Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

อยากทราบความเห็น ว่าไฟล์เพลง 24 bits เสียงดีกว่า 16 bits จริงหรือไม่

หูดับ

05/05/2015 12:22:26
อยากทราบความเห็นว่าท่านใดฟังไฟล์เพลง 24bits เมื่อเทียบกับ 16 bits แล้ว รู้สึกว่า 24bits เสียงดีกว่าบ้าง หรือว่า ฟังแล้วรู้สึกไม่แตกต่างกัน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

nopphong

05/05/2015 12:37:15
5
เพลงเดียวกัน ต้นฉบับมาเป็น 24 บิท แล้วดาวลงมา เป็น 16 บิท ฟังเทียบกัน 24 บิทเสียงเนียนกว่าเยอะครับ

แต่ถ้าเอาซีดี 16 บิท มาริบเป็น 24 บิท ฟังยังไงก็ไม่ต่าง เผลอๆแย่ลงอีกต่างหากครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

FELT

05/05/2015 12:54:17
6
ถ้า system ไม่ถึง ไม่เทพจริงๆผมว่าแยกไม่ค่อยออกนะ เอาจริงๆ คนเล่นทั่วๆไปที่ไม่ถึงขั้น hi-end system หรือคิดง่ายๆชุดของท่านราคาต่ำกว่า 40,000 ไฟล์ 16bit uncompress ก็เพียงพอ (ความเห็นส่วนตัวครับ)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 3

Funell

05/05/2015 13:10:31
0
ผมว่าไฟล์ 24/48 กับ 16/44ริปแผ่น เสียงไม่ค่อยต่างกันมากนะครับ
แต่ 24/92 ขึ้นไป system ต่ำถึงปานกลางก็รู้สึกถึงความต่างมากๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

หูดับ

05/05/2015 13:22:50
สำหรับการตัดต่อแก้ไขเสียงดนตรีหลายๆ track สมัยนี้ จะทำบน digital domain เป็นหลัก ถ้า bit เยอะ ก็ย่อมต้องดีแน่ๆ แต่ข้าพเจ้าสงสัยเหลือเกินว่า สำหรับการ playback หรือการเล่นเสียงเพลงแล้ว 24 bits มีประโยชน์จริงๆหรือไม่?

8 bits ที่เพิ่มขึ้นมาจาก 16bits นั้น คนเราสามารถได้ยินจริงๆหรือ?
หรือรายละเอียด 8 bits ที่เพิ่มขึ้นมันเป็นเพียงแค่เสียง noise จากการ dithering ตอนบันทึกเสียง ก็แค่นั้น

8 bits ที่เพิ่มขึ้นมาทำให้เสียงดนตรีดีขึ้นจริงหรือเปล่า? จึงอยากทราบประสบการณ์การฟัง 24bits sound จากหลายๆท่าน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

nopphong

05/05/2015 13:40:11
5
ส่วนตัวผมไม่คิดว่าบิทที่เพิ่มจะเป็นตัวส่งผลให้แตกต่างมากเท่าไรนะครับ

แต่ที่ต่างคือ sampling rate ที่ 44K ใน 16บิท มันไม่เพียงพอ ลองคิดดูว่าหูฟังเสียงได้ถึง 20K แซเซมปลิ้งที่ 44 คร่าวๆคลืี่นลูกนึงมันแซมปลิ้งสองหน ด้านบนทีด้านล่างที รูปร่างคลื่นมันเพี้ยนไปหมด แล้วค่อยมาเดาๆแต่งรูปคลื่นเอา
ส่วน 96K ได้เพิ่มอีกสองเท่า การเดารูปคลื่นย่อมใกล้ต้นฉบับมากกว่า ยิ่งถ้าเป็น 192 นี่แทบไม่ต้องเดา

ทีนี้ มันไม่มี 16บิท 92K สิครับ มันมาเป็นแพคเคจคู่ ก็เลยต้องใข้ๆกันไปครับเลือกไม่ได้

แต่ถ้าจะเอาคำตอบตรงๆ ถ้าทำไฟล์พิสดารขึ้นมาได้ 44K เท่ากันแต่เป็น 16 บิท กับ 24บิท ผมคนนึงละที่คิดว่าคงฟังไม่ออก เพราะอย่างที่บอกความแตกต่างจริงๆมันอยู่ที่แซมปลิ้งเรทมากกว่าครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

nopphong

05/05/2015 13:40:22
5
ส่วนตัวผมไม่คิดว่าบิทที่เพิ่มจะเป็นตัวส่งผลให้แตกต่างมากเท่าไรนะครับ

แต่ที่ต่างคือ sampling rate ที่ 44K ใน 16บิท มันไม่เพียงพอ ลองคิดดูว่าหูฟังเสียงได้ถึง 20K แซเซมปลิ้งที่ 44 คร่าวๆคลืี่นลูกนึงมันแซมปลิ้งสองหน ด้านบนทีด้านล่างที รูปร่างคลื่นมันเพี้ยนไปหมด แล้วค่อยมาเดาๆแต่งรูปคลื่นเอา
ส่วน 96K ได้เพิ่มอีกสองเท่า การเดารูปคลื่นย่อมใกล้ต้นฉบับมากกว่า ยิ่งถ้าเป็น 192 นี่แทบไม่ต้องเดา

ทีนี้ มันไม่มี 16บิท 92K สิครับ มันมาเป็นแพคเคจคู่ ก็เลยต้องใข้ๆกันไปครับเลือกไม่ได้

แต่ถ้าจะเอาคำตอบตรงๆ ถ้าทำไฟล์พิสดารขึ้นมาได้ 44K เท่ากันแต่เป็น 16 บิท กับ 24บิท ผมคนนึงละที่คิดว่าคงฟังไม่ออก เพราะอย่างที่บอกความแตกต่างจริงๆมันอยู่ที่แซมปลิ้งเรทมากกว่าครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

nan79

05/05/2015 13:43:29
2
ถ้าเป็น Master recording 24 bits แท้ๆ ดีกว่าค่ะ เสียงจะ depth กว่าชัดมาก บังเอิญว่ามีแผ่น แล้วซื้อ file จาก HDtrack ฟังเทียบกันก็ชัดค่ะ system ไม่ได้เทพอะไรด้วย แค่มี soundcard ที่ใช้นี่แหละ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

torhifi

05/05/2015 14:29:07
219
16Bitกับ24Bitต่างกันไหม อันนี้ผมว่าแตกต่างกันไม่มาก(แต่พอฟังออก) แต่ถ้าเป็นDVD Audioที่ผมเคยฟังมันจะเป็น24/192คับ อันนั้นฟังออกชัดเจน เสียงจะฟังแล้วไม่รู้สึกแห้งๆเหมือนเวอร์ชั่นซีดี ส่วนไฟล์24/44อันนี้ผมยังไม่เคยฟัง แต่ถ้าใช้วิธีแปลง16/44เป็น24/44อันนี้ผมว่าแย่ลง

พวกนี้จริงๆมีหลายปัจจัยที่มีผลต่อคุณภาพเสียง อย่างพวกไฟล์DSDนี่1Bitเอง แต่Sampling Rateจะสูงมากๆ สูงกว่าเพลงซีดี64-128เท่า เสียงก็สามารถดีกว่าเพลงซีดี16/44ได้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

Nickky18

05/05/2015 14:32:43
9
ที่รู้สึกได้ชัดๆเลยคือ ambient มาชัดๆครบๆกว่าครับ ความเนียนก็นิดหน่อย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

หูดับ

05/05/2015 19:55:10
น่าสนใจมาก สิ่งที่น่าสนใจมากขึ้นไปอีกคือ แต่ละบิทที่เพิ่มขึ้นนั้น คลอบคลุม 6dB dynamic range ดังนั้น
16 bits = 16 * 6 = 96dB ในกรณี 24bits จะได้ถึง 24 * 6dB = 144dB dynamic range
จากการคำนวณง่ายๆ จะเห็นว่า 24 bits ให้ resolution ที่เยอะกว่าจริงๆ แต่... resolution ทางตัวเลขที่ได้เพิ่มขึ้น มันหมายถึงคุณภาพเสียงที่ดีขึ้นหรือเปล่า?
ต้นฉบับการบันทึกเสียงพวกซิมโฟนี่ ออเครสต้า ที่มีเครื่องดนตรีเยอะๆ ยังไม่เคยมี dynamic range เกิน 60dB
เสียงทั้งหมดสามารถ ฟิตลงแผ่น CD บ้านๆได้สบาย แล้ว 48dB ที่เกินมา เราสามารถได้ยินจริงหรือ? หรือว่าเป็นแค่ noise เท่านั้น

กรณี sampling rate เป็นหัวข้อที่ซับซ้อนขึ้นไปอีก แต่อยากจะตั้งข้อสังเกตอย่างนี้ ลักษณะคลื่นเสียงของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้น ถ้าไม่มี noise มาปน มันไม่ได้ซับซ้อน คลื่นไม่ได้มีจุดวกกลับมากนัก การใช้ sampling rate ที่สูงขึ้น จะได้ประโยชน์ไหม? เพลงๆนึง ส่วนใหญ่ก็แค่ 8-16 tracks คลื่นรวมมันก็ไม่ได้ซับซ้อนมากมาย ยกเว้นแต่ มีมัน noise เข้าไปปน เสียงที่เราได้ยินแล้วรู้สึกว่าเป็นธรรมชาติมากขึ้น แหลมขึ้น โปร่งขึ้น มัน noise ใช่ไหม? มันไม่ใช่ คลื่นเสียงเพียวๆจากเครื่องดนตรีชนิดนั้นๆ

แต่ก็แน่หละธรรมชาติมี noise การบันทึกเสียงก็มี noise

วันก่อนเห็นมีท่านนึงโพสเรื่องของแบบทดสอบพื้นๆของ TIDAL
ลิ้งนี้เลย test.tidalhifi.com
อันนี้เขาใช้ 44.1khz/16bits และเคลมว่าเป็น high fidelity ให้ทดสอบเล่นๆว่าจะแยกความต่างของเสียงดนตรีที่คุณภาพดีกว่าออกไหม ถ้าแยกความต่างของบททดสอบนั้นไม่ได้ 100% โอกาสที่จะแยก 44.1khz/16bits กับ 192khz/24 bits นั้น ไม่มีทางเลย
ซึ่งข้าพเจ้า ก็ไม่มั่นใจว่า จริงๆแล้ว คนเราแยกความต่างตรงนั้นได้จริงๆหรือ?
** ความต่างในที่นี้หมายถึงคุณภาพเสียงที่ดีขึ้น ไม่ใช่ noise ที่เยอะขึ้น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

capocino

05/05/2015 20:10:55
2
แตกต่างครับ แตกต่างกันจริงๆ ผมลองใช้อัลบั้มของวง The Doors ฟังดูครับ ทั้ง 16/44 และ 24/192 รู้สึกถึงความแตกต่างเลยครับ ตั้งแต่ soundstage ความลึกของย่านต่ำ ระยะที่ย่านสูงไปได้ รายละเอียดอะไรต่างๆ มันแตกต่างกันจิงๆครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12

หูดับ

05/05/2015 20:34:11
นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ท่านอื่นๆ มีประสบการณ์เช่นไรบ้าง โปรดแชร์
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13

Melonpan

05/05/2015 20:39:01
0
**ความเห็นส่วนตัวนะครับ ผิดพลาดยังไงต้องขอโทษด้วยนะครับ

หากเป็นไฟล์ที่ master มาแบบเดียวกัน และ sampling rate เท่ากัน 24 กับ 16 bit นั้นไม่มีความแตกต่างครับ
Dynamic Range ของเพลงหนึ่งเพลงนั้น แทบไม่มีทางเกินช่วงระยะที่ 16bit จะรับไหวครับ

แต่บางทีไฟล์ 24 bit ที่โหลดตามเวบจะถูก master มาอีกแบบหนึ่ง ซึ่งจะต่างจาก cd ซึ่งคราวนี้คุณภาพเสียงจะต่างแน่นอนครับ
และ อีกอย่างคือ sampling rate ครับ โดยส่วนใหญ่ไฟล์ hi-res นั้นจะมาพร้อม sampling rate ที่สูงกว่า CD(มากกว่า 44.1) ซึ่งตัว sampling rate นั้นสามารถมีผลกับเสียงได้ครับ

วิธีตรวจสอบความต่างเฉพาะแค่ bit depth อย่างเดียว คงต้องเอาไฟล์ hi-res ที่มาจากที่เดียว (เช่น โหลดจาก HDTracks มาหนึ่งเพลง) และ เอามา downsampling เฉพาะแค่ตัว bit ครับ แต่ทีนี้ก็จะมีข้อโต้แย้งว่า การ downsampling นั้นจะมีผลกับเสียงรึเปล่า อีกครับ

แต่ยังไงก็เชื่อหูตัวเองดีกว่าครับ ต่อให้โดนหาว่ามโนก็ไม่ต้องสนครับ
ถ้าเราว่าเสียงไม่ต่าง ก็ไม่ต้องซื้อไฟล์ hi-res ครับ(แต่ถ้าราคาเท่ากับ CDก็ลองคิดดูครับ)
แต่ถ้าเราว่าเสียงต่าง ฟังแล้วรู้สึกดีกว่าจริงๆ ต่อให้อธิบายออกมาไม่ได้ คนรอบตัวไม่เข้าใจ ไม่รู้ทำไม ก็ซื้อไปเถอะครับ ยังไงๆวงการนี้หลักวิทยาศาสตร์อย่างเดียวก็เอาไม่อยู่ไปนานแล้วครับ(ตั้งแต่การเลือกหูฟังแล้ว) ซึ่งก็ถือว่าเป็นเสน่ห์อย่างนึงของการเล่นหูฟังจริงๆครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 14

veedemort

05/05/2015 20:43:32
58
ต่างคับ ... 24 bit แท้นุ่มละมุนกว่าเยอะพอควร

โดยเฉพาะเสียงกลอง (ไฮแฮด สแนร์ และแฉ)

รายละเอียดของเครื่องดนตรีอื่น รวมทั้งเสียงร้องก็ดีกว่าคับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 15

MaxxIE

05/05/2015 20:43:36
107
ต่างน่ะครับ
ผมเจอมากับตัวเองเลย อัลบั้ม OST.Interstellar
โหลดมาจัดเพลย์ลิสผสมกันแล้วสั่งเล่นแบบRandomแล้วBlind Testตัวเอง ปรากฏว่าทายถูกเกือบหมด
ตัว24บิท รายละเอียดเสียงจะมากกว่านิดนึง แบ็คกราวน์สะอาดกว่า
นี่ขนาดใช้แค่Creative Aurvana Liveไม่ได้โมต่อตรงกับDell n5010 เล่นผ่านjRiver นะครับ

