5555 ถามผิดคนแล้ว 5555
แต่ผมจะตอบให้เองครับ รับรองว่าได้ความรู้กลับไปมั่งน่า

VBR = Variable Bit Rates คือ ไฟล์เพลงประเภทมี Bit Rates ไม่เท่ากันทั้งเพลง (ใครรู้จริงช่วยมาดูให้ด้วยนะครับ 555)

Flac คือฟอร์แมตชนิดหนึ่ง ที่ผมว่าขนาดมันใหญ่พอๆกับ lossless นะครับ ให้คุณภาพเสียงที่เหนือกว่าไฟล์บีบอัดขนาด 320kbps แน่นอน

แต่เปลืองที่ชะมัด เครื่องใครจุน้อยๆ ก็อย่าไปใช้ เพราะฟังความแตกต่างค่อนข้างยากเมื่อเทียบกับ 320 kbps ครับ

ถ้าโหลดเป็น Flac มาแล้วสามารถแปลงเป็น MP3 ด้ครับ โดยใช้โปรแกรมง่ายๆ แบบ jetaudio สามารถแปลงร่างเป็นอะไรก็ได้ สบายมาก 555

ส่วน VBR นั้น ผม่านมาเค้าว่ามันไม่นิ่งทั้งเพลง มีขึ้นมีลงตลอด วิธีเลี่ยงก็คืออย่าไปใช้มันซะเลย หันไปเอาซีดีต้นฉบับแล้ว Rip มาเป็นไฟล์ขนาด 320 kbps แค่นี้ก็สบายแล้วครับ

อย่าลืมนะจ๊ะ ณ เวลานี้ ถ้าจะฟังเพลงแล้ว อย่า Rip มาต่ำกว่า 320 kbps เป็นอันขาด เพราะต่ำกว่านี้แล้ว หูฟังดีขนาดไหนก็ไม่ค่อยได้ประโยชน์เท่าไหร่ครับ 555

ใครอ่านเจอตรงนี้ ถ้ารู้ว่าถูกผิดอย่างไร ช่วยแก้ไขด้วยนะ 555

อ้าว สรุปว่า VBR ไม่ดีเหรอครับ เพิ่งรู้ นึกว่าดีว่าเสียอีก

ผมคิดว่าถ้าเอามาฟังเพลงกันแบบที่พวกเราฟัง ผมว่าไม่เหมาะน่ะครับ

VBR นี่มันน่าจะประมาณไฟล์สำเร็จรูปที่ใช้กันแบบง่ายๆ ถ้า Rip มาเป็น VBR คุณภาพก็คงงั้นๆ ครับ

ตอนนี้ใครฟัง 128kbps ต้องถือว่า ฟังต้นฉบับที่แย่อยู่ครับ

128 - 192 -256 kbps ตัดออกไปได้เลยจ้า

อย่างน้อย ณ วันนี้ ควรจะอยุ่ที่ 320kbps แล้วครับ ถ้าเครื่องใครจุมากๆ แนะนำให้ไป Rip เป็น lossless เลยดีกว่า

ไม่งั้นไม่คุ้มหรอกครับ ใช้หูฟังดีๆ แล้วมาฟังที่บิทเรทต่ำๆ มันจะขาดทุนเอาน่ะซิครับ 555

FLAC = Free Lossless Audio Codec

แล้ว lossless มันคืออะไรเหรอครับเฮียมั่น ขนาดมันใหญ่มากไหม ครับ

้อ้อๆๆๆ ลืมๆๆๆ อีก แล้ว ไฟล์ FlAC แปลงไงอ่ะถึงได้ไฟล์นี้
ใช้โปรแกรมอะไร ห่ะรอ คะรับ

555 เอาแบบมั่วๆ ก็แล้วกัน

ปกติผมใช้แต่ itunes จนเคยตัวครับ แทบไม่เคยลองโปรแกรม Rip เพลงหรือ convert file จากโปรแกรมอื่นๆ เลย

ทีนี้ถ้าถามว่า lossless มันคืออะไร มันก็คือฟอร์แมทที่เล็กลงกว่าต้นฉบับ (ไฟล์ wav) ซักครึ่งนึงน่าจะได้ครับ

ส่วน Flac มันก็คือฟอร์แมทนึง ซึ่งก็น่าจะเล้กซักครึ่งนึงของไฟล์ wav

ทำไงถึงจะได้ Flac 5555 ต้องยืมหรือขโมยซีดีของเพื่อนมา Rip ครับ

แต่เดี๋ยวนี้ไฟล์ดีๆ อย่าง Flac หรือ lossless มันมีให้โหลดถมไป แทบไม่ต้องง้อไฟล์ 128 kbps กันแล้วครับ 5555 (ของฟรีดีกว่าแน่นอน)

ถ้าจะแปลงเป็น Flac ก็ลองใช้โปรแกรม jetaudio ของค่าย iaudio ดูซิครับ ผมเคยใช้แล้วปรากฏว่าเวิร์คดีมากครับ โปรแกรมเล็ก เปิดง่าย ปิดง่าย ไม่เหมือน itunes ครับ

