ขอถามต่อเลยนะครับ จะได้จบๆ ....ลำโพงที่ดี...สายที่ดี...Poweramp ที่ดี...คือเราจะฟังโฟกัสยังไงที่ว่าดีครับ แบบว่าที่ดีตามทฤษดี เลยนะครับ ไม่เกี่ยวกับว่า หูใครฟังแบบนี้เพราะ ไม่เพราะ...เอาแบบว่ามันต้องแบบนี้ ถึงจะเรียกว่าดี...แต่ตอนเอามารวมประกอบกันว่ากันอีกทีนะครับ เบื้องต้น คือ เราจะโพกัส ฟังที่ละจุดยังไงว่าเออ แบบนีดี แบบนี้ต้องปรับปรุง ขอบคุณครับ

https://www.piyanas.com/product/2689/TheSelectDACII2MonoSelectPowerbase

เสียงดี คือ เสี่ยงที่ฟังเพลงได้ไพเราะ และ เสียงที่เป็นธรรมชาติครับ


ลองดูพวกนิตรยาสารอย่าง Stereophile ที่จัดหมวด Recommended Class A/B/C ต่างๆไว้ได้ครับ

ก็อ้างอิงรีวิวตามที่ใช้ฟังเพลงจริงๆแหละครับ และตามความไพะเราะ และ ธรรมขาติของเสียงด้วย



ของเสียงดีเป็นกลาง เสียงไพเราะ เสียงเป็นธรรมชาติ เอามาใช้ร่วมกัน เสียงก็ดีหมดแหละครับ

มีแต่พวกอุปกรณ์ออกแบบเสียงมาชุ่ยๆ หรือเสียงไม่ดีพอ  ที่เอามาใช้กับอุปกรณ์อื่นแล้วเสียงเพี้ยนครับ

ตรงจุดนี้อุปกรณ์ที่ราคาถูกกว่ามาก ก็สามารถให้เสียงที่ดีและไพเราะกว่าอุปกรณ์แพงๆได้ครับ


จะเข้าใจ เสียงดี ความไพเราะ และ ธรรมชาติของดนตรีนั้น เป็นทักษะอัจฉริยะภาพส่วนบุคคลครับ ไม่ใช่สิ่งที่นักเล่น

เครื่องเสียงที่ประสบการณ์น้อยจะเข้าใจได้โดยไม่ต้องมีประสบการณ์การฟังเพลงจริงๆครับ (แต่ฟังปุ๊ป รู้ว่าเสียงดีปั๊บนั้นมีเยอะแยะครับ) 555

ปล. ยังไม่นับรวมเรื่อง คุณภาพของเสียง อีกนะครับ ที่อุปกรณ์เกรดดีๆจะฟังเพลงแล้ว สด รายละเอียดเสียงสุดยอด กว่าอุปกรณ์ราคาถูกกว่ามากๆ 555

ตลกดีนะครับ ถามว่าดียังไงตามทฤษฎีแต่บอกว่าฟังโฟกัสยังไงที่ว่าดี แต่ไม่เกี่ยวกับว่าเพราะหรือไม่เพราะ อืม..งั้นดีของผมกับดีของคุณคือต้องเหมือนกันยังงั้นหรอครับ งง...?? ผมว่าเอาเวลาไปฟังเพลงฟังเครื่องเยอะๆ ดีกว่ามาถามเรื่องแบบนี้นะครับ

ดีตามทฤษฎีคือไม่ต้องเอาหูฟังแต่ใช้เครื่องมือวัดครับ อ่านสป็คดูกราฟแล้วก็ซื้อเลยจัดไปครับ https://www.audiosciencereview.com/forum/index.php?reviews/ ;

แบบหนังที่มันจะมีคะแนนจากคนดูกับฝั่งนักวิจารรึเปล่า คนดูแต่ละคนก็ชอบไม่เหมือนกันก็ให้ความชอบไปตามรสนิยมตัวเอง ส่วนนักวิจารก็มีหลักทฤษฎีเป็นหลักยึดในการประเมิน

