วุฒิ ปวช.ช่างไฟฟ้า
อาชีพ ลูกจ้างรับซ่อมเครื่องใช้จิปาถะ จ้า

หนักใจเลยครับ คำถามนี้ ฮ่าๆๆๆ
เอาเป็นว่า การที่เราชอบวิชาเรียน มันก็เป็นทางเลือกนึงในการที่เราจะทำงานที่ทำชอบนะครับ
คราวนี้ต้องดูองค์ประกอบอื่นๆด้วยว่า น้องอยากจะทำอะไรบ้าง แล้วคิดว่าร่างกาย จิตใจ ความคิดสร้างสรรค์ของตัวเอง จะสามารถเรียนคณะที่ชอบตามวิชาที่ตัวเองรักได้ดีหรือเปล่า

แล้วเวลาเลือกคณะก็อย่าเอาคณะที่มันตามแฟชั่นเยอะครับ คือบางคนคิดว่าเรียน หมอ วิศวะ หรือคณะที่มันดูยากๆ มันจะดี เพราะว่าคนเหล่านี้ที่เลือกตามแฟชั่นมีปัญหาในระหว่างเรียนและตอนเรียนจบมากๆครับ

คือเลือกคณะตามที่คิดว่าใช่ของตัวเองเลยครับผม

ไหนๆก็แล้ว อย่าลืมนะครับว่าน้องเรียนในมหาลัยน้องได้แค่ ศาสตร์บางศาสตร์เท่านั้นนะครับ ในชีวิตคนเราจำเป็นต้องเรียนอีกหลายศาสตร์นะครับ แต่ของผมตอนนี้คือเจอแล้วครับ 3 ศาสตร์คือ

1. ศาสตร์วิชาชีพ
2. ศาสตร์การเงิน
3. ศาสตร์สุขภาพ

ตอนนี้ที่น้องเรียนหนังสือตั้งแต่ต้นจนจะเข้ามหาลัย แน่ๆเลยอย่างน้อยได้แล้วครับคือ ศาสตร์วิชาชีพ


ยังไงอย่าเพิ่งรีบร้อนครับ ปล่อยตัวสบายๆ แล้วจะเจอทางออกเองครับผม

วุฒิ ป.ตรี วศ.บ เครื่องกล
ตอนนี้กำลังศึกษา ป.โท วิศว. เครื่องกล
จะเรียนเอา ป.เอก เลยครับ ฮ่าๆ

ปวช ช่างกล -> ปวส ช่างกล -> ป.ตรี การจัดกรอุตสหกรรม ->ทำงาน วิศวกรรมการผลิต CPRAM ->ออกมานานแล้ว -> กินเงินทาวเฮ้าส์ให้เช่าไปวันๆ -> กลางเดือนนี้จะเปิดร้านอุปกรณ์ดูแลbigbikeกับคนรู้จักอีกสามคน..

เรียนวิศวะเคยไปเป็นวิศวะอยู่อู่เรื่อ แต่ปัจจุบันทำงานด้านสิ่งพิมพ์ของตัวเองครับ ....

ทำงานที่ชอบดีที่สุดครับ ผมชอบเป็นนายตัวเองเลยลาออกมาหาอะไรทำครับ ....^-^

คำถามนี้ตอบยากครับ... ก่อนอื่นเลยต้องถามตัวเราก่อนว่าอยากทำอาชีพอะไรในอนาคต และในสาขาอาชีพนั้นสามารถพาตัวเราและครอบครัวของเรา (ในอนาคต) ไปได้หรือไม่ ลองเปิดใจมองกว้างๆ หลายๆ องค์ประกอบของสังคม ความต้องการของสังคมต่อสาขาวิชาชีพนั้นๆ และโอกาสที่จะเติบโตในสาขาอาชีพนั้นๆ

ลองสำรวจตัวเองดูครับ ว่าชอบแบบไหนและมีสาขาการเรียนในระดับอุดมศึกษารองรับหรือไม่ และความต้องการของสังคมต่อสาขาที่เรียนนั้นๆ โดยองค์ประกอบทั้ง 3 อันนี้ อาจจะไม่จำเป็นต้องเลือกทุกอันที่ตรงใจ แต่ควรจะเลือกสาขาที่มีความเหมาะสมกับตัวเองครับ...

