สวัสดีครับ วันนี้ผมมี DAC มาเล่ากันอีกแล้ว
คราวนี้เป็น DAC ในราคาเล็กๆ ประหยัดๆ จากค่าย FiiO เช่นเดิมครับ
คราวก่นผมรีวิวเจ้า D3 ไป คราวนี้ขอรีวิวเจ้า D5 กันบ้างนะครับ
ถ้าใครสนใจอ่านรีวิวเจ้า D3 ตามไปอ่านได้ที่นี่เลยจ้า http://laohaifang.com/node/65" title="http://laohaifang.com/node/65">http://laohaifang.com/node/65
ตอนแรกผมวางรูปแบบการเทสเป็น D5 เทียบกับ ออนบอร์ด
แต่ตอนหลังเปลี่ยนเป็น D5 เทียบกับ D3 น่าจะเหมาะกว่า
เพราะเท่าที่ลองดูแล้วเจ้า D5 ก็มีความต่างกับออนบอร์ดอยู่พอสมควร
เลยจับเจ้า D5 มาฟัดกับ D3 สนุกๆดีกว่าครับ
แต่ก่อนจะเริ่มเข้าเรื่องหลัก เรามาชมหน้าตา เข้า D5 กันก่อนดีกว่าครับ
D5 จะมาในแพ็คเกจกล่องเหล็กแข็งแรงแบบตามด้านบนนะครับ
ซึ่งต่างจาก D3 ที่เป็นกล่องกระดาษ (ผู้ผลิตสองมาตรฐานชัดๆ)
ของถนัดผมละครับ นำเสนอ spec สินค้าด้วยรูปถ่าย 555
ทีนี้เราก็ลองเปิดกล่องดู ก็จะพบแค่คู่มือ
ตัว DAC FiiO D5 และสาย USB อีกหนึ่งเส้น
ตัวคู่มือแสดงการใช้งานทั่วไป
สามารถต่อไมโครโฟนได้ถึงสองตัว
(แต่ผมไม่ได้เทสจุดนี้ เพราะผมไม่มีไมโครโฟนครับ)
หน้าตาด้านหน้าและด้านหลังนะครับ
โดยที่ด้านหน้าจะมีช่องเสียบหูฟังสีเขียว และช่องเสียบไมโครโฟนสีชมพูสองช่อง
ส่วนด้านหลังจะมี USB Input และ Line Out และ Coaxial Out
ซึ่ง M/B ใครไม่มี Coax Out ก็สามารถใช้เจ้านี่แทนได้เลย
ถ้าเอามาเทียบขนาดกัน D5 จะมีลักษณะยาวกว่านิดนึง
และด้านบนยังมีปุ่มอีกสี่ปุ่มด้วยกันครับ นั่นคือ
เพิ่มและลด เสียง และอีกสองปุ่มจะเป็น Mute ของไมโครโฟนและหูฟังครับ
เรียกว่าเจ้า D5 เป็นอะไรที่เอนกประสงค์มากครับ
----------------------------
ทีนี้เรามาดูเนื้อในกันบ้างว่าเจ้า DAC ตัวเล็กๆเนี่ย จะมีอะไรอยู่ด้านในบ้าง
ขออภัยหากรูปน้อยไปนิดนะครับ _/l\_
----------------------------------
ทีนี้ว่ากันด้วยเรื่องเสียง โดยชุดเทสง่ายๆครับ Ceative T20 S2 เจ้าเก่า
โดยจะเทสเทียบกันแบบนี้ครับ D5 VS D3 (โดยใช้ ออนบอร์ดจาก D5)
ขอเล่าซักนิดว่าจริงๆอยากใช้ Coax จากออนบอร์ด แต่ด้วยความเซ่อซ่า
ทำตัว SPDIF Coax Out ของออนบอร์ดหายไปแล้ว เลยไม่มีใช้
ถ้าผมจะใช้ Musiland 01 USD มันก็ไม่ใช่เรื่อง