ถ้าเรื่องแค่นี้เลือกซื้อไม่ได้ก็เลิกเล่นเหอะไปหาอะไรที่ง่ายกว่านี้ทำดีกว่า เครื่องเสียงเล่นเพื่อความสุขไม่ใช่ยิ่งเล่นยิ่งเครียด

ใจเย็น ๆ ครับทุกวงการมันก็มีคนชอบสนุกง่าย ๆ กับคนที่สนุกแบบจริงจัง สนุกเพราะได้ทำมันอย่างจริงจังเพื่อค้นหาความสมบูรณ์บางอย่าง การที่เขาสนุกไม่เหมือนเราก็ไม่จำเป็นต้องผลักไสก็ได้ครับสนุกในแบบของเราก็พอ

คุณมีปัญหาอะไรกับผมหรือเปล่า ตามนั้น เห็นหลายเคสแล้ว ผมไม่ได้เครียดอะไร รับฟังตลอด แล้วมายุ่งอะไรกับผมให้เลิกไม่เลิกเล่นมันก็เรื่องของผม  ..ที่ถามในกลุ่มเพราะผมต้องการจับเสียงว่าสังเกตุยังไง ผมต้องการพัฒนการฟังในแบบของผม ไม่ใช่จะมิวสิคเลิฟเวอร์อย่างเดียว ในเมื่อมันมีองคประกอบหลายๆอย่างในระบบ คุณรู้ได้ยังไงว่า DAC ดี ดีคือตรงไหน ให้ผมสังเกตุตรงไหน ...ถ้าไม่จบ โทรมา 0894352684

ตอนนี้ผมเข้ากลุ่มนี้คือพวกมิวสิคเลฟเวอร์ของ ตามนั้น คนเดียวหรือเปล่า ...ห้องนี้คุณคุมเหรอ..ผมจะได้ไม่เสือก

DAC ที่ดีผมรู้ว่าดูยังไงแต่ไม่บอกหรอกเรื่องอะไรจะบอกวิชาที่อุตสาห์เรียนรู้มาเสียทั้งเงินทั้งเวลาไปก็มาก แล้วผมก็แนว audiophile ไม่ใช่ music lovers ด้วย ส่วนบอร์ดนี้เฮียคุมไม่ใช่ผม ส่วนเบอร์โทรที่ให้มาผมไม่โทรไปหรอกเพราะไม่อยากคุยกับ Mr. Question หรือเจ้าหนูจำไม นะครับ
....จบ...

ซื้อของที่คนนิยม ซื้อง่ายขายคล่องก็ได้ครับ

มือสองก็ดี  เครื่องอะไรที่ฮิต ก็ซื้อแบบนั้น  ไม่ถูกใจก็ปล่อยง่าย ไม่เจ็บตัวมาก

ส่วนสำคัญคือ ฟังเพลงที่ชอบครับ

ตามนั้น..ไม่ตอบคำถาม ก็ไม่ต้องเข้ามาในโพสต์ของผม ให้เสียเวลา.. เว็ปบอร์ดนี้ ให้สำหรับคนที่มีคำถาม สอบถาม เทคนิค ปัญหาเครื่องเสียง ...
จะเข้ามากวนโพสต์ของผม ทำเพื่อ..