แต่กระนั้นก็อย่าเชื่อผมมากน่ะ เพราะไอ้ตัว16บิทมันอาจจะเป็นFLACปลอมก็ได้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 16

veedemort

05/05/2015 20:49:49
58
ถ้าเป็น dsd จะได้ความเนียน และลื่นไหลกว่าด้วยคับ (คหสต)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 17

Melonpan

05/05/2015 21:03:55
0
หลายๆท่านที่สงสัยอะไร ลองหาอ่านตามเวบต่างๆได้ครับ เช่น forum sound science ของ head fi ครับ

จะมีมุมมองจากทั้งฝ่ายที่ว่าดีกว่า และ ไม่ต่างอยู่ และ ยังมีเหตุผลด้านวิทยาศาสตร์สนับสนุนจากทั้งสองฝ่ายด้วยครับ(บางทีลึกจนอ่านไม่ค่อยเข้าใจก็มีครับ)

ผมลองอ่านความเห็นของตัวเองข้างบนแล้ว รู้สึกว่าผมตอบคำถามจขกท.กำกวมไปหน่อย ขอตอบแบบสรุปตรงนี้นะครับ
ผมฟัง 16 กับ 24 บิทที่ sampling rate เท่ากัน และ master มาเหมือนกันไม่ออกครับ
แต่กับไฟล์ประเภท 96/24 192/24 384..+ ผมฟังว่าต่างครับ แต่มาก/ไม่มากแล้วแต่อัลบั้มครับ ยิ่งกับเพลงสมัยใหม่ที่เข้าร่วม loudness war นี่ผมฟังไม่ออกเลยครับ
...แต่ทั้งหมดนี่ก็แค่ความเห็นผมอยู่ดีครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 18

นายมั่นคง

05/05/2015 21:22:04
4,293
เสียงต่างกันครับ ในไฟล์ 24 bit นั้นเสียงดีกว่า 16 bit ทุกกรณี (ถ้ามาจากมาสเตอร์เดียวกัน) แต่ถ้ามาสเตอร์คนละอัน หรือเป็นเวอร์ชั่นรีมาสเตอร์ที่ต่างคนต่างรี อันนี้ไม่แน่แล้วครับ 555

ถ้าฟังกันแบบต่างวาระ ต่างเงื่อนไข บางทียากที่จะตอบว่าไฟล์ที่ฟังอยู่นั้นเป็นไฟล์ขนาดไหน จนกว่าจะมีการฟังเปรียบเทียบกัน จะทราบว่ามันดีกว่าจริงๆครับ ความต่อเนื่องลื่นไหล คือจุดที่้ทำให้ไฟล์ 24 bit นั้นดีกว่า 16 bit ทุกกรณี ซึ่งก็คือมันให้ความละเอียดที่มากกว่านั่นเองครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 19

FeaKun Monster

05/05/2015 21:34:28
6
มาจากที่เดียวกันดีกว่าแน่ๆ คะละมาสเตอ คนละคนริป โปรแกรมต่าง มันก็ไม่แน่ หลายปัจจัย เคยฟังบางเพลง16ดีกว่า24ก็มีไม่ใช่ไม่มี
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 20

more

05/05/2015 22:09:41
0
ตามเทคนิกแล้วยังไงก็ดีกว่าอะครับ แต่ฟังออกไม่ออกอีกเรื่องนึง
sampling rate นั้นเป็นการแบ่งตามเวลาว่าวินึงจะเลือกสุ่มสัญญานออกมากี่ครั้ง

ส่วน bit นั้นแบ่งคุณภาพเสียงของเพลง สมมุติเป็นความดังของเสียงเพลง

16 bit = 2 กำลัง 16 = 65,535 ส่วน
24 ิbit = 2 กำลัง 24 = 16,777,215 ส่วน

ถ้า แบ่งความดังเป็น 2 ส่วนคือ(1 bit) มี ได้ยิน, กับไม่ได้ยิน
ถ้าแบ่งความดังเป็น 4 ส่วน(2 bit) มี ไม่ได้ยิน,เบา,ปานกลาง,ดัง)

ทำให้เพลง 24 bit มีระดับความดังที่ละเอียดกว่า 16 bit เวลาไล่เสียงพวก dynamic จะไหลลื่นกว่า ตามเทคนิคแล้ว จะดีกว่า 16 bit แน่นอน แต่ฟังออกรึเปล่าก็อีกเครื่อง

ส่วนเรื่องเสียงรบกวนดังขึ้นนี่ไม่น่าเกี่ยวเพราะ ถ้ามีสัญญาณรบกวนมันก็ดังเท่าเดิม แค่มันสามารถแยกแยะ ความดังเบาได้ดีขึ้นตามที่มันอัดมา
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 21

หมูหวาน

05/05/2015 23:43:12
573
เรื่อง Bit Depth และ Sample Rate มีผลต่อเสียงแน่ๆครับ คือเสียงของไฟล์ 24bit มันจะไม่ได้คมชัดขึ้น
หรือฟังแล้วรายละเอียดคมจัดชัดจริงแบบนั้นนะครับ เพียงแต่ว่าเราจะรู้สึกสบายหูกว่า
คือฟังแล้วเสียงดนตรีต่างๆมันนิ่งกว่า ไทมมิ่งไม่เร่งรุกเร้า ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านนี้ถ้าฟังเทียบกันด้วยชุด
ที่สามารถแยกแยะรายละเอียดได้ดีหน่อย รับรองว่าฟังออกได้ไม่ยากครับ

ถ้าใครไม่เห็นภาพลองไปอ่านหลักการง่ายๆ ให้พอนึกภาพออกกันได้นะครับ
http://www.forum.munkonggadget.com/detail.php?id=172244
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 22

หูดับ

06/05/2015 01:00:29
อย่างที่คุณ melonpan บอกเลย ใน head-fi คุยกันเรื่องนี้สนุกสนานมาก ทฤษฏีแน่นปึ๊ก audio professional หลายท่านใน head-fi ก็บอกว่า ไม่มีทางที่คุณจะได้ยินเสียงที่ดีกว่า ข้าพเจ้าก็งงหละสิ ก็ในเมื่อ 24bits มันเก็บ resolution ได้เยอะกว่า แล้วทำไมเสียงมันจะไม่ดีกว่า

พอมาถามในบอร์ดนี้ ส่วนใหญ่ก็เหมือนจะเห็นว่า 24 bits sound ดีกว่าแน่นอน เป็น feedback จากคนเคยฟังเลย ไม่ต้องดูทฤษฏีให้วุ่นวาย ยิ่งทำให้เข้าพเจ้าสับสนเข้าไปใหญ่

ประเด็นหลักๆที่เขาบอกว่า 24 bits ไม่ได้ให้เสียงที่คุณภาพดีกว่า ก็คือ แม้กระทั่งเพลงซิมโฟนี่ออเครสต้า ยังใช้ไม่เกิน 60dB dynamic range แล้ว 16bits sound มันปาเข้าไปตั้ง 96dB dynamic range มันเหลือเฟือเลย ยิ่งกว่าเหลือ

อย่างกรณีที่เราซื้อหูฟังที่มี frequency response กำกับ เช่น บางตัวบอกกว่า 5hz - 43600hz ถามว่า มันต่างอะไรกับ 20hz - 20khz หรือเปล่า ก็น่าจะต่างนะ แต่หูคนจะได้ยินไหมก็อีกเรื่องนึง

ถ้ามีคนช่วยอธิบายไขข้อสงสัยได้ จักเป็นพระคุณยิ่ง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 23

more

06/05/2015 01:33:47
0
http://www.totalsoundmag.com/new_product_detail.php?id=155

บทความนี้ดีมากๆครับคุณ หูดับ

ลองเข้าไปอ่านดูว่าทำไมถึงต้องมี 24 bit แล้วหลังๆนี้ทำไมถึงพัฒนาเป็น 32 แล้วปลายทางก็อาจไปถึง 64 bit เลยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 24

หมูหวาน

06/05/2015 01:51:15
573
ก่อนอื่นเลย ไฟล์แบบ Hi-Res นั้นมันจะมีข้อดีเรื่อง การสุ่มเก็บข้อมูลจากเสียงต้นฉบับครับ
ซึ่งแน่นอนว่าการซอยระดับความดังของเสียงได้ถึง 16,777,215 ระดับ ทำให้การเก็บตัวอย่างเสียงใกล้เคียงต้นฉบับกว่าครับ
ถ้าเริ่มตั้งแต่การเก็บเสียงในห้องอัดระหว่าง 16bit กับ 24bit แน่นอนว่า 24 bit ได้เปรียบกว่ามากๆๆครับ

มาถึงการ Play back หรือเล่นกลับด้วย DAC ครับ ซึ่งขั้นตอนการแปลงสัญญาณจาก Digital เป็น Analog นั้น
จำเป็นต้องมีการเขียน Algorithm ในการเดาสัญญาณขึ้นมาครับ ไม่ว่าไฟล์ 16bit หรือ 24bit ก็ตาม
เนื่องจากข้อมูลทาง Digital นั้น มันเป็นเพียงตำแหน่งหรือ Address อ้างอิง เพื่อให้ DAC ไปจำลองสัญญาณเสียงขึ้นมาให้
ไฟล์เพลงที่มี Resolution สูงกว่า ย่อมทำให้ขั้นตอนการเดานั้นน้อยลงครับ สัญญาณที่ถอดออกมาจาก DAC
จึงมีเสียงที่แตกต่างกัน แต่มากน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับความสามารถของ DAC , System และประสบการณ์ของผู้ฟังด้วยล่ะจ้าา

ส่วนเรื่องหูฟัง หรือลำโพงที่ย่านตอบสนองความถี่มากกว่า 20Hz-20kHz นั้น พอดีเคยได้ไปฟังชุดที่มี Super Tweeter ครับ
คือตอนเปิดอยู่เอาหูไปแนบฟังใกล้ ไม่ได้ยินเสียงอะไรนะครับ แต่พอไปนั่งฟังปกติ แล้วเค้าปิด Super Tweeter
เหมือนเสียงที่ได้ฟังมันเปลี่ยนไปเลยครับ เจ้าของชุดเค้าบอกว่า เรื่องความถี่บางทีเราอาจจะสัมผัสได้
จากทางประสาทอื่นๆ ที่หูเราไม่ได้ยินครับ ซึ่งน่าจะตรงกับทฤษฎีของ Schumann เรื่องความถี่ 7.83Hz
ซึ่งมีค่าย Acoustic Revive ทำออกมาขาย เพื่อใช้เปิดในห้องฟังเพลงครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 25

nopphong

06/05/2015 02:30:13
ผมอ่านแล้วพอจะจับประเด็นของคุณ หูดับ ได้ว่า คุณเชื่อตามฝรั่งบางคนว่า....
ให้ไฟล์มันละเอียดแค่ไหน หูคนมันก็ฟังรู้เรื่องแค่ 16/44.1 แค่นั้นแหละ....

แล้วจะอธิบายยังไงล่ะครับ คือคนฟังหลายๆท่านเขานั่งยันนอนยันว่าเขาฟังออก ผมก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะเอาทฤษฎีอะไรมาอธิบายว่าทำไมถึงฟังกันออก หฤษฎีอะไรมันก็แค่อธิบายว่าทำไมคุณภาพไฟล์มันดีกว่าแต่มันไม่ได้อธิบายว่าทำไมฟังออกครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 26

Windows X

06/05/2015 02:44:01
337
จากประสบการณ์ที่ผมพยายาม downmix hires ลงมาเป็น CD อยู่หลายเดือนนะครับ ยังไงไฟล์ mastering ที่เป็น hires ก็ดีกว่าไฟล์ที่ downmix ลงมาเป็น 16/44.1 ครับ ถามว่าดีกว่ายังไงนั้นเหรอครับ มันก็เหมือนการแปลงภาพ 4K ที่ 60fps มาเป็น 2K (Full HD) ที่ 24fps แหละครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 27

หูดับ

06/05/2015 03:14:43
ข้าพเจ้าเจอการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องนี้ใน head-fi เยอะเลย อย่างเช่น thread ต่อไปนี้ ซึ่งข้าพเจ้าก็ไม่ได้เชื่อฝรั่งในทันทีนะ
head-fi.org/t/415361/24bit-vs-16bit-the-myth-exploded

แต่พอได้ทดสอบแล้ว ข้าพเจ้าคิดว่า ทุกท่านพูดถูกหมดเลย และฝรั่งก็พูดถูกอีก อธิบายได้ดังนี้

เครื่องเล่นเบสิคๆของข้าพเจ้าสามารถ configure output ได้สูงสุดที่ 192khz/32 bits
เริ่มทดสอบ โดย configure output เป็น 44.1khz/16bits และก็เล่นไฟล์เพลง 44.1khz/16bits ปรากฏว่าเสียงก็เพราะระดับหนึ่ง
จากนั้นใช้ไฟล์เดิม เปลี่ยน output เป็น 192khz/32 เสียงที่ได้ อันนี้ชัดเจนเลย ไม่ต้องใช้สมาธิใดๆทั้งสิ้นก็ฟังออกว่าดีกว่า output ที่เป็น 44.1khz/16 bits แน่นอน (คงจะเป็นกรณีอย่างที่หลายท่านให้ความเห็นมา)

คราวนี้เอาไฟล์เพลง 24bits มาเล่นโดยมี output เป็น 192khz/32 ดูบ้าง ถึงตอนนี้หละ เมื่อเล่นเทียบกับไฟล์ 16 bits โดยมี output เป็น 192khz/32 เหมือนกัน พบว่า ฟังดีๆเสียงมันมีต่างกันก็จริง แต่บอกไม่ได้ว่าอันไหนดีกว่า จนปัญญาจริงๆ (อาจจะเป็นกรณีที่ฝรั่งพูดถึง)

ต้องขอบคุณประสบการณ์และความรู้จากคุณ nopphong, FELT, Funell, nan79, torhifi, Nickky18, capocino, Melonpan, veedemort, MaxxIE, เฮียมั่นคง, Feaun Monster, more, หมูหวาน, Windows X เป็นอย่างยิ่ง

It's all subjective. YOMV จ๊ะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 28

หูดับ

06/05/2015 03:26:29
คุณ Windows X ลองเทียบอะไรที่ง่ายกว่านั้นนะ เช่น ไฟล์ภาพ ที่ถูก dithering ด้วย 256 color pallete กับ รูปที่มีปริมาณสีเต็มที่เลยนะ 16.7 ล้านสี เอาไปดูแบบไม่ต้อง zoom นะ รับรองได้เลยว่าหลายคนแยกไม่ออก ระหว่างสีแค่ 256 สี(8 bits) กับ 16.7 ล้านสี ยิ่งถ้า dithering ด้วยจำนวนสีที่เพิ่มขึ้นเป็น 65536 สี(16 bits) นะ รับรองได้เลยว่างานนี้เหลือน้อยคนนักที่จะดูออก ยิ่งถ้า pixel เม็ดเล็ก ก็จบข่าวได้เลย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 29

