ก่อนอื่นเลยผมต้องออกตัวก่อนว่าผมไม่ค่อยได้โพสเวบนี้เท่าไหร่คร๊าบ
สมาชิกเวบเฮียส่วนใหญ่จะยังไม่รู้จักผม แต่ถ้าเล่นห้อง sound ที่ OCZ คงได้เห็นผมบ้างครับ
แต่ผมก็มีแวะมาอ่านๆบ้างครับ ไม่อยากมาอ่านบ่อยเท่าไหร่ครับ เดี๋ยวต้านกิเลสไม่ไหวครับเฮีย
ว่าแล้วก็ต้องสวัสดีเฮียมั่น พี่เบียส พี่หมูหวาน พี่แพะ พี่ใหม่ พี่หลุย
และพี่ๆทีมงานทุกท่านที่ร้านมั่นคงและ hifi lover ครับ
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผมพึ่งได้จัดลำโพงตัวนึงมาจากร้าน hifi lover ครับ
เลยนำมารีวิวให้ทุกๆท่านได้อ่านกัน ผมเองก็ไม่ค่อยมีความรู้เท่าไหร่ หูก็ไม่ได้ดีเหมือนใครๆเขา
ก็ถือว่าผมเล่าให้ฟังกันสนุกๆ ขำๆ คลายร้อนก่อนลาสงกรานต์กันละกันนะครับ

วันนี้วันที่ 16/04/54 ผมจะมาเล่าให้ฟังกับลำโพงแบรนด์น้องหงษ์น้อย






ผมเชื่อว่าตอนนี้หลายๆท่านก็กำลังสนใจแบรนด์นี้อยู่
และเนื่องจากผมอยากรู้อยากลองเจ้านี้มาซักพักแล้ว
จริงๆสมัยผมหาข้อมูลเกี่ยวกับลำโพง 5.1 ตอนนั้นก็ได้รู้จักลำโพงยี่ห้อนี้เข้า
แต่เมืองไทยไม่มีใครนำเข้ามา ก็เลยไม่มีโอกาสได้ลองฟัง
แต่ก็สนใจอยู่เหมือนกัน จนเมื่อหลายเดือนก่อนผมก็ได้ไปพบกับเจ้า M200MK3
และได้ลองฟังดูก็ทำให้ผมรู้สึกว่า เจ้าหงษ์ค่ายนี้ต้องมีอะไรดีแน่นอน
ในโอกาสก่อนสงกรานต์ผมมีโอกาสได้แวะไปพันทิพย์
และได้แวะเข้าไปที่ร้าน Hifi Lover เลยได้ไปลองเจ้านี่แต่เป็นรุ่นเล็กๆดู
ซึ่งผมก็เลือกฟังระหว่างเจ้า M20W
หลังจากที่ฟังอยู่เพลงสองเพลงก็เลยยกเจ้านี่กลับมาฟังที่บ้านซะเลย เอามารีวิวให้ทุกๆท่านได้เห็นกัน
เนื่องจากเป็นลำโพงใหม่แกะกล่องผมเลยขอเริ่มด้วยรูปนี้ละกันครับ






กล่องใบนี้ใบไม่ใหญ่ครับ ผมยกคนเดียวได้สบายๆ มีการเป่าประกาศเต็มๆว่าเป็น
World-Class Loundspeakers






ลำโพงยี่ห้อนี้เป็นลำโพงสัญชาติจีนนะครับ และรัฐบาลจีนเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ด้วย (พี่หมูหวานบอกมา)











ชัดๆกับโลโก้และรุ่นซักหน่อยครับ พร้อมทั้งบริเวณด้านล่างยังบ่งบอกที่ไปที่มาว่าออกแบบจากที่ใด
จริงลำโพงยี่ห้อนี่ออกแบบได้สวยๆหลายตัวเลยทีเดียว
สามารถตั้งในห้องรับแขกหรือห้องทำงานได้อย่างสบายๆเลยทีเดียวครับ

