที่เคยมี ของนักเล่นระดับรากหญ้าแห้วหมูก็แล้วกัน 555

คนเล่นเครื่องเสียงบ้านนั้น มีเวรกรรมที่ติดตัวมาคือเรื่องการอัพเกรดครับ ถ้าเป็นคนที่คาบช้อนเงินช้อนทอง ท่านเหล่านี้คงไม่ต้องคิด เพราะจะไปคิดทำไมให้เปลืองหลอดเลือดในสมอง เอาเวลาไปคิดทำธุรกิจเป็นร้อยๆๆ พันๆ ล้านดีกว่า

แต่ถ้านักเล่นระดับรากหญ้าแห้วหมูแบบผม หรืออีกหลายๆๆ ท่าน การอัพเกรดบ่อยๆ นี่สาหัสมากครับ อย่างสมมุติว่าเวลาเราใช้ชุดห่วยๆ ทั้งชุดสองสามหมื่นบาทมาได้เป็นปีเป็นชาติ พอเราเกิดอยากจะได้แอมป์ที่คิดว่ามันน่าจะดี......

ปัญหาก็คือราคาแพงที่สู้ไม่ไหว เพราะการอัพเกรดเครื่องเสียงนั้น การจะอัพจากแอมป์เดิมๆ ราคาหมื่นห้า (สมมุติ) ถ้าจะให้เห็นผลต้องกัดฟันอัพเกรดแอมป์ที่อย่างน้อยตัวละห้าหมื่น ถึงจะเห็นผลว่ามันดีขึ้นจริง

แอมป์แบรนด์คอมเมอร์เชียลแทบทั้งหมด มักทำการตลาดเรื่องราคา และคุณภาพของเครื่องไว้แบบนี้ เรียกว่าวางยาไว้เรียบร้อย รอพวกแมงเม่าอย่างเราบินเข้าไปดอมดมเท่านั้นครับ 555


หลังจากที่เก็บเงินกันเป็นชาติๆ นักเล่นระดับรากหญ้าแห้วหมูอย่างผม ก็ได้แอมป์สมใจ แต่ความอิ่มใจก็อยู่ได้ไม่นาน เราก็จะพบว่าลำโพงเดิมๆๆ นั้นไม่คู่ควรกับแอมป์ใหม่ และก็เป็นเรื่องจริงอีกแล้วว่า เราจะอยู่ไม่เป็นสุขจนกว่าจะเปลี่ยนลำโพงใหม่ไปด้วยซะเลย

หลังจากนั้นกฏแห่งวัฏฏสงสารก็เริ่มวนเวียน เราก็จะหา source ใหม่ สายลำโพงใหม่ สายไฟใหม่ เครื่องควบคุมไฟใหม่ ชั้นวางใหม่ ขาตั้งใหม่ จนครบ บางคนทำนบแตก ถึงกับต้องเบิกเงินที่สะสมมาตั้งนานโคตร มาละลายในคราวเดียวให้ครบ


พอครบแล้ว..........ก็ถึงเวลาอยากได้แอมป์ใหม่อีกทีแล้ว 5555


ตอนนี้ปัญหาของคุณ Cyberman คือไม่แน่ใจในสมรรถนะของชุดที่มีอยู่ครับ และปัญหาแบบนี้พอมันเกิดในใจแล้ว มันไม่สามารถจบได้ คือทำอย่างไรมันก็จะครุ่นคิดตลอด

และปัญญาที่รองลงมา คือชักไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ที่เราฟังจนพอใจตอนซื้อ แต่ทำไมตอนนี้กลับฟังแล้วไม่ค่อยถูกใจนัก (เพราะเฮียมั่นคงแหง๋เลยที่ชี้เป้าไว้)

เราเล่นเครื่องเสียงนั้น ต้องยึดหลักความพึงใจของตนเองสูงสุดครับ ถ้ามั่นใจว่ามันใช่ ต้องไม่สนใจใครทั้งสิ้น เพราะว่าการจะเชื่อคนหรือจิ้งจกที่ทัก คนละนิด คนละหน่อย ผมรับรองได้เลยว่า ชุดที่คุณ Cyberman ใช้อยู่นี้ มีหวังเปลี่ยนจนไม่เหลือเค้าเดิมครับ


เท่าที่ฟังคำบอกเล่า ตอนนี้คุณ Cyberman ยังลังเลในการจะเอาแอมป์ไปเทิร์นด้วยซ้ำ ต้องระวังเรื่องหนึ่งครับ ลำโพงที่เค้าว่ากันว่าขับยาก หรือเรื่องมากในการปรับแต่ง อย่าได้ไปคิดเอาชนะมันให้เสียเวลาและเสียเงิน นอกจากว่าเราจะมีเงินทองจะจับจ่าย อันนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งล่ะครับ

การ trade นั้น สิ่นเปลืองมาก และจะทำให้เส้นทางการเล่นของเรานั้นท้อแท้ และเบื่อหน่ายไปในที่สุดครับ ลองชะลอทุกอย่างให้ช้าลง ทุกอย่างจะคลี่คลายครับ

ผมอยากจะแนะนำว่า ให้เล่นไปทั้งแบบนี้ รอเวลาจนมั่นใจว่าลำโพงและแอมป์พ้นเบิร์นอย่างจริงๆ จังๆ ก่อนล่ะครับ และคุณ Cyberman ยังไม่ได้บอกเลยว่าลำโพงนั้นเป็น รุ่น Sigature หรือเป็นรุ่นที่ขับง่ายกว่านั้นหรือเปล่าน่ะครับ 555


ไปๆ มาๆๆ ยังไม่ได้ตอบคำถามอะไรเลยล่ะครับ 555 ยังไงนึกว่าอ่านผมบ่นพึมพำก็แล้วกันครับ 555


เอ้า ตอบคำถาม เรื่องคำว่า ขับได้ไม่เต็มที่ครับ.........

การขับไม่เต็มที่นั้น จะให้มองการหมุนปุ่มที่ไม่เกินสิบนาฬิกาอย่างเดียวคงไม่ได้ เพราะต้องดู source ที่ใช้แบบที่คุณ Squid ว่าไว้ครับ แต่ที่ผมพูดไว้นั้นคือซีดีเพลยเยอร์ทั่วไป และเล่นโดยแอมป์ Solidstate แบบทั่วไป

การชับลำโพงที่ต้องเร่งความดังขึ้นไปมากๆ สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้นคือความเพี้ยน หรือที่เรียกว่าเกิดอาการ Clipping ของสัญญาณครับ ผมเองไม่รู้หลักวิชาการนัก รู้แต่ว่าอาการ Clip นั้นเริ่มเกิดเมื่อแอมป์มีกำลังขับไม่เพียงพอ

แอมป์แรงน้อยพอเราเริ่มเร่ง เรายิ่งรู้สึกว่ามันไม่ค่อยดัง เราก็ยิ่งหมุนเติมเข้าไปอีก เสียงก็จะเกิดอาการแผดและกร้านขึ้นตามลำดับ แต่พอเราลดระดับโวลุ่มลงมา เรากลับฟังว่า มันผ่อนคลายดีกว่าตอนเริ่งขึ้นไปดังๆ อันนี้คืออาการแอมป์กำลังไม่ดีครับ

คล้ายๆ รถยนต์ล่ะครับ รถเครื่องใหญ่ คันใหญ่ ที่ความเร็วสูงๆ จะนิ่งกว่า เรียบกว่า มั่นใจกว่า ต่างจากรถเล็กๆ พอเริ่มจะเหยียบเอาแบบสะใจ ก็จะเกิดอาการแกว่ง ไม่เกาะถนน แล้วพลิกคว่ำในที่สุด.....ซึ่งก็เช่นเดียวกับลำโพง การปล่อยให้แอมป์กำลังต่ำมาขับลำโพง เท่ากับเป็นการฆาตกรรมลำโพงโดยไม่เจตนาล่ะครับ 555


ในเรื่องการตลาดของเครื่องเสียงนั้น เค้าจัดระดับราคาให้เราได้เลือกเล่น และเลือกซื้อให้เข้าชุดกันได้อย่างเหมาะสม ถ้าเราเลือกชุดที่เหมาะสมมาเล่นด้วยกัน บางทีก็ดีกว่าเล่นชุดที่ราคาแพงๆ แต่ขาดความเหมาะสม หรือ matching (จำเค้ามาอีกทีล่ะ 555)


ในยี่ห้อเดียวกัน ไม่มีทางที่รุ่นที่กำลังขับน้อยกว่าจะราคาสูงกว่า และไม่มีทางที่กำลังขับน้อยกว่าจะเสียงดีกว่าตัวที่กำลังขับมากกว่าล่ะครับ แต่เราควรเลือกทุกอย่างให้สมดุลย์ภายใต้งบประมาณที่เรามีให้ได้