Windows X

06/05/2015 07:46:01
337
คนส่วนใหญ่ก็แยกระหว่าง 16/44.1 ไม่ออกครับ แต่ก็มีคนที่อยากได้สิ่งที่ดีกว่านั้นและสามารถเสพมันได้จริงๆครับ ดังนั้นคนที่ฟังไม่ออกว่าต่างอาจจะมองไม่เห็นความจำเป็นของมันแต่ก็ไม่อาจสรุปได้ว่ามันไม่ดีกว่าหรือคุ้มกว่าจริงครับ ของพวกนี้มันก็ต้องใช้ประสบการณ์ครับ อย่างเล่นเกมเป็น Novice lv.1 โดนบอส Lv. 30 หรือ Lv. 50 ตบทีเดียวก็ตายเหมือนกัน เราไม่รู้หรอกว่าบอสไหนโหดกว่ากัน ฮาๆๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 30

nopphong

06/05/2015 10:01:22
5
พูดเรื่องสี ผมนึกถึงสมัยผมทำงานบริษัท ผมเข้าไปเซอรวิสเครื่องจักรที่บริษัทออกแบบเสื้อผ้า คุยไปคุยมาพนักงาน(หญิง)เขาเอาที่ทดสอบการดูสีมาให้ดู เป็นกระดาษเรียงสีเป็นเฉดต่างๆ มาให้เราเลือกเรียง ปรากฎว่าผมเล็งตั้งนานยังผิดไปหลายตำแหน่ง
เขาบอกว่า มันเรียงสีได้จริงๆ ที่บริษัท ใครเรียงถูกหมดนี่จะรีบรับเข้าทำงานเลย และยังบอกอีกว่าผู้หณิงตาดีกว่าผู้ชายแยกสีได้ดีกว่า

เรื่องนี้คงเข้ากับเรื่องหู ที่บางคน บางเชื้อชาติ บางเพศ และ บางอายุ มีความสามรถในการแยกแยะเสียงไม่เท่ากัน ฝรั่งที่ฟังไม่ออก ก็คงไม่มีศรัทธาทางนี้ ยกเหตุผลสารพัดมาอ้าง ส่วนที่ฟังออกเขาก็บอกว่าฟังออกจริง ยกเหตุผลมาสู้กัน ต่างฝ่ายต่างเริ่มต้นด้วยประสิทธิภาพร่างกายที่ไม่เท่ากันเป็นตัวตั้งโจทย์ ผมว่าคงจบยาก
และคงเอาส่วนใหญ่เป็นเกนไม่ได้ด้วยสิ เพราะถึงจะจำนวนน้อยแต่เขาก็ฟังออกจริงๆไม่ได้มโนไปนี่นา
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 31

BlackPhoenix

06/05/2015 16:52:34
71
มันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยครับ ไฟล์เพลง การบันทึก (ไฟล์ 24 บิทถ้าบันทึกไม่ดีก็แย่เหมือนกัน)System (player DAC AMP หูฟัง สายสัญญาณ)และที่สำคัญที่สุดคือหูเราเองครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 32

somkiat

06/05/2015 18:15:17
ในทางเทคนิคแล้ว ไฟล์ 24 bit เหนือกว่าอยู่แล้วครับ
แต่ในทางปฎิบัติ ฟังเพราะกว่าหรือไม่ ถ่ายทอดและเข้าถึงอารมณ์เพลง หรือความเป็นดนตรีได้ดีกว่าหรือเปล่า อันนี้เป็นอีกประเด็น

ผมมีเพื่อน 2-3 คน ที่มีเครื่องเล่น hi-res แพงๆ มีไฟล์ 24 bit แต่ในห้องฟังเพลงหลักกลับพบว่าฟังเพลงจากครื่องเล่นซีดีบ้านเป็นหลัก อย่าง Rega apollo, burmester cd player, Ayre CX series ซะงั้น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 33

หูดับ

06/05/2015 23:47:54
ไปถามฝรั่งเพิ่มเติม เขาบอกว่าให้ดูทฤษฏี Nyquist Theory ซึ่งบอกว่า

A signal can be perfectly captured and reconstructed, so long the signal is band limited and sampled at equal intervals at a frequency at least twice the highest frequency present.

เพราะฉะนั้น sample rate ที่ 44100hz สามารถคลอบคลุมสัญญาณที่มีความถี่ frequency ถึง 22,050hz
sample rate นี้จึงได้ใช้กับ audio CDs
ความถี่เสียงมี่มนุษย์สามารถได้ยิน อยู่ในช่วงแค่ 20 - 20,000hz และโดยส่วนใหญ่คนที่มีอายุมาก จะไม่สามารถได้ยินเกิน 16,000hz

แล้วทำไมเวลาฟังเสียงถึงมีความต่างอย่างเห็นได้ชัด ฝรั่งบอกว่า มันเกิดจากอุปกรณ์ของคุณ distort แป่ววววว

สงสัยต้องยอดกระปุกเพิ่มละเนี๊ยะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 34

nopphong

07/05/2015 00:20:09
5
บอกตามตรงว่า ฝรั่งคนนี้มันมั่วมากครับ 44.1 ไม่สามารถ reconstruct สัญญาณได้เหมือนต้นฉบับหรอกครับ

ทำไมผมถึงรู้
ผมไม่ได้มั่วเพราะผมทดลองทำวงจร dac อยู่ ผมป้อนสัญญาณไซน์(เป็น digital ผ่าน i2s bus ที่ ความถี่ 20KHz 44.1K sampling rate ปรากฎว่า สัญญาณอนาลอกที่ออกจาก dac ไม่ได้เป็นไซน์สวยๆมนๆ แต่กลับเป็นรูป คด งอ แถมขนาดสัญญาณลดลงเสียด้วยเพราะเวลาแซมปลิ้ง มันไม่ได้โชคดีจับได้ยอดคลื่นกับท้องคลื่นทุกครั้ง ครั้งไหนที่มันแซมปลิ้ง เจอกลางๆคลื่น สัญญาณที่ออกมาก็จะลดลงไป
ซึ่งถ้าเป็นความถี่ต่ำ ไซน์ที่ออกมาจะสวยเลยเหมือนต้นฉบับ แค่ที่ความถี่สูงไม่ใช่ ไม่ต้องถึง 20K ครับ แค่ 16K ก็แย่แล้ว
ในขณะเดียวกัน ถ้าส่งสัญญาณดิจิตอลเป็น hires สัญญาณไซนจะสวย และขนาดสัญญาณจะใกล้เคียงต้นทางมากกว่าเยอะครับ

นี่ไม่พูดถึงประเด็นว่าฟังออกหรือไม่ออกนะครับมันแล้วแต่หูคน แต่พูดถึงการวัดสัญญาณด้วยสโคปหลังผ่านออกมาจากตัว dac ครับ ซึ่งส่วนตัวเห็นว่า เหมือนต้นฉบับกว่า = ดีกว่า น่ะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 35

Funell

07/05/2015 10:45:33
0
ต้องระวังครับ คนที่อีโก้สูงเชื่อมั่นในตัวเองสูงมีอยู่ทั่วโลก ฝรั่งเขาก็แรงกว่าเรามาก บางคนถ้าเขาแยกไม่ได้ เขาก็อาจจะเหมารวมแทนทุกคนว่า เสียงมันไม่ต่างกันหรอก ยกเมฆมาบอกให้ได้ว่าไม่ต่าง เชื่อหูตัวเองดีกว่าครับ
ผมเล่นบอร์ด head-fi แค่ส่วนรีวิว DAC กับหูฟังใหม่ นอกนั้นไม่ยุ่งครับ เอาหูตัวเองฟังเอาดีกว่า
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 36

Funell

07/05/2015 10:47:00
0
แต่ถ้าจะแลกเปลี่ยนความรู้ทางเทคนิค theory อะไรประมาณนี้ ผมก็อ่านๆบ้างอยู่ครับ เพราะสนใจด้านนี้พอควร 55555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 37

truebluex

07/05/2015 10:56:38
2
สอบถามเป็นความรู้ครับ

พอดีเอาไฟล์ DSD กับ super audio CD ที่เป็น iso ไปเล่นที่ fiio x3 2gen แล้วมันขึ้น 1bits

อันนี้หมายถึงอะไรครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 38

at1987

07/05/2015 12:21:33
14
@truebluex

1-bit เป็นอีกชื่อเรียกหนึ่งของ DSD ครับ ที่มามันมากจากรูปแบบสัญญาณของ DSD ที่มีความละเอียดเพียง 1-bit ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 39

JPJ

08/05/2015 07:37:00
แจมคำถามคุณหูดับหน่อยครับผม ^^
ขอแยกเป็น 2 ส่วนนะครับ

เชิงทฤษฎี
ADC DAC ในปัจจุบันใช้หลักการ oversampling หรือ sigma delta modulation
ซึ่งยิ่งอัตราการสุ่มหรือ sampling rate ยิ่งสูง มันจะผลักเอา noise หรือสัญญาณรบกวน บริเวณความถี่ต่ำไปไว้ที่ความถี่ sampling หรือสูงกว่า เรียก noise shaping ดังนั้นยิ่ง sampling rate สูง เราควรจะได้ยินเสียง background สงัดกว่า เงียบกว่า รายละเอียดเสียงที่มีระดับความดังเบาๆ จะโผล่มาให้ได้ยินมากกว่า โฟกัส เวที มิติ ก็ตามมาครับ

ในแง่ของจำนวนบิท เหมือนที่หลายๆท่านกล่าวไว้ บิทเยอะกว่าก็จะทำให้ DAC จำลองสัญญาณได้ใกล้เคียงต้นฉบับมากขึ้น interpolate หรือใช้การประมาณค่าน้อยลง ระดับเสียงมีความต่อเนื่องไหลลื่นขึ้น ถูกต้องมากขึ้น headroom กว้างขึ้น สามารถปรับยกระดับเสียงให้สูงกว่า noise ได้มากขึ้น ฯลฯ

แต่ไอ้สิ่งดีๆที่ว่า ถูกหู ถูกใจเราหรือเปล่า อีกเรื่องนะครับ

ทางปฏิบัติ
ขึ้นกับปัจจัยหลากหลาย โดยเฉพาะ master ต้นฉบับ สำคัญสุด
source amp power supply ทุกส่วนก็มีส่วนสร้าง noise หรือสัญญาณรบกวนเช่นกัน
ดังนั้นการจะแยกแยะคุณภาพเสียงก็แล้วแต่อุปกรณ์ที่ใช้ว่าจะแสดงประสิทธิภาพของไฟล์ดีๆได้ไหม
แม้แต่ลักษณะนิสัยในการฟังเพลงของเรา รับรู้ส่วนที่มันดีขึ้นได้ไหม แคร์มันไหม และอื่นๆ

16 bit ใน hi end system เสียงดีมากๆครับ ดีมากกว่า 24 bit กับชุดฟังบ้านๆของผมเยอะ

พูดมายาว สรุปคือ ผมก็ happy ดีกับการฟัง CD
มีความสุขกับการฟัง CD rip จากมือระดับพระกาฬ
Hires DSD จากเพื่อนๆในชมรมคนรักเสียงเพลง ก็ฟัง happy ดีครับ ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 40

หูดับ

08/05/2015 18:06:18
ถ้าเป็นอย่างที่คุณ JPJ กล่าว

"16 bit ใน hi end system เสียงดีมากๆครับ ดีมากกว่า 24 bit กับชุดฟังบ้านๆของผมเยอะ"

งั้นก็แสดงว่าฝรั่งพูดไม่ผิดอะสิ ปัญหาอยู่ที่อุปกรณ์ที่คุณภาพไม่ถึง ไม่ได้อยู่ที่ 16bits หรือ 24bits
สรุปอย่างนี้ถูกต้องมั๊ยเอ่ย?
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 41

JPJ

09/05/2015 07:25:35
แน่นอนครับว่าอุปกรณ์ที่มีคุณภาพเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญ
ฟัง 24 bit ในชุด hi-end ก็ย่อมแสดงผลออกมาได้ดียิ่งขึ้นไปอีก ^^

ประเด็นคือ ไอ้สิ่งดีๆที่ว่า ถูกหู ถูกใจเราหรือเปล่าครับ
ลักษณะนิสัยในการฟังเพลงของเรา รับรู้ส่วนที่มันดีขึ้นได้ไหม แคร์มันหรือเปล่าครับ
รายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่เพิ่มขึ้น ความสงัด ความโปร่งกว้างที่เพิ่มขึ้น
บรรยากาศที่เพิ่มขึ้น ของเหล่านี้ทำให้เราเพลิดเพลินกับการฟังเพลงฟังดนตรีมากขึ้นแค่ไหนครับ

อีกประเด็นขอเพิ่มเติมเข้ามา
ฝรั่งหรือคนไทยที่โพสๆกันเนี่ย แม้แต่ที่ผมโพสนะครับ
จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ก็ต้องอ่านวิเคราะห์ดูเอง จะให้ดีก็ไปลองฟังด้วยตัวเอง
ประสบการณ์คนเราต่างกันครับ เรื่องที่เราไม่เชื่อมันอาจเป็นจริงในประสบการณ์ของเพื่อนๆคนอื่นๆ

คุณหูดับอยากสรุปความเช่นไร ก็แล้วแต่คุณหูดับครับผม ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 42

dewringmaster1997

09/05/2015 09:53:04
2
ปัญหาอยู่ที่อุปกรณ์ที่คุณภาพไม่ถึง ไม่ได้อยู่ที่ 16bits หรือ 24bits

อ่านแล้วงงๆๆ
อุปกรณ์ที่มีคุณภาพดี เสียงก็ย่อมดี เป็นเรื่องปกตินิครับ
ถ้าคุณจะเทียบ24 กับ 16 ก็ใช้อุปกรณ์ เดียวก่อนสิครับ

เรื่องเสียงต่าง ดีหรือ ฟังเอาเองดีกว่าครับ CD ปั้มแผ่นคนละประเทศ เสียงยังไม่เหมือนกันเลยครับ

ถ้าคุณหมายถึงว่า 16bit เพียงพอไหม ผมตอบว่า CD 16ิbit เพียงพอในทุก system ครับ


ปัญญา 24 /DSD คือมันทำ master(บางอัลบั่ม) ได้้ไม่ดี อะไรประมาณนั้น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 43

เบิ้ม cec

09/05/2015 09:57:37
15
++ jpj
"ประสบการณ์คนเราต่างกันครับ เรื่องที่เราไม่เชื่อมันอาจเป็นจริงในประสบการณ์ของเพื่อนๆคนอื่นๆ"

ผมชอบมาก ๆ ครับ แสดงถึงวุฒิภาวะที่สมบูรณ์ ขอแสดงความชื่นชมครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 44

nopphong

09/05/2015 16:16:25
5
คลิปนี้แนะนำเลยครับ ฮามากๆ นาทีที่ 3.22 เข้ากับที่เรากำลังคุยกันเลย
โยม....Just you don't believe doesn't mean it not exist.
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 45

ellevoid

10/05/2015 09:40:46
220
แนะนำให้ลองฟัง Google Talk ของ Andrew Scheps อันนี้ครับ ผมว่าอธิบายได้ดีและเห็นภาพมากๆ เสียดายที่ติดลิขสิทธิ์เค้าเลยตัดช่วงที่เปิดเพลงทดสอบให้ฟังว่า lossy, lossless, 24bit แตกต่างกันอย่างไรครับ

[youtube]https://youtu.be/SXbH-yzGNfg/youtube]

Andrew Scheps, "Lost in Translation: Audio Quality in Streaming Media" | Talks at Google

Lost In Translation with Andrew Scheps provides an engaging, revelatory and humorous presentation of current audio format comparisons. The demonstration showcases the auditory differences of master recordings played back in different formats such as vinyl, CD, MP3, AAC and online streaming models.