[img]http://img688.imageshack.us/img688/2445/dsc04524resize.jpg[/im]

Spec ข้างกล่องระบุชัดเจน แต่ไม่ยอมบอกน้ำหนักว่าหนักเท่าไหร่
แต่ผมเดาว่าไม่น่าจะหนักถึง 10กิโลกรัม (จากการประมาณด้วยแรงแขนของผมทั้งสองข้าง)






ใบเสร็จค่าตัวของลำโพงตัวนี้ ลำโพงยี่ห้อนี้รับประกัน 1ปี จาก Hifi Lover ครับ (ของหิ้วไม่รับเน้อ)
ส่วน spec จริงๆของลำโพงตัวนี้ ติดตามได้ที่นี่ครับ
http://www.swanspeaker.com/product/htm/view.asp?id=1

ลังสังเกตุดูด้วยนะครับ ที่กล่องจะมีแปะตรา RoHS ไว้ สีเขียวๆ
ลองสังเกตุดูดีๆครับสินค้าอุตสาหกรรมสมัยนี้จะได้รับการประทับตรา RoHS ไว้ด้วย
Q : RoHS คืออะไร
A : RoHS คือ มาตรฐานเพื่อสิ่งแวดล้อมครับ ทุกๆท่านสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก
http://www.google.co.th/search?q=rohs&ie=utf-8&oe=utf-8&aq=t&rls=org.mozilla:en-US:official&client=firefox-a

ดูกล่องไปแล้วต่อไปเราจะพาไปชมในกล่องกันบ้างนะครับ






ในกล่องก็มีกล่องอีกใบอยู่ครับ :-)
ลำโพงสมัยนี้จะเจอกล่องสองชั้นซ้อนกันบ่อยมาก เป็นเรื่องปกติครับ อย่าได้ตกใจ






ในกล่องให้ถุงมือมาซะด้วย เอาไว้ใส่แล้วหยิบยกได้ น้องหงษ์จะได้ไม่เป็นรอยขนแมว






ทีนี้มาดูอุปกรณ์ในกล่องกัน จากรูป มันมีแค่นี้แหละครับ
ลำโพงราคาเกือบ 8 พันบาท มีอุปกรณ์มาให้แค่นี้จริงๆ 1 กล่องกับอีก 1 คู่
ซึ่งในกล่องนั้นก็จะเป็นตัวควบคุมวอลุ่มครับ โดยจะติดสายสัญญาณมาด้วย
ดังนั้นจะเปลี่ยนสายสัญญาณไม่ได้นะครับ ต้องใช้เดิมๆที่ให้มา แต่ไม่ต้องห่วงครับ
สายที่ให้มามีคุณภาพที่ดีพอสมควร
เนื่องจากตอนอยู่ที่ร้านได้ลองต่อจากการใช้สายสัญญาณแถมจากลำโพยี่ห้ออื่นดู
(ผมไม่ได้เอาไปนะครับ พี่เขาหยิบมาให้ลอง) พอลองแล้วก็ได้ผลว่าเสียบแย่กว่าพอสมควรเลยทีเดียว
ดังนั้นดูเหมือนผู้ผลิต จะจงใจเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพในการผลิตมาแล้ว ดังนั้นสบายใจได้ครับ ^_^











ด้านหน้าและด้านหลังของตัวปรับวอลุ่ม ด้านหน้ามีโลโก้อยู่
ด้านหลังเขียนว่า HIVI M60 แต่ไม่เข้าใจทำไมเขียนว่า M60 ???
ลักษณืการเชื่อต่อขะเหมือนกับลำโพงรุ่นเก๋าอย่าง Boston BA635 ครับ
คือนำสายสัญญาณเส้นนึงเสียบเข้าที่คอมพิวเตอร์
และเอาสายอีกเส้นนึงไปเสียบที่ภาคขยายที่ใส่ไว้ในตู้ซับ แต่หากต้องการเปลี่ยนสายสัญญาณจริงๆ
ก็ต้องเสียบตรงเลยโดยไม่ผ่านเจ้าตัวปรับลอลุ่มนี้
แล้วก็ปรับเพื่มลดความดังเบาจาก player หรือคอมพิวเตอร์เอาครับ
ดูด้านหน้าและด้านหลังไปแล้ว มาดูด้านล่างกันบ้าง






