คุณภาพ

ลำโพงราคาถูกๆจนถึงรสคานะดับกลางๆจะให้ได้แค่เสียงครับ
แต่ลำโพงราคาแพงๆระดับไฮเฮนด์นอกจากมันจะให้เสียงที่ดีมากๆแล้ว มันยังให้สิ่งที่ลำโพงระดับล่างๆให้ไม่ได้คือ "อารมณ์ ความรู้สึกเสมือนจริงและ มิติเสียงที่ล่องหน"

ลำโพงตัวเล็ก แต่เสียงไม่เล็กนะ

ต้องลองฟังดูถึงจะรู้ว่าทำไมถึงแพงกว่า

ถ้าลำโพงเล็กบางตัวในที่นี้หมายถึงพวกบลูทูธ อาขจะเป็นที่การพกพาด้วยครับ วัสดุกันน้ำกันฟุ่น กันกระแทก หลายๆอย่างครับ เคลื่อนที่ได้คล่องตัวกว่าเสียงดีไม่ต่างจากตัวใหญ่ๆมากราคาเลยสูงกว่าตัวใหญ่ๆแต่เสียงดีพกพาไม่ได้ การดูแลรักษายากกว่า ครับ

1. เพราะชิ้นส่วนทุกอย่างเล็กลง ทำให้การประกอบยากขึ้น

2. อยู่ที่คุณภาพวัสดุที่นำมาประกอบ. เช่นใช้อะไร หายาก สายไฟ
คุณภาพนำไฟฟ้าชั้นสูง ดอกลำโพง ใช้แม่เหล็กชั้นดี เป็นต้น

3. ขายแบร์น ที่น่าเชื่อถือ. เช่น แบร์นของ อักกฤษเก่าแก่มีชื่อเสียงมานาน
กับแบร์นพึ่งเกิดใหม่. แม้จะใช้วัสดุชนิดเดียวกัน ราคาแบร์นที่มีชื่อเสียง
กว่าจะขายแพงกว่า

ของไทยที่ขายแพงเพราะเราผ่านพ่อค้าหลายระบบ. และภาษีนำเข้าเราก็แพงมากๆๆ
แต่เงินกองคลังเรากลับ.... เฮ้ยยยยย ที่นี่ประเทศ. ลัดดาแลนน์

โจทย์การออกแบบไม่เหมือนกันครับ
การวิจัยเพื่อสร้างตัวผลิตภัณฑ์ก็ไม่เหมือนกัน

นอกจากเรื่องเสียงแล้ว
ต้องทนทาน ต้องพกพาได้ ดูดี น้ำหนักไม่มากไป เล่นได้นาน
รองรับบลูทูธหรือการเชื่อมต่ออื่นๆ เทสว่าใช้กับอุปกรณ์อื่นแล้วไม่มีปัญหา บลาๆ
จะเห็นว่าโจทย์จะเยอะมาก จนบางครั้งเรื่องเสียงเป็นเรื่องรองไปเลย

อีกอย่างคือจากที่เห็นๆมา ลำโพงเล็กๆจะมีปัญหาเรื่องเบสครับ
ยิ่งทำเบสมาดี สังเกตว่าราคาจะยิ่งแพง. เพราะคู่แข่งที่จะทำแบบนั้นได้ก็น้อยลง
ตัวเลือกสำหรับผู้ซื้อก็น้อย ก็ตั้งราคาได้สูง
คือเรื่องส่วนวัสดุ การประกอบ บลาๆ ผมคิดว่าคงไม่เท่าไหร่นะ

ตัวเล็กๆมันทำให้เสียงดีๆแบบตัวใหญ่ๆยาก พอยาก ก็ต้องมีการวิจัย คิดค้น
เลยมีค่าใช้จ่ายตรงนี้เข้ามาทำให้ราคาสูงกว่าครัช

เอาให้เห็นภาพน่าจะคล้ายๆอาหารล่ะครับ เสต็ก 49 บาท ได้เยอะเต็มจาน กับ เสต็กเนื้อนำเข้าพันกว่าบาท ชิ้นกระติ๊ดนึง
เหมือนจะเล็กกว่า แต่รสชาตต่างกันแน่นอนครับ

ถ้าเป็นเครื่องเสียง ตัวเล็กๆแพงๆ จะรายละเอียดเสียงดีกลมกล่อมกว่าเยอะครับ
เพราะเค้าต้องออกแบบวงจร คัดสรรค์วัสดุ และจูนเสียงอย่างดี ซึ่งมันแพงตรงนี้แหละจ้าา

มันไม่เฉพาะลำโพงน่ะครับ สิค้าอื่นๆก็เหมือนกัน
สินค้าที่ทำหน้าที่ได้เทียบเท่าหรือสูสีกับชิ้นที่ใหญ่กว่า มักจะราคาสูงกว่าอยู่แล้วครับ

ที่มันแพงกว่านั้น ส่วนตัวผมว่า เป็นค่าซื้อที่ว่างที่เหลืออยู่ครับ เอาไว้ใช้สอย(เก็บ)อย่างอื่น
และอีกอย่างนึงคือค่าวิจัยให้มันเล็กลง มันแพงกว่าค่าวัสดุที่ลดลงจากขนาดที่ลดลงครับ

เป็นเรื่องปกติที่สุดครับ คือลำโพงที่คุณภาพดี มักจะมีราคาแพงกว่าลำโพงคุณภาพไม่ดี ถึงแม้ลำโพงตัวจะใหญ่ขนาดไหนก็ตามที

และยิ่งถ้าเป็นลำโพงตัวใหญ่ที่คุณภาพดี มันก็จะแพงขึ้นจนบางครั้งเรานึกไม่ถึงว่ามันจะแพงไปได้เพียงนั้น คืออาจจะแพงกว่ารถ แพงกว่าบ้านอีกครับ 555