Scheps (http://www.uaudio.com/blog/artist-int...) has engineered and mixed for some of the biggest acts in the business, including Adele, Metallica, Red Hot Chili Peppers, Linkin Park, Green Day and U2. He is a two-time GRAMMY® winner for his work on the Red Hot Chili Peppers' Stadium Arcadium and Adele's 21 albums and was named the 2012 International Engineer of the Year by the UK's Music Producers Guild.
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 46

ellevoid

10/05/2015 09:41:18
220
แง่ว link ไม่ติด ลองใหม่
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 47

หูดับ

10/05/2015 13:32:46
แล้วสรุปว่าต่างมั๊ย? และต่างอย่างไร? ข้าพเจ้าลองฟังคร่าวๆเห็นมียกทฤษฏี Nyquist มาพูดเช่นกัน ตอนประมาณนาทีที่ 16-17
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 48

Windows X

10/05/2015 13:59:35
337
ต่างครับ

16-bit snr 96
24-bit snr 144

Dac ทุกวันนี้ snr เกินร้อยกันละ สามารถแสดงความแตกต่างได้ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 49

หูดับ

10/05/2015 14:03:46
หมายความว่า ใช้ DAC 24-bits snr 144 เล่นไฟล์เพลง 16 bits กับไฟล์เพลง 24 bits จะได้เสียงต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเลย ใช่ไหมอ่าาา?
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 50

JPJ

10/05/2015 14:57:00
0
มาต่อครับ ผมเห็นคุณหูดับชอบตั้งคำถาม ซึ่งเป็นเรื่องดีครับ
เพราะเราก็ไดเรียนรู้ไปด้วยกัน ^^

เลยอยากขอถามกลับก่อนจะอธิบายกันต่อว่า
คุณหูดับได้ทำการทดลองด้วยตัวเองหรือยังครับ

ระหว่างไฟล์ 16 bit vs 24 bit เพลงเดียวกัน mastered เดียวกัน หรือต่างกันก็ได้
หรือแม้แต่ 16 bit vs 16 bit เพลงเดียวกัน mastered ต่างกัน
ฟังแล้ว รู้สึกต่างกันอย่างไรครับ ตรงไหนที่รู้สึกต่าง

ผมอยากให้เราแลกเปลี่ยนแนวคิด ความรู้ จากประสบการณ์จริงที่ได้ทดลองกันมามากกว่าครับ
หรือคุณหูดับไม่ชอบทดลองฟังด้วยตัวเองครับ ^^

ถ้าขาดเหลือไม่มีไฟล์สำหรับทดลองทดสอบก็พูดคุยกันได้ครับ ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 51

หูดับ

10/05/2015 15:36:30
ลองฟังเปรียบเทียบแล้ว แต่ว่าข้าพเจ้าแยกความแตกต่างไม่ออกว่าอันไหนมันดีกว่ากัน ระหว่างไฟล์ 24bits กับ ไฟล์ 16bits ก็เลยมาลองถามประสบการณ์จากกลุ่มคนเล่นเครื่องเสียงซึ่งน่าจะตรงกลุ่มสุดละ

อย่างแบบทดสอบง่ายๆพวก TIDAL ที่ให้ฟัง 5 เพลง แล้วแยกว่าอันไหน High Fidelity ข้าพเจ้าทำกี่ครั้งก็ 100% เต็ม แต่ไฟล์ 24 bits กับ 16 bits ข้าพเจ้าฟังแล้วรู้ว่ามันต่าง แต่ไม่รู้ว่าอันไหน 24bits และอันไหน 16 bits เพราะประเมินไม่ได้ว่า เพลงจากไฟล์ไหนคุณภาพดีกว่ากัน

ก็เลยเกิดความสงสัยและอยากสอบถามจากผู้รู้ ว่ามันดีกว่ากันยังไง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 52

JPJ

10/05/2015 21:51:21
0
ขอโทษคุณหูดับจริงๆครับ คือผมอ่านข้อความไม่เข้าใจ

สรุปว่า คุณหูดับ ลองแล้ว
และมีความสามารถแยกแยะออกระหว่าง 16 bit กับ 24 bit มันต่างกัน
แต่คุณหูดับ ไม่รู้ว่าไฟล์ไหนคือ 16 bit ไฟล์ไหนคือ 24 bit
แหะๆ ผมเข้าใจถูกไหมครับ

หรือว่า ฟังแยกออกทั้ง ไฟล์ 24 bit กับ 16 bit
แต่จากการฟังของคุณหูดับไม่รู้ว่าอันไหนมันดีกว่ากัน

ผมอ่านแล้วสงสัยคำถามคุณหูดับนะครับ อ่านแล้วงง วกวนวนเวียน ต้องขอโทษด้วยครับ

ที่สงสัยมากกว่าคือ เราจะแยกแยะมันได้ไปทำไมครับ
มันมีประโยชน์ยังไงอะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 53

หูดับ

10/05/2015 23:21:13
คือ เท่าที่ฟังจากความเห็นหลายๆท่าน เหมือนจะบอกว่าไฟล์ 24 bits เสียงดีกว่า ข้าพเจ้าก็อยากรู้ว่ามันดีกว่าตรงไหน ฟังแล้วมันต่างตรงจุดไหน จะได้หาซื้อไฟล์ 24 bits มาเก็บไว้ ตอนนี้ซื้อแต่ไฟล์ 16bits ซะเยอะเลย

ปล. ข้าพเจ้าชอบทำ blind test เป็นงานอดิเรก เพราะชอบแยกความแตกต่างของเสียง บททดสอบส่วนใหญ่ก็ทำได้หมด sound level ระดับ 0.5dB ก็แยกได้ แต่พอได้ไปคุยกับฝรั่งใน head-fi ฝรั่งท้าให้แยก 24bits กับ 16bits ดู ตอนแรกที่ยังไม่ได้ลองทำก็นึกว่าจะแยกออก แต่พอลองดูแล้วเกิดแยกไม่ได้เอาซะงั้น อาจจะเป็นเพราะหูไม่ดี ก็เลยต้องมาถามประสบการณ์จากคนอื่นดูอ่ะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 54

caprice

10/05/2015 23:30:39
5
ขอทราบชุดฟังพลงของคุณหูดับหน่อยครับ เนื่องจากผมสงสัยประโยคนี้ครับ
"เครื่องเล่นเบสิคๆของข้าพเจ้าสามารถ configure output ได้สูงสุดที่ 192khz/32 bits"
เครื่องเล่นขนาดนี้ไม่เบสิคแล้วครับ
ดังนั้น ผมสงสัยว่า คุณหูดับใช้เครื่องเล่นอะไรฟังเพลง เป็นการปรับซอฟแวร์ในโปรแกรมฟังเพลงเฉยๆหรือเปล่า
ถ้าเป็นกรณีดังกล่าวข้างต้น แยกยังไงก็แยกไม่ออกหรอกครับ
เนื่องจากเครื่องเล่นไม่รองรับ 24 บิต และโปรแกรมจะแปลงเป็น 16 บิทโดยอัตโนมัติครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 55

หูดับ

10/05/2015 23:43:54
Macbook Pro with Retina รุ่นล่าสุดจ้า เป็นเครื่องเล่นเบสิกสุดของข้าพเจ้าละ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 56

Windows X

11/05/2015 00:12:54
337
ผมใช้ laptop Asus หมื่นกว่าบาทก็ฟังออกชัดเจนนะครับ ลองทำ dowmixing จาก 24-bit มา 16-bit อยู่หลายแบบยังไงก็สู้ 24-bit แบบเดิมๆไม่ได้จริงๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 57

หูดับ

11/05/2015 00:21:00
แป่ว เครื่องเป็นแสนกลับฟังไม่ออกซะงั้น เด๋วมีโอกาสจะไปหาเครื่องถูกๆลองฟังดูหน่อยดีกว่า
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 58

JPJ

11/05/2015 05:58:45
0
คุณหูดับอย่าไปเทียบกับประสบการณ์ของคุณ windows x ครับ ผมว่าจะดีกว่าถ้าคุณหูดับซื้อ DAC ที่รองรับทั้ง 24bit 32 bit และ DSD ไปเลยครับ ผมว่าคุณหูดับอาจจะถึง บางอ้อ ตามที่น้อง caprice แนะนำครับ ^^

ถ้าชอบทำ blindtest ทดสอบประสาทหู ลงทุนกับ DAC ดีๆก็คุ้มค่านะครับ ^^
Ayre QB9 DSD ก็ได้ครับ เห็นมีปล่อยมือสองอยู่

ปล. ผมฟังเพลงผ่านคอมเฉยๆไม่มี DAC แยก รู้สึกแต่ว่ามันไม่เพราะ
ผมเลยฟังแต่ CD ด้วย CD player ครับ ไพเราะเสนาะหู
ตอนนี้รองบสอย DAC มาฟังไฟล์ริบด้วยมือระดับพระกาฬอยู่ครับ ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 59

หูดับ

11/05/2015 07:52:50
dac ของ macbook pro with retina รองรับ 24bit อยู่แล้วอ่ะ ถามฝรั่งใน head-fi เขาบอกว่า dac ของ apple macbook pro with retina รุ่นใหม่คุณภาพระดับ top quality อยู่แล้ว ไม่มีการ alter sound ใดๆทั้งสิ้น convert ได้สัญญาณอย่างที่มันควรจะเป็นแล้ว

ตกลงจำเป็นต้องซื้อ dac ข้างนอกมาใช้แทนจริงๆหรือ? คุณภาพดีกว่า dac ของ apple เยอะมั๊ยอ่าา?
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 60

caprice

11/05/2015 08:05:01
5
Macbook Pro with Retina มีภาคถอดหรัสสัญญาณ 24 บิทในตัวเหรอครับ

ผมขอลิ้งค์หน่อยครับผมลองดูข้อมูลแล้วหาไม่เจอ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 61

caprice

11/05/2015 09:13:50
5
อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์การฟังเพลงของคุณหูดับ คงเพียงพอต่องการฟังเพลงในระดับนึงแล้วครับ

แต่ว่าในการที่จะแยก 16 bit 24 bit นั้น ผู้เริ่มต้นควรจะใช้อุปกรณ์ที่ดีขึ้น เช่น DAC แยก ที่รองรับทั้ง 24bit และ dsd เพื่อช่วยให้ฟังออกง่ายขึ้น

แต่สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ในการฟังมานานพอสมควร ชุดเดิมๆ ก็สามารถฟังออกได้ครับ

สาเหตุเนื่องจากผู้ที่เคยฟังบ่อยๆ จะรู้อยู่แล้วครับ ว่าต่างตรงไหน เนื้อเสียงต่างกันยังไง ความลื่นไหล ปริมาณเบส
ดังนั้น เค้าจะคุ้นเคยและเปรียบเทียบความต่างได้เลยครับ

แต่สำหรับผู้ที่ยังแยกไม่ออก ยังไม่รู้ว่าต่างตรงไหน อุปกรณ์ในการฟังเดิมๆ จึงทำให้ฟังไม่ออกครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 62

หูดับ

11/05/2015 09:30:58
ลองอ่านอันนี้ดูวิธีตั้งค่า
joshkerr.com/should-you-upgrade-your-dac-if-you-own-a-macbook-pro/

และอันนี้เอกสารจาก apple เมื่อต้องการใช้ 192khz sample rate
support.apple.com/en-us/HT202730
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 63

Man in Black

11/05/2015 10:26:34
7
เคยลองทดลองฟังเองแบบขำๆ เท่าที่อุปกรณ์มี สรุปแยกไม่ค่อยออก ถูกมั่งผิดมั่งแต่พอลองเข้าไปศึกษารายละเอียดเรื่องนี้คร่าวๆ รายละเอียดเยอะมากจนเริ่มดีใจที่แยกไม่ค่อยออก ฟังไปสบายๆ อย่าไปซีเรียส เอาแค่ชอบไม่ชอบผมว่าโอเคสุดล่ะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 64

nopphong

11/05/2015 12:51:36
5
Dac ในเครื่องมันมีปัญหาสัญญาณรบกวนครับ สเปกมันจะดีแค่ไหนก็ตาม แต่มันก็ต้องรับสัญญาณรบกวนจากแหล่งจ่ายไฟ(สวิทชิ่ง) จากซีพียู พัดลม ฯลฯ พวกนี้มีสนามแม่เหล็กไฟฟ้ากวนมากทุกตัว แยกออกมาจะได้ความสงัด ทำให้ฟังอะไรเล็กๆน้อยๆได้เพิ่มอีกเยอะ
ถ้ายังไม่อยากลงทุนเพราะไม่เชื่อว่ามันจะดีขึ้นจริง ก็หายืมใครลอง หรือเอาโน๊ตบุ๊คยกไปร้านเฮียขอลองฟัง dac ดูได้ หากมันดีจริงก็อุดหนุนเฮียเขาซะเลยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 65

Mcky

11/05/2015 15:11:49
0
ตามทฎษฏีมากๆมันก็ย่อมซอยได้ละเอียดมีที่เก็บได้มากกว่า
แต่จะเล่าในแง่ทำ mastering ให้ฟังว่าระบบห้องเสียงที่ใช้ O2R ของ Yamaha ทำงานที่ 24bits/48K ราคาประมาณล้านเศษๆ กับอีกห้องที่ใช้ audiofile logic ทำงานที่ 16bits /44.1K ราคา 4ล้าน อันนี้ก็บอกได้เลยว่าตัวแพงเสียงออกมานวลเนียนกว่า ฟังมีวิญญาณกว่าอย่างสังเกตได้

