ส่วนที่ 1 บทนำ (ถ้าไม่อยากเสียเวลาอ่านให้ข้ามไปส่วนที่ 2 ครับ)
เรื่องเริ่มจากผมซื้อหูฟัง Philips SHE9850 ในงาน Hardware House Clearance มาที่ราคา 1800 บาท (เป็นหูฟังตัวแรกที่ผมซื้อในราคาเกิน 1000 บาท) ที่ซื้อเพราะเห็นลดราคา จากราคาเต็ม 3000 กว่าบาท พูดง่ายๆ ชอบของถูก ว่างั้น
และบังเอิญอีก ไปได้ Sony A828 ยังไม่แกะกล่อง ในงาน Clearance ของ Home Work มาในราคา 3600 บาท (ได้ของถูกอีกแล้ว เข้าทางครับ)
ปรากฏว่าหลังจากเสียบหูฟังกับ Player ด้วยกันครั้งแรก ตะลึงเลยครับ ไม่น่าเชื่อว่าเสียงที่ได้คุ้มราคามาก ก่อนหน้านั้นผมสนใจแต่พวก Home Theater ซึ่งส่วนใหญ่ลำโพงที่ผมมี จะเป็นของค่าย JBL (ดังนั้นคงจะพอทราบแนวทางการฟังเพลงของผมบ้าง)
หลังจากนั้น ก็ใส่ฟังก่อนนอนเกือบทุกคืน แต่เหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ตอนตื่นขึ้นมาเช้าวันหนึ่งก็พบว่าหูฟัง ได้หลุดออกไปจากหู ซึ่งก็เป็นปกติของผม เพราะหลังจากหลับไปแล้วผมมักจะงัวเงียดึงหูฟังออกจากหูโดยไม่รู้ตัวเป็นประจำ แต่วันนี้ปรากฏว่าผมดันลืมล็อคปุ่มปรับเสียง ทำให้นอนทับไปทับมา ทำให้เสียงเร่งไปถึง Max เลยครับ และบังเอิญเป็นช่วงที่ผมกำลัง Burn หูฟัง อยู่ เลยเปิดแบบ Repeat All ไว้ หลังจากนั้นก็ได้ปรับเสียงลงมาเป็นปกติ แต่หูฟังผมซิครับ เจ้า SHE9850 ด้านซ้ายเสียงดันแตกซะแล้ว เสียดายมาก
หลังจากนั้นได้เริ่มเสาะแสวงหาหูฟังตัวใหม่ แต่เนื่องจากเวลามีจำกัดเพราะผมต้องไปต่างจังหวัดในวันรุ่งขั้น และกว่าจะกลับก็อีกเกือบเดือน จึงต้องรีบหาหูฟังอันใหม่ บ้านผมอยู่ฝั่งธน จึงพยายามหาร้านที่ใกล้ที่สุด และพบกับร้านของคุณพรชัย อยู่แถวๆ บ้านพอดี จากนั้นรีบขับรถไปทันที พอเจอคุณพรชัย ผมก็บอกว่าผมอยากได้หูฟังที่เสียงเหมือน She9850 แล้วก็ยื่นหูฟังให้แกลองฟังดู จากนั้นแกก็เอาหูฟังเสียบใส่ในหูของแก จากนั้นเงียบไปสักพัก ขณะเดียวกันทำหน้าตั้งใจฟัง สักพักแกก็บอกว่าให้ลองดู Metro Fi220 ผมก็ลองฟังดู แต่ก็ไม่วายขอลองอีกหลายตัวทั้ง Super Fi3, Super Fi4, CX500, AKG K324P หลังจากลองฟังจนจุใจ ในที่สุดก็ติดสินใจว่า เชื่อพี่เขาดีกว่า เพราะที่ลองมาทั้งหมด Super Fi3, Super Fi4 เบสน้อยไป ส่วน CX500, AKG K324P ก็เบสมากไป จากนั้นจ่ายสตางค์ให้พี่เขาไป พอหันหลังปุ้บ ได้ยินเสียถอนหายใจดังเฮือก (ล้อเล่นครับ พี่เขาบริการดีมาก ลองกี่ตัวก็ไม่มีบ่น)