ผมเคยฟังชุดพื้นๆ แต่คนจัดชุดนั้นเก่งมาก รู้จักเลือกอุปกรณ์ที่เข้ากันได้ดี และสอดคล้องกับสไตล์ที่ตัวเองฟัง ผลก็คือ มีความสุขกับชุดเครื่องเสียงราคากลางๆได้เช่นเดียวกับคนที่มีเครื่องเสียงราคาแพงเช่นกัน 555


หากมีโอกาส โทรคุยเล่นกับผมตอนหลังสงกรานต์ก็ได้เน้อ 555


อ่านแล้วอย่าเพิ่งหมั่นไส้กันนะครับทุกท่าน เพราะผมเองทุกวันนี้ก็ไม่สามารถทำอย่างที่ตัวเองพิมพ์ในกระทู้นี้ได้ซักที 55555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

squid

14/04/2010 00:36:41
0
555 ผมก็เหมือนกันครับเฮีย เ่ล่นมาตั้งแต่ 17 ตอนนี้ใกล้ 30 แล้ว มันยังไม่ลงตัวเหมือนกัน ปัญหาหลักของผมก็ห้องแหล่ะครับ ตอนนี้อาศัยอยู่้บ้านญาติครับ บ้านตัวเองอยู่คลองสี่ ที่ทำงานอยู่เยาวราช ไปเช้าเย็นกลับค่ารถกินตายแน่ เลยหันมาเล่นหูฟังชั่วคราว(ชั่วคราวนี่ก็ลงไปหลายแล้วนะ ซื้อมูนได้สบายเลยอ่ะ) ปีหน้าน่าจะเป็นเจ้านายตัวเองล่ะ คงได้ปรับพอร์ทกันเต็มที่แน่เทียวนี้ล่ะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12

นายมั่นคง

14/04/2010 00:54:30
4,294
555 ยินดีกับเส้นทางเดินที่กำลังจะก้าวหน้าในอนาคตล่ะครับ


แต่ถ้าจะให้ดีเลิกเล่นไปเลยดีกว่า ไม่เปลืองดี จ๊ากๆๆๆๆๆ 555 พูดเล่นครับ เพียงแต่ผมอยากจะให้เป็นแบบค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ห้ามใจร้อน

ผมเองนี่ล่ะโดนมากับตัวเองทุกดอกจริงๆๆๆ ครับ

อ่านที่ผมเขียนข้างต้น อาจจะมีบางท่านไม่เข้าใจ นึกว่าผมเขียนเหน็บแนม หรือประชดชีวิต ต้องกราบเรียนตามตรงว่า ไม่ได้มีเจตนาใดๆ ทั้งนั้นล่ะครับ ที่เขียนนั้นเป็นความรู้สึกของคนรักการเล่นเครื่องเสียง ที่ไม่ค่อยมีสตางค์เหลือเฟือนักล่ะครับ 555

ท่านใดที่เล่นเครื่องเสียง แล้วเป็นนักเล่นระดับรากหญ้าแพรกแบบผม คงอ่านแล้วเข้าใจเรื่องราวแบบนี้ได้ดีกว่าใคร 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13

squid

14/04/2010 02:21:29
0
ขอบคุณครับเฮีย ไว้ว่างๆจะโทรไปขอคำแนะนำบ้างครับ (เรื่องดำเนินธุรกิจและเรื่องหูฟังครับ)

มันอาจจะเพราะผมทำงานเกี่ยวกับภาพและเสียงมั้งครับ ผมเลยไม่ค่อยเสียดายเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ซื้อมาผมก็เอามาประยุกต์เข้ากับงานที่ทำด้วย ผมเชื่อว่ามีคนในบอร์ดไม่น้อยแหล่ะที่เคยซื้องานของผมไปดูกันบ้าง อิอิ หรือเขาไปโหลดบิทกันหมด ก็ไม่รู้ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 14

สมัครเล่น

14/04/2010 08:43:46
0
เลิกยุ่งกับเครื่องบ้าน ก็เพราะแบบนี้ล่ะครับ
้เล่นหูฟัง ลงทุนน้อยกว่า ถึงแม้บางอย่างจะหายไป
แต่บางอย่าง เครื่องบ้านในงบเท่ากันก็ให้ไม่ได้ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 15

squid

14/04/2010 10:13:47
0
สำหรับผมยังไงเครื่องบ้านก็คือคำตอบสุดท้ายครับ เพราะหูฟังผมฟังให้ดิ้นตายยังไง มันก็ให้เวทีเสียงที่ถูกต้องไม่ได้ครับ แต่เครื่องบ้านไม่ต้องลงทุนเท่าขนาดหูฟังที่ผมเล่นตอนนี้ก็ได้ยินเวทีเสียงที่เริ่มใกล้เคียงแล้วครับ และที่สำคัญฟังได้นานกว่ามากมาย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 16

Cyberman

14/04/2010 12:20:21
พักยกไปคืนหนึ่งครับ หลังจากมึนกับการฟังมาทั้งวัน

เฮียมั่นคงตอบได้จี้ใจดำมาก มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ มันไม่มีทางจบถ้าไม่รู้จักพอ
ถ้าจะขึ้นไปเป็น I1 อีกไม่นานก็ต้องเป็น I3.3, 5.3, Mac, Krell หรือแบบแยกชิ้นไปอีกเรื่อย ๆ
ตอนนี้คงต้องเชื่อเฮียไว้ก่อน ใช้ไปเรื่อย ๆ จนแอมป์และลำโพงพ้นเบิร์นจริง ๆ เสียก่อน โห มันรู้สึกนานจริง ๆ พอแอมป์กำลังจะพ้นเบิร์น ก็ต่อด้วยลำโพง สายลำโพง สายสัญญาณ ..

ตอนแรกก็กะจะเคลียร์เรื่องสายลำโพงอย่างเดียว พอเฮียมั่นจุดประกายเรื่อง ขับได้ไม่ได้ เลยเตลิดไปไกลเลยทีนี้ ถึงกับคิดจะไปลากเอา I-3.3 มาให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ยอมถูกเมียด่าสักเดือนจะเป็นไรไป

ตอบคำถาม ครับ Totem Model 1 Signature ตัวดีนั่นแหละ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป็นตัวเจ้าปัญหาก็เห็นใครต่อใครเรียกร้องหามันอยู่ดี ก็ทำใจไว้ตั้งแต่แรกแล้ว คนขายเขาก็บอก 40 วัตต์ไปไม่รอดหรอกพี่ แต่ถ้าพูดห้วน ๆ แบบนี้ก็คงขายของไม่ได้ ก็หยอดเราว่า ถ้าพี่ฟังเพลงร้อง แจ๊สช้า ๆ ไม่ชอบเปิดดังบ้านแตก ก็พอไหวนะ ที่สำคัญ Moon มันมีกำลังสำรองใช้ได้เลย

แล้วเสียงมันก็ดีกว่าลำโพงตัวเก่าจริง ๆ ผมก็มีความสุขกับมัน เพียงแต่กิเลสมันบอกว่า ลำโพงคู่ละสองหมื่น (ราคาบอกเมีย 555) มันน่าจะทำให้เสียงดีขึ้นกว่านี้ได้

ตอบคุณ Squid เจ้า 6002 มันใช้ DAC CS-4398 ส่วน Music Streamer เป็น BurrBrown PCM 1794 คนละตัวกัน แต่ฟังดูแล้วเสียงเหมือนกันยังกะแกะ ผมเปิดเพลงเดียวกันป้อนเข้าอินพุตของแอมป์ตัวที่อยู่ติดกันจะได้ A/B test แบบไม่สะดุด แยกแทบไม่ออกเลย

เวทีเสียงเวลาเปิดดัง ๆ ผมฟังไม่ค่อยออก คิดว่าไม่น่าจะเปลี่ยน ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน คือความรู้สึกสับสนเหมือนกับเครื่องดนตรีมันมากองรวมกันมั่ว ๆ นี่ผมเข้าใจว่า 1. เสียงมันดังเกินไปจนจับทิศทางไม่ได้ 2. อคูสติกไม่ดี พอดังมากเสียงสะท้อนก็มาก การจับทิศทางก็ลำบากขึ้น ผมลองเปลี่ยนพรมใหม่ ผืนใหญ่และหนาขึ้น เอาผ้านวมมาคลุม LCD TV ไว้ รู้สึกดีขึ้นเยอะ อาการเสียงกลางแหลมแผด พร่า ดีขึ้น คือต้องเร่งโวลุ่มมากกว่าเดิมจึงจะเกิดอาการ

เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับคนที่กำลังคิดจะเล่น I.5 กับ Model 1 เรื่องขับได้ไหม จากที่ฟังมาทั้งวันผมยืนยันว่า "ขับได้" ในวงเล็บ ในสภาพการฟังปกติกับห้องที่ไม่ใหญ่เกินไป แต่จะขับให้ได้สุดไมมีทาง เพราะนักทดสอบเครื่องเสียงหลายท่านที่อ่านเจอในเว็บต่าง ๆ ระบุว่าทดสอบโดยใช้แอมป์ขนาด 150-200 วัตต์ แล้วยังบอกว่า "มันยังไปได้อีกไกล" หมายถึงยังเค้นความสามารถของ Model 1 ออกมาได้ไม่หมด ป่วยการที่จะพูดถึงแอมป์ที่ต่ำกว่า 100 วัตต์ทั้งหลาย