เพราะงั้นอย่าไปเครียดครับ ในขั้นตอนการทำงานมีอะไรมากมาย มันจะทดแทน ส่งเสริมกันได้ อย่างบางเพลงคนทำเพลงทำงานที่ 16bits แต่ source เครื่องดนตรีเค้าหนานุ่ม ผ่านปรีราคาแพง เสียงมันก็แน่นอนว่าดีกว่า ทำงานที่ 24bits แต่ material มาแบบกากๆ หรืออัดใช้ไมค์ไม่ถึงระดับนอยแมน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 66

JPJ

11/05/2015 20:31:03
ส่วนตัวผมเห็นด้วยกับคุณ Men in Black นะครับ
อยากให้คุณหูดับ ฟังสบายๆ ชอบไฟล์ไหนฟอร์แมทไหนก็ฟังไปตามนั้น เพลินสุดแล้ว ^^

แต่ถ้าเข้าประเด็นเรื่องความสนใจในการแยกแยะไฟล์ hires กับ 16 bit ของคุณหูดับ
ผมก็ไม่รู้ว่าคุณหูดับจับสังเกตในส่วนไหนของเพลง และเพลงที่คุณหูดับใช้แยกแยะมันแนวไหน
หูฟังหรือลำโพงคุณหูดับดีพอเหมาะสมไหม เป็นต้น

ถ้าเพลงที่ใช้เป็นแนว audiophile ลอง norah jones อัลบั้นยอดฮิตก็ได้
ผมฟังผ่านแอมป์ ผ่านลำโพงนะครับ ไม่ได้ผ่านหูฟัง ฟังจาก source ที่เป็น cd ผ่านเครื่องเล่น cd player (rega) และ cd rip และ 24 bit ผ่าน dac จาก notebook

เสียงที่ได้จากคอมจะแห้งกว่า คมชัดกว่า เสียงจัดกว่า เบสน้อยกว่า นิ่งสงัดน้อยกว่า เมื่อเทียบกับฟังผ่าน rega ประมาณนี้ (แต่เวทีเสียงของ 24 bit ผ่านคอมก็ยังกว้างกว่านะครับ) ทั้งนี้เพราะ dac และส่วนประกอบทางด้านเสียงอื่นๆในคอมมันไม่เหมาะสม

พิจารณาเฉพาะไฟล์ผ่านคอม 24 bit จะให้เวทีเสียงที่กว้างกว่า ระยะระหว่างชิ้นดนตรีมีมากกว่า
บรรยากาศเสียงทั้งการทอดยาวของปลายเสียง และบรรยากาศที่หุ้มตัวเสียงอยู่ชัดเจนกว่า เมื่อเทียบกับ 16 bit ที่ได้จาก cd rip

ผมเลยสรุปว่า ถ้ายังไม่มี dac ที่เหมาะสม ผมฟังเพลงผ่าน rega ไพเราะสะเนาะหูกว่าทุกประตู

คุณหูดับฟังเพลงแนวไหน จับต้องเสียงได้อย่างไร รบกวนเล่าสู่กันฟังนะครับ ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 67

หมูหวาน

11/05/2015 23:48:27
573
ลองหาอัลบั้มที่เป็น Master ระดับ 24bit/96kHz แท้ๆ แล้วมาทำการ Down Sampling เหลือ 16/44.1
เสียงที่ได้จะฟังแตกต่างกันชัดเจนครับ แต่ถ้าคนละ Master แผ่นคนละปั๊ม ผมว่าอันนี้คงไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ครับ
และชุดฟังก็น่าจะพอสมควรอยู่ถึงจะแยกง่ายหน่อย เหมือนเอาไฟล์ VCD ไปเปิดในจอ TV 20 นิ้ว
กับเอาไฟล์ VCD ไปเปิดใน LED 50" ผมว่าอย่างหลังมันจะแสดงความแตกต่างของไฟล์ได้อย่างชัดเจนกว่าจ้าา
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 68

หมูหวาน

11/05/2015 23:52:54
573
ผมว่าเรามาจัด Event กันดีไหมครับ เรื่องไฟล์ Format ต่างๆ แล้วก็ไฟล์ Red Book CD กับไฟล์ Hi-Res และ DSD
ฟังเทียบกันให้หมด ว่าฟังออกหรือไม่ออก แล้วร่วมสนทนากันไปเลย ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 69

Windows X

12/05/2015 00:37:52
337
ผมสงสัยอยู่นะครับว่าน้องเค้าเอาไฟล์อะไรไปเทียบใน Macbook ฟัง ไฟล์ 24-bit ส่วนใหญ่จะเป็น sampling rate 96k/192k ส่วนไฟล์ 16-bit แถมน้องเค้าบอกมีไฟล์ 16-bit ฟังเยอะด้วยไม่ใช่น้องเค้าไปปรับ output bit-depth เป็น 24-bit แล้วฟังไฟล์เพลง 16-bit เทียบรึเปล่า ถ้าทำแบบนั้นจะฟังไม่ออกเลยก็ไม่แปลกครับเพราะผลที่เปลี่ยนมันมีน้อยมากแม้แต่กับชุดใหญ่ด้วยกันโดยส่วนใหญ่

ถ้าน้องหูดับจะทดสอบจริงๆนะครับ พี่แนะนำว่าหาไฟล์ 24-bit mastering แท้ๆจากเว็บนี้มาลองดูก็ได้

http://www.2l.no/hires/

แล้วฟังแบบ 24-bit ตรงๆไม่มี bit convert เทียบกับการฟังแบบที่แปลงลงมาเป็น 16-bit ดูครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 70

nopphong

12/05/2015 03:02:24
5
....เรียกเขาน้อง เดี๋ยวเขาบอกว่าอายุ 60 ขึ้นมาแล้วจะหนาว ฮ่าๆๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 71

Beat Takeshi

13/05/2015 08:28:27
39
ซุ่มอ่านมาระยะหนึ่งแล้ว ขอ Jam บ้างนะครับ อาจจะนอกเรื่องไปหน่อย
ปกติผมฟังและสะสม CD Audio ทีนี้เห็นคนอื่นเล่นไฟล์ 24 Bit ผมเลยลองหามาบ้าง
โดยเริ่มเข้าไปส่องใน HDtracks แต่ยังไม่ได้ซื้อ (ว่าจะสมัครวันว่าง ๆ หรือวันหยุด)
แล้วไปลองหา Load ตามเว็ป Bit โดยผมลองจากวง The Cars เพราะผมมี
แผ่น CD ครบทุกชุด (แผ่น LP อีกบ้างชุด) ไปได้ไฟล์ 24 Bit ที่คนปล่อย(อ้างว่า)
ของแท้จาก HDtracks เป็นไฟล์ flac

ต่อมา...แน่นอนอยู่แล้วว่า iPad และ iPod touch 5 เล่นไฟล์ flac ไม่ได้
ผมเลยไปหา App มาเพื่อเปิดไฟล์ HD ผมลองฟังจากวง The Cars ชุด Candy-O
ที่ผมชอบที่สุด ไม่รู้ผมหูไม่ถึง หรือโดนฝรั่งที่ปล่อยไฟล์ 24 Bit หลอก ผมคิดว่า
ไฟล์ที่ผม Rip เองจากแผ่น แทบไม่ต่าง (หรืออาจดีกว่า) ไฟล์ 24 Bit ที่สูบมา

ผมกำลังอยากถามว่า ผมควรซื้อไฟล์ HDtracks ไปเลยดีกว่า หรือหาอุปกรณ์
ในการเล่นชุดใหม่ (ที่รองรับ HD 24 Bit) ไปเลย ล่าสุดผมเพิ่งหาไฟล์ 24 Bit
วง Black Sabbath ที่ผมมีแผ่นครบทุกชุด LP หลายชุด (แต่ยังไม่ได้ลงฟัง)
หรือเราจะรู้ได้ยังไงว่า File 24 Bit ที่เราหามาเป็นของแท้ครับ
หาข้อมูลตามกระทู้เก่า ๆ และในเน็ต ลองเปิดจาก foobar2000 Spectrum
ก็วิ่งในทิศทางที่ควรจะเป็น...อ่านถึงตรงนี้ เพื่อน ๆ ท่านอื่นอาจจะบอกผมว่า
เอาที่นายสบายใจเถอะ อิอิ

ปล 1 ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบครับ
ปล 2 เล่างง ๆ ไปหน่อยขออภัยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 72

JPJ

13/05/2015 18:09:10
0
ตอบคุณ beat takeshi
ในกรณีอยากทดสอบว่าเป็น 24 บิทแท้หรือไม่ ลองใช้โปรแกรมจำพวก Audacity ดูครับ ฟรี ใช้งานไม่ยาก



ถ้าเป็น 24 บิทแท้ๆมันจะเห็นสเปกตรัมเกินช่วงความถี่ 22 kHz ดังรูปข้างต้นครับ ส่วนถ้าเป็น 24 บิทเทียม หรือ up sampling มา จะเห็นเหมือนภาพประกอบด้านล่างครับ ^^

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 73

หูดับ

13/05/2015 19:12:42
โอ๊ะ โอ ฝรั่งชี้ให้ดูเอกสารนี้ ข้าพเจ้าถึงกับอึ้งไปเลย

24/192 Music Downloads ...and why they make no sense

xiph.org/~xiphmont/demo/neil-young.html

ปล. คุณ JPJ ภาพ Spectogram ช่วงความถี่เกิน 22khz นี่มันบอกได้ด้วยหรือว่าไฟล์นั้นเป็น 24bits
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 74

JPJ

13/05/2015 21:43:45
ผมตามคุณหูดับไม่ค่อยจะทัน คุณหูดับหมายถึงเราไม่ควรมานั่งฟังไฟล์ 24 บิทกันนะเหรอครับ หรือว่าคุณหูดับคิดว่าหูคนเราแยกไม่ออก แต่คุณหูดับก็บอกเองว่าสามารถแยกแยะได้ แค่ไม่รู้ว่ามันดีกว่ายังไง ในเมื่อหูคุณหูดับดีในระดับแยกแยะได้ ก็แค่เลือกฟังใน format ที่ชอบครับ จบ ไม่ต้องคิดมาก อิอิ ^^

อย่างที่บอกครับ ผมเลือกฟัง format แผ่น CD บ่อยสุด แต่ก็ฟังไฟล์ cdrip 24 bit DSD ด้วยครับ เค้าทำมาให้เราฟัง เราก็ฟังไปครับถ้ามันไพเราะอร่อยหู ^^

ส่วน spectrogram ผมดูว่า sampling rate สอดคล้องกับ spectrum ไหมอะครับ
ส่วนจำนวนบิตโปรแกรมมันตรวจสอบให้เราแล้วครับ มันจะแสดง 16 bit pcm or 24 bit pcm เป็นต้น ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 75

หูดับ

13/05/2015 23:19:39
คืออย่างนี้นะ ข้าพเจ้าชอบฟังเพลงมาก และไปถามหลายๆคน ส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่ายังไงไฟล์เพลง 24bits ก็ต้องเสียงดีกว่าอยู่แล้ว

แต่พอข้าพเจ้าได้ฟังเทียบระหว่างไฟล์เพลง 24bits กับ 16bits แล้ว ข้าพเจ้ายอมรับเลยว่า “หูยังไม่ถึงจริงๆ” สุ่มมาหลายๆเพลงฟังแบบ blind test ไม่รู้ด้วยว่าเสียงไหนมาจาก 24bits เสียงไหนมาจาก 16bits แค่รู้ว่า 2 เสียง มีความต่างกันนิสๆ แต่แยกไม่ออกว่าเสียงไหนดีกว่ากัน

มันไม่ง่ายเหมือนแยกเสียงจากแบบทดสอบทั่วๆไปเช่น test.tidalhifi.com แบบทดสอบเนี๊ยะ ง่ายมาก อุปกรณ์ไม่ต้องดีอย่างที่เวป TIDAL บอก ก็แยกได้
หรือยากขึ้นมาอีกนิสก็เพลงจาก iTunes มันจะมีเสียง จิ๊ด จิ๊ด จิ๊ด ปนมากับเสียงดนตรีตลอดเป็นระยะ(น่ารำคาญมาก) ค่อนข้างฟังยากสำหรับคนทั่วไป แต่หูที่เทรนมาดีต้องฟังออกแน่นอน
ส่วนเพลงที่ทำมาแบบ Mastering for iTunes จะไม่มีเสียง จิ๊ด จิ๊ด ปนมาละ (ขอบคุณ Apple ที่ออก Mastering for iTunes แนะนำคนทำเพลงว่าต้องส่งต้นฉบับแบบไหน)

ถึงตอนนี้เลยเริ่มจะคล้อยตามที่ฝรั่งบอกละว่าไฟล์เพลง 44.1khz/16bits เพียงพอต่อการ playback แล้ว

แต่หากท่านใด หูดีมากๆ ฟังแล้วรู้ว่าไฟล์ 24 bits เสียงมันดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด ข้าพเจ้าก็อยากจะขอความรู้ เผื่อจะได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์ทางดนตรีที่ไพเราะเพราะพริ้งขึ้น จักเป็นพระคุณยิ่ง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 76

Windows X

13/05/2015 23:55:48
ก็แค่คนไม่เคยทำงานเพลงยกทฤษฎีมั่วๆขึ้นมาครับ คนทำเพลงเค้ารู้กันดีหมด ถามจริงๆว่า 16-bit ที่ downmix มาจาก 24-bit แต่ง noise เข้าไปเพื่อลดอาการ glare ขึ้นขอบหลัง quantization มันจะดีกว่าเล่นตรงๆได้ยังไงกันครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 77

หูดับ

15/05/2015 14:08:44
ไปถามมาเพิ่มละ

หูดับ: What do you do for a living?
ฝรั่ง: Music Producer, Composer, Audio Engineer, Audio Post Production

เพราะฉะนั้นเป็นคนทำดนตรีแน่นอน

ไปถามอีกคน ว่ามีผลทดสอบแบบ ABX test ให้ดูบ้างมั๊ย ว่ามีใครฟังออกบ้าง เลยได้ลิ้งนี้มา
archimago.blogspot.de/2014/06/24-bit-vs-16-bit-audio-test-part-ii.html

ท่อนสรุปน่าสนใจมาก

In a naturalistic survey of 140 respondents using high quality musical samples sourced from high-resolution 24/96 digital audio collected over 2 months, there was no evidence that 24-bit audio could be appreciably differentiated from the same music dithered down to 16-bits using a basic algorithm (Adobe Audition 3, flat triangular dither, 0.5 bits).
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 78