จะมีลักษณะเป็นตารางสี่เหลี่ยม ซอยถี่ๆ ส่วนด้านบนลืมถ่ายรูปมา -*-
ด้านบนก็เป็นกลมๆสีดำล้วน เป็นพลากติกเคลือบ แต่เคลือบอะไรผมก็ไม่รู้ แต่พื้นผิวมันถูกใจผมจริงๆ
จะด้านก็ไม่ด้าน จะมันก็ไม่มัน ถ้านึกไม่ออกท่านใดมีชั้นวางเครื่องเสียงยี่ห้อ KTT
จะพอนึกภาพออกครับ ลักษณะพื้นผิวมันคล้ายๆกันครับ
เกือบลืมไปด้านบนสุดจะมีร่องวงกลมเล็กๆ เป็นตัวบ่งชี้วอลุ่มที่เราเปิดครับ
เริ่มจากตรงโลโก้รูปเป็ด เอ้ย รูปหงษ์ ตำแหน่งนั้นจะเป็น 6 นาฬิกา ซึ่งคือตำแหน่งปิดเสียงครับ
ซึ่งสามารถเร่งไปได้ถึงที่ระดับประมาณ 4-5 นาฬิกา แต่จากการฟังอยู่หน้าคอมปกติ
เปิดแค่ 7 นาฬิกาก็ดังแล้ว แถมยังมีความไวมากอีกด้วย
เรียกว่าบิดเพิ่มนิดเดียว เสียงดังขึ้นเยอะเลยทีเดียวครับ

ปกติผมจะแกะไส้ในให้ดู แต่เจ้าลำโพงชุดนี้
ผมไม่ได้ทำการขอผู้นำเข้าไว้ในการขอเปิดฝาหลังเพื่อทำการขอดูภาคขยายด้านใน
ผมจึงไม่สามารถพาทุกท่านเยี่ยมชมด้านในได้ครับ เดี๋ยวสินค้าจะหมดประกันซะเปล่าๆครับ
วันนี้ผมเลยจะมาขอออกนอกเรื่องนิดหน่อยครับ ปกติแล้วลำโพงมัลติมีเดียแทบจะทุกรุ่นทุกยี่ห้อ
จะต้องมีคู่มือการใช้งานมาให้ในกล่อง แต่สำหรับลำโพงค่ายนี้แถมเจ้านี่มาให้ครับ






นั่นคือ catalogue ครับ เรียกว่าโฆษณายั่วกิเลสกันต่อเลย
โดยที่หน้าปกใช้รูป French Horn เป็นนายแบบ เวลาเป่าจะต้องเอามือข้างนึงสอดไว้ที่ลำโพง






ขอไม่เล่าเรื่องเจ้า French Horn ต่อละกันครับเดี๋ยวจะยาว
ในแคตตาลอคเล่มนี้มีอะไรน่าสนใจบ้างนอกจากลำโพงรุ่นต่างๆ
และรูปลำโพงสวยๆงามๆ เรามาดูมาชมกันดีกว่า สิ่งที่ว่าคือเจ้าภาพนี้นี่เองครับ







หลายๆท่านคง งงๆกันว่า รูปในหน้านี้มีอะไรน่าสนใจ
น่าสนใจสิครับ ห้องในรูปนี้ ชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการก็คือ ? ห้องไร้เสียงสะท้อน ?
ห้องนี้เป็นอย่างไรเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังคร่าวๆละกันครับ