กลับมาเรื่องสายลำโพง ยังข้องใจไม่หาย สาย cs-122 ราคาเมตรละ 500 บาทของผม มันฟังได้นุ่มนวลดีมาก ติดที่กลางแหลมมันไม่ค่อยโปร่ง นักร้องเหมือนเป็นหวัดนิด ๆ ส่วน XT-350 ราคาปกติเมตรละ 1600 กลับพุ่ง บาดหู เกินไป ยิ่งเจ้า Blue Heaven เป็นชุดราคาเต็ม 17000 ก็โปร่งใสแต่บางเกินไป รับไม่ได้ เป็นลำโพงที่ไวต่อสายมาก ไม่รู้ที่เขาเรียก"ขี้ฟ้อง" หรือเปล่า ตอนนี้มีอย่างเดียวคือทำตามคำแนะนำของเฮียมั่นคง รอให้พ้นเบิร์นทั้งสายและลำโพงเสียก่อน แล้วดูว่าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร หรือถ้าใครในนี้จะกรุณาแนะนำร้านที่มีบริการให้เช่าลองก่อนได้ จะเป็นพระคุณยิ่ง เพราะสายลำโพง รวมทั้งสายสัญญาณต่าง ๆ นี่ถ้าใช้วิธีนั่งทางในเดาผิดเดาถูกหลายครั้งนี่ซื้อแอมป์ใหม่ดี ๆ ได้หลายตัวทีเดียว
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 17

pong

14/04/2010 14:31:31
เชื่อเฮียแกเถอะครับ ตามหลังผู้ใหญ่ หมาไม่กัด อะจ๊าก ผมเองก็เคยใช้ totem model 1 single wire l สมัยพระเจ้าเหารุ่นหนึ่งเลย ( ยังไม่มี Biwire ) มันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เกิดแล้ว

เท่าที่อ่านมา ผมว่าสายลำโพงตอนนี้มันแมทแล้ว ไม่ต้องเปลี่ยน เพราะการแมทหมายถึง มาเข้าคู่ให้เหมาะสมกัน อะไรที่มันเกินหรือขาด ก็เอาอีกตัวมาชดเชยกัน model 1 เบสไม่น้อยเมื่อเทียบกับขนาดของมัน แต่มันก็ยังน้อยเมื่อเทียบกับลำโพงทั่วไป และเสียงแหลมมักแผดหรือแห้งได้เมื่อจัดอุปกรณ์ไม่เข้ากัน และตั้งบนขาตั้งที่ไม่เหมาะสม รวมถึงการเซ็ตอัพลำโพง แค่พูดก็เหนื่อยแล้ว สายลำโพงของคุณมันเหมาะแล้วละ นับว่าคุณโชคดีมากแล้ว เพราะถึงคุณยอมจ่ายแพงกว่า ไปซื้อสายลำโพงที่เค้าว่ากันว่าดีๆ บางทีมาต่อแล้วเสียงกลับสู้ไม่ได้ คุณก็เจอกับตัวเองมาก่อนแล้ว โชคดีแล้วที่ไม่เสียเงินก่อนค่อยรู้ กระเป๋าไม่แหกก่อน

ดูจาการฟังเพลงของคุณในตอนนี้แล้ว ก็น่าถือว่าแอมป์นี้(moon i.5)สามารถขับลำโพงได้หมดเพียงพอ ในเพลงที่คุณฟังเป็นประจำอยู่แล้ว จะต้องจ่ายแพงอีกหลายหมื่นเพื่อเพลงที่เรานานๆฟังที หรือเพลงที่คนอื่นมาฟังเพลงแนวอื่นที่เราปกติไม่ฟังกับชุดเราแล้ว แล้วว่ามันไม่ดีอย่างนู้นอย่างนี้ทำไม ถ้าฟังอย่างนี้ตูดขาดแน่ๆ

รอลำโพงและแอมป์พ้นเบรินท์ก่อน อะไรๆที่คุณคิดว่ามันขาดหรือเกินในตอนนี้ มันจะเปลี่ยนไปอีกแน่นอน ถ้าอยากเสียเงินจริงๆ ผมแนะนำขาตั้งลำโพงของมัน เชื่อแหอะ อันนี้แมทกันแน่นอน คุณภาพที่ได้คุ้มแน่ คุณจะรู้จักตัวจริงของ model 1 ได้อย่างแท้จริง ต้องลำโพง+ขาตั้งของมันเองเท่านั้น

ถ้ารสนิยมในการฟังเพลงของคุณยังไม่เปลี่ยน ยังไม่ดิ้นรนจะหา มิติ เวทีเสียง ความสมจริง อะไรแบบนี้ ผมว่าชุดนี้ก็เหลือเฟือแล้วครับ แต่ถ้าอยากไขวคว้าหาดาวเมื่อไร หาตั๋วไปอวกาศนั้นไม่ถูกแน่นอน เมื่อนั้น ยินดีต้อนรับสู่อวกาศครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 18

สมัครเล่น

14/04/2010 18:36:43
0
ใช้แผ่นช่วย burn น่าจะร่นเวลาลงได้อีกเยอะนะครับ
สำหรับผมตอนนี้ ขอเรื่อง musical เป็นหลักก่อนครับ
เรื่องอื่น ว่ากันทีหลัง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 19

Cyberman

14/04/2010 22:41:26
ขอบคุณ คุณ pong สำหรับคำแนะนำ

ได้ประเด็นใหม่เลย เรื่องขาตั้งลำโพง อีกแล้ว ขออนุญาตใช้กระทู้เดิมถามคุณ pong และผู้รู้ในนี้ต่อเลย

นอกจากความแข็งแรง ความสวยงาม และการให้ความสูงที่เหมาะสมกับลำโพงนั้น ๆ แล้ว
ขาตั้งมีอิทธิพลต่อเสียงของลำโพงอย่างไร
เสียงที่เปลี่ยนไปเมื่อใช้ขาตั้งที่แตกต่างกัน เกิดจากสาเหตุอะไร?

เห็นหลายคนเอาดินน้ำมันมาอัดแทรกระหว่างขา หรือกรอกทรายเพื่อลดการสั่นหรือเพิ่มมวล
ถ้าต้องการมวล หน้ำหนัก เป็นหลัก การหล่อเสาคอนกรีต หรือเสาไม้ตัน จะให้ผลดีกว่าไหม ถ้าคำนึงถึงเรื่องเสียงเป็นหลัก ตัดเรื่องความสะดวก ความสวยงามออกไปก่อน

คือผมยังทำใจไม่ได้กับขาตั้ง Model 1 ราคาสองหมื่นเจ็ด ต้องขอเหตุผลประกอบหน่อย

เรื่องต่อมาก็คือ ใช้วัสดุอะไร รองระหว่างตัวลำโพงกับเพลตของขาตั้ง ใช้กี่จุดดี หรือไม่ต้องมีอะไรมากั้นเลย
ผมเห็นลำโพงบางคู่แถมยางรองยี่ห้อ 3M มาให้ ไม่ต่างกับยางหรือโฟมรองกันลื่น หรือกันพื้นเป็นรอยที่ติดกับพวกขาโต๊ะหรือเก้าอี้เลย

บางคนก็ใช้ดินน้ำมัน บลูแท็ก ทิปโท หรือสักกะหลาดก็มี ส่วนผมตอนนี้ทดลองกับ ยางลบครับ! ยังไม่มีเวลาออกไปตระเวณหาอย่างอื่น เลยใช้ยางลบสี่เหลี่ยมแบน ๆ นั่นแหละเอามาตัดแบ่งติดกาวสองหน้าแปะเข้าไปที่แพลตขาลำโพง อาการเหมือนกับแรงปะทะและเบสมันจะลดลงนิดหน่อย ยังไม่ได้เปรียบเทียบอย่างละเอียดกับการวางตรง ๆ บนเพลต

สุดท้าย ตั๋วไปอวกาศผมคงไม่มีปัญญาซื้อแน่ ขอแค่ได้ชมภาพจากวิดีโอก็พอ แต่ขอให้เป็นบลูเรย์นะ จะได้ใกล้เคียงความจริงอีกหน่อย ...
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 20

squid

14/04/2010 22:53:26
0
ไม่ได้จะยั่วนะ แต่ผมอยากบอกว่าถ้าแอมป์ถึงนี่มันโอเคล่ะ model 1 เนี่ย ชุดที่ผมเคยใช้ตอนนั้นคือ cd 63se, pre sonic frontier จำชื่อรุ่นไม่ได้ รู้สึกจะเป็น Sfl 1 หรืออะไรซักอย่าง ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น anthem, amp mc dna 1, speaker totem model 1 ตัวแรกเลย, สายตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดผมใช้ VDH อย่างเดียวเลยครับ