Windows X

15/05/2015 15:13:48
Same logic as most people couldn't tell the different between 320kbps mp3 and 1411kbps wav
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 79

หูดับ

15/05/2015 19:00:32
โดยสรุปความเห็นส่วนตัวนะ ซึ่งอาจจะผิดก็ได้ ข้าพเจ้าคิดว่าคนที่ฟังแล้วแยกความต่าง 24bits กับ 16bits ได้ มีความเป็นไปได้ว่า

1. เป็นซุปเปอร์ฮีโร่ มีหูที่ดีมากๆ
2. มี high end system ในระดับ NTT AudioLab 101 MK II, Moon Audio Titan อะไรแบบนั้น ซึ่งข้าพเจ้าก็ไม่แน่ใจนะว่าจริงๆแล้วมันจะแยกได้หรือไม่ เนื่องจากคิดว่ามันแพงเกินไปหน่อย เลยไม่มีโอกาสได้ฟัง
3. มโนไปเอง เนื่องจากไม่ได้ฟังแบบ blind test
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 80

JPJ

15/05/2015 19:38:54
0
เป็นบทสรุปที่ดีสำหรับคุณหูดับครับ ^^

คุณหูดับจะได้ไม่ต้องไปเสียเวลากับการ ABX หรือ blind test เอาเวลาไป enjoying good musics กันดีกว่าครับผม ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 81

kok kok

15/05/2015 20:41:19
มีคนแนะนำให้ลองหาไฟล์ที่เป็น24bit แท้ๆ
มาลองแปลงเป็น16bit แล้วลองเปิดเทียบดูรึยังครับ
ต้นฉบับเดี่ยวกัน แต่เป็น16กับ24 น่าจะลองฟังดูก่อนนะครับ

ถ้าฟังออกหรือไม่ออก น่าจะเป็นที่ตัวบุคคลแล้วครับ
ผมก็ฟังไม่ออกครับ แต่ไม่ต้องการคำตอบว่ามันจะดีจริงหรือไม่
เอาเวลาไปทำมาหากินดีกว่า ฟังเพลงเพื่อคลายเครียด
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 82

หูดับ

15/05/2015 21:03:54
ลองไม่รู้จะลองยังไงแล้วจร้า ถึงแม้ system ที่ลองจะไม่ถือว่า high end แบบ NTT AudioLab 101 MK II หรือเว่อร์ๆอย่าง Moon Audio Titan แต่ก็ไม่บ้านเท่าไร

ตอนนี้เลยยอมแพ้ละ ไม่สนใจไฟล์เพลง 24bits ละ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 83

dewringmaster1997

15/05/2015 21:27:17
2
ดีใจจังผมมีdac ราคาไม่แพง เป็น ซุปเปอร์ฮีโร่ เกิดมาเป็นบุญที่สามารถสัมผัสถึงได้5555


ยอมแพ้ดีแล้วงับ ฟังที่สบายใจ ชอบดีกว่า ถ้ามันแยกไม่ออกจริงๆๆก็ช่างมันครับอย่าไปคิดแทนคนอื่นเลยครับคุณหูดับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 84

chat_na

15/05/2015 21:46:51
ผมว่าเป็นบุญหูของคุณหูดับแล้วครับ ที่ฟังไม่ออกว่าต่างกัน จะได้ไม่ต้องไปหาไฟล์ 24bits ให้ยุ่งยาก
ผมทำกรรมไว้เยอะเลยฟังออกซะงั้น55 พยายามหาไฟล์ที่ดีที่สุดไปเรื่อยๆไม่หยุดไม่หย่อน(เหนื่อยนะเนี่ย)
แอบอิจฉาคุณหูดับนิดๆ55 (ขำๆนะครับอย่าซีเรียส)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 85

หูดับ

15/05/2015 22:22:06
ส่วนตัวข้าพเจ้าก็ไม่เชื่อว่าของแพงจะดีเสมอไปนะแต่ ข้อควรระวังของ DAC ถูกๆคือ
ระวังสัญญาณ distort นะ ฟัง 24bits ก็ distort แบบนึง ฟัง 16bits ก็ได้สัญญาณ distort ไปอีกแบบ
ข้าพเจ้าก็แอบอิจฉาท่านๆนะ ที่สามารถ enjoy กับสัญญาณที่ distort
ดีแล้วจะได้ไม่เสียตังค์เยอะ ยิ่งถ้าใครรับได้และมีความสุขกับ harmonic distortion ก็ถือเป็นบุญอย่างยิ่งเลย (ขำๆนะจ๊ะ อย่าซีเรียส)

ปล. การฟังแบบซีเรียสบางทีก็ส่งผลดี จะได้ไม่ต้องซื้ออุปกรณ์แพงโดยไม่จำเป็น แบบจ่ายแพงเพราะเป็นเหยื่อของ marketing word ต่างๆอ่ะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 86

Windows X

15/05/2015 23:08:36
337
บางทีผมก็ขำนะ ที่นั่งฟังเพลงเพราะๆอยู่ดีๆแล้วดันกลายเป็นเหยื่อการตลาดของ marketing word ไปซะละ

บางทีผมก็อยากจะหูดับไปกับเขาบ้าง จะได้ downmix เพลง 16-bit ลงมาเป็น CD ฟังได้ไม่ต่างจากไฟล์ hires
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 87

hvk

16/05/2015 19:41:38
ผมก็เป็นคนที่ถือหาง 16 bit ที่มาสเตอร์ดีๆมาตลอดนะครับ ส่วนตัว HD tracks ส่วนใหญ่มาสเตอร์สู้พวก mobile fidelity, audio fidelity ไม่ได้ครับ ทว่าผมก็มีเพลงจาก HD tracks อยู่ในเครื่องเช่นกัน เล่นผ่าน DAC ใช้กับคอม ฟังผ่านทั้งลำโพงทั้งหูฟัง

สำหรับผมนั้นมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยครับ ที่จะหาไฟล์ 16 บิต กับ 24 บิต ที่ทำมาสเตอร์เดียวกันมาเทียบครับ อย่าง Linda Ronstadt ชุด What's New ผมว่าของๆ K2HD 16 บิต ฉ่ำ เสียงมีบอดี้ แยกแยะชัดเจนกว่าของๆ HD tracks ครับ แต่ HD tracks Diana Krall, The Look of Love ก็ดีกว่าแผ่นปั๊ม USA ที่ผมมี

แถมผมก็ลองคล้ายๆคุณ Window X ลองไปเรื่อยๆเล่นๆ เอา 24 bit มาเป็น 16 บิต แล้วลองเทียบ อันนี้ก็มองว่า 24 บิต ดีกว่าชัดเจน แต่ก็ยังถือว่าไม่ใช่การทดสอบที่เชื่อถือได้มากนัก เพราะตัวผมเอง ก็ถือว่าไม่เข้าใจการ down sampling ดีนัก และอาจจะทำอะไรต่อมิอะไรมั่ว หรือผิดพลาดได้ เลยสรุปตรงๆไม่ได้นัก ว่าอันไหนจะดีกว่า

ตัว DAC นี่ก็เคยอ่านผ่านๆ น่าจะ stereophile หรือไม่ก็ absolute sound นะครับ ว่ากันว่าบบางตัวทำงาน Optimal ที่ 16 บิตบ้าง บางตัวเล่น PCM ดีกว่า DSD บางตัว 24 บิต ทำงานที่ Optimal, 16 บิต Distort เยอะกว่า สลับไปๆมาๆ รวมๆผมเลยว่ามันยากที่จะสรุปฟันธงฉับๆ มาให้เห็นกันชัดๆนะครับ

ส่วนที่ผมเจอจากการเอาามาสเตอร์ 24 มาทำเป็น 16 แล้วฟังเทียบนะครับ กับชุดของผมในตอนนั้นนะ NAD M51 - Luxman c900/m900 - JBL 4348 ใช้ source เป็น window 8 + jriver เล่นทั้ง 24-16 ตั้งแบบ bit perfect เท่าที่ผมจะทำได้ ฟังแล้ว 24 ดีกว่าเช่น เบสชัดกว่า การไล่น้ำหนักชัดเจนกว่า เบสกับกลองสแนร์แยกขาดจากกันได้มากกว่า การโฟกัสของชิ้นดนตรี 24 บิตทำได้ชัดเจนกว่า จะแจ้งกว่า เสียงแหลม กับประกาย มีคุณภาพที่ดีกว่า เนียนกว่า น้ำเสียงโดยรวมใหญ่ เนียน และมีความเด็ดขาดรวมถึงความกระจ่างใสที่มากกว่าครับ ฟัง 16 บิต มันเหมือนทุกๆอย่างขุ่นลงไป แต่อย่างว่าถ้าพิจารณาจากปัจจัยบนๆที่ผมว่ามาผมก็ไม่ได้ถือว่ามันเป็นการทดสอบที่ดีนัก และเชื่อว่ามี error เยอะ

ผมก็มีเพื่อนอีกคนนึง เล่นเครื่องเสียงมา ออกแนวๆบ้าเทคโนโลยีหน่อย ก็จะเล่นของที่สเปคเป็นหลัก ก็จะเล่นแนวๆ DAC ราคาเริ่มต้นที่ทำ DSD ได้บ้่าง 32 บิตได้บ้าง ซึ่งเทียบจริงๆ ซีดีผมตัวนึงอายุจะ 10 ปี เล่น 16 บิตที่ผมแปลงจาก 24 บิต แล้วให้เพื่อนผมใช้ DAC ตัวนั้นเล่น 24 จากไฟล์ 24 บิตตรงๆ ซีดี 16 บิตอายุ 10 ปีของผมกินขาดสบายๆครับ

สรุป ผมว่ามันเทียบกันในเชิง experiment ได้ยากมากครับ มันมีปัจจัยเยอะมากๆจนแทบจะเทียบไม่ได้ บางครั้งผลลัพท์ออกมา 16 บิตดีกวว่า บางครั้ง 24 บิต บางครั้งแยกไม่ต่าง ผมว่าเอาในเชิงเป็น music lover แบบผมนะครับ คือชุดคุณเล่นไฟล์ไหนดีกว่า เอาอันนั้นแหละครับ ของผม ผมก็เทียบเป็น ปั๊มๆไปครับ เวอร์ชั่นไหนของอัลบั้มนั้นเสียงดีสุด ผมก็เอาอันนั้นหละครับ ซึ่งส่วนใหญ่ของๆผม จากงานเพลงที่ผมฟัง LP กับ 16 บิต มักจะเป็นชุดที่เสียงดีที่สุดครับ แต่ก็มีบางส่วนที่ 24 bit Hi-res เสียงดีกว่าเช่นกัน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 88

เพิ่งฟัง

16/05/2015 23:12:35
อ่านคุณพีหูดับตั้งข้อสังเกต น่าสนใจดีครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 89

หูดับ

17/05/2015 03:18:51
อดีตเป็นชุดนั้น โอ้ว สงสัยชุดปัจจุบันของคุณ hvk คงจะหลาย ล้าน

ข้าพเจ้าก็เชื่อว่า ทำ down sampling ต้องระวังและทำให้ถูกต้อง ไม่งั้นผลอาจจะคลาดเคลื่อนไปเยอะ

- อย่างน้อย ควรเลือก software ที่เชื่อในคุณภาพได้ก่อนอย่างเช่น Adobe Audition 3
- ตอนทำ resampling ควรเลือก algorithm ที่เหมาะสม และต่อด้วย dither ขั้นต้นที่ flat triangular, 0.5 bits
- เช็คไฟล์ 16bits ที่ได้ว่า sound level ต่ำกว่าไฟล์ 24bits หรือเปล่า

โดยส่วนใหญ่เลย ไฟล์ 16bits ที่ได้จะ มี sound level ต่ำกว่า ตอนเอาไปเปิดเทียบกัน ก็ลืมเร่งความดังให้มันเท่ากัน ผลก็คือ เข้าใจไปว่าฟังไฟล์ 24bits แล้วได้ยินรายละเอียดที่ชัดเจนกว่า ก็เสียงมันดังกว่า ก็เลยได้ยินเครื่องดนตรีต่างๆชัดกว่า ... ฮา
แต่ถ้าดูเรื่องความขุ่น ต้องเทียบ timbre ว่าอันไหนตรงกว่า

อย่างไรก็ตามข้าพเจ้ายอมแพ้ละ เรื่อง 16 bits vs 24bits ยอมรับว่า แยกไม่ออก ส่วนคนอื่นถ้าแยกออก ก็ถือว่าท่านเป็นยอดมนุษย์ เข้าพเจ้าขอแสดงความนับถือ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 90

pockethifi

17/05/2015 07:16:59
161
การฟังทดสอบถ้าไม่เห็นความต่าง อาจจะเป็นข้อจำกัดของ แอมป์ ระบบขยายเสียงครับ

อย่างปรีแอมป์ เพาเวอร์แอมป์ แอมป์หูฟัง ค่า S/N อาจจะอยู่ที่ราๆ 990-100db เท่านั้น
ยกตัวอย่าง อินทิเกรตแอมป์รุ่นเล็กของ nad 302 ออกมายุคปี 90 กว่าๆ
ก็มีค่า s/n 90db

เอาของ 144db กับ 96db มาฟังผ่านแอมป์ที่รับได้แค่ 90db มันก็ไม่เห็นความต่าง

เหมือนดูหนัง 720p กับ 1080p บนหน้าจอ ความละเอียด 1600x900 pixel
มันก็ชัดเท่ากัน ต้องเอามาดูบนจอ full HD เป็นอย่างน้อยถึงจะแยกแยะได้ว่าอะไรชัด อะไรไม่ชัด ยิ่งได้จอ 4K ยิ่งเทียบได้ง่ายขึ้น