กลับมาถึงบ้านปุ๊บ เริ่มลองฟังอย่างตั้งใจ โอ้ว! ปรากฏว่าหูผมรับแทบไม่ได้ เพราะเสียงเบสก็บวมมาก แถมเสียงแหลมมันบาดหูผมเหลือเกิน และยังไม่พอยังมีเสียงร้องประเภท ช, ซ, ฉ, ส ออกมาค่อนข้างชัดเจนมาก ซึ่งไม่ใช่สไตล์ที่ผมชอบเลย ณ.ตอนนี้ ผิดหลังสุดๆ ผมเลยตัดสินใจวางเอาไว้ที่บ้าน ไม่ได้เอาไปต่างจังหวัดด้วย แต่เอา SHE9850 เสียงแตกๆ ไปฟังแทน
หลังจากกลับมาจากต่างจังหวัด ก็เริ่มคิด เอาว่ะไหนๆ ก็ซื้อมาแล้วถ้าไม่ให้โอกาสก็ดูใจดำไปหน่อย เลยเปิดเพลงที่ฟังประจำ Burn เอาไว้ทั้งวันทั้งคืน หยุดพักบ้างเปิดบ้างสลับกันไป พอให้ครับสัก 200 ชั่วโมง จากนั้นเอามาฟังอีก ก็ดีขึ้นบ้าง เบสบวมน้อยลง แต่เสียงแหลมนี่สิ ผมไม่ชอบเลยครับ เป็นอีกครั้งที่ผมวางทิ้งเอาไว้เหมือนเดิม
ผ่านไปอีกเกือบเดือน ผมได้ไปที่ ร้านมั่นคง สาขางามวงศ์วานมา เหมือนเคย คราวนี้ได้ขอลองหูฟังอีกหลายตัวเลย เอาให้สะใจ ราคาตั้งแต่ หลักพัน ยันหลักหมื่น ทำหน้าตาเหมือนนักฟังชั้นเซียน(แต่หารู้ไม่ เรามันแค่พวกหูตะกั่ว) สุดท้ายก็เลือก Monster Turbine ครับ ชอบมาก เสียงครบทุกย่านความถี่ แถมมีเสียงเบสกระแทกแก้วหูให้สะเทือนเล่นด้วย (ได้ออกกำลังการแก้วหูไปในตัว) ผมว่า Monster Turbine เนี่ยแกะออกจากกล่องมา เสียงไม่ขี้เหล่เท่าไรครับ ฟังได้เลย Burn แบบฟังไปด้วยได้ ไม่เหมือน Metro Fi220 ผมไม่ได้ฟังตอน Burn เลย เพราะฟังไม่ไหวจริงๆ
ระหว่างการฟังไปอ่าน Web ของเฮียมั่นคงไป บังเอิญไปเจอข้อมูลแผ่น Burn ของ Isotek จากนั้นก็เสาะแสวงหา Web ที่มีให้ Download และในที่สุดก็ได้มา (จริงๆ ใน Web เฮียก็มีคนแจก โดยส่งแผ่น CD ให้ด้วย แต่บังเอิญผมไม่รู้จักใคร บวกกับเป็นคนขี้เกรงใจ เลยไม่กล้าขอครับ) เป็น Wave ไฟล์ครับ จากนั้นก็เริ่ม Burn ตัว Turbine