เพราะคุณภาพ เสียง วัสดุที่ใช้ และการบริการหลังการขาย หลายๆองค์ประกอบทำให้แพงกว่า 

  ก่อนจะเปรียบเทียบลำโพง เรามาทำความเข้าใจกับการฟังเพลงก่อน
   เวลาเราไปฟังคอนเสิร์ตในห้องประชุม เราจะรับรู้ถึงเสียงของดนตรีแต่ละชิ้น ที่ดังมาจากตำแหน่งต่างๆไม่เหมือนกัน เสียงร้องก็จะดังมาจากตำแหน่งต่างๆบนเวทีเช่นกัน อาจดังจากทางซ้ายมือเรา จากตรงกลาง จากด้านขวา เราฟังอยู่ในฮอล์ล เรารับรู้มิติเสียงได้ ว่าดังจากทางไหน
     เมื่อมีการบันทึกเสียง และนำไปเปิดด้วยเครื่องเสียง ซึ่งมีลำโพงเป็นแหล่งกำเนิดเสียงให้เราได้ยิน ในทางอุดมคติ เราอยากได้ยินเสียงเหมือนกับที่เราไปฟังในฮอล์ลจริงๆ แต่มันทำไม่ได้ จึงเกิดระบบสเตอริโอ 2 ทิศทางขึ้นมาเลียนมิติ พัฒนาเป็น 4 ทิศทาง เป็น 5.1 ch 7.1ch ล้วนทำขึ้นมาเพื่อฟังเพลงจากสื่อบันทึก ได้ใกล้เคียงกับไปฟังในฮอล์ลทั้งสิ้น
     กลับมาเรื่องลำโพง ที่มีหน้าที่แปลงสัญาณไฟฟ้ากลับมาเป็นเสียงให้เราได้ยิน โดยปกติแล้วยังไม่มีลำโพงตัวไหนที่ตอบสนองย่านความถี่เสียงที่หูเราได้ยินทั้งย่าน ดังนั้น เราจะเห็นตู้ลำโพงส่วนใหญ่ น้อยที่สุด มักจะประกอบด้วยลำโพง 2 ตัว คือเสียงกลางค่อนข้างลงต่ำ และเสียงสูง หรือเสียงแหลม บางครั้งก็มาเป็น 3 ตัวไปเลย คือมีเบส กลาง แหลม เพื่อจะตอบสนองความถี่ให้เต็มย่าน ที่กล่าวมานี้ ตู้ลำโพงล้วนมีขนาดใหญ่ ไม่เหมาะในการพกพาไปฟังนอกสถานที่ จึงมีผู้ผลิตพัฒนาเครื่องที่พกพาไฟไหนได้สะดวก ออกมาขาย โดยบรรจุลำโพงเล็กๆ ขนาดไม่เกิน 3 นิ้ว ในระบบ 2 Ch  และอาจจะมีลำโพงเบสเพิ่มในระบบ 2.1Ch บ้าง 3.1 หรือ5.1 Ch 
      อย่างที่กล่าวมาตั้งแต่ต้นแล้ว ไม่มีลำโพงตัวไหน ที่สามารถตอบสนองได้เต็มย่านความถี่เสียงที่หูเราได้ยิน ยิ่งลำโพงในเครื่องพกพา ตัวเล็ก การตอบสนองเสียงเบสก็จะยิ่งแย่ลง เป็นธรรมชาติของลำโพงทั่วไป
      ผู้ผลิตจึงหาทางนำตัวช่วยต่างๆที่สามารถทำให้ลำโพงตัวเล็กตอบสนองเสียงเบสได้ดีขึ้น เช่น ใช้แผ่นไดอะแฟรมช่วยอัดอากาศ หรือออกแบบโครงสร้างตู้ลำโพงแบบพิเศษ หรือใช้ระบบอีควอไลเซอร์ของวงจรอืเล็กทรอนิกส์เข้าช่วย 
     ผมยกตัวอย่างยี่ห้อโบส (BOSE) ซาวด์ลิ้งก์มินิ ลำโพงมีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ถึง 2 นิ้ว แต่เสียงเบสที่ได้ออกมา สมจริงมากกว่ากว่าเครื่องใหญ่มาก รุ่นนี้เขาใช้ไดอะแฟรมเป็นตัวช่วยอัดอากาศ (เขาซีลตู้ปิดมิด อากาศข้างนอกแทบผ่านเข้าเครื่องไม่ได้) เวลาเสียงเบสออก (ระยะยุบตัวและเด้งออกของกรวยลำโพง จะห่าง ทำให้คล้ายเป็นการปั๊มลม ดันไดอะแฟรมให้ขยับตาม  ช่วยอัดอากาศออกให้แรงขึ้น จึงได้เสียงเบสมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีวงจรอิควอไลเซอร์ ช่วยเพิ่มความถี่ต่ำให้สูงขึ้น (ปรับอัตโนมัติ) จึงทำให้เครื่องรุ่นนี้ ตอบสนองย่านความถี่เสียงได้ดีตลอดย่าน รุ่น 1 ราคาขายประมาณ 1 หมื่นบาท เมื่อ 10 ปีที่แล้ว
     หากวางเครื่องแล้วติดราคาไว้ คาดว่าคงไม่มีใครซื้อ แต่หากเขาเปิดอยู่ แล้วเราเดินผ่าน เราต้องหันกลับไปมอง อาจโดนป้ายยา ซื้อกลับเดี๋ยวนั้นก็ได้
      กล่าวมายืดยาว แต่ท่านอ่านมาถึงตรงนี้ได้ แสดงว่าท่านเป็นคนไทยจำนวนน้อย ที่อ่านหนังสือปีละเกินกว่า 8 บรรทัด สูงกว่าค่าเฉลี่ย ลองพิจารณาดูว่าที่ลำโพงตัวเล็ก แล้วแพง มันต้องมีอะไรดีสิ ผู้ผลิตเขาถึงขายได้