ผมเข้าใจความรู้สึกของคนตั้งกระทู้นี้ จะบอกว่าเครื่องเสียงชุดไหนฟังแล้วเสียงดีหรือห่วย มันจะเริ่มต้นอย่างไร ต้องแยกอย่างนี้ก่อน 1.ขั้นพื้นฐาน 2.mid-end 3.hi-end คุณอย่าก้าวข้ามเด็ดขาดเพราะไม่งั้นจะเป็นเหยื่อหรือถุกแนะนำในทางที่ทำให้คุณเสียเงิน ไม่คุ้มกับเสียงที่ได้รับซึ่งผมเจอมาเยอะ
ทีนี้ขั้นพื้นฐานทำอย่างไรล่ะ
1.คุณชอบฟังเพลงแบบไหน เพลงไทยหรือเพลงสากลซึ่งก็มีหลายประเภทมากมาย อย่าเพ่งท้อ อย่าลืมว่าสมัยนี้มีอากู๋ มีกลุ่มคนเล่นมากมายต่างกับสมัยก่อน ที่ต้องเล่นแบบลองผิดลองถูกไร้ทิศทาง
2.เอาแผ่นซีดี/ไฟล์เพลงที่คุณชอบ ไปฟังบ้านเพื่อนหรือคนรู้จัก ถ้าไม่มีคงจำต้องไปฟังที่โชว์รูม โดยเน้นไปที่ลำโพง(loundspeakers)ว่าเพลงที่คุณชอบเมื่อนำมาเปืดกับเครื่องเสียงและลำโพงคู่ดังกล่าว คุณจะชอบเสียงของเขาไหม
มาถึงตรงนี้คุณต้องตั้งงบประมาณการซื้อเครื่องเสียงของคุณแล้วล่ะ (ยังมีต่อ)

ขอบคุณที่เข้าใจความรู้สึกผมนะครับ......ตอนนี้ผมมีทุกอย่างในระบบแล้วครับ อินทริเกรดแอมป์ / DAC / สาย AC / สาย RCA /ปลักกรองไฟ / Linear power Supply ใช้กับ DAC / ลำโพง / สายลำโพง........ของทุกชิ้น ผมจะไม่พยายามเปลี่ยนแล้วค่อนข้าง ok แล้วสำหรับผม ที่นี้ประเด็นที่ถามก็คือ ผมต้องการฟังระบบของผม ฟังเสียงโฟกัสไปที่ DAC ...จะรู้ได้ยังไงว่าดีไม่ดี เติมตรงไหน อะไรยังไง...ถ้าระบบของผมจะเปลี่ยนอีกครั้ง ผมก็จะเปลี่ยน DAC ...ขอบคุณครับ 

ถ้าเป็นผมเลือกมันจะมีอยู่สองสามเพลงที่ผมจำมันได้เกือบทุกเม็ดเหมือนเรามีภาพจำในหัว หากมีอะไรผิดไปจากที่เราจำได้จะรู้สึกทันที ยิ่งเราคุ้นเคยกับเสียงเครื่องดนตรีจริง ๆ เท่าไหร่ก็จะยิ่งจับได้ง่าย สรุปคือก่อนฝึกฟัง dacก็ควรฝึกฟังเพลงก่อน ถ้าเรารู้ว่าเพลงขาดอะไรเราจะรู้ว่าควรเติมอะไร ถ้ามันสามารถถ่ายทอดรายละเอียดอารมณ์ของเพลงออกมาได้ตามที่ศิลปินต้องการสื่อก็ถือว่าดีแล้ว อย่างไรก็แล้วแต่ถ้าตัดสินด้วยความชอบแต่ละคนต่อให้มันเพี้ยนยังไงถ้ามันถูกใจก็เป็นdacที่ดีได้เหมือนกัน

ลองหาเพลงที่เราชอบใช้ไฟล์ที่คุณภาพดีที่สุดเท่าที่หาได้ เอาไปเปิดฟังหลาย ๆ รอบหลาย ๆ อุปกรณ์ ไม่ต้องรีบร้อนค่อย ๆ ซึมซับไป หลังจากนั้นถ้าอะไรมันขาดหรือเกินมาเราจะรับรู้ได้เอง