ผมยังไม่เคยฟังเทียบ A-B test ระหว่าง 16bit กับ 24bit
แต่ลึกๆก็เชื่อว่า spec สูง ย่อมดีกว่า spec ต่ำ อยู่ที่เราจะหาวิธีใช้งานมันได้อย่างไรไม่ให้เสียของ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 91

hvk

17/05/2015 15:58:31
11
เร่ื่องการแมทยความดังนีี่ผมไม่พลาดแน่ๆครับ จุดนี้ใช้ตั้งแต่สมัยเทียบความแตกต่างของ dac แต่ละตัวแล้วครับ ตอนนี้อย่างว่าครับผมก็ไม่ได้จำกัดตัวเองว่าต้องเป็น 24 บิต เอาเชิงพาณิชย์ 24 บิตของ hd track บางอันสู้ 16 บิตของ mo fi ไม่ได้ครับ ประกอบดับเหตุผลหลายๆปัตจัยที่ว่าด้านบน ผมเลยไม่รู้ตกลงมันต่างหรือไม่ต่างครับ ถ้าคุมปัตจัยได้แบบการทดลองในแล๊ป ทุกอย่างอ๊อปติมัลเท่ากันหมดต่างที่บิตกับแซมปลิ้ง ถึงจะสรุปได้ครับ แต่ถ้าทำแบบนี้ ก็อาจจะอิงถึงการทดลงจองฟิลลิปกับโซนี่เมื่อยุค 80 ที่สรุปว่า 16 44.1 เพียงพอ แต่ก็ไม่รู้สิครับ ในเมื่อผมไม่ทราบ assumption ในการทดลอง ผมว่าไม่น่าซีเรียสมากเกินความเป็นจริงกับไฟล์ครับ เทคนิคการอัด สำคัญกว่าเยอะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 92

ellevoid

17/05/2015 21:46:58
220
ส่วนตัวในเรื่องเสียงผมฟังออกและพบว่า 24 bit ดีกว่า 16bit และ wav ดีกว่า aiff ดีกว่า flac แต่สุดท้ายก็ฟังที่ 16 bit เป็นหลักเพราะ cd หาซื้อง่ายกว่าไฟล์ hires มีราคาถูกกว่าแถมขนาดเล็กกว่าโหลดใส่ชุดพกพาได้เยอะกว่า ... สรุปว่าพอใจอะไรก็ทำไป จบคนับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 93

หูดับ

17/05/2015 22:31:49
โห... คุณ ellevoid ฟังออกถึงขนาดรู้ว่า wav ดีกว่า aiff เลยหรือนี่? โอ้ววว ว้าาาาาว ... แบบนี้ไม่ธรรมดาแล้วนะเนี๊ยะ

ทั้ง wav และ aiff นี่มันเก็บ uncompress audio data แบบ lossless แต่คุณ ellevoid กลับฟังออกด้วยว่าคุณภาพเสียงต่างกัน สุดยอดจริงๆ ข้าน้อยขอคารวะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 94

JPJ

17/05/2015 22:42:34
0
ขอบคุณคุณ hvk และท่านอื่นๆที่ร่วมแจมความรู้ประสบการณ์กันครับผม ^^

อ่านข้อความของคุณหูดับ ก็น่ามีความรู้เชิง technical มาร่วมแจมแลกเปลี่ยนกันด้วยจะดีไม่น้อยเลยครับ ^^

ประเด็นเรื่อง DAC ที่คุณ hvk กล่าวมาน่าสนมากใจครับ
ที่ว่า DAC บางตัวเหมาะกับ 16 bit บางตัวเหมาะกรบ 24 bit บางตัวอาจจะ perfect เหมาะกับทั้ง 16 bit และ 24 bit น่าแตกประเด็น ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 95

JPJ

17/05/2015 22:47:08
0
คือเรื่องใครฟังออก แยกเสียงได้ หูเทพ หูตะกั่ว ไม่น่าเอามาเป็นสาระนะครับ เพราะขึ้นกับปัจจัยหลายด้านที่ท่านอื่นๆกล่าวมา

แต่เรื่อง technical ประสบการณ์การทดลองจากท่านอื่นๆ หรือสาระที่เป็น fact เป็น science สำหรับผมน่าสนใจมากเลยครับ ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 96

Progreso

17/05/2015 23:06:54
0
ขอตั้งสังเกตมั่วๆนะครับ 5555 คือ 24Bit ยังหาค่ามาตราฐานไม่ได้หรือเปล่า

24BIT/352.8kHz

24BIT/192kHz

24BIT/96kHz

มีทั้ง 3แบบ (ยังมี 88.1อีก , 24Bit 48 อีก)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 97

Windows X

18/05/2015 01:00:23
337



มานั่งเถียงกันไปทำไม ไปทดสอบ Tidal ฟังกันก่อนดีกว่าครับ

http://test.tidalhifi.com/

ตอนฟังกับ foobar/J River config ดีๆมันก็ฟังง่ายนะ แต่ไม่รู้ทำไมในเว็บมันไม่ค่อยต่างกันมาก
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 98

nan79

18/05/2015 13:26:00
2
อาจจะเพราะ wav เป็น pcm ตรงๆก็ได้ค่ะ แม้จะ uncompressed เหมือนกัน แต่ก็ยังต่างกันนิดหน่อย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 99

หูดับ

18/05/2015 20:23:02
aiff ก็เก็บ pcm audio data จร้า ท่านสามารถใช้ โปรแกรม convert จาก wav ไปเป็น aiff แล้วจากนั้น ทำการ convert จาก aiff กลับไปเป็น wav ได้โดยที่ ในส่วนของ audio data ทุกบิทได้ค่าเหมือนเดิมทุกประการนะจ๊ะ
เมื่อทุกบิท เหมือนเดิม ท่านก็จิตนาการเอาเองแล้วกันว่าเสียงมันต่างกันตรงไหนบ้าง

ตัว 16bits กับ 24bits ข้าพเจ้ายังไม่มีปัญญาเปรียบเทียบ ดังนั้นจึงไม่ขอเปรียบเทียบ wav กับ aiff
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 100

Windows X

18/05/2015 20:30:28
337
uncompressed เหมือนกันไม่จำเป็นต้องเสียงเหมือนกันเป๊ะเสมอไปครับ อยู่ที่การจัดเรียงการส่งข้อมูล ขนาด ของ packet, decoder ด้วย คนทำงานดนตรีหลายคนก็แนะนำให้เก็บเป็น wav มากกว่า aiff แต่ถ้า blind test ฟังอาจจะฟังไม่ออกตอบ 10 ชุดมีผิดบ้างก็เป็นได้ แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีผลเลยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 101

หูดับ

18/05/2015 20:47:48
จริงดิ คุณ Windows X คนทำดนตรีหลายคนแนะนำอย่างนั้นเลยหรือ? เรื่องนี้เปิดเป็นกระทู้ใหม่ คุยเป็นมหากาพย์ได้เลย ยาวกว่ากระทู้นี้ได้อีก
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 102

Windows X

18/05/2015 21:08:12
337
ผมได้ยินคนทำงานเรื่องเพลงหลายคนบอกว่าอัด wav กันครับ และมากกว่าที่ได้ยินบอกให้อัดออกมาเป็น aiff ไฟล์เพลงที่เพื่อนเคยส่งมาให้ฟังเล่นๆก็เป็น wav ครับ แต่ถ้าใครได้ยินว่าอัดเป็นอย่างอื่นบ้างก็นำมาแชร์กันได้ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 103

หูดับ

18/05/2015 21:32:19
เพื่อนคุณ Windows X เป็นแฟนพันธ์แท้ Windows หรือเปล่าเนี๊ยะ

wav กับ aiff ต่างกันแค่ header กับ byte order ซึ่ง optimize สำหรับ processor คนละแบบ Intel, Moto, ...ฯลฯ
มันไม่มีความต่างในเชิง audio data ที่ทำให้เกิด sonic difference แต่อย่างใด

เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า 2 format นี้สามารถ interchangeable ได้ หมายความว่าแลกเปลี่ยนกันได้ ใช้แทนกันได้ โดยทั่วไปคนใช้ Windows ก็ใช้ wav คนใช้ Mac ก็ aiff จะเอา wav หรือ aiff ไปเปิด ใน DAW ก็ได้ข้อมูล audio data เหมือนกันเป๊ะ

ข้าพเจ้าทำได้แค่ให้ข้อมูลตามที่รู้มาแบบงูๆปลาๆเท่านั้น ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อหรือจินตนาการอย่างใด ก็สุดแล้วแต่จร้า

ว่าแต่ เห็นคุณ Windows X แนะนำให้ไปทดสอบ test.tidalhifi.com แทนที่จะมาเถึยงกัน ซึ่ง comment ที่อยู่บนๆ ข้าพเจ้าได้พูดถึงการทดสอบนี้ไปแล้วว่ามันเป็น damn easy test มันง่ายไป

ลอง test ที่ยากขึ้น อย่างเช่นการฟังเพลงที่ rip มาจาก cd เป็น wav แล้ว เล่นผ่าน Oversampling DAC ดูสิ เวลาเล่น ห้ามตัว player ใช้ EQ หรือ filter ใดๆทั้งสิ้นในการไปแตะต้อง audio data ไฟล์มายังไง ปล่อยออกไปอย่างนั้นเลย ท่านสังเกตุความผิดปกติของเสียงบ้างไหม?
test นี้ก็ยังง่ายกว่า 16 bits vs 24bits อยู่เยอะนะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 104

Windows X

18/05/2015 22:16:54
337
ตรงนี้ลองไปศึกษาเรื่อง endian และ byte order ดูก่อนครับ เดี๋ยวจะยาว ลองบันทึกเสียงเป็น wav/aiff เทียบกันดูก็ดีครับเพราะในเชิงข้อมูลนั้นดูไม่ต่างกันก็จริงครับ แต่ขั้นตอนการ playback และการบันทึกนั้นมีผลเล็กๆน้อยๆหมดครับ ไม่งั้นจะมีแผ่นที่บันทึกแบบ DMM (Direct Metal Mastering) ของค่าย Stockfish หรือ Mastering ที่บันทึกจาก Mixer ตรงๆอย่างของ T-Toc Records ออกมาทำไม ในเมื่ออัดมามันก็เป็น bit ข้อมูลชัดเจนเหมือนกัน แล้วทำไมต้องทำแผ่น bluespec แผ่น glass cd ด้วยถ้าข้างในเป็นแค่ 0-1 ลองไปศึกษาดูก่อนดีไหมครับว่าที่มาที่ไปของที่ผมเล่ามานั้นคืออะไร

คุณพูดเหมือนคนมีความรู้นะครับแต่ความรู้ที่พูดมานั้นยังไม่ผ่านการใช้งานจริงเลยจะพูดอะไรก็พูดได้ และที่สำคัญ ถ้ามีคนบอกว่าเค้าฟังแล้วชอบอะไรมากกว่าอะไรนี่คุณจะไปยุ่งอะไรกับเขาครับ เขาลองแล้วพอใจอะไรก็เป็นเรื่องที่คุณควรจะเคารพความเห็นของคนอื่นบ้างนะครับ คุณฟัง 16/24 bit ไม่ต่างก็ไม่มีใครไปว่าอะไรคุณสักหน่อย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 105

Funell

18/05/2015 22:55:55
0
อ่านมาถึงเม้นล่างๆนี่รู้สึกผมฟังเพลงสนุกน้อยลงเลย //AIFF เต็ม iTunes ผมเลย 555555
แซวเล่นนะครับ ผมฟังปกตินั่นล่ะ 555555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 106

Windows X

18/05/2015 22:58:49
337
ใช่ครับ อย่าไปซีเรียสมาก มีอะไรฟังแล้ว happy ชีวิตดี๊ดีก็โอเคแล้วล่ะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 107

หูดับ

18/05/2015 23:02:51
ฮือ... คุณ Windows X เล่นบอกให้ข้าพเจ้าไปศึกษาเรื่อง big endian / little endian, byte order เลยหรือนี่
เคยเที่ยวเล่นอยู่ใน headquarter ของบริษัทที่ออกแบบ WAV มาตั้งนาน ไม่คิดว่าจะโดนไล่ไปศึกษาเรื่องเบสิคๆเหล่านั้นอีก เอิ๊ก เอิ๊ก

ความรู้ของข้าพเจ้ามันแค่หางอึ่ง งูๆปลาๆ คงไม่กล้าไปถกเถียงอะไรกับใครหรอก ก็แค่แลกเปลี่ยนประสบการณ์เป็นพิธี เพื่อจะได้อะไรใหม่ๆมาบ้าง อย่าซีเรียสนะจ๊ะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 108

dewringmaster1997

18/05/2015 23:03:56
เท่าที่อ่านๆๆมาด้วยความเคารพนะครับ ผมขอถามคุณหูดับว่าจะมาถาม(ทราบความเห็น)หรือเปล่า หรือมาเพื่อจุดประสงค์อื่น ครับ

เพราะดูพี่หูดับ ก็น่าจะศึกษามาไม่น้อยและรู้หลายอย่างอยู่แล้ว แรกๆๆก็ดีอยู่หรอกครับ แต่หลังๆๆผมอ่านคุณเขียน.......... ผมเริ่มสับสน ครับ

ส่วนตัวผมก็เทียบกับไฟล์ที่ซื้อๆๆมา แผ่นก็ยืมฟังจากพี่ๆๆคนที่ริปดีๆๆ ไม่มีความรู้มากมาย

ถ้าไม่ต้องการทราบความเห็นหรือมีข้อสงสัยจะถามเพราะดูพี่ก็มีคำตอบในใจอยู่แล้ว
ก็ ...............
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 109

Windows X

18/05/2015 23:15:45
337
คุณ nan79 เค้าช่วยไกล่เกลี่ยว่ามันอาจจะฟังต่างกันนิดหน่อยก็ได้ คุณก็บอกเองว่า

"เมื่อทุกบิท เหมือนเดิม ท่านก็จิตนาการเอาเองแล้วกันว่าเสียงมันต่างกันตรงไหนบ้าง"

ผมก็มาอธิบายให้ก็แค่นั้น เรื่องคนทำเพลงบันทึกเป็น wav ผมได้ยินมาหลายค่ายทั้งไทยและเทศ ไปดูไฟล์ hires ที่เค้าขายกันดูสิครับว่านอกจาก flac แล้วเค้าขาย format อะไรกันบ้าง ส่วนใหญ่ก็ wav ไม่ค่อยมี hires aiff ออกมา

ถ้าเป็นความรู้เบๆคุณก็น่าจะรู้นะครับว่าเครื่อง Mac เมื่อก่อนใช้ Big Endian Architecture และ PC เป็น Little Endian พื้นฐานของ WAV เป็น Little Endian ไม่เหมือน Aiff ที่เมื่อก่อนออกแบบมาสำหรับเครื่อง Mac ที่เป็น Big Endian เลยต้องมี bit swap มาไล่เรียงใหม่ มันเลยฟังออกมาไม่เหมือนกันซะทีเดียว แม้ aiff ทุกวันนี้จะเป็น little endian ด้วยกันก็ได้แล้วแต่โครงสร้าง format มันก็ไม่ได้เหมือนกัน wav ซะทีเดียวเหมือนเดิมครับ

ถึงคุณจะเคยเที่ยวเล่นใน headquarter ของบริษัทที่ออกแบบ wav มาตั้งนาน แต่ถ้าใครชอบอะไรฟังอะไรที่ต่างจากคุณแล้วไปกระแนะกระแหนเขาหมดซะแบบนี้ก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรอกมั้งครับ สู้เอาความรู้ในเชิงวิชาการที่คุณได้ศึกษามานั่งถกเถียงกันหาความรู้แบบปัญญาชนให้คนอ่านได้ศึกษาด้วยดีกว่าไหมครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 110