จากประสบการณ์ของผมที่เคยเรียนผ่านมา การศึกษาในระดับอุดมศึกษาแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ดังนี้
1. สายด้านวิทยาศาสตร์และวิทยาการ เช่น แพทย์ วิศวฯ วิทยาฯ เกษตรฯ
2. สายด้านธุรกิจและการเงิน เช่น บริหารธุรกิจ บัญชี การเงิน เศรษฐศาสตร์
3. สายด้านศิลปะและสุนทรียศาสตร์ เช่น จิตรกรรม สถาปัตย์ฯ
4. สายด้านสังคมและความเป็นอยู่ เช่น สังคมศาสตร์ นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์
5. สายด้านการศึกษาและพัฒนาบุคคล เช่น ครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์

ซึ่งในแต่ละสายก็อาจจะมีความคาบเกี่ยวซึ่งกันและกัน และมีความเฉพาะแตกต่างกัน อย่างเช่นด้านวิทยาศาสตร์ จะศึกษาวิชาทางด้านวิทยาศาตร์ในแขนงเฉพาะ เพื่อสามารถนำไปประยุกต์และต่อยอด เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมหรือปรับปรุงกระบวนการที่มีอยู่เดิมให้ดีขึ้น

ในส่วนของด้านธุรกิจและการเงิน ก็จะศึกษาศาสตร์ด้านการจัดการและจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดเพื่อตอบสนองความต้องการที่มีอย่างไม่จำกัดโดยที่มีต้นทุนน้อยที่สุดและกำไรสูงที่สุด โดยศึกษาถึงพฤติกรรมการบริโภค พฤติกรรมองค์กร การจัดสรรทรัพยากร

ด้านศิลปะ ก็เน้นที่ความคิดสร้างสรรค์ ที่โดดเด่น ความคิดที่บรรเจิด และความงามที่ลงตัวเพื่อตอบสนองต่อสุนทรียภาพของศิลปะ ซึ่งในส่วนนี้อารมณ์และแรงบันดาลใจเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้เกิดความคิดในการสร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะที่ดีๆ ได้

สาขาสังคม ก็เน้นไปที่การท่องจำและการประยุกต์บังคับใช่้กฏหมาย หรือวิเคราะห์ในส่วนของเหตุการณ์ที่ที่เกิดในอดีต เพื่อที่จะเรียนรู้ถึงข้อผิดพลาดและผลกระทบที่ตามมา รวมทั้งหาแนวทางรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

ในส่วนการศึกษาก็เน้นไปที่ทักษะการสอนการสื่อสารกับบุคคลหมู่มากและพฤติกรรมของบุคคลในการเรียนรู้ และสามารถถ่ายทอดความรู้ไปยังผู้รับ และให้ผุ้รับเกิดความสนใจที่จะต่อยอดความรู้เดิมให้มากยิ่งขึ้น

ในส่สนนี้ก็เป้นความคิดเห็นของผมนะครับ อาจจะผิดพลาดไปบ้างก็ขออภัยด้วยนะครับ

ในตอนนี้ก็ค่อยๆ คิดพิจารณาถึงความเหมาะสมว่าเราชอบอะไร และอยากทำอะไร ไม่ต้องรีบครับ เอาตัวเราเป็นที่ตั้งพร้อมรับฟังความเห็นรอบข้างนำมาพิจารณา ไตรตรองและวิเคราะห์ จึงตัดสินใจครับ

ส่วนผมก็
วุฒิ ป.ตรี วิศวกรรมเคมี
ป. โท วิศวกรรมเคมี (วิจัยด้านวิศวกรรมการแพทย์ - วิศวกรรมเนื้อเยื่อ)
ป. โท วิศวกรรมการจัดการโลจิสติกส์

ปัจจุบัน.... ตกงาน ครับ... T-T กำลังหางานครับผม

ตกลงพี่ๆจะเปิกประชุมสภาวิศวกรกันเลยม๊ะครับ อิอิ

^
^
วิศวกรรม AV uncen....

วิทยาการคอมพิวเตอร์ ปี4
(จนป่านี้ยังเขียนไม่ได้ซักโปรแกรม ยกเว้นทำตามหนังสือ - -*)

น้าดลย์ เอ่อย์ .. คณะนี้น่าเรียนแฮะ มีเปิดที่ม.ไหนมั่งอ่ะ จาไปสอบเทียบ แล้วไปสมัครงาน เฮ๊ยสมัครเรียนย์

คุณ mastergreat1 อยู่ม.ปลายเหมือนผมเลยแต่ปีนี้ผมก็ต้องสอบเข้ามหาลัยแล้วยังงงอยู่เลยว่าเขาจะใช้ระบบไหนกันแน่ ปวดหัวไปหมด
ส่วนตัวผมชอบคอมพิวเตอร์ ฟิสิกส์ คณิต เคมีพอไหว ชีวะเกลียดเข้าไส้เลยครับT_T
เลยคิดว่าจะเข้าวิศวะคอมพิวเตอร์เพราะดูจากที่รุ่นพี่เรียนแล้ว ผมว่าเนื้อหามันน่าสนุกครับและตอนจบออกมาหางานก็มีหลายสายหลายทางเลือก(แต่ใครเขาจะรับ)
ผมว่าคุณ mastergreat1 ลองมองคณะวิทยาศาสตร์ดูดีไหมครับเพราะเห็นชอบทุกวิชาหลักของสายวิทย์เลย หลายคนเลยนะครับมองว่าคณะวิทยาศาสตร์เป็นคณะที่ง่ายที่สุดจบง่ายที่สุดในสายวิทย์แต่สำหรับผม คณะนี้มันเป็นอะไรที่กว้างมากครับและได้ทุนเรียนต่อต่างประเทศไม่ยากเลย ถ้าคุณmastergreat1 เป็นคนสนใจ พยายามหาคำตอบ ขี้สงสัย ชอบหาคำตอบด้วยตัวเอง ผมว่าคณะนี้ตอบโจทย์ได้ดีกว่าวิศวะครับ ยกเว้นถ้าชอบชีวะหนักมากก็ไปทางสายแพทย์ ทันตะเลยครับ
ยังไงผมก็ขอยกตัวอย่างตัวเองหน่อยนะครับเพื่อเป็นแนวทางให้ได้

ต้องถามตัวเองก่อนครับ ว่าอยากทำอะไรในอนาคต จะได้ไปต่อว่าจะไปเรียนต่ออะไรดีจ๊ะ
อย่างวิชาที่เราชอบบางทีก็มาเป็นปัจจัยเลือกขอเราไม่ จึงต้องถามว่าตัวเองอยากทำอะไร
เช่น ไม่ชอบฟิสิกส์ เลยไปเรียนเภสัช เพราะคิดว่าเภสัชคงไม่ใช้ อันนี้ถือว่าผิดนะจ๊ะเพราะยังไงก็เจอ

แต่ถ้าให้แนะนำอาชีพล่ะนะก็ขอแนะนำ อาชีพ "นักการเมือง" ครับ 55+ (ขำๆเด้อ) (>w<)
เพราะเราต้องการคนดีมาช่วยประเทศจ้าาา

ผมอยากเป็นนักเคมีอยากมีห้องทดลองอยู๋ที่บ้าน อาทิตย์ที่แล้วผมเพิ่งเล่นโซเดียมกับน้ำ จนผอ.เรียกไปคุยเลย 555555เกือบตายโชคดีบอกแม่บ้านทันไม่ต้องเรียกรถดับเพลิง แต่ถ้าเรียนคณะวิทยาศาสตร์คนไทยมองว่าไม่เก่งอะคระบมันต้องมีมาสอนคน จบเพียวฟิสิกมาก็ไม่ได้มีอะไรในเมืองไทย ต้องไปเมืองนอกถึงจะดี แต่ผมกะเรียนวิศวะแล้วต่อmbaอะครับ อยากจะสอบถามว่ามัจะดีหรือป่าวครับ เพราะคุณแม่บอกถ้าจะเรียนmbaไม่จำเป้นต้องเรียนวิศวะก็ได้ ให้ไปเรียนบัญชีแทน