โปแกรมตัวอื่นจนปัญญาที่จะตอบจริงๆ ครับ 5555
แล้วที่ผมตอบไปข้างต้นก็ไม่รู้จะถูกหรือเปล่า 5555

นึกว่าคุยกันสนุกๆก็ได้ แต่ผมว่าผมน่าจะตอบถูกเกินกว่า 90% แล้วนะ 555

ถ้าใช้ ipod ใช้ apple lossless ดีกว่าไหมคับ
มันแปลงยากไหมอะคับ
ว่าจะซื้อ ipod เร็วๆนี้แร้ว

ปัญหาโลกแตกก็คือ การใช้ไฟล์ใหญ่ๆ มันเปลืองพื้นที่ครับ แต่ถ้าจะฟังดีๆ เลย lossless ก็คือทางเลือกที่ดี

แต่อย่างว่า ยัดเพลงลงไปไม่กี่อัลบั้มก็ทำท่าว่าจะเต็มซะแล้วน่ะซิ 555

ใช้ IPOD ไม่มีอะไรยากเลยครับ ง่ายสุดๆ

VBR ในทางทฤษฏี แล้วดี ครับ ได้ทั้งขนาดเล็กลง และเสียงดีกว่า

แต่ในทางปฏิบัติ แม้แต่ AAC VBR ที่ผมฟังกับ ไอ้ป๊อด ยังรู้สึกว่าเสียงมัีนออกอาการ "วูบวาบ" ครับ แล้วก็บางทีฟังแล้วรำคาญหูพอสมควร บางเพลงฟังแล้วแห้งๆ พิลึกครับ

ขออนุญาตให้ข้อมูลเพิ่มเติมครับ

๑. ไฟล์ FLAC เป็นชนิดหนึ่งของไฟล์บีบอัดชนิด Lossless ข้อดีของมันคือ เป็นฟอร์แมทที่ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้ก็ไม่ต้องขอไลเซ่นส์ จึงมีเครื่องเล่นหลายตัว เอาฟอร์แมตนี้ไปใช้

๒. ไฟล์บีบอัดชนิด Lossless คือรูปแบบการบีบอัดไฟล์เสียงให้มีขนาดเล็กลง โดยไม่ยอมสูญเสียความละเอียดของเนื้อเสียงเลย ดังนั้นไฟล์ชนิด Lossless ตามทฤษฏีแล้วจึงควรให้เสียงเทียบเท่ากับต้นฉบับ

๓. VBR คือรูปแบบการบีบอัดใหม่ ที่มีการใช้ Bitrate ผันแปรไปตามความจำเป็น หมายความว่า ในเพลง ๆ หนึ่งมีช่วงของเพลงที่มีเนื้อเสียงซับซ้อนไม่เท่ากัน ในช่วงเงียบ หรือย่านความถี่ไม่มาก ความจำเป็นในการใช้บิตเรทสูงจะน้อยกว่าช่วงเสียงที่มีย่านความถี่ครอบคลุมทุกย่าน เพื่อให้การบริหารขนาดไฟล์มีประสิทธิภาพมากขึ้น วิศวกรจึงออกแบบ VBR ขึ้นมา

ผลที่ได้จึงทำให้ได้ไฟล์เสียงคุณภาพสูง ในขนาดไฟล์ที่เล็กกว่าการใช้ CBR (บิตเรทคงที่ทั้งเพลง)

พูดให้ชัดคือ CBR ใช้เนื้อที่สิ้นเปลืองกว่าโดยใช่เหตุ สรุปอีกทีคือ ในบิตเรทที่เท่ากัน VBR จะมีขนาดไฟล์เล็กกว่า และเสียงควรจะดีกว่า CBR เพราะ VBR 320 kbps จะบีบอัดในเรนจ์ประมาณ 288 - 400 Kbps. ขณะที่ CBR 320 Kbps. จะบีบที่ 320 เสมอ

อย่างข้างบนน่ะครับ VBR เป็นการพัฒนาอีกสเต็ปของ MP3 ให้เครื่องมือมันฉลาดขึ้นจนสามารถเลือกว่าเวลาข้อมูลเสียงดนตรีมีไม่มากให้บีบอัดด้วยอัตราสูงๆ แบบช่วงนี้มีแต่เสียงเพอคัสชั่นใช้ความละเอียดน้อยแค่ร้อยกว่าี่บิทก็ยังพอเก็บได้หมด พอถึงช่วงเครื่องดนตรีใส่กันทุกชิ้นมีข้อมูลเยอะก็ใช้อัตราบีบอัดน้อยลงเป็นสามร้อยกว่าบิทให้เก็บได้ครบๆ ผลคือขนาดไฟล์เล็กลงโดยคุณภาพเสียงเทียบเท่าการบีบอัดไฟล์ด้วยรายละเอียดสูงกว่าในอัตราคงตัวครับ