ลองสังเกตุที่ผนังห้องนะครับ ผนังห้องมีการปรับอะคูสคิกให้ดูดซับเสียงสะท้อน
ให้ได้มากที่สุดเท่าที่ผู้ออกแบบจะออแบบได้ ซึ่งวัสดุก็จะต้องเป็นวัสดุที่คัดเลือกมาด้วยเช่นกัน
เหตุผลที่ต้องทำแบบนี้คือ เพื่อต้องการที่จะได้ผลการทดสอบ
ของลำโพงได้อย่างแท้จริง เพราะไม่มีเสียงสะท้อนจากผนังมารบกวนการวัดผลครับ
ห้องแบบนี้ผมเคยมีโอกาสได้เข้าไปด้านในครั้งนึง
ความรู้สึกคืออากาศมันน้อยครับ น้อยมาก หายใจลำบากครับ
และถ้าลองหันหูข้างนึงเข้าผนัง ยืนใกล้ๆผนังก็จะยิ่งดีครับ
เช่นเอาหูซ้ายไว้ใกล้ๆผนัง แล้วให้เพื่อนเราลองพูด
ซึ่งเพื่อนเราจะยืนอยู่ด้านขวามือของเรา ตัวเราเองจะได้ยินเสียงมาเฉพาะด้านขวา
และด้านซ้ายจะไม่ได้ยินเสียงเลย
ซึ่งนั่นก็เป็นผลมาจากกำแพงที่ออกแบบมาเพื่อการดูดซับเสียงครับ ลองดูในรูปครับ
จะเห็นว่ามีไมโครโฟนถูกห้อยลงมาด้วยเสาต้นเล็กๆ
เหตุผลก็คือเพื่อต้องการลดเสียงสะท้อนให้ได้มากที่สุดครับ
วัตถุยิ่งน้อยยิ่งเล็กยิ่งดีครับ อย่าว่าแต่ตัวผนังเลย แม้แต่พื้นเองก็ต้องมีการออกแบบไว้เช่นกันครับ






ลองดูที่พื้นนะครับ จะเป็นลักษณะของตะแกรง
ก็เหตุผลเดียวกันอีกนั่นแหละครับ ลดการสะท้อนของเสียงให้ได้มากที่สุดครับ
ห้องแบบนี้ใช่ว่าจะมีแต่ต่างประเทศนะครับ ที่เมืองไทยก็มี เท่าที่ทราบ
จะมีที่คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงการณ์มหาวิทยาลัย อยู่ชั้นใต้ดินของตึกมหามกุฎครับ
ส่วนมีที่ไหนอีกผมเองก็ไม่ทราบแล้วล่ะครับ ซึ่งห้องแบบนี้ก็มีราคาแพงมากครับ
ห้องขนาประมาณ 5x5 เมตรก็มีค่าใช้จ่ายในการทำในหลักล้านเลยทีเดียวครับ

มาแล้วจ้าาาาาาาาาาาาา

หลังจากผมเล่าให้ฟังถึงห้องดังกล่าวด้วยความรู้ทั้งหมดที่ผมทราบเกี่ยวกับห้องนั้นแล้ว
คราวนี้ผมก็จะเล่าถึงเจ้า M20W กันต่อนะครับ หน้าตาของเจ้า M20W เป็นเช่นนี้ครับ






M20W เป็นน้องนางที่รักนวลสงวนตัว แต่งกายมิดชิด ซึ่งแตกต่างจากวัยรุ่นไทยสมัยใหม่
ที่หลงๆลืมๆประเพณีอันดีงานในการละเล่นสงกรานต์ ซึ่งเราจะเห็นได้ตามสถาณที่ต่างๆที่มีการเล่นน้ำ
ว่ากันไปนู่น เรามาสนใจน้องนาง M20W กันต่อดีกว่า