เป็นโปรแกรมหม้อโล้ดจ้าาาา

ไม่รู้จะช่วยแนะยังไงดี เพราะเฮียก็เป็นพวกไม่ค่อยเรียนกับเค้าเท่าไหร่ 555


จำได้ว่าตอนอยู่ ม.ศ.3 (หลายคนงง ว่าเฮียเรียนรุ่นไหนถึงมี ม.ศ.3) 555


ตอนนั้นไม่สนใจอย่างอื่นเลย มุ่งหน้าไปสอบวิทยาลัยช่างศิลป์อย่างเดียวเลยล่ะครับ ด้วยความอยากไว้ผมยาวๆๆ แบบอำพลลำพูน ประกอบกับเฮียก็พวกแนวอาร์ทจิตรกร ก็เลยไปสอบ ปรากฏว่าเค้าประกาศคะแนนแยกเป็นสองส่วนหรือไงนี่ล่ะ คือคะแนนจากการเขียนรูป และคะแนนข้อเขียน

ปรากฏว่าพวกข้อเขียนเด้งเชือกไม่เป็นท่าเลยล่ะ 5555

ถ้าเป็นนักการเมืองกลัวโดนขุดเรื่องไม่ดี สงสารอ.ฝ่ายปกครองต้องมานั่งเล่า3วันก็ไม่จบ 5555

ถ้าชอบแนวทำ Lab เก็บผลทดลอง ก็แนะนำเรียนสายด้านวิทยาศาสตร์ อย่างเช่น เคมี, เคมีประยุกต์, วิศวกรรมหลายๆ สาขา แล้วก็อาจจะเรียนต่อปริญญาโทที่เน้นไปด้านงานวิจัย หรือทำงานด้านหน่วยงานวิจัย ก็จะได้ทำ Lab กันสนุกสนานเลยครับ...

อย่างตอนที่ผมเรียนโท (วิศวกรรมเคมี) วันๆ ก็อยู่แต่ในห้อง Lab แทบไม่ได้ออกไปไหนเลยครับ... ทำ Lab เก้บผล วิเคราะห์ วนๆ อยู่อย่างนี้หละครับ ^ ^

โห ไม่ต้องไปหาวนเทจที่ไหนแล้วครับเฮียย์ ตัวเฮียย์เองนี่แหละวินเทจตัวพ่อเลย ให้เดานี่ ม.ศ.3 รุ่นสุดท้ายแล้วเลิกหลักสูตรเลยรึเปล่าครับ อิอิ สงสัยเค้าเลิกหลักสูตรเพราะเฮีย

..จริงๆแล้วตอนแรก นึกว่าเฮียย์อยู่รุ่นสุดท้ายของ ม.8 รุ่นขึ้นรถรางไปเรียนหนังสือซะอีก ฮี่ฮี่ย์

แล้วเฮียจบลงด้วยอะไรหรอครับ

อยากทราบเรื่องราวเกี่ยวกับการเกษตรไหมครับ

ผมได้มา 2 ใบแล้วครับ 555

พูดถึงในการเข้าศึกษาต่อแล้ว ทางด้านนี้ค่อนข้างเงียบครับ

แต่ยังไงก็สำคัญเน้อครับ

ปล สิ้นเดือนนี้จะได้ไปพบพี่วุฒิแล้วครับ 55

เคยรวบรวมอาชีพเอาไว้ในกระทู้เก่าๆ ช่วยไปต่อกันหน่อยครับ

http://www.forum.munkonggadget.com/detail.php?id=33860

ใจเย็นๆครับค่อยๆคิดก็ได้
เอาที่เราคิดว่าเราทำแล้วสนุกกับมันดีกว่าจะได้มีความสุขกับงานที่ทำ

Oh วิศวเยอะจังครับผมจบไปจะตกงานไหมเนี้ย 5555

วิศวกรรม AV uncen.
^
ต้องจบอะไรมาครับ น้า ดลย์ ผมจะรีบไปเรียนไห้จบไว ๆ 5555

มีแผ่นติวพิเศษของ อ.Burst น่ะ แฮมมี่ย์ ไปขอมาติวโดยด้วน
อ.Burst แกเคยไปแข่งได้เหรียญทองโอลิมปิก AV Uncen มาแล้วด้วย

ขอบคุณพี่อีแม้นย์ สุดหล่อครับ ต้องไปตามล่าหาพี่ เบิร์ดย์ซี่ ซะแล้ว 555

จบการตลาดครับ แต่ดันทำงานเกี่ยวกับคอมฯเรื่อยมา
ตอนนี้ก็ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ศูนย์คอมพิวเตอร์ที่ ร.ร.มัธยมแห่งนึง
ก็เลยเรียน เทคโนโลยีสาระสนเทศเพิ่มอีกใบครับ

พี่ครับถ้าจบpetro chemมาไม่มีสิธเป็นเจ้าของกิจการเลยหรอครับ ต้องเป็นลูกจ้างเองอย่างเดียวใช่ปะครับ

วิศวกรรม av uncen ถ้าคุณแฮมมี่ย์ อยากเรียนต้องไปฝึกงานก่อนครับ
กับพี่อีแม้นย์ หรือ เบริด์ซี่ย์ก็ได้ครับ อิอิ

ไปโน่นนนนนนนนนนนนนนก่อนเลยน้าดลย์
ไปฝึกกับท่านผู้เฒ่าเต่าเลยครับ ท่านจะพานั่งรถราง วนเก็บป้าๆวินเทจรอบวงเวียน 22 ซะก่อน แล้วท่านจะพาไปยิงพลังคลื่นเต่าซะสองรอบ อิอิย์

อาชีพหลักเป็นกรรมกรครับ หิหิ

555 ผมกลายเป็นวินเทจตัวพ่อไปแล้วหรือนี่ 555

พี่อีแมนนี่ก็น่าจะเป็นพวกเคยเรียนหลักสูตร ม.ศ. นะครับ



รุ่นพ่อแม่เรา เค้าจะเรียนแบบ ม.8 แต่พอรุ่นเรา ก็จะเป็นจบระดับ ม.ศ.5 แต่พอรุ่นล่าสุด ก็กลายเป็นจบ ม.6


เอ้า ถ้าเบื่อแถววงเวียน 22 สามารถข้ามฟากไปวงเวียนใหญ่ได้นะครับพี่อีแมน ได้ข่าวว่าวินเทจน้อยกว่าทางวงเวียน 22 ขึ้นมาหน่อยนึงจ้าๆๆๆๆ 55

จบ com-sci ที่ครับ ทำพวก ios developer น่ะครับ

เรียนสายวิทย์ก็สามารถสอบเข้าคณะพวก com-sci ได้ครับ ปี1 ก็แค่เรียนฟิสิกข์ เคมี ชีวะ แบบมัด ม.4-6 ด้วยครับ ดังนั้นเรียนสายวิทย์มาตรงจะสบายกว่าคนเรียนสายอื่น

ส่วนคุณสมบัติเท่าที่ผมว่าควรคือ
1. เร้าร้อนกระหายความรู้ *สำคัญ
2. เยือกเย็นตอนทำงาน *โคตรสำคัญ
3. ชอบความท้าทายทางตรรกะแก้ปัญหา (มักมาจากพวกชอบเล่นเกมส์ต่างๆ)
4. ติดตามข่าวสาร IT และ update ข่าวๆต่างของวงการ programmer เช่น ลูกเล่น ใน Framework ใหม่ๆ
5. อดทน เพราะบางครั้ง project เร่งรัด นั้งทำงานเลยเวลาทำงาน ก็เป็นเรื่องปกติครับ ระวังเรื่องสุขภาพร่างกาย โดยเฉพาะคอและหลังให้มาก เพราะตอนนี้ผมเองก็คอไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะนั้งงมทั้งวันจะเป็นได้ง่าย
5. ถ่อมตน ฉลาดแสร้งโง่บ้างก็ได้ อย่าโชว์เหนือไปซะทุกเรื่องแม้เราจะถูก(programming สามารถพิสูจน์ด้วยทฏษฎีกันได้ ไม่ต้องเล่นสงครามน้ำลายให้มาก)
วงการนี้ ความเก่งไม่ได้วัดที่ระยะเวลาอย่างเดียว บางคนตรรกะวิเคราะห์เยี่ยมกว่าคนทำงานมานานกว่าก็มีครับ ดังนั้นระวังเรื่องตบะเดชะด้วยครับ เดี๋ยวคนหมั่นไส้ 555+