หูดับ

19/05/2015 00:17:42
แหม่ เล่นโต้ตอบความเห็นกันแบบนี้ เดี๋ยวจะจิกกัดกันแรงขึ้นไปใหญ่
คุณ Windows X ลองกลับไปอ่านตั้งแต่เม้นต์แรกมาเลยนะ จะเห็นว่าข้าพเจ้าไม่ได้เป็นผู้เริ่มจิกกัดใครก่อนเลย

คุณ Windows X กล่าวว่า
“คุณพูดเหมือนคนมีความรู้นะครับแต่ความรู้ที่พูดมานั้นยังไม่ผ่านการใช้งานจริงเลยจะพูดอะไรก็พูดได้ “

ถ้าเป็นคนอื่นโดนแบบนี้ ข้าพเจ้าว่าแรงนะ สำหรับข้าพเจ้า เอาเถอะ ไม่ว่ากัน ข้าพเจ้าก็คิดเสมอว่าตัวเองโง่ตลอดเวลาอยู่แล้ว
ฉะนั้นขอตอบความเห็นเชิงวิชาการด้วยความรู้งูๆปลาๆที่ข้าพเจ้ามีดังนี้

อธิบายอย่างนี้นะ ตัว CPU จะเป็นคน swap bytes นะ ตรงนั้นไม่ได้ทำเกิดความต่างของเสียงเลย เพราะว่า โดยส่วนใหญ่แล้ว bottleneck จะอยู่ที่ IO ยิ่งกรณี ไฟล์ WAV, AIFF ด้วยแล้ว ไฟล์มันใหญ่ IO จะทำงานหนักมาก (IO ช้ากว่า CPU เยอะเลยหละ) ฉะนั้นถ้าจะมีการกระตุกก็เพราะ IO ไม่ใช่ CPU
หลังจากผ่านการประมวลผลโดย software แล้วจะได้ audio data ที่มี format ทุกอย่างตรงกับ hardware audio output แล้วก็ส่งข้อมูล audio ออกไป ก็ข้อมูลตอนส่งออกมันเหมือนกันทั้งไฟล์ที่มาจาก AIFF และ WAV แล้วจะให้เสียงมันต่างกันได้ไง และ CPU ก็ไม่ใช่ bottleneck ซะด้วยสิ

หลังจากนี้ก็เม้นต์กันแบบใจเย็นๆใจร่มๆกันหน่อยนะ ข้าพเจ้าก็ไม่ได้อยากจะดราม่านะจ๊ะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 111

more

19/05/2015 00:38:44
0
คำถามแต่แรกถามว่าฟังแล้วรู้สึกแตกต่างหรือไม่

ผมตอบแบบไม่มีหลักการหรือทฏษฏีอะไรเลยนะครับว่า ต่าง ต่างแบบผมหลับตาแล้วให้อีกคนเปิดสุ่ม สลับกันแล้วผมตอบถูกทุกครั้งได้เลย แต่ถ้ามาเดี่ยวๆแล้วถามว่าอันนี้กี่บิตนี่ตอบไม่ได้แต่ถ้ามีอ้างอิงคู่กันนี้รู้สึกเลย

ถ้าคุณคิดว่ามันไม่ต่างมันก็จะมีหลักการมากมายมาอธิบายว่ามันไม่ต่าง หรือถ้าคิดว่ามันต่างมันก็จะมีหลักการมากมายมาอธิบายเหมือนกันว่ามันต่าง

ในโลกเครื่องเสียงมีอะไรที่ตอบไม่ได้อีกเยอะ หลายเรืองมาก เช่นเปลี่ยนสายไฟ แบบตัวนำที่ดีจะได้ความต้านทานต่ำนำไฟฟ้าดีไดนามิกจะมา แต่กลับเลือกเส้นยาวสองเมตร ที่มีความต้านทานมากกว่าหนึ่งเมตรสองเท่า แล้วก็หาอะไรมาอธิบายว่าทำไมสองเมตรดีกว่า

เอาเป็นว่า เชื่อหู คุณดีกว่าว่าต่างรึเปล่า ถ้าคุณว่าไม่ต่างก็ไม่จำเปนต้องเล่น DAC สเปกสูงๆพวก 32bit หรือเก็บไฟ 24 ิbit ไว้ที่เครื่องเพราะมันใหญ่แล้วเปลืองเนื้อที่
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 112

Windows X

19/05/2015 01:13:00
337
คุณลองอ่านความเห็นที่ 92/93 กับ 98/99 ดูนะครับ แล้วลองคิดดูว่ามันแรงไปไหม ผมก็โต้ตอบโดยใช้ความรู้ความเข้าใจกับคุณอยู่ดีๆแล้วคุณมาบอกว่า

"เคยเที่ยวเล่นอยู่ใน headquarter ของบริษัทที่ออกแบบ WAV มาตั้งนาน ไม่คิดว่าจะโดนไล่ไปศึกษาเรื่องเบสิคๆเหล่านั้นอีก เอิ๊ก เอิ๊ก

ความรู้ของข้าพเจ้ามันแค่หางอึ่ง งูๆปลาๆ คงไม่กล้าไปถกเถียงอะไรกับใครหรอก ก็แค่แลกเปลี่ยนประสบการณ์เป็นพิธี เพื่อจะได้อะไรใหม่ๆมาบ้าง อย่าซีเรียสนะจ๊ะ"

ถ้าคุณผ่านงานอะไรมาบ้างก็น่าจะเอาประสบการณ์ของคุณมาแชร์บ้างครับ ไม่ใช่ทำท่าทีเหมือนตัวเองจบนอกมาความรู้แน่นมาก คนอื่นที่มาเถียงกับเราไม่รู้เรื่องหรอก พูดแบบนี้มีแต่คนจะเบือนหน้าหนีครับ

สิ่งที่คุณอธิบายมามันเป็นแค่เชิงทฤษฎีในอุดมคติครับ การ bit swap มันทำให้เกิด jitter เพิ่มใน CPU เพราะมี process เพิ่ม แทนที่จะอ่านแล้วจัดเรียง data ลง memory block ตรงๆไปเรื่อยๆต้องมานั่ง swap ก่อนวางเป็นพักๆไป คนทำ JPLAY เขียนระบบ memory management ในการส่งข้อมูลไฟล์เพลงเดียวกันเสียงยังต่างเลย คิดอะไรมากกับ format ไฟล์ที่มีการจัดการ mapping ต่างกัน ถ้าไม่มีผลจริงทำไม flac ยังมีคนขอให้ทำ uncompressed flac ออกมาได้ล่ะครับ

นอกจากเรื่องนี้แล้ว คุณก็มีข้อเสียอีกข้อคือคิดว่ารู้อะไรก็สรุปไปแบบนั้นเลยไม่ฟังไม่เคารพความเห็นคนอื่นบ้าง ใครชอบ wav มากกว่า aiff ก็บอกไปว่าเค้าหูเทพหูทอง ใครได้อ่านคงจะรู้สึกดีนะครับ อย่างผมบอกว่า save เป็น wav ก็เหมารวมไปว่าใช้ Windows คนใช้ Mac ใช้ OS X บันทึกเป็น wav ก็มีเยอะครับ ดูนี่เป็นตัวอย่างได้

http://www.t-tocrecords.net/mdd_eng.html

เขียนชัดเจนว่าเป็น Mac Hard Disc (จริงๆควรจะเป็น Disk แฮะ) แต่แผ่นที่ซื้อมาเป็น Wav ครับ ดังนั้นอย่าเหมารวมว่าคนที่ save เป็น wav = ใช้ Windows

ถ้าคุณถือว่าแรงไปผมก็ขอโทษคุณด้วยละกันครับ หวังว่าคุณจะคิดได้บ้างว่าคนที่อ่านความเห็นคุณจะรู้สึกอย่างไรบ้าง ถ้าอยากคุยกันดีๆก็อย่าโพสอะไรเชิงเหน็บเชิงหยอกว่าคนอื่นไม่รู้เรื่องแบบนี้ครับ มันทำให้คนอื่นไม่อยากคุยดีๆด้วย ตอนนี้ก็มีแต่ผมที่พูดถึงข้อมูลเชิงปฏิบัติทางวิชาการชัดเจน ถ้าอยากคุยมีสาระก็คุยเอาแต่สาระดีๆพอครับ และคุณควรจะเคารพความเห็นต่างบ้างนะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 113

หูดับ

19/05/2015 01:31:25
แรงนะ คุณ Windows X

คุณลำดับการสนทนาผิดหรือเปล่าเนี๊ยะ คุณเป็นคนพูด ใน คห. 104 ก่อนไม่ใช่หรือว่า

"ตรงนี้ลองไปศึกษาเรื่อง endian และ byte order ดูก่อนครับ ... "
"คุณพูดเหมือนคนมีความรู้นะครับแต่ความรู้ที่พูดมานั้นยังไม่ผ่านการใช้งานจริงเลยจะพูดอะไรก็พูดได้ และที่สำคัญ"

ข้อความแรก คุณบอกว่าคู่สนทนานั้นไม่มีความรู้เรื่อง endian จึงต้องไปศึกษาดูก่อน
ถัดมา คุณดูถูกผู้สนทนาว่าไม่มีความรู้ ไม่เคยผ่านการใช้งานจริง

แล้วมันผิดหรือที่ข้าพเจ้าจะบอกว่าทำอะไรมาก่อน แหม่ ก็
"เคยเที่ยวเล่นอยู่ใน headquarter ของบริษัทที่ออกแบบ WAV มาตั้งนาน ไม่คิดว่าจะโดนไล่ไปศึกษาเรื่องเบสิคๆเหล่านั้นอีก"

เอาหละ ข้าพเจ้าไม่อยากต่อล้อต่อเถียงด้วยละ เดี่ยวจะยาว off topic ออกทะเลไปละเนี๊ยะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 114

Windows X

19/05/2015 01:49:58
337
แรงตรงไหนกันครับ ผมไม่เคยเห็นคุณพูดถึงเรื่อง endian มาก่อนผมก็แนะนำให้ไปดูเรื่อง endian กับ byte order บ้า่งเพราะ wav/aiff แต่เดิมโครงสร้าง endian/byte order มันต่างกัน ถ้าแค่นี้คุณว่าแรงแล้วที่คุณบอกว่าคนฟังออกเค้าหูเทพ ชุดเทพ มโนไปเองไม่แรงกว่าเหรอครับ คิดมาได้

เรื่องที่บอกว่าคุณเคยทำอะไรมานั้นไม่ผิดหรอกครับ จริงๆควรจะบอกแต่แรกด้วยซ้ำ ผมจะได้ไม่บอกให้คุณไปศึกษาเรื่อง endian กับ byte order แล้วโดนบ่นว่าแรง แต่ข้อความข้างล่างน่ะสิครับที่มันชวนให้ของขึ้นเอาได้

"เคยเที่ยวเล่นอยู่ใน headquarter ของบริษัทที่ออกแบบ WAV มาตั้งนาน ไม่คิดว่าจะโดนไล่ไปศึกษาเรื่องเบสิคๆเหล่านั้นอีก เอิ๊ก เอิ๊ก

ความรู้ของข้าพเจ้ามันแค่หางอึ่ง งูๆปลาๆ คงไม่กล้าไปถกเถียงอะไรกับใครหรอก ก็แค่แลกเปลี่ยนประสบการณ์เป็นพิธี เพื่อจะได้อะไรใหม่ๆมาบ้าง อย่าซีเรียสนะจ๊ะ"

คุณเองก็รู้ว่าคุณต้องการสื่ออะไรถึงได้ตั้งใจตัดข้อความข่างล่างออกไปทั้งๆที่ผม cap ไว้แล้ว ลึกๆคุณอาจจะไม่รู้ตัวแต่คุณกำลังดูถูกคนอื่นอยู่ อย่างน้อยๆหลายคนที่อ่านก็รู้สึกแบบนั้น บางทีผมก็โดนว่าแบบนั้นเหมือนกันเพราะผมเป็นคนตรง ยอมหักไม่ยอมงอเหมือนกันแต่ผมก็ยังฟังและถกเถียงกับคุณด้วยเหตุและผลตลอดนะครับ

เอาเป็นว่าไม่คุยต่อแล้วสินะครับ โอเคนะครับ จบนะครับ ผมจะนอนแล้ว
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 115

Windows X

19/05/2015 01:56:39
337
สรุปนะครับ ไม่เกี่ยวกับดราม่าคุณหูดับ 24-bit ทำดีๆมันก็เพราะได้กว่า 16-bit จริงครับ นอกจาก 24-bit ก็มี DSD อีกที่ทำให้เพราะได้จริงยากกว่า 24-bit เพราะ bandwidth มันกว้างกว่า CD มากถึง 64-256 เท่าในตอนนี้ การคุมความเพี้ยนก็ยากกว่า

ทุกวันนี้ชุด reference ที่บ้านผมก็ฟัง 16/44.1khz เป็นหลัก สาเหตุก็คือเพลงที่ผมฟังนั้นไม่ค่อยมี hires ออกมาขายและเพลงส่วนใหญ่ผม rip จาก CD มาฟังเอง หากใครจะมองหา DAC ดีๆผมก็แนะนำให้เค้าหา DAC ที่ฟังแล้วรู้สึกว่าดีจริงมากกว่าจะตาม technology ว่าเล่น DSD ได้ไหม ต่อให้เล่นได้แต่ฟังแล้วมันไม่ใช่จะฟังไปทำไม สู้หา DAC เก่าๆที่เล่น 16/44.1 หรือ 24/96 ได้แต่ฟังเป็นดนตรีกว่ามากดีกว่าไหม

ดังนั้น 24-bit ก็ยังดีกว่า 16-bit อยู่ครับ ถ้า 16-bit มันดีจริงก็คงไม่มี 24-bit ออกมา ไม่มีใครบันทึกเพลงที่ 24-bit ครับ คนทำงานเพลงให้เพราะเค้าทำด้วยความยากลำบากและความพิถีพิถันที่สูงมากกว่าที่คิดครับกว่าจะทำชุดที่บันทึกดีๆออกมาได้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 116

Feels So Good

19/05/2015 02:21:46
29
กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องไฟล์เพลง24 bits มีนักฟังเข้ามาอ่านเยอะ เลยขอถามด้วยว่าเดี๋ยวนี้นิยมทำไฟล์เพลง24 bitsออกมามาก รวมถึงนำแผ่นเก่าๆมาทำใหม่ด้วย

ที่สงสัยคือ แผ่นเก่าๆ เช่นของ Billie Holiday ก็นำมาทำเป็น24bitsด้วย อยากทราบว่าคุณภาพเสียงดีขึ้น ไพเราะขึ้นจริงหