คุณ ตั่วปุ๊ย ครับเวลาไปซื้อ สังเกต ตัวอักษรจีนดีๆ นะครับ ไม่งั้นอาจจะได้โคมไปผิดทิศผิดทางมา

5555

ตั่วปุ๊ยนี่คงขำมุข เต็งลั้ง ของผมมากเลยนะนั่น


เอาล่ะ ไหนๆ ก็เล่าให้ฟังกันหน่อย
--------------------------------------------------------------

เต็งลั้ง นั้นเป็นคำภาษาจีนครับ แปลว่าโคมไฟ

ไอ้เจ้าเต็งลั้งนี่ ถ้าในยุคโบราณเดิมๆ เค้าจะใช้เทียนหรือไส้ตะกียงไว้ข้างใน ส่วนภายนอกจะใช้โครงไม้ไผ่ ล้อมด้วยกระดาษสาบางๆ

เวลาใช้ก็จะจุดไฟไว้ข้างใน ไฟก็จะส่องสว่างออกมาภายนอก

มายุคปัจจุบัน เทียนก็เลิกใช้และเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟแรงเทียนต่ำๆ แทนกัน

และก็กลายเป็นสัญลักษณ์ไปโดยปริยายว่า ถ้าบ้านไหนแขวนเต็งลั้งไว้หน้าบ้าน ทางด้านซ้ายและด้านขวา นั่นหมายความว่าในบ้านนั้นมีผู้ใหญ่ เด็ดสะมอเร่ไปแล้ว

ซึ่งเต็งลั้งนั้น จะมีการเขียนชื่อผู้ตายไว้บนโคม และเขียนอายุไว้บนโคมเช่นกัน โดยมักจะเขียนด้วยอักษรสีน้ำเงิน และมักจะแขวนไว้หน้าบ้านประมาณ (45 วัน ไม่แน่ใจ)


ซึ่งนักเลงหวยมักจะชอบเดินสอดส่อง มองหาตัวเลขปริศนาเอาไปแทงหวยกันอยู่บ่อยๆๆๆ 555

ใครถามเราว่า เต็งลั้ง ก็คือโคมไฟชนิดหนึ่งนั่นเอง
-------------------------------------------------------------


เรื่องราวในยุทธภพที่เกิดขึ้นกับเหล่าชาวยุทธในช่วง 1-2 วันมานี้

- ปริศนาชายใส่เสื้อเหลืองกลับข้าง

- เต็งลั้งพิฆาต

- ถุงดำเป็นสีนิลจากชายร่างอ้วน

- ห้องฝึกวิทยายุทธ 3 ห้องบนหอคอย

- ฯลฯ


555 ปมปริศนาเหล่านี้คงต้องไปเฉลยกันที่ พันทิพย์งามวงศ์วาน ในบ่ายวันอาทิตย์ล่ะครับ 555

ผมว่ามันทำท่าจะออกแนวเร้นลับ สนุกกว่าแฮร์รี่พ็อตเตอร์ซะอีก


555 จริงไม๊ตั่วปุ๊ย

.........ลืมบอกไปอีกแง่มุมหนึ่ง

เต็งลั้งนั้น ก็คือโคมไฟนั่นเอง ซึ่งสามารถนำมาประดับประดาไว้ในบ้าน หรือบนบ้านได้ครับ

ในเมืองจีน หรือ ญี่ปุ่น ก็ยังนิยมประดับประดาเต็งลั้งกันทั่วไป บริเวณหน้าบ้าน หรือทางเข้า ซึ่งมันก็เปรียบเป็นโคมไฟส่องสว่างนั่นเองครับ


อย่างถ้าสังเกตุให้ดีๆ ในไทยนั้น บางบ้านบนดาดฟ้า มักจะปลูกต้นทับทิม และประดับหลอดไฟระยิบระยับ และมักจะมีเต็งลั้งเล็กๆ สวยงามแขวนไว้ด้วยครับ