ถึงวันนี้มีเพียง 63se ตัวเดียวที่เหลืออยู่ครับ นอกนั้นขายออกไปหมดแล้ว เสียดายสุดก็ตัวแอมป์ ขับ model 1 ได้ผมว่า 90% ล่ะ

ชุดนี้ฟังแล้วมีความสุขมากครับ เรียกได้ว่าทุกตัวอยู่ในคลาสของนิตยสาร stereophile ของ uk กันหมด แต่ความสุขมักอยู่ไม่นาน ขายเกือบหมดครับ

ส่วนคุณ cyberman จะเบินผมแนะนำว่าใช้แผ่น pad ก็ได้ครับ จะได้เร็วขึ้น แล้วก็ลองอย่างที่พี่pong บอกครับ ลองขยับระยะระหว่างลำโพงเข้าออกดูว่า ตรงไหนให้โทนบาลาน และเวทีที่เราชอบที่สุด แต่ให้ยึดโวลุ่มในระดับความดังที่เราฟังประจำนะครับ หลังจากเบินได้ที่ผมว่าอย่างน้อย คงอยู่ไปได้อีกนานกว่าจะเปลี่ยน amp อิอิ โชคดีครับ ไว้ผมจัดพอร์ทผมได้จะเอามาเล่าให้ฟังบ้างครับ แต่ปีหน้าล่ะอย่างที่บอก

ที่ขายเป็นเพราะฟองสบู่อ่ะครับ ที่บ้านเลยง่อยไปตามๆกัน ตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นไม่เหมือนแต่ก่อน
แต่ก็พออ้าปากได้บ้างจะซื้ออะไรก็ไม่เขียมเหมือนช่วงนั้น

ชุดข้างบนนั่นเป็นชุดที่แพงที่สุดที่เคยซื้อมาใช้แล้วครับ หลังจากนั้นผมก็วนเวียนอยู่กับ intregrate ตัวล่ะไม่เกินสามหมื่น หรือไม่งั้นก็พวกเครื่องในสตูดิโอ ของที่บริษัท (ผมมีหน้าที่บันทึกเสียงบรรยายกับพวกซาวด์เอฟเฟ็คที่ใช้ในหนังครับ แล้วก็มิกซ์เสียงในหนังอีกเช่นกัน)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 21

นายมั่นคง

15/04/2010 01:01:24
4,294
555 เอ้า มาคุยเล่นต่อครับ อันนี้ถือว่าผมไม่ได้คุยกับคุณ Cyberman โดยเฉพาะเน้อ ถือว่าผมเขียนให้คนทั่วๆๆไปอ่านดูว่าตรงที่ใจเคยคิดหรือเปล่า..........




ผมเองเมื่อปีก่อน ซื้อ Totem มาแล้ว ผมก็ใช้ขาทั่วไป สามสี่พันบาท ไม่ใช่ขาโคลนนิ่ง แต่ถือว่าพอวางได้แข็งแรงแน่นหนา.......


จำได้ว่าตอนนั้นมีขาตั้งแล้ว มันก็พอทนแล้วในระดับหนึ่ง แต่ด้วยใจที่มันหลอนหลอกว่า ยังมีของที่มัน "ใช่" รออยู่ นั่นก็คือขาแท้ของมัน ผมเลยโทรคุยกับคุณเอกชัย ร้าน Fi ที่พารากอน ให้แกช่วยดำเนินการให้ผมเสียสตางค์ไวที่สุด

ปรากฏว่า แกจัดการให้ผมได้มีขาแท้ๆๆ ที่ส่งมาจากแคนาดาเลยครับ ในสนนราคา 22000 บาท ตอนก่อนซื้อพยายามเข้าใจและทำใจว่า เอาวะ คนเราเกิดหนเดียวตายหนเดียว อยากได้อะไร ถ้าไม่ทำให้ล่มจม คงต้องยอมจ่ายล่ะ...


แล้วผมก็ได้มาจริงๆๆ แต่พอหลังจากนั้นไม่นาน ผมไปเจอขาโคลนนิ่งอยู่ 1 ตัว โดยคุณหมูหวานเค้าสะกิดให้ผมดู แล้วให้ผมบอกว่า มีตรงไหนที่ไม่เหมือนมั่ง ปรากฏว่าขนาดผมมีของแท้ ปลุกเสกจากวัดที่แคนาดา ผมเองยังตะลึง

เพราะสัดส่วน วัสดุ มิติต่างๆ มันเป็นขนาดเดียวกันจริงๆๆ ยิ่งพอถามราคายิ่งหดหู่ใจ คือมันถูกกว่าของจริงถึง 5 เท่า !!! คงแนะนำได้อย่างเดียวว่า ถ้าคิดจะซื้อขาตั้งที่ไหน หรือมองๆๆ ไว้แล้ว ขอให้ลองไปหาหมูหวาน เพื่อดูเจ้าขาอันนี้ก่อน

ขนาดผมเองใช้ขาตั้แท้ๆๆ ผมยังร่ำๆ ว่าจะขายเพื่อไปใช้ของโคลนนิ่งแทน 555


เครื่องเสียงนั้นเป็นประดิษฐกรรมที่ทำออกมาเรียกเก็บเงินจากคนโดยแท้จริง กลเม็ดนั้นแยบยลกว่าการเล่นรถยนต์มากนัก รถยนต์นั้น ไม่จำเป็นต้องรู้อะไรมากนัก ขอให้มีสตางค์พอจ่าย รับรองว่าได้มาขี่สมใจ

และก็ไม่ต้องไปคำนึงเรื่องว่ามันจะแมทชิ่งกับถนนราดยาง หรือถนนคอนกรีต หรือไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องการเข้ากันได้กับรสนิยมเราหรือเปล่า เพราะรถยนต์นั้น แค่มองเห็นหน้าตาก็รู้แล้วว่าถูกโฉลกกับเราหรือเปล่า....แทบจะไม่ต้องลองขับขี่ด้วยซ้ำ


หรือถ้าเวลาเราซื้อรถยนต์มาแล้ว หากเกิดปัญหาเรื่องไม่แมทชิ่งกับตัวเรา วิธีแก้ไขก็แสนง่ายดายครับ คือแค่ตัดสติ๊กเกอร์มาติดที่ตัวรถ ประมาณว่า "รถคันนี้สีแดง" "รถคันนี้สีขาว"


ลงทุนแก้ไขไม่กี่สิบบาท ก็สามารถเปลี่ยนโหงวเฮ้งรถได้สมใจเจ้าของมันแล้ว 555
ผมเชื่อว่า ไทยน่าจะเป็นชาติแรกในโลก ที่หาวิธีแก้ไขปัญหารถยนต์ไม่ถูกใจ ด้วยวิธีที่ง่ายสุด ราคาถูกสุด 555


ต่างจากเครื่องเสียงบ้านครับ การจะเอาสติ๊กเกอร์ซักอันมาติดแอมป์ Moon i.5 โดยติดเป็นว่า "แอมป์เครื่องนี้คือ Moon i3.3" หรือติดว่า "แอมป์เครื่องนี้คือ Krell" ผมคาดว่าคงช่วยเจ้าของใหนเรื่องจิตใจไม่ได้แน่ๆๆ ล่ะ

วิธีจะช่วยได้จริงจัง ก็คือยกมาเปลี่ยนจริงๆ ซึ่งผมต้องบอกตามตรงว่า หากยังเคลียร์ปัญหาเรื่องเมียไม่ได้ ผมว่านี่เป็นการสร้างเงื่อนไขให้เกิดการเผชิญหน้าอย่างแท้จริงครับ 555


ผมเองกับเมียนั้น ไม่มีการตอบคำถามว่าเครื่องนี้ เครื่องนั้นราคาเท่าไหร่ เพราะผมจะใช้วิธีไม่พูด และขอสงวนสิทธิ์ใดๆๆ ในการให้ปากคำ ซึ่งพอเมียผมถามหลายครั้งเข้า ก็จะเกิดอาการเบื่อหน่าย ในที่สุดก็ใช้วิธีตัดหางปล่อยวัดผม และเลิกสนใจไปเอง......


ผมเองเคยซื้อ Krell KAV300i กับ ProAc Response 1S มาใช้เมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนนั้นไม่เคยเลยที่จะคิดซื้อ Krell แต่เนื่องเกิดอาการ "ถลำ"ครับ แรกๆๆ ก็ซื้ออะไรที่ง่ายๆ กะว่าฟังเล่นๆ แต่พอคนเราหน้ามืดตามัว คำที่เคยสัญญาไว้กับตัวเอง พลันก็ลืมหมด


ตอนนั้น ผมใช้ทุกอย่างดีหมด ตั้งแต่สายลำโพง สายไฟ ฟิวส์ คืออะไรที่ว่าดี ผมขนเข้าบ้านหมด แต่สิ่งที่ผมแก้ไขไม่ได้คือ ชุดนี้ฟังแล้วเบสไม่มี แต่โพกัส ซาวด์เสตท พละกำลังดีหมด นี่คือเรื่องของการแมทชิ่งครับ ซึ่งข้อนี้ผมถือว่าตัวเองพลาด........


