
หลังจากที่ได้ Grado Sr80i มาเริ่มแรกจากกล่องก่อนว่าหูฟังอะไรอันตั้ง 4000+
ออกแบบกล่องเหมือนกะกล่องพิซซ่า น้องผมเห็นมันยังบอกเลย "นั่นกล่องหูฟังเมิงหรอ"
ทำไมกล่องมันเป็นแบบนั้น ผมก็บอกไปว่า ซื้อเสียง เว้ย ไม่ได้ซื้อกล่อง มันก็กลับไปดูทีวีตามปกติ
จากนั้นมาทดสอบเสียงเทียบกับหูฟัง in ear โซนี่ mdr ex32 ครับ
รายละเอียดเป็นดังนี้ครับ
1.เสียงแหลมและกลางพุ่งปรี๊ดเลยครับ
2.เบสยังไม่ค่อยมี
3.เสียงยังอู้อี้ อยู่นิดหน่อย
แต่โทนเสียงที่ได้จะกว้างกว่า in ear มากครับ คือฟังแล้วไม่รู้สึกอึดอัดเท่าไหร่ครับ
หลังจากนั้นเปิดทิ้งไว้ไปประมาณ 20 ชั่วโมง แล้วก็ลองกลับมาฟังใหม่ เสียงเบสเริ่มมีมวลมากขึ้น
เสียงแหลมเริ่มลดลง รายละเอียดต่างๆ เริ่มชัดเจนขึ้น ก็เลยเปิดทิ้งเอาไว้ต่อไป
โดยเพลงที่เปิดเป็นเพลงที่เฮียมั่น อัดมาให้สองแผ่นครับ เลยเพิ่มความสมบูรณ์ของกลอง
นิดหน่อยโดย ใส่เพลงของ Santana เข้าไปอีกนิด หลังจากนั้นก็ได้มาพบเจอกับเพลงของ
Clair Marlo เลยใส่เข้าไปอีกชุด จากนั้นก็เบิร์นไปเรื่อยๆ ไม่ฟังเลยจนมาถึง 150 ชั่วโมง
ผมกลับมาฟังใหม่ทำไมมันต่างกันราวฟ้ากับเหวแบบนี้ เสียงทุกอย่าง Clear เลย เสียงกีตาร์ใสมาก
จนกระทั่งบางเพลงผมก็ได้ยินบางเสียงที่ผมไม่เคยได้ยินเลยด้วยครับ หลังจากนั้นก็ไม่ได้สนใจจนมาถึง 200 ชั่วโมง
ถ้าเป็นขาร็อค มาทางนี้เลยครับ
ผมลองฟังเพลงของวง Sound of Desolate ชุด Waiting for last at the horizon
หรือเป็นภาษาไทยว่า รอรักสุดท้ายที่ปลายฟ้า ดนตรีออกเป็นแบบ Retrospect มันส์มากๆ
ยิ่งพอมาฟัง Limp Bizkit ล่ะ ไม่ต้องพูดเลยเสียง Sound กีตาร์ อัดมาเต็มๆ แบบว่ากระแทกได้สะใจมากครับ
สมคำร่ำลือ ที่เค้าพูดกันจริงๆ ครับ ว่าหูฟัง Grado สำหรับขาร็อคจริงๆ ครับ เพราะว่าฟังดูแล้วสะใจดีมากครับ
ส่วนถ้าฟังเป็นพวกคลาสสิคก็ทำได้ดีในมุมมองของผมนะครับ ผมทดลองฟัง Vivaldi Four Season นะครับ
เสียงไวโอลินเพราะดีครับ รายละเอียดอื่นๆ ก็ฟังได้ชัดเจนดีมากครับ เหมาะสำหรับนั่งฟังในวันที่ฝนตก
พร้อมกับหาเบียร์มาดื่มให้ชื่นฉ่ำหัวใจมากเลยครับ หลังจากนั้นลองโดดไปฟัง Within temptation ดูครับ
ในชุด Orchestra Black Symphony ที่เป็นเวอร์ชั่น คอนเสิร์ตอ่ะครับ พอฟังดูแล้วผมถึงกับตะลึงครับ
เหมือนไปยืนกลางวง แล้ว Sound Stage ไปได้ไกลมาก ยังไม่อยากคิดว่าถ้าฟังกับไฟล์ Wav จะเกิดอะไรขึ้น