และอีกอย่างในเมืองจีน หรือในเมืองไทยสมัยก่อน การจุดเต็งลั้งแขวนไว้หน้าบ้านก็เป้นที่นิยมกันมาก


ในยุคหนึ่งที่การค้าประเวณีในไทยได้รับความนิยมอย่างสูง ก็มักจะมีการแขวนโคมไว้เป็นสัญลักษณ์ไว้หน้าบ้าน มีทั้งโคมเขียว โคมแดง

ยุคก่อน โคมเขียว ดูเหมือนว่าจะเป้นบ้านที่แขวนเต็งลั้งสีเขียวไว้ และได้รับความนิยมจากชายนักเที่ยว ที่นิยมมาหาความสุขจากหญิงคณิกากันมาก 555

จนกลายเป็นเรียกติดปากหญิงที่ทำงานประเภทนี้ว่า หญิงโคมเขียว


มายุคนี้ เค้าเปลี่ยนไปเป็นแบบนีออนกันแล้ว มีทั้ง สีฟ้า สีชมพู สีเขียว หากใครอยากทราบว่าเป้นไง ลองไปหาชมแถวๆ อินทามระ จะมีแอบซุ่มติดอยู่เป็นหย่อมๆ ตามซอกตามซอย

ผมเองนั้นไม่ได้แวะเวียนไปดูมาเป้นเวลายี่สิบปีแล้ว 555



ส่วนเต็งลั้งที่ผมเปรียบเปรยกับตั่วปุ๊ยนั้น เป็นอะไรที่ต้องไปเฉลยวันอาทิตย์หน้าจริงๆ ครับ 555


เอ้า สาระและเนื้อหาก็พอมีเหมือนกันนะเนี่ย 555

55555..... โห ... นี่ถามแค่เรื่อง โคมไฟ มันกลายเป็นปริศนาไปขนาดนั้นเลยเหรอครับ

เฮียยังขาดไปอีกเรื่องนึง

2 จอมยุทธ ที่อดทนและอดกลั้น ไม่ยอมขึ้นไปสอย เต็งลั้ง บนหอคอยคู่

แต่ดันมีเพียง จอมยุธ " ไข่ดาว " ที่ขึ้นไปสอย ถึงสองครั้ง  บนหอคอยเดียว  5555


ต้องไปฟัง เฉลย ปริศนา ณ สำนักมั่นคง งามวงศ์วาน   5555555

ข้าไปล่ะ  ท่าน มั่นคงบ่อกี้  กร๊ากก..ก..ก.

สงสัยต้องไปฝึกยุทธ มาปราบชาวอินเดีย ซะแว้ว

เต็งลั้ง ก็คือโคมไฟชนิดหนึ่งนั่นเอง

ใช่ ข้ารบมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ ก็เห็นแต่ จอมยุทธไข่ดาวนี่แหละ ที่เก่งทั้งทางสุรา และ เพลงกระบี่ 5555


ไว้คงต้องเล่าเรื่องในยุทธภพต่อที่งามวงศ์วานล่ะ

555..... จอมยุทธ ไข่ดาว  ใครอ่ะ  5555

แค่ชื่อก็ ฮา แล้ว ว่าแต่ว่า ไปสอยถึง 2 ครั้ง บนหอคอย สอยอะไรอ่ะคั๊บ


เอาวุ๊ย ..... ไปฟังที่งามวงศ์วาน ดีก่า

อยากไปฟังเรื่องในยุทธภพที่งามวงศ์วานอ่ะ

555 อยากรู้เรื่องด้วยจังเลย อย่าลืมแวะมาเล่าให้ฟังกันมั่งนะ ครับ อิ อิ อิ

อ่าว....อีนี้ นายพยัคฆ์แพะ นายคิดจะปราบจ้านเหรอ อีนี่นายตกงานแน่นอน นายเตรียมตัวไปช่วยเพื่อนนายขายหูฟังได้เลยจ้า อีนี้จ้านรู้ว่านานต้องเข้ามาแอบด่าจ้าน แน่นอน....

ตกงานแน่นอน ...... 5555