และอีกประการหนึ่ง การที่ไม่สามารถมีห้องฟังจริงๆ จังๆ ได้ ผมอยากแนะว่าอย่าลงเต็มตัวเลยครับ การตั้งโทรทัศน์กึ่งกลาง การมีตู้วางโทรทัศน์อยู่ตรงกลาง การที่ห้องไม่ได้ถูกทำเพื่อให้เป็นห้องฟังโดยเฉพาะ การจะเซ็ทอย่างไร มันก็จะดีได้แค่ระดับเดียวเท่านั้น


คำว่า "ยังไปได้อีก" นั้น มันกินความหมายกว้างจริงๆ ลำโพง Totem นั้น ใช้แอมป์ตัวละห้าหมื่นก็โอเคในอีกระดับ ถ้าขยับไปเป็นอินทิเกรทตัวละแสนห้า มันก็ไปได้อีก

และถ้าขยับไปเป็นปรีเพาเวอร์ระดับซัก 5 แสน มันก็ยังไปได้อีก.....

หรือจะแยกเป็นโมโนบล็อค ชุดละล้านห้า คำว่า "ยังไปได้อีก" ก็ถูกเอามาใช้อีกแล้ว


ผมอยากจะบอกว่า คำพูดและคำวิจารณ์เหล่านี้คือ "กับดัก" ครับ คือที่พูดมาไม่ใช่ไม่จริง แต่ความจริงแล้วมันจริงทุกประการ และจริงยิ่งกว่าจริง เพียงแต่ตัวเรานั้นอาจจะจ่ายไม่ไหวจนไปถึงขั้นนั้นครับ

นักเล่นเครื่องเสียงทุกคนมักจะโดน "กับดัก" ที่ตัวเองอยากจะติดกับ เพราะของพวกนี้ยิ่งเล่นยิ่งมีกิเลสครับ และที่ผมย้ำมากเป็นพิเศษคือ ของพวกนี้เวลาเปลี่ยนใหม่ หรืออัพเกรด ขาดทุนบักโกรกกันแทบทุกรายไป

บางทีการที่เราอยากได้เบสที่ลงลึกได้อีก 1 octave ซึ่งเราได้ยินความแตกต่างไม่น่าเกิน 3% แต่เราอาจจะต้องจ่ายเงินอีกเป็นแสน เพื่อให้ได้มา หรือบางทีบางคนยอมจ่ายเงิน เพื่อให้แอมป์มีไดนามิกพอที่จะฟังไอ้แทร็คที่มีการยิงปืนใหญ่

ซึ่งผมแอนตี้มากๆๆ การจะหาแอมป์แล้วมานั่งฟังอะไรที่มันไร้สาระและเหตุผลรองรับจริงๆๆ ครับ ไดนามิกบ้าบอคอแตกแบบแทร็คนั้น ผมเชื่อว่าถ้าคนที่มีลำโพงและแอมป์ดีๆๆ พยายามหาแอมป์และลำโพงที่คิดว่าเอาแทร็คที่ยิงปืนใหญ่ได้อยู่หมัดแน่ๆๆ

แต่พอเปิดแทร็คดังกล่าว พอใกล้จะถึงวินาทีที่มันจะเริ่มยิง ผมเห็นกี่รายต่อกี่ราย รีบไปลดโวลลุ่มของแอมป์ลง เพราะว่ากลัวว่าแอมป์ละลำโพงแสนรักจะจากไปก่อนวัยอันควร ซึ่งผมเห็นแล้วขำมาก......ว่าจะซื้อมาทำลิงอะไร ถ้าไม่เปิดล่ะ 555


เพลงที่เราฟังๆ กันนั้น ถ้าแอมป์เราค่อนข้างดีแล้ว กำลังขับดี ไดนามิกดี ผมเชื่อว่ามันขับลำโพงได้พอสมควร ยกเว้นแผ่นบางแผ่นที่บันทึกไดนามิกไว้แรงมาก แอมป์ธรรมดาอาจจะดันให้ลำโพงมันพีคไปสุดไม่ได้ ซึ่งผมว่า ถ้าเรางดไม่ฟัง หรือประท้วงไม่ฟังซัก 1 เพลง คงไม่น่าจะเป็นอะไร


เหมือนกับกล้องถ่ายรูปล่ะครับ ผมหมดเปลืองกับการไล่ล่าหากล้องที่มันแพง มันดี(คนอื่นว่าดี) แต่จริงๆ ผมเป็นคนไม่ชอบแบก ชอบใช้กล้องเล็ก ซึ่งมันมีข้อจำกัดพอสมควร อย่างเช่นการถ่ายภาพประเภทหน้าชัด หลังเบลอๆๆ แบบพวกสตูดิโอชอบถ่าย

ผมก็มานั่งคิดว่า ถ้าผมไม่ถ่ายภาพที่หน้าชัด หลังเบลอไปซะ ผมก็คงไม่น่าจะเดือดร้อนอะไร แต่สิ่งที่เดือดร้อนแน่ๆๆ ถ้าผมต้องฝืนใจไปเลือกกล้องตัวใหญ่ๆๆ แล้วมาแบกมันไว้ .....


เช่นเดียวกันครับ ผมเน้นให้เลือกอุปกรณ์ที่สมดุลย์กัน สมเหตุผลกัน และเข้ากันได้ในเรื่องเทคนิค และที่สำคัญต้องให้สุ้มเสียงที่ถูกใจเรา เข้ากันได้กับเพลงที่เราฟังบ่อยๆ ฟังประจำ วิธีนี้จะช่วยให้เราปล่อยวาง และไม่รีบร้อนนัก

แล้วค่อยอัพเกรดหลังจากที่เรามั่นใจว่ามัน "ใช่" ปัญหาที่เราค้างคาใจเราอยู่แน่ๆ......


555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 22

squid

15/04/2010 01:27:16
0
อาการที่เฮียว่ามันชั่งคล้ายกับผมตอนที่เริ่มเล่นเครื่องเสียงใหม่ๆเลยครับ ตอนนั้นยังเรียนอยู่ด้วยซ้ำ แต่ว่าพื้นฐานทั้งหมดก็มาจากพ่อครับ เค้าเป็นคนปูให้หมดเลย ผมมีหน้าที่ฟังแล้วก็เก็บเงินหางานพาร์ทไทม์ทำบ้างเพื่อเอามาช่วยบางส่วน แต่ 90% พ่อผมก็จัดหามาให้แหล่ะครับ ข้อดีอีกอย่างก็คือ พ่อผมจะเป็นคนคอยกรองให้ก่อน ถ้าเห็นว่ามันไปกันไม่ได้ไม่แม็ท ก็ไม่เอา สอนผมมากมายเกี่ยวกับการฟัง ทักษะต่างๆ พ่อผมทำงานเป็นฝ่ายเทคนิคในสถานีวิทยุครับ

พูดได้ว่าพื้นฐานทั้งหมด เกี่ยวกับเรื่องระบบเสียงในบ้าน ในสตูดิโอจะเพื่อการบันทึก หรือออกอากาศถ่ายทอดมาหมด ผมเอามาใช้ทำมาหากินได้จนถึงทุกวันนี้เลยครับ

ส่วนพ่อผมตอนนี้ก็ไปทางเครื่องเสียงกลางแจ้งแล้วครับ ไปเอาดีทางโน้นแทน ให้เช่าตามงานอีเว้นต์บ้าง หรือติดตั้งในร้านอาหารบ้างแล้วแต่ลูกค้า

ส่วนตัวผมก็ยังวนเวียนอยู่ในสตูดิโอบ้างเป็นครั้งคราว ส่วนใหญ่ตอนนี้จะหนักไปทางระบบกล้องที่ใช้ถ่ายหนังซะมาก

ผมว่าเครื่องเสียงมันเหมือน ว่าเราพอใจที่ตรงไหนมากกว่าครับ ตัวเราเท่านั้นเองที่จะบอกได้ว่าพอหรือยัง ผมเคยแหย่เพื่อนเล่นๆ ว่าชุดเอ็งมันขาด deep bass ไปหน่อยรึเปล่า (จริงๆมันก็ค่อนข้างลงตัวแล้วนะ ตัวมันเองก็ว่าชอบแล้ว) เท่าันั้นแหล่ะครับ ผ่านไปสองเดือน ไปทำธุระแถวบ้านมัน เลยแวะไปเพื่อฆ่าเวลา ปรากฎแม่เจ้า มันเปลี่ยนไปเกือบครึ่งเลยครับทีนี้ ด้วยคำพูดยุเล่นๆ เท่านั้นเองนะ

ถ้าใครใจไม่แข็งไม่มีธงของตัวเองเนี่ย อาจเป็นอย่างเพื่อนผมคนนี้ก็ได้นะครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 23

pong

15/04/2010 15:08:27
โอโห พึ่งรู้ว่าเฮียเราทุ่มน่าดู ขาตั้งคู่ละ 2 หมื่นฝ่ายังยอมซื้อ สงสัยตอนนั้น เฮียโดนของแหง๋มๆ ผมผิดไปแล้ว ผมไม่รู้จริงๆว่าขาตั้งแท้มันราคา สองหมื่นแปด ตอนแรกสมัยก่อนจำได้ว่าไม่เกินหมื่น ทำไมตอนนี้ราคาถึงเป็นแบบนี้ไปได้

