เรื่องแบบนี้สำหรับตัวผมเองนะครับ บอกตรงๆ ว่าตอนแรกผมแยกไม่ออกเลยครับ 128 หรือ wav ด้วยซ้ำ มันขึ้นอยู่กับความตั้งใจฟังของเราด้วยครับ ถ้าฟังบ่อยๆแล้วเราจะรู้ได้ด้วยตัวเองเลยครับว่า เสียงมันดีต่างกันอย่างไร เรื่องแบบนี้มันฝึกกันได้ครับ   ฉะนั้นคำตอบที่ถามสำหรับตัวผมเองนั้น ผมตอบทั้ง  2 ข้อครับ ทั้งจริง และ ไม่จริง อิอิ

ฟังไปเรื่อยๆเดวก็จะรู้เรื่องเองคับ ตัวผมเองก็ยังหัดฟังอยู่เลย เพิ่งเริ่มสนใจได้ไม่นานมาก ยิ่งฟังเปน ความหายนะยิ่งมาเยือนคับ - -&dquot;

เป็นเรื่องจริงๆๆๆ ครับ เรื่องพรรค์นี้ บางทีฟังเหมือนตลก แต่เค้าทำกันมานานแล้วล่ะครับ...........

การซื้อเครื่องเสียงนั้น เวลาไปฟังที่ร้าน เรามักจะปลื้ม และซาบซึ่งไปกับเสียงเพลง ฟังชุดที่เราเล็งไว้ในใจ มันช่างไพเราะเหมือนเดินขึ้นสรวงสวรรค์


แต่พอจ่ายตังค์ อุ้มกลับบ้าน พอวางปุ๊บ เสียบปลั๊ก อ้าว ทำไมไม่เหมือนกันหว่า.............


นั่นเป็นเพราะเงื่อนไงต่างๆ มันเปลี่ยนไปหมด ตั้งแต่อคูสติกของห้องฟังที่ร้าน อุปกรณ์ร่วม แผ่นซีดีที่ทดสอบ และสินค้าใหม่ที่ยังไม่ได้เบิร์น


บางท่านยังใช้วิธีอุ้มแอมป์ไปทดสอบกับลำโพงที่ร้านออกบ่อยๆๆ บางท่านอุ้มลำโพงไปทดสอบกับแอมป์ก็มี ถ้าบางท่านเป็นขาใหญ่ (สตางค์มากๆๆ) ทางร้านก็มีการบริการบรรทุกมาให้ฟังกันถึงบ้านทั้งชุดก็ยังมีครับ


เครื่องบ้านใหญ่ๆๆ เค้ายังหอบเอาอุปกรณ์ไปทดสอบกันจริงๆๆจังๆๆ นัยประสาอะไรกับแค่พกซีดีไปแค่ไม่กี่แผ่นเองล่ะ 555 อันนี้ถือว่าเป็นเบสิคสุดๆๆ ของการทดสอบแล้วครับ


พยายามเอาของที่ตัวเองฟังบ่อยๆๆ มันเหมือนท่องอาขยาน หรือท่องสูตรคุณนั่นเอง คือมันอยู่ในหัว เราจำได้หมด ตรงไหนมีข้อข้องใจนิดเดียว เราจะฟังออกทันที

และทุกๆๆ คนควรจะมีเพลงอ้างอิงที่ตัวเองเอาไว้ทดสอบความพึงใจของแต่ละคนไว้ด้วยครับ และควรจะเลือกเพลงที่มีคุณภาพการบันทึกดีๆๆ เยี่ยมยอดหน่อย อย่าเอาเพลวที่คุณภาพการบันทึกไม่ค่อยดีไปทดสอบ

เพราะจะทำให้เราพลาดกับบางความถี่ และพลาดเรื่องการจำแนกเสียงที่ดีและไม่ดีออกจากกันครับ


เอาซีดีหรือไฟล์เพลงในขนาดที่ตัวเองใช้บ่อยๆๆ และฟังบ่อยๆๆ มาที่ร้านเพื่อทดลองฟังได้ครับ

ทางที่ดี หากับข้าวใสปิ่นโต และอาหารกลางวันมาถวายเพลกับหลวงตาเบียสก็จะได้กุศลหนักขึ้นไปอีกในชาติภพนี้ 555

ช่วงนี้เจ้าเบียสเฝ้าร้านคนเดียว พนักงานขาดแคลนจริงๆๆ ครับช่วงนี้



555