ส่วนที่ 2 เนื้อหา
หลังจาก Burn ตัว Turbine เสร็จนึกได้ว่ายังมีหูฟังอีกตัวที่เราซื้อมานี่หว่า เลยหยิบเอา Fi220 มาลอง Burn ดูเล่นๆ ไหนๆ ก็ไม่ค่อยได้ฟังแล้ว Burn ไปเรื่อยๆ ทั้งวันทั้งคืน สักประมาณ อทิตย์หนึ่งได้ เอามาใส่หูฟังอีกครั้ง เผื่อเสียงจะดีขึ้น (แบบไม่ได้คาดหวังอะไรเลย)
ฟังคราวนี้ตกใจเลยครับ เสียงเปลี่ยนไปมากมาย (อ่านถึงตรงนี้ไม่ต้องทำหน้าตกใจตามผมก็ได้ครับ ไม่มีอารมณ์ร่วมไม่ว่ากัน)
จากนั้นก็เริ่มตั้งใจฟังกับเพลงต่างๆ ที่ผมชอบ เริ่มจากเพลง Someone to Watch over Me ของ Renee Olstead ซึ่งนักร้องคนนี้ผมรู้จักก็จาก Concert: Hit Man ของ David Foster ฟังแล้วติดใจเสียงน้องคนนี้มาก เลยหามาฟังทั้งสองอัลบั้ม ปรากฏว่าชอบทั้งสองอัลบั้มเลยครับ ถ้าใครชอบฟังเสียงหวานๆ แนะนำครับ ส่วนเพลง Someone to Watch over Me ที่ผมเลือกเพลงนี้มาทดสอบเพราะ เพลงนี้มีเสียง Trumpet ของ Chris Botti บวกกับเสียงร้องหวานๆ ของ Renee และอีกอย่างคือ เสียงเบสในเพลงนี้ครับ มันนุ่มนวลแต่ว่า Impact ดีจริงๆ สิ่งที่ดีที่สุดที่ผมได้จากหูฟังตัวนี้คือ Sound Stage ครับ มันกว้างมากๆ มากที่สุดในจำนวนหูฟังที่ผมมี กว้างกว่า Turbine อีก ใครว่า Turbine เบสเยอะแล้ว ให้มาลอง Fi220 ดูครับ จะรู้ว่าเบสเยอะเป็นอย่างไร เบสที่ได้ถึงจะเยอะ แต่ว่าไม่ได้บวมนะครับ กลมกล่อมทีเดียว แต่จากที่ลองฟัง ไม่ใช่ว่าจะฟังได้ดีในทุกๆเพลงนะครับ บางเพลงที่มีเบสต่ำๆ ต่อเนื่องมากๆ ก็มีอาการบวมได้เหมือนกัน อย่างเช่นเพลง Light My Fire ของ Patricia Barber ถ้าฟังด้วย Turbine เสียงเบสจะมาเป็นลูกๆ กำลังดี แต่ถ้าฟังด้วย Fi220 เบสจะออกมามากจนปวดหัว แถมยังไปกลบเสียงอื่นด้วย อย่างที่บอกไม่ใช่ว่าจะเป็นกับทุกเพลงนะครับ เพลงอื่นๆ ของ Patricia Barber ที่มี Deep Base ส่วนใหญ่ก็ยังคงฟังได้ครับ (ผมมีเกือบทุกอัลบัมของเธอเลยครับ ผมว่าไม่ว่าเสียงร้องของเธอ หรือรูปแบบของดนตรี ในแต่ละเพลงชัดเจน และมีการบันทึกเสียงมาเป็นอย่างดี รู้ได้เลยว่าตั้งใจทำทุกเพลง) อีกเพลงที่ผมชอบใช้ทดสอบเสียงเบสคือเพลง As Time Goes By ของ The Royal Philhamonic เป็นเพลงบรรเลงครับ แต่เสียงเบสเพลงนี้ลงได้ต่ำ และกระแทกกระทั้น สรุปผมว่าคนที่ชอบฟังเสียงเบสที่มี Impact เยอะๆ น่าจะชอบเจ้า Fi220 ได้ไม่ยากครับ
ส่วนของเสียงสูง ผมว่าได้มาตรฐานของค่าย Ultimate Ears ครับ คือจากที่เคยลองฟัง UE700 เสียงสูงทั้งสองตัวออกแนวเดียวกันคือค่อนข้างไปได้ไกล ส่วนรายละเอียด และการทอดหางเสียงนั้น ทาง Fi220 อาจสู้ UE700 ไม่ได้ แต่สำหรับคนทั่วไป ผมว่าเสียงสูงขนาด Fi220 ก็มีมาก หรือบางคนอาจจะบอกมากเกินไปด้วยซ้ำ สำหรับผมถ้าเทียบเสียงสูงของ Fi220 กับ Turbine ผมชอบแบบ Turbine มากกว่า คือเสียงสูงกำลังดีไม่บาดหู
รูปลักษณ์ภายนอกบางคนบอกว่าดูเหมือนหูฟังราคาถูก (อ่านจากรีวิวของพวกฝรั่ง) แต่สำหรับผม ผมคิดว่ามันสวยดีครับ
สุดท้าย ผมว่าหูฟังแต่ละตัวก็จะมีแนวทางในการออกแบบไม่เหมือนกัน ดังนั้นผมเป็นคนหนึ่งที่มีหูฟังอยู่กี่ตัว ผมเอาออกมาใช้หมด (พูดเหมือนมีเยอะ แต่จริงๆแล้ว มีแค่ไม่กี่ตัวนะครับ) ผมว่าแม้กระทั่งเพลงๆ เดียวกัน ใช้หูฟังคนละตัวกัน ก็ให้อรรถรสในการฟังต่างกัน และที่สำคัญคือความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นหูฟังที่เราว่าดีที่สุดสำหรับเรา อาจไม่ใช่หูฟังที่ดีที่สุดสำหรับคนอื่น และหูฟังที่ดีที่สุดสำหรับคนอื่น ก็อาจไม่ใช่หูฟังที่ดีที่สุดสำหรับเรา ดังนั้นควรอ่านข้อมูลจากคนอื่นเพื่อเป็นแนวทางเท่านั้น ที่ดีที่สุดเราควรจะไปลองฟังด้วยตัวเอง
โดยเฉพาะที่ ร้านเฮียมั่น
เพราะฟังฟรี ไม่มีอั้น
ฟังจากเช้าถึงเย็น ไม่ว่ากัน
ถ้าไม่กลัว จะโดนฟัน
ก็จงไปเอย 5.5.5…..