เมื่อถอดชุดออกจะพบลำโพงสองตัว ซึ่งลักษณะของสายลำโพงเป็นขั้วแบบ RCA
ถ้าจะเปลี่ยนสายลำโพงงานนี้ต้องแงะออกมา DIY กันซะหน่อยครับ ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่ชอบทำ อิอิ
ด้านบนจะมีพลาสติกแปะไว้กันผิวเปียโนเป็นรอย ด้านข้างจะทำจากไม้แท้ๆ ให้ดูดีมีสกุล
ลองสังเกตุดูครับ สายลำโพงสองข้างตรงแจ๊ค RCA จะใช้สีแดงและเหลือง
ซึ่งสายสัญญาณก็ใช้แจ๊ค 3.5mm เป็นสีแดงและสีเหลืองเหมือนกัน
ไม่ได้ใช้สีแดง-ขาว หรือสีเขียวตามฉบับสากล
ผมเลยเดาว่ารัฐบาลจีนต้องการที่จะแสดงถึงสัญชาติจีน
ซึ่งธงชาติจีนจะมีพื้นหลังเป็ฯสีแดง และมีดาวเป็นสีเหลือง
ลองสังเกตุกันดูครับ ชุดนักกีฬาของชาวจีนมักจะมีสีแดงและเหลือง
เช่น นักฟุตบอล นักแบดมินตัน มักจะใช้สีแดง-เหลือง






ลองมาดูด้านใต้กันบ้าง จะพบเลข serial และปุ่มยาง ส่วนด้านขวาอันนั้นเป็นหน้ากากครับ






ไหนๆถอดหน้ากากแล้ว เรามาดูดอกลำโพงดีกว่าครับ
ขอบเป็นขอบยางมีความนุ่มมากๆ วัสดุที่ใช้ คุณภาพนั้นถือว่ายอดเยี่ยม
ไม่ว่าจะเป็นตัวไม้ ขอบยาง และตัว driver เองก็ใช้ของดีทั้งนั้น
และเจ้านี่คือซับวูฟเฟอร์ครับ ไม่ใช่ satellite แต่อย่างใด
และตัวตู้ของทั้งตัวซับและลำโพงลูก เป็นรูปทรงแบบเดียวกันเป๊ะๆ
ลักษณะจะเหมือนลูกรักบี้ ตัดหัว ตัดท้าย และปาดด้านบนและล่าง ให้มีความเรียบ











ดอกซับวูฟเฟอร์ก็เป็นขอบยางเช่นเดียวกัน ดอกไม่ใหญ่ ตู้ไม่หนัก แต่เบสคุณภาพ
จริงๆตู้ซับก็มีถุงผ้าใส่ครับแต่ลืมถ่ายรูปมา(อีกแล้ว!!!)






ถ่ายใกล้ๆ โชว์ฝุ่นแห่งความใหม่หน่อยครับ เป็นการออกแบบที่แปลงอีกอย่างนึงครับ
คือตัวตู้ซับจะเปิดหน้ากากออกก็ได้ เพราะว่าถ้าเราเปิดออก ก็โชว์ลายหงษ์สวยๆได้
ซึ่งยังไม่พบในลำโพงมัลติมีเดียยี่ห้อใด






ด้านบนจะพบว่าเป็นลักษณะไม่เรียบด้านหน้า ทำไว้ทำไมผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ^_^!






รูปนี้จะเป็นด้านหลังครับ แผงระบายความร้อนขนาดใหญ่มาก






การใช้งานเริ่มจากซ้ายสุด เป็นปุ่มเอาไว้หมุนๆปรับปริมาตรของเบส
ต่อมาจะเป็น input ซึ่งไว้เสียบจากคอม
ขาว-แดงเป็นช่องต่อสายลำโพงถัดไปจะเป็นช่องสำหรับเสียบสายไฟ
และขวาสุดเป็นสวิชเปิด/ปิด






รูปนี้จะเป็นด้านใต้ของตัวซับนะครับ มีเลข serial เหมือนกัน
และมีตัวรองมาให้ เรียกว่าสวบงามครับ แต่คงไม่มีคนก้มลงไปดู