ผมฟังแค่ mp3 320K เองครับ แต่ก็เพียงพอแล้วครับ ผมพอใจเสียงมาก ส่วนเมื่อคืนนั้นผมไปเจอแผ่น mp3
ที่ทางค่าย rs นำเพลงฮิตในอดีตกลับมารวมแล้วทำเป็น mp3 ออกมาขาย วันนี้เมื่อตอนเที่ยงผมได้เอาหูฟังตัวนี้
มาฟังดู mp3 192K แต่ความคมชัดนั้นเหมือนเทปที่ผมเคยฟังตอนอยู่ มัธยมเลย ครับ คือรายละเอียดมันเหมือนกัน
มันเป็นรวมฮิตเพลงเพราะสมัยตอนผมอยู่ประถมกับมัธยม ฟังแล้วมันนึกถึงช่วงเวลาตอนนั้นครับ ก็เลยซื้อมากเก็บไว้
ส่วนเรื่องสายนั้นหายห่วงครับ
ผมเห็นด้วยกับ คุณ Champ ครับ ที่ว่า "สายมันยาวพอที่จะเอาไปผูกคอตายได้สัก 2 รอบ" สายยาวเหลือเฟือ
จริงๆ ครับ
เอาล่ะว่ามายาวแล้ว
สรุปรวมๆ แล้วกันนะครับ ความรู้สึกครั้งแรกกับ Grado SR800i นี่ประทับใจมากๆครับ ทั้งรูปร่างและน้ำเสียงเลย
แล้วก็จะพยายามไม่ให้หูหาเรื่องไปเล่นตัวอื่นแล้วครับแต่จะหาทางดึงศักยภาพที่มากของมันออกมาให้ถึงที่สุด
มากกว่าครับ เพราะว่าโดยส่วนตัวของผม Grado SR800i นี้ ให้ความสำคัญกับทุกๆ เสียง ก็คือผมฟังแล้วมัน
กล่มกล่อมมากครับไม่มากไปไม่น้อยไป พอดีๆ เหมือนฟังเครื่องเสียงอยู่บ้านครับ คือฟังแล้วเคลิ้มหลับไปได้สบาย
เลยครับ แต่ถ้าคุณจะซื้อหูฟังอันนี้ไปฟังไฟล์เพลงที่ไม่ดีล่ะก็ อย่าเลยครับเพราะมันจะได้ยินเสียง ซ่าๆๆๆ
เป็นคลื่นรบกวนตลอดเลยครับจากที่ลองเอาไฟล์ 128K บางไฟล์มาฟังครับ แต่บางไฟล์ก็ชัดดีแต่ Sound Stage
จะแคบลงครับเพราะโดนตัดทอนเสียงไปตามระเบียบ
ทิ้งท้ายไว้ว่า Grado SR800i ที่เค้าว่าเบสน้อยนี่ไม่เลยนะครับ ผมว่ามันกระชับขึ้นมากกว่า คือฟังแล้ว
เบสมันไม่ค่อยบวม หย่อนๆ หยานๆ อ่ะครับ แต่ถ้ายังไม่พอใจก็เพิ่มด้วยลูกอ๊อดหรือลูกเจี๊ยบก็น่าจะโอครับ
เพราะผมใช้ลูกอ๊อดเพิ่มเบสนิดหน่อยครับ เพราะ Player ของผมมันขับได้ยังไม่ค่อยน่าพอใจนักเลย
เสริมแรงนิดนึงครับ ตอนนี้ก็พอใจเสียงแล้วครับเหลือแต่เก็บเรื่องสายนิดหน่อยครับ
แล้วต้องขอบอกว่าการแชร์ประสบการณ์ครั้งนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผม ผู้อ่านต้องมีวิจารณญาณในการชมนะครับ
ในกรณีของผมถือว่าเป็นความโชคดีที่เฮียมั่นที่จัดให้ผมลงตัวมากกว่าครับ
เพราะว่าของแบบนี้ "หูใคร หูมันครับ เชื่อหูตัวเองดีที่สุดครับ"
แต่โดยส่วนตัว ชอบ Grado SR80i ครับ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านครับ