โปรแกรมหม้อ กับ ดีเวลลอปป้อ เป็นอาชีพที่เสี่ยง ต่อการ ผมหงอก ... 555

อาชีพหลัก ลูกจ้างเมียครับ 555

รองลงมาเป็นสถาปนิกอิสระ แล้วก็ดีเจครับ

ผมหงอกแล้วครับ เป็นหย่อมๆเลยอ่ะคร้าบ =_="

ไอ้ตอนหัวตันๆ คิดอะไรไม่ออก ได้แต่จ้องหน้าจอเพ้อพกไปเรื้อยๆนี้แทบอยากจะไปวิ่งให้เหนื่อยตายไปข้างเลย

แถมต้อง build อารมณ์ทำงานด้วย ไม่งั้นสมองก็ตันได้เหมือนกัน 555+

พี่เคยเป็นดีเจที่teaseป่าวครับ

ขอแจมความคิดเห็นด้วยคนนะครับ
จบแพทยศาสตร์บัณฑิตครับ แล้วก็ต่อด้วย วุฒิบัตรกุมารเวชศาสตร์ รวมเบ้ดเสร็จ 9 ปีครับ

คำถามนี้น่าจะสะท้อนให้เห็นความล้มเหลวของการศึกษาของไทยเรา
ผู้เรียนจนถึงระดับที่ต้องตัดสินใจเลือกอาชีพในอนาคต ยังไม่สามารถรู้ตนเองได้

ปัจจัยที่ควรคำนึงในการเลือก เท่าที่คิดออกนะครับ
1.ค่านิยม เป็นมาทุกยุคทุกสมัย ซึ่งมักจะสอดคล้องกับวิชาชีพที่มองว่ามีความมั่นคงสูง จึงไม่น่าแปลกว่า คนจึงแย่งกันเรียน คนที่ได้คะแนนสูงกว่า ก็คว้าไป จริงๆข้อนี้น่าจะเป็นอันที่ผู้เลือกน่าจะให้ความสำคัญไม่มากที่สุด แต่เชื่อว่ามันมีผลต่อการเลือกมากที่สุด
2.ความสามารถในการทำคะแนนของผู้สอบ ต้องรู้ว่าระดับคะแนนที่ตนเองมั่นใจ สามารถเลือกคณะใดได้โดยไม่พลาด
3.ความถนัด ความชอบของตนเอง น่าจะให้ความสำคัญที่สุด แต่รู้สึกว่ามันจะมาเป็นอันดับท้ายๆ
4.ธุรกิจ และกิจการของครอบครัว ผมมีเพื่อนที่เรียนคณะดีๆ คะแนนสูงๆ หลายคน เรียนจบแล้วก็ไม่ได้ใช้วิชาชีพที่เรียน ต้องสานต่อกิจการครอบครัว
5.เศรษฐานะของครอบครัว คงต้องให้ความสำคัญด้วย ถ้าฐานดี ฝุ่นไม่มีปัญหา หรือจบมาไม่มีงานก็ไม่เป็นไร เลือกไปเลยไม่ต้องแคร์อะไร แต่ถ้าต้องเป็นที่พึ่งของครอบครับ ก็ต้องไม่พลาด เพราะ 1 ปีที่ผ่านไป อาจเป็นภาระต่อครอบครัวมากกว่าที่คิด

แอบอิจฉาเฮียมั่นที่กล้าเลือกตามใจฝัน และจะบอกว่าผมก็อยู่ใน ม.ศ. รุ่นสุดท้าย ยุคเดียวกับเฮียด้วยครับ

เด็ก DEC ก๊าบ สนใจปรึกษาได้

เป็นวิศวะกรรมกรครับ ปัจจุบันรับจ้างเมียทำงานคร๊าบบบ