เพราะตอนวางกับพื้นก็จะแทบไม่เห็นเลย ถ้าไม่ก้มลงไปดู

คราวนี้มาพูดกันถึงเรื่องของน้ำเสียงบ้าง ลำโพงราคาระดับนี้ ต้องมีดีแน่นอน มีดียังไงลองชมกัน
ขอเปิดประเด็นร้อนก่อนละกันครับ เริ่มด้วยเจ้าลำโพงลูกๆเนี่ย มันไม่มีดอก tweeter
ดังนั้นหลายๆท่านคงเป็นห่วงเรื่องเสียงสูง ไม่ต้องห่วงครับ มันมีแน่นอน
ไม่ขาดหาย โปรดอย่าได้ห่วง เสียงสูงนั้นไปได้ดีมีความลื่นไหลต่อเองดี
แต่ด้วยบุคลิกของลำโพงตัวนี้เป็นลำโพงที่มีบุคลิกเสียงที่ค่อนข้างหนา อวบอิ่ม
ทำให้เสียงเครื่องดนตรีบางชนิดนั้นจะดูอืดๆไปบ้าง เช่นเสียงเขย่าลูกแซ็ค เป็นต้น
แต่เสียงจะไม่ขุ่นมัวนะครับ เสียงสูงจะสะอาด มีความกจะจ่างใสครับ รายละเอียดมาครบถ้วนดีครับ
เสียงนกร้องประกอบในบทเพลงมีความเป็นธรรมชาติดี ผมว่าไม่มีดอก tweeter ไม่ใช่ปัญหาเลยครับ






เอามาวางถ่ายง่ายๆให้ชมกัน ด้านบนมีลักษณะเป็นแอ่งลงมาเหมือนตัวซับด้วยเช่นกัน
ผมว่าหงษ์น้อยตัวนี้ สามารถวางบนโต๊ะทำงานได้สบายๆ
ขนาดไม่ใหญ่โต น้ำหนักเบา สวยงาม ดูหรูหรา คลาสสิค






ด้านบนก็มีลักษณะเป็นร่องลงไปเหมือนตัวซับวูฟเฟอร์
มีร่องนี้ก็ดีเหมือนกัน ทำให้รู้สึกลดความรกะด้างลงไปได้

มาว่ากันที่เรื่องของน้ำเสียงต่อ เจ้า M20W นี้เป็นลำโพงที่มีเนื้อเสียงหนา อวบอิ่ม
และมีเวทีเสียงที่โอบล้อมนิดๆหน่อยๆ คือลักษณะเวทีเสียงจะไม่ใช่แค่เป็นแผ่นแบนๆด้านหน้า
แต่ลักษณะจะเหมือนมีโค้งเว้าหันเข้ามาหาตัวเราบริเวณริมๆเวทีด้วย
หรือให้เปรียบง่ายๆคือ เวทีเสียงลำโพงมัลติมีเดียทั่วไปจะเป็นแบบเป็น หน้ากระดาน
แต่เจ้า M20W นี้จะเกือบๆได้แบบ เสี้ยวพระจันทร์ อะไรทำนองนั้นครับ แต่มันโค้งนิดเดียวนะครับ
จะไม่เหมือนพวกชุดแยกชิ้นที่มีการจัดวางดีๆ
ซึ่งลักษณะรูปวงจะทำได้เหมือนการจัดวงดนตรีที่เล่นจริงๆ
เสียงกลางนั้นมีเนื้อเสียงอิ่มดีมาก ลื่นไหลฟังแล้วติดหูง่ายมากครับ เสียงจะไม่แฟลตนะครับ
เสียงเบสนี่อย่าให้พูดถึงครับ จัดวาง satellite กับซับวูฟเฟอร์ดีๆนี่ มันโจ๊ะๆมากครับ
เสียงกระเดื่องรัวหลายๆทีนี้ เน้นหัวเบสมาได้อารมณ์มาก จึงทำให้ฟังสนุกครับ
แต่ไม่ใช่สนุกแบบพวก Hiphop แร็พโย้ว นะครับ ผมว่าเจ้าลำโพงชุดนี้มีความเป็นดนตรีสูงครับ
ฟังเพลงเพราะเกือบจะทุกแนว แต่ดูหนังเกือบสอบตก เพราะเสียงอวบอิ่มนี่แหละ
ทำให้มันดูแล้วจะนิ่มนวลเกินไปสำหรับการดูหนัง เรื่องเสียงยังมีข้อเสียคือเบสเก็บตัวช้าไปบ้าง
สำหรับจาเบสอาจจะดูน้อยไปบ้าง เสียงสูงอาจจะมีพร่ามัวไปบ้างใบบางครั้ง (แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่ย่านความถี่นะครับ)
แต่นั่นผมเดาว่าเป็นเพราะผมพึ่งจะเบินลำโพงตัวนี้ไปได้ประมาณ 40-50ชม. เท่านั้นเอง
เพราะที่ร้านก็ไม่มีตัวโชว์แต่อย่างใด แกะกล่องใหม่แล้วลองกันตรงนั้นเลย
ถ้าเบินแล้วอาการด้านบนคงจะดีขึ้นไม่มากก็น้อย