ขาตั้งแท้สำคัญ เพราะมันจูนเสียงเข้าหากันไว้แล้วว่าใช้คู่กันดีที่สุด โดยเฉพาะลำโพงขี้ฟ้องอย่าง totem ซึ่งหาอุปกรณ์ร่วมด้วยยากกว่าชาวบ้าน แต่ถ้ามันมีแบบโคลนแบบเฮียว่า ซื้อแบบโคลนแหอะ ถ้าก๊อปวัสดุด้วยแล้ว ถ้าต่างกัน ก็คงไม่มาก แต่ราคานี้ซิ ต่างกันเห็นๆ ผมเองยังใช้เครื่องล้างแผ่นก๊อปของคุณหมูหวานเลย ใช้งานได้เหมือนกัน

เราฟังเพลงหรือฟังเครื่องหรือคอยฟังเสียงแปลกๆกันแน่ เราต้องรู้ตัวเองก่อนว่าชอบแนวแบบไหน แล้วลงทุนไปในแนวเสียงแบบนั้น อย่างอื่นต้องยอมละวางบ้างอย่างที่เฮียพูดนั่นแหละ จะเอาดีหมดทุกอย่าง คุณต้องจ่ายหมดตัว แต่ก็ยังไม่ได้ดีหมดหรอก เดี๋ยวก็มีที่ขาดหรือดีกว่ามายั่วคุณอีกนั่นแหละ

ถ้าคุณชอบเพลงแนวเดียวหรือไม่กี่แนว ก็เอาดีทางนั้นเลย จัดเพื่อแบบฟังแนวนี้บ้างแนวนั้นบ้าง จะเสียเงินมากแต่ไม่ดีซักอย่างมากกว่า แล้วก็งงว่าชุดเราก็แพงแต่ทำไมเสียงไม่ดีสู้ชุดถูกๆ แต่ฟังเพลงได้ดีเฉพาะแนวไม่ได้

แต่ถ้าคุณชอบฟังเพลงแบบจับฉ่าย หลายแบบ หลายอารมณ์ ตามวันมามากมาน้อย ก็ยังหาได้ครับ ถ้ารู้หลัก และไม่ใช่ต้องลงทุนแพงๆด้วย คุณต้องหาชุดที่เข้ากันแบบหลีกเหลี่ยงพวกที่สุดทั้งหลาย เช่น เบสแน่นสุด ลึกสุด กระหึ่มสุด เสียงร้องหวานมดตอม กลางอิ่มสุดๆ เสียงหนาหรือแหลมไปได้ไกลสุด รายละเอียดระยิบระยับ มิติ โฟกัส ชัดสุดยอด เสียงกว้างเลยห้องไปสามลี้ ลึกไปสามช่วงตึกแบบนั้น อะไรประเภทนี้ ไม่ว่าจะเป็นลำโพง แอมป์หรือซีดี หรืออุปกรณ์ต่างๆก็ตาม ทำไมหรือ คุณต้องลองเองดูครับ มันเป็นกำกงกำเกวียวนที่คนเล่นเครื่องเสียงส่วนใหญ่ต้องติดกับดักนี้ เพราะเราต้องการอะไรๆที่มันพิเศษเหนือธรรมดา เป็นอะไรที่มันเป็นแบบสุดๆ สมราคาที่เราจ่ายไป

แต่ยังไงก็หลีกเลี่ยงพวกที่บอกแฟลตทีสุด เป็นกลางที่สุด เหมือนกัน ไม่ใช่มันไม่ดี แต่ส่วนใหญ่มันเป็นกลางแบบซื้อบื้อ ตรงแน่วเป็นไม้บรรทัด หาความเป็นดนตรีไม่ค่อยได้ พวกนี้พอหาจุดขายไม่ได้ ก็มักบอกว่าตัวเองเสียงแฟลตไปโน้น สงสัยเป็นแฟลตผีปอบ มันจะคอยจ้องกินตับคุณมากกว่า

ขนาดเราเองที่คุยกันนี้ยังเลือก totem เพราะอะไร เพราะความพิเศษเรื่องมิติ เวทีเสียง และเบส ที่ดีเกินกว่าขนาดของมันไปมาก ซึ่งการที่มันทำอย่างนั้นได้ มันก็ต้องอาศัยการออกแบบที่พิเศษ ส่งผลทำให้ต้องเลือกอุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกับมันมากเป็นพิเศษเหมือนกัน สังเกตุดู ลำโพงเล็กชื่อกระช่อนในตำนานทุกตัว เล่นยากทุกตัวเหมือนกัน

แต่กลับกัน ถ้าเราต้องการเสียงที่มีคุณสมบัติแบบ totem แต่ไม่จำกัดขนาด เราจะพบว่ามีลำโพงจำนวนมาก ที่ทำได้ในราคาที่ถูกกว่า แถมขับง่าย ไม่จุกจิกเรื่องอื่นๆด้วย แต่มันไม่พิเศษนะ มันมีแยอะเลยทีเดียว แต่คุณใช้แล้วภูมิใจหรือเปล่า ในแบรนด์และการได้ชื่อว่าปราบลำโพงเซียนได้(เซียนยังต้องยอมสยบตรูเลยวุ๊ย)

ตามรอยพระราชดำริเลยครับ ใช้สติเล่นเครื่องเสียงแบบพอเพียง รู้จักตัวเอง คุณก็สามารถตีตั่วเด็กออกอวกาศ ต่อให้ไปไม่ถึงดวงจันทร์ ก็ยังอยู่ในดวงดาวได้





ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 24

pong

15/04/2010 15:45:00
ลืมไป เห็นเฮียพูดเรื่องห้องฟังด้วย เรื่องห้องฟังก็สำคัญ ผมเองก็เคยคิดเหมือนเฮียว่าต้องมีห้องฟังเฉพาะ และต้องลงทุนปรับสภาพห้องให้อคูสติกทั้งหลายให้เหมาะสม(ซึ่งใช้เงินจำนวนมาก เงินระดับหลายหมื่นยังไม่พอเลย) เหมือนที่นักเล่นกระเป๋าหนักหรือนักวิจารณ์เครื่องเสียงทั้งหลายมีกัน จึงจะทำให้ชุดเราเสียงดีได้ ถึงขั้นเชื่อว่า ไม่มีห้องฟังดี ลงทุนไปก้ไม่คุ้ม

แต่เดี๋ยวนี้เริ่มมีกลุ่มที่ไม่สนใจเรื่องการต้องมีห้องฟังเฉพาะที่ต้องมีการปรับอคูสติกแบบครบสูตร อาจมีบ้างเพื่อแก้ที่มันมีปัญหาบางอย่างมากเท่านั้น คืออยู่ที่ไหนก็ฟังได้ดีเหมือนๆกัน เลยลงลิ้งให้ไปลองอ่านดูครับ

http://www.thaiaudioclub.net/board/index.php?topic=83.0
นี้เน้นเรื่องการเซ็ตอัพชุดของเราให้เข้ากับสภาพห้องของเราที่มีอยู่

กับอีกแนวทางหนึ่งไม่เน้นอคูสติกไม่พอ ไม่เน้นเรื่องการเซ็ตอัพแบบเอาเป็นเอาตาย เน้นที่ระบบไฟ สายไฟ และเรื่องการสั่นสะเทือนของอุปกรณ์มากกว่า ลองอ่านดู

http://www.goodsoundhub.com/forum/index.php?topic=167.0

ผมว่าการเล่นเครื่องเสียงเดี่ยวนี้ กำลังจะพัฒนาข้ามพ้นสิ่งที่เป็นอุปสรรค์ใหญ่ในวงการอย่างหนึ่งทีเดียว แต่อย่างไร ยังไม่ข้ามพ้น กิเลสของเราเองไปได้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 25

Cyberman

15/04/2010 20:54:28
อ่านนิตยสารเครื่องเสียงและคอลัมน์ถามตอบต่าง ๆ มาก็เยอะ ไม่มีใครตอบได้ฟันธงตรงใจเหมือนเฮียมั่นคงเลย เวลามีปัญหาส่วนใหญ่จะยุให้เปลี่ยนโน่นเพิ่มนี่อยู่เรื่อย ๆ แต่ไม่เคยมีใครบอกให้ช้าก่อน ระวังกับดักให้ดี ที่สำคัญแก้ที่ใจเราเสียก่อน .. งั้นไม่มีทางจบ

สติกเกอร์ "แอมป์เครื่องนี้คือ Moon i3.3" ไอเดียบรรเจิดจริง ๆ ให้คุณหมูหวานทำยี่ห้อดัง ๆ มาขาย มีคนซื้อแน่ เอาไว้ขำ ๆ ดีนะ