dacมันคือการถอดรหัส-0-1ให้ออกมาเป็นสัญญาณanalog
เท่าที่เคยเล่น/ลอง มี 2แบบถอดด้วยchip and r2rค่ายไหนมีรายละเอียด/เสียงเป็นอย่างไรก็แล้วเทคนิค+ทีเด็ดที่ผู้ผลิตจะใส่เข้าไป
ผมมีdacกี่ตัวล่ะ sony pha2 nad d3020 aune T1 mk2 audio gd nfb11 28 r2r28 dacใน yamaha 3010
เชื่อหรือไม่ dacเกือบ 10 ตัวที่กล่าวมา เสียงไม่เหมือนกันแบบฟังออกง่ายมาก แล้วไม่มีเก่งเล็ก หมายความว่าเสียงดีตามราคาที่เราจ่าย แน่นอนว่าของราคาสูงก็จะได้ไฟล์ได้หลากหลายกว่า ว่าที่จริงไฟล์
24-192 หรือ dsd 64bit ถ้าdacดีจริงๆ คุณภาพเสียงก็ไพเราะแบบเหลือๆไม่จำเป็นต้องไปถึง dsd128 or 256
"DAC ที่ดี ดู สังเกตุยังไงครับ"คำตอบคือ เสียงที่ดีครับ

DAC ที่ดีคือเป็นยังไงดูยังไงใครจะกั๊กวิชาช่างหัวมันเดี๋ยวผมบอกเอง DAC ก็คืออุปกรณ์ Converter ที่ทำหน้าที่แปลงสัญญาณ Digital ให้กลายเป็น Analog ซึ่งคุณภาพของ DAC ในที่นี้ก็คือจะต้องสัญญาณออกมาให้ได้มีความเพี้ยนที่ต่ำและใกล้เคียงต้นฉบับมากที่สุด โดย Converter โหดๆนั้นจะให้คุณภาพเสียงนั้นฟังดูมีความ Clarity และมีมิติเสียงที่ชัดเจน เพราะว่าพวก Noise ต่างๆที่เกิดจากการแปลงสัญญาณที่ผิดเพี้ยนไม่ว่าจะ Jitter หรือพวก Quantization Error มันจะต่ำมากซึ่งไอ้พวก Noise พวกนี้แหละที่มันจะทำให้เกิด Masking Effect ส่งผลต่อความชัดเจนของแต่ละย่านความถี่ในเพลง รวมถึงพวกมิติความลึกความกว้างด้วยดังนั้นยิ่งมี Noise พวกนี้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น

แต่ทั้งนี้ทั้งในทางปฎิบัติแล้วมันสวนทางกันกับทางทฤษฎีอุดมคติ เพราะเรื่องเสียงมันเป็นเรื่องนามธรรมดังนั้นความชอบรสนิยมที่เป็นปัจเจกมันก็อาจจะไม่สอดคล้องกับในทางทฤฎีเพราะบางคนเขาก็ไม่ได้ชอบความที่ว่ามัน Clarity เกินไปบางคนเขาไม่ต้องการความสมบูรณ์แบบเขาอาจจะมองพวก Noise เหล่านั้นแล้วตีความไปในลักษณะที่มันเป็นโทนคาเรคเตอร์ซึ่งมันก็ไม่ได้ผิดอะไร มันก็เหมือนกับกรณีคนชอบเสียงพวก Analog เช่นเทปคาสเซ็ตนั่นแหละทั้งที่ในเชิงวิศกรรมแล้วเทปคาสเซ็ตรองรับย่านความถี่ได้ห่วยแตกกว่าแถมยังมี Noise Floor ที่มหาศาลอีกต่างหากเมื่อเทียบกับ Digital ลุ่นๆที่มันทั้งย่านครบและ Noise Floor ต่ำ ดังนั้นวิธีเลือกมันก็กลับมาสู่สามัญเดิมๆนี่แหละ คือฟังเสียงตัวไหนชอบก็เอาตัวนั้นแหละจบครับ

ขอบคุณครับ

ความเพราะของเสียงเป็นประสบการณ์นามธรรมครับ ไม่สามารถวัดค่าได้