ก็ลองมาก่อนแล้วนิเนอะ ก่อนซื้อ fi220 อะ

แล้วก็ลองอีกหลาย ๆ ตัวแล้วด้วยนิครับ

แต่ก็ยังเอามาทั้ง ๆ ที่ไม่ชอบ จะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจฟังที่ร้าน ก็นะทั้ง ๆ ที่ลองฟังแล้ว(คิดดูดี ๆ )

แล้วยังกล้ามา รีวิว ของเค้าอีกนะครับ

ช่างกล้าจิง ๆ (แอบตลกตอนอ่าน )

ผมอาจเขียนอธิบายไม่ละเอียด ผมซื้อเรียงลำดับดังนี้ครับ

Philips SHE9850 (งาน Clearance Hardware House) -->

++หลังจากนั้นอีก 1 เดือน++

Metro Fi220 (ร้านคุณพรชัย) -->

Monster Turbine (ร้านเฮียมั่นคง)

ผมสงสัยว่าไอ้กลอน ขำขันผม ท่าจะไม่ขำขันซะแล้วครับ (ผมตั้งใจแต่งใต้ตลกๆ ครับ อย่าคิดมาก) ได้ตรงคำว่า "ถ้าไม่กลัว จะโดนฟัน" ผมไม่ได้หมายความในแง่ไม่ดีนะครับ ผมหมายถึงใครได้ไปลองใช้บริการร้านแกแล้ว ต้องเสียสตางค์แน่ เพราะมันมีแต่ของทำให้เกิดกิเลส จริงๆ ครับ

ผมประทับใจในบริการทั้งสองร้านมากครับ โดยเฉพาะร้านเฮียมั่น ผมไปนั่งลองอยู่หลายชั่วโมง
น้องเขาเอาหูฟังตัวนั้นตัวนี้ให้ลอง ไม่มีบ่น ผมว่าร้านเฮียมั่น เป็นร้านตัวอย่างร้านหนึ่ง ที่ผมเคยใช้บริการมา ในแง่การบริการลูกค้า สุดยอดครับ

555 ขอบ คุณ ครับ ที่ ช่วยแชร์ ประสบกาม เอ๊ย !!555 ประสบการณ์ การฟัง ครับ 555 ผมว่า แต่ละคนเสันทางการฟัง มัน

ไม่เหมือนกัน ครับ บางคนเดินซ้าย บางคนไปทาง ขวา เดินผิดทาง บ้าง ถูกทาง บ้าง สุดท้าย ครับ ก็ จุดหมายเดียวกัน 555 ก็คือ

หมด ตรู......ดดด 55 ตึ่งโป๊ะ สำหรับผม มีความสุขกับการฟัง นี่คือ จุดสุดยอดละ ครับ ......................อิ อิ อิ