คุณ squid ครับ แผ่น PAD ผมไม่มี มีแต่ของ Nordost กับ Ayre ไม่ค่อยจะกล้าใช้เท่าไร เฮียมั่นเคยบอกไว้ว่าไม่ค่อยสนับสนุน ผิดพลาดอย่างไรจะแก้ยาก เผลอ ๆ ตอนแก้จะใช้เวลามากกว่าเริ่มเบิร์นอินใหม่เสียอีก

แทร็กเบิร์นของ Ayre เป็น Brown Noise ส่วนของ Nordost ดูจากสเป็กตรัมเหมือน Pink Noise และความถี่ Sweep ขึ้นลงตลอดย่าน อันไหนน่าจะปลอดภัยกว่ากันครับ

คุณ Pong ครับ อยากให้สรุปสั้น ๆ เป็นคอนเซ็ปเรื่อง DPoLS หน่อย เคยพยายามอ่านเว็บนี้หลายครั้งแล้วไปไม่รอดต้องใช้สมาธิและความพยายามสูงมาก มีแต่ตัวหนังสือติดกันเป็นพรืด รูปประกอบก็ไม่มี พอดีผมมีห้อง 4x6 ปูพรมไว้แล้วอาจจะยกเครื่องเสียงมาลองหาประสบการณ์เรื่อง DPoLS ดู

สุดท้ายขอ ความกระจ่างเรื่องวัสดุรองลำโพงตาม คห.19 อีกครั้งครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 26

squid

15/04/2010 22:00:44
0
แผ่นของ pad มันคล้ายกับของ nordost ครับ

ส่วนขาตั้งผมก็ไม่ได้ใช้ของแท้นะครับ ผมใช้ของในนี้เนี่ยแหละครับซื้อมา ห้าพันเป็นเหล็กครับ ซื้อในงานที่แอมบาสครับ ส่วนไอ้ที่รองใต้ลำโพงกับขาผมใช้ แผ่นยางรอง 3m ครับ ไปได้แถวคลองถมเป็นแผ่นยางสำหรับอะไรไม่รู้ครับ มันไม่ได้เป็นสี่เหลี่ยม น่าจะใช้เฉพาะทางครับ ผมก็ตัดให้เป็นสี่เหลี่ยมแล้วก็เอาแปะไปบนขาแล้วก็วางลำโพงอีกที ลองดันไปมาก็หนืดมากแทบจะไม่ขยับครับ ตอนนี้คงหาซื้อไม่ได้แล้วมั้ง ไม่เคยเห็นมีขายที่ไหนเลย

ตอนนั้นผมคิดว่า mccormack dna 1 ที่ใช้มันขับได้เกือบหมดเลยไม่ค่อยดิ้นรนเรื่องอื่นครับ เพราะมันตั้ง 185 watt แถมเบิ้ลเป็นสองเท่าด้วยเวลาโหลดต่ำลง ยังเสียดายไม่หายอ่ะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 27

pong

15/04/2010 23:27:45
คอนเซ้ป DPols นี้ผมเองก็เองก็อ่านแล้วมึนเหมือนกัน เพราะมันอ่านยากเหมือนที่คุณว่าจริงๆ (นึกว่ามีคนอ่านรู้เรื่อง)ทั้งๆที่ความจริงมันก็ไม่มีอะไรมากหรอก คือ หลักการคือ การปรับเซ็ตลำโพงให้เข้ากับสภาพที่ตั้งและสภาพห้องของเรานั้นเอง

หลักการคือลำโพงในห้องหนึ่งคู่ในห้องๆหนึ่ง มันจะปล่อยเสียงทั้งสองข้างออกมา กระทบสิ่งต่างๆในห้อง ไม่ว่า ตู้ เตียง ชั้นวางเครื่องเสียง ของต่างๆ ผนังต่างๆ รวมทั้งเพดานด้วย และเป็นทั้งเสียงตรงและเสียงสะท้อนต่างๆมากมาย คือของทุกอย่างในห้อง มันก็สะท้อนเสียงทั้งนั้น แต่จะมากน้อยไม่เท่ากัน ที่เราได้ยินคือผลรวมของเสียงต่างๆนั่นเอง ถ้าได้ฟังเสียงจากผลรวมของลำโพงทั้งคู่ที่กระทบสิ่งต่างๆ แล้วมากระทบหูเราเป็นแบบ inphase เราก็ได้ยินเสียงที่มีโฟกัส ความชัดเจน ที่ดี แต่ไม่ใช่เสียงดีนะครับ และส่วนใหญ่เรามักเซ็ตเพื่อให้เสียงชัด แต่มักฟังแล้ว อึดอัด หรือ บาดหู ก็มี เพราะอะไร เพราะมันมักจะชัดที่ความถี่ใดความถี่หนึ่งมากเป็นพิเศษ(คือเสียงโด่งที่ความถี่หนึ่งนั้นเอง) หรือชัดจนทำให้บังรายละเอียดเล็กๆน้อยๆหายไป เสียงจะแห้ง ขาดความสด มีชีวิตของเสียงดนตรีไป เพราะมันขาดความเป็นธรรมชาติไป

หลักการคือเราต้องเซ็ตลำโพงให้ได้เสียง inphase ไม่พอ ยังต้องให้เสียงมัน coherentอีกด้วย (เขียนถูกปล่าวหว้า) คือ ให้เสียงมันมีเสมอสมานของเสียงตั้งแต่ความถี่ต่ำจนความถี่สูงด้วย คิอ ไม่ให้มีความถี่ใดล้ำหน้า(โด่ง)เกินความถี่อื่นไปมาก นี้คือ ทฤษฏี อ่านแล้วงงกว่าเดิมไหมเนี่ย

คราวนี้เวลาปฏิบัติจริง เราก็วางลำโพงห่างจากผนังด้านหลัง แล้วฟังสมดุลเสียงสูง กลาง ต่ำ คร่าวๆว่าสมดุลแล้ว วางระยะห่างระหว่างลำโพงคร่าวๆแบบมาตรฐานทั่วไปก่อนก็ได้ ลำโพงไม่จำเป็นต้องวางห่างจากกำแพงด้านข้างสองด้านเท่ากันก็ได้ คราวนี้การปรับเซ็ตจะยึดลำโพงข้างใดข้างหนึ่งก่อนเป็นหลัก แล้วปรับลำโพงที่เหลืออีกข้างให้เสียงเข้าหาลำโพงหลักอีกข้างหนึ่ง ไม่ปรับลำโพงสองข้างเหมือนทั่วไป เดินหน้า ถอยหลัง ชิดเข้า หรือ ห่างออก โทอินเข้าหรือโทอินออก อันนี้ต้องฟังเอาเอง จนเสียงลำโพงทั้งสอง inphase และ coherent กันในสภาพแวดล้อมนั้นๆ ซึ่งมันวางออกมาแล้วลำโพงอาจจะสมมาตร หรือ ไม่สมมาตรกับห้องก็ได้ ซึ่งต่างจากหลักการเซ็ตอัพลำโพงทั่วไป ซึ่งพยายามให้สมมาตรกันมากที่สุด

แต่ถ้าปรับลำโพงข้างหนึ่งอย่างไรก็ไม่ได้แล้ว คือเต็มที่แล้ว ยังไงก็ไม่ดีขึ้นแล้ว และเสียงก็ยังไม่ได้ ค่อยเปลี่ยนมาปรับอีกข้างเข้าหาอีกตัวหนึ่งแทน ลองอ่านในกระทู้ซิสเต็มชุดเครื่องเสียงของเฮียเม้งเพิ่มเติม จะมีคนโพสตอนแกสอนเซ็ตเป็นวิดีโอ ผมเองก็พอรู้เรื่องก็ตอนนี้แหละ เพราะความจริงหลักการมันง่าย ไม่ซับซ้อน แต่อ่านเวลาอ่านแล้ว งงจริงๆ เฮียแกเป็นผู้เผยแพร่วิธีการนี้ในเมืองไทย แกลองผิดลองถูกอยู่หลายปี จนเข้าใจถ่องแท้ เดี๋ยวนี้ ห้องแกซิสเต็มชุดละหลายล้านบ้าน ไม่มีพวกอคุสติก ทรีนเม้นต์เหลืออยู่เลย แกขายทิ้งหมดแล้ว เหลือแต่กำแพงปูนธรรมดาๆนี้แหละ

ถ้าสงสัยอยากรู้มากกว่านี้ ไปถามเฮียเม้งที่เวปโน้นเลยดีกว่า ที่นี้มันบอร์ดคนมีดนตรีอยู่ในหัว เกรงใจเค้า คุยกันหอมปากหอมคอมันน่ารัก มากไป มันจะไม่ดี เดี๊ยวเฮียจะว๊ากเพ้ยเอา

วัสดุรองลำโพงทุกชนิด ให้เสียงและผลลัพธ์ไม่เหมือนกัน ชอบไม่ชอบ ดีหรือไม่ดี ตอบแทนไม่ได้ โนคอมเม้น รู้แต่ว่าตู้ลำโพงสั่นน้อยที่สุด หรือ สลายแรงสั่นมากที่สุด เสียงก็ดีขึ้น



ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 28

Cyberman

12/05/2010 01:40:21
ไม่ได้เข้ามาอัปเดตเกือบเดือนกระทู้ตกไปไกลเลย

ก็จะกลับมารายงานเฮียมั่นคง หลังจากกลับไปตั้งหลักกับ moon และ model 1sig ใหม่
จากคำแนะนำให้ใช้ไปเรื่อยๆ จนลำโพง และแอมป์พ้นเบิร์นจริง ๆ ก่อน แล้วค่อยมารายงานผลกัน
ช่วงนั้นนอกจากจะเปิดแบบมาราธอนแล้ว แผ่นเบิร์นประดามีทั้งหลายผมก็ประเคนให้มันในช่วงไม่อยู่ทุกวัน ป่านนี้ผมว่ามันน่าจะพ้นเบิร์นไปเรียบร้อยแล้ว

แล้วไงต่อ ด้วยความข้องใจเรื่องขับได้ไม่ได้ ที่สุดก็ทนไม่ได้ ขอยกลำโพงไปลองที่ร้านให้มันรู้เรื่องรู้ราวกันไปเลย

แรก ๆ ก็ลองสลับ i.5 กับ i5 กับเพลงสาระพัดแนว น่าจะหลายชั่วโมงอยู่ ที่จริงอยากจะเทียบกับ i3.3 มากกว่า แต่ i3.3 มีแต่ตัวใหม่ยังไม่ได้แกะกล่องเลย ทางร้านเลยให้ใช้ตัว i5 เดิมเป็นตัวอ้างอิงไปก่อน ถ้าถูกใจ i5 ค่อยแกะ i3.3 ลอง เพราะเขาบอกว่ามันแนวเดียวกัน จริงดังว่า กับลำโพงหลายตัว i.5 และ i5 นั้นอาการอั้น ๆ มันไม่มีให้เห็น แต่พอเปลี่ยนเอา Model 1 ลงแล้วเห็นความแตกต่างเลย แต่ก็ไม่มากมายนักในความรู้สึกของผม

สุดท้ายก็ขอยก i1 มาเทียบอีกตัว ฟังแค่ 5 นาที ผมรู้ว่านี่แหละใช่เลย เสียงเบสมันกระชับ แน่น เก็บตัวเร็วกว่า ขณะที่ i5 ออกนุ่มมากไปหน่อย อาจเป็นเพราะว่าตัว i5 นั้นใช้เดมโมมานานแต่ i1 ที่โชว์อยู่เผลอ ๆ ยังไม่พ้นเบิร์นดีก็ได้ นึกในใจว่าถ้าเสียง i5 มันถูกใจกว่าและเสียงไปในทางเดียวกับ i3.3 จริง วันนั้นได้กระเป๋าฉีกกันแน่

โชคดีผมกลับชอบเสียง i1 มากกว่า The Hunter ที่หิน ๆ โดยเฉพาะแทร็ก 8 ผมอัดไปที่ 12 นาฬิกายังพอไหวแฮะ แค่นี้ก็เกินพอสำหรับผมแล้ว งานนี้เลยต้องจ่ายค่าอัปเกรดไปอีกหมื่นห้า หักค่าเทรินไปอีกห้าพัน จะได้จบเรื่องกันเสียที อย่างที่บอก i.5 กับ i1 นั้นมันต่างกันเล็กน้อยแต่มันได้ความมั่นใจมากขึ้น

ขึ้นกระทู้ด้วยสายลำโพง มาจบด้วยแอมป์ได้ไง ต้องมีต่อ
ชั่งใจอยู่กับ Purist ตามเฮียมั่น แต่เช็คราคาไบไวร์นี่ก็ตั้งหมื่นหก ถ้าใช่ก็จบ ถ้าไม่ใช่ก็ตีนก่ายหน้าผากอีกแล้ว
หลังพ้นเบรินเสียงโดยรวมดีขึ้นมาก แต่กับ QED XT350 มันก็ยังบาดหูอยู่ดี ส่วน VHD CS-122 เบสดีแต่กลางแหลมยังขุ่น ๆ อยู่ จับทั้งสองเส้นมาต่อเป็นไบร์ไวร์ก็ยังบาดหูเหมือนเดิมทั้ง ๆ ที่เอา QED ต่อเสียงต่ำ VDH ต่อเสียงสูง

เสาร์ที่แล้วไปเจอสาย Monster z2 bi-wire มือสองที่คลองถม ไม่รู้ของปลอมหรือเปล่า ตัวสายดูดีทีเดียว มีท่อหดสามทางพิมพ์คำว่า zseries by Monster cable ถ้าดูเฉพาะตัวสายภายนอกนี่เหมือนของแท้ แต่หัว spade กับ Banana ถึงจะดูดีก็ไม่น่าใช่ของแท้เพราะไม่มีโลโก้เหมือนที่เคยเห็น ดูจากเว็บก็ไม่มีในสาระบบของ Monster แต่เนื่องจากเห็นราคามันแค่สี่พัน แถมคนขายบอกถ้าเสียงไม่ถูกใจก็ให้เอามาเปลี่ยนเป็นสินค้าอื่นได้ ก็เลยลองเสี่ยงดู

ถึงบ้านก็จัดการต่อลองทันที ใส่ยากนิดหน่อยเพราะขั้วทางแอมป์เป็น spade หนาปึกเลย แถมสายเป็น bi-wire แท้ แต่ Moon ไม่มี A/B ขั้วหนึ่งเลยต้องยัด spade ลงไปสองอัน พอเปิดครั้งแรก เฮ้ย มันใช้ได้นี่หว่า เบสมาเหมือนเดิม กลางแหลม ใส ชัด รายละเอียดดีขึ้น ที่สำคัญแหลมไม่บาดหูเลย มันใช่หรือเปล่าเนี่ย เคยรู้มาว่า Monster จะเน้นเบส ไม่คิดว่ากลางแหลมจะดีด้วย หรือเพราะเป็นของปลอมมันจึงออกมาอย่างนี้

ถามว่าพอใจใหม ในราคานี้ OK เลย ผมคงจบเรื่องสายลำโพงได้เสียที และคงไม่ไปหาเรื่องเสียเงินกับมันอีกอย่างน้อยคงเป็นปี แต่ก็ไม่วายสงสัยอยากถามเฮียมั่นคงและผู้รู้ว่าจริง ๆ ลักษณะและเนวเสียงของ z2 bi-wire ของแท้เป็นอย่างไรแน่ ไอ้ตัวที่ผมได้มามันจะปลอมทั้งหมดหรือปลอมครึ่งหนึ่ง คือผมไม่ได้กลัวจะเป็นของปลอม เพราะก็พอใจในเสียงที่ได้ทีเดียว เพียงแต่ถ้าใครถามว่าคุณใช้สายลำโพงอะไร จะได้ตอบเขาถูกว่า ของผม Monster z2 bi-wire ของแท้ หรือ ของปลอม ครับ !

รูปสายครับ















ห้องครับ




ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 29

อชื่

13/07/2010 15:35:25
อ่า ผมก็ใช้ Mooni-1 กับ Totem Model1 Single ตามเฮียมั่น
และยังใฃ้สายลำโพง Monster เหมือนคุณ Cyberman แต่เป็นรุ่นเล็ก เสียงร้องดี แหลมมี
อัพอีกทีสงสัยคงต้องไป Totem The One เลยครับ ฮี่ๆๆๆ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 30

นุช

05/07/2011 14:55:45
ตอนนี้กำลังหาซื้อสายลำโพงสีดำ Rose 8X2.5 พอจะแนะนำร้านที่ซื้อได้หรือไม่ค่ะ รบกวนช่วยตอบกลับด้วยค่ะ ขอความกรุณา ขอบคุณค่ะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 31

นายมั่นคง

05/07/2011 15:16:58
4,294
โอววว ยินดีด้วยคร้าบบทุกๆๆท่าน แอมป์ Moon i1 นั้นถือว่าย่อมเยาแล้วล่ะครับ ถ้าเทียบว่าจะเอาไปเล่นแบบออดิโอไฟล์ คือสุ้มเสียงในทุกๆย่านมันให้ได้ ไปกับลำโพงได้หลากหลาย กำลังเยอะเกินกว่าสเปคระบุไว้พอควร

แต่ต้องระวังเรื่องการอัพเกรดขึ้นไปหาลำโพงกินวัตต์มากๆๆ เน้อ เพราะอาจจะไปไม่ไหวล่ะจ้าๆๆๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 32

digitalotis..

05/07/2011 17:08:58
ยังอ่านไม่จบ ยาวมาก แต่ขอถามหน่อยครับ ไม่ลองใช้สาย lan บ้างเหรอ ผมเอง ก็ยังไม่เคยลอง แต่ใกล้จะลองแล้ว เห็นแอมป์หลอดส่วนใหญ่เค้าก็ใช้กันครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 33

veera

21/12/2011 15:01:30
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
"สอบถามเฮียมั่นเรื่องสายลำโพง"