จัดโลโก้หงษ์น้อยไว้ให้ชมกันอีกภาพ ลำโพงชุดนี้ถ้าอยากได้เนื้อเสียงที่ดี
ใช่ว่าพึ่งการจัดวางแค่ซับวูฟเฟอร์นะครับ ต้องพึ่งการจัดวางตัว satellite ด้วยครับ
ส่วนเสียงเบสนั้น เป็นรูปร่างเป็นตัวเป็นตนอีก มาเป็นลูกลมๆใช้ได้เลย ถึงจะลูกเล็กไปหน่อย
แต่ก็มีมวลมีน้ำหนักที่ดี แต่ข้อเสียคือมันลงได้ไม่ลึกเท่าไหร่
แต่ถ้าไม่ใช่ผู้ที่บริโภคเบสเป็นอาหารรับรองว่ามีอย่างพอเพียงแน่นอนครับ
ที่ผมติดใจจริงๆก็คือเสียง flute มันเป็นเสียง flute ที่มีความไพเราะมาก
มีเนื้อเสียงของ flute ที่มีคุณภาพจริงๆ ไม่ใช่ว่ามือโปรเป่าออกมาได้เสียงเหมือนมือสมัครเล่น
แต่นี่เป็นเสียงแบบมือโปรเป่าจริงๆ คนเล่น flute จะรู้ดี
ว่าคนที่เป่าแล้วมีเนื้อเสียงออกมาแบบไหนถึงจะเรียกได้ว่าเข้าขั้นโปรไปแล้ว
เกือบลืมบอกไปลำโพงตัวนี้ เปิดใช้งานไปได้ซักหนึ่งชั่วโมง
แผงระบายความร้อนด้านหลังจะร้อนมากครับ
แต่ไม่ต้องตกใจครับ Microlab H-500 ก็เป็นเช่นนี้ครับ
แต่จากการที่เปิดลองฟังยาวๆซัก 7-8ชม. ก็ร้อนกว่าเดิมไม่เท่าไหร่











แถมให้อีกสองรูป(เห่ยๆ) วางบนโต๊ะทงานกับหน้าจอคอม 21.5นิ้ว ดูดีจริงๆ
ปล. การใช้งานจริงจะวางห่างกันกว่านี้นะครับ

สำหรับท่านใดที่ต้องการคุณภาพเสียงที่ดีกว่านี้ลองดูเจ้า M50W นะครับ
เป็นรุ่นใหญ่กวานี้ เจ้าตัวนั้นเปลี่ยนสายสัญญาณได้
เพราะตัววอลุ่มแยกอิสระกับสายสัญญาณ
และสายลำโพงสามารถถอดเปลี่ยนได้ เพราะเป็นแบบขั้วสปริงหนีบ
รุ่น M50 มีดอกดอก tweeter ด้วยนะครับ
สุดท้ายแล้วรีวิวนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนล้วนๆ
โปรดใช้วิจารณญาณในการรับฟัง(การอ่าน)ด้วยนะครับ
วันนี้ขอลาไปก่อนครับ แล้วพบกันใหม่กับรีวิวฉบับหน้า แต่ยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นตัวไหนดี อิอิ