เลยใช้ FiiO D5 แทนละกัน ตรงนี้ผมไม่ขอวัดผล Coax Out จาก D5 และออนบอร์ดนะครับ
เพราะด้วยตัว D3 เองคงให้ผลความเปลี่ยนแปลงตรงนี้น้อยมากหรืออาจจะไม่ออกผลเลยก็ได้
ผมจึงคิดว่าไม่ต้องมานั่งซีเรียสอะไรในจุดนี้ครับครับ
ผมบอกได้เลยว่าเจ้า D3 กับ D5 มีแนวเสียงที่ค่อนข้างต่างกันแบบชัดเจน
นั่นคือ D3 จะออกไปทางเน้นเบส ส่วนเข้า D5 จะไม่เน้นเบสเหมือนเจ้า D3 ครับ
แต่น่าแปลกใจที่เจ้า D3 ให้รายละเอียดได้ดีกว่าเจ้า D5
ในทางกลับกัน D5 ให้ความโปร่งได้ดีกว่า D3
และ D5 มีโทนัลบาลานซ์ทีดีกว่าเจ้า D3 นั่นเองครับ
ตรงนี้ทำให้ D5 ฟังได้สบายหูกว่า D3
ในเรื่องเนื้อเสียงนั้น D3 มีความหนาของเนื้อเสียงที่ดีกว่า
แต่เนื้อเสียงของ D5 จะมีความผ่อนคลายมากกว่า
ปลายแหลมทำได้พอๆกัน แต่เหมือนว่า D3 จะยาวกว่าจิ๊ดนึง
แต่ผมกลับชอบปลายแหลมของ D5 มากกว่านะ
มันเป็นธรรมชาติมากกว่า เรื่องเวทีเสียงผมให้เสมอกัน
จริงๆมันดูเหมือนว่าจะต่างกันอยู่นิดเดียว
แต่ตรงนี้ผมถือว่ามันน้อยมากจนไม่อยากจะนำมาเทียบกันอย่างมีนัยสำคัญอะไรครับ
บททดสอบบทนี้อาจจะดูสั้นซักหน่อย แต่ก็มีแต่เนื้อล้วนๆนะคร๊าบ
ซึ่งใครกำลังตัดสินใจว่าจะเลือก D3 หรือ D5 ผมขอให้คำนึงถึงแนวเสียงที่ท่านต้องการ
และรูปแบบการใช้งานด้วยนะครับ เพราะทั้งสองตัวมีรูปแบบการใช้งานที่ค่อนข้างแตกต่างกัน
แต่ก็นับว่าทั้งสองตัวถือว่าเป็น DAC ที่เอาไว้หัดฟังสนุกๆได้
เพื่อใครกำลังลังเลว่าจะเล่น DAC ดีไหม หรือใครอยากเอา DAC ไปเทียบกับการ์ดเสียง
ผมว่าเจ้า D3 กับ D5 เป็นอะไรที่น่าเลือกมาลองฟังกันดูเล่นๆ
หรือถ้าใครอยากมีไว้ใช้ยามพกพาก็น่าเอาไว้ใช้แก้ขัดได้ครับ
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ www.holysai.com ที่เอื้อเฟื้อให้ผมได้ทำการยืมเจ้าสองตัวนี้มาลองครับ
ส่วนรีวิวฉบับหน้ายังไม่แน่ใจว่าจะมีอะไร แต่คาดว่าคงมีอะไรที่น่าสนใจให้ท่านๆได้อ่านกันดูอีกครับ
วันนี้ขอลาไปก่อนจ้า
----------------------------
เครดิต : http://laohaifang.com" title="http://laohaifang.com">http://laohaifang.com
เพื่อนๆคนไหนชอบก็แวะไปพูดคุยกันในเวบได้เลยนะครับ
โดนใช้ Account FB Login แล้วคอมเม้นกันในเวบผมได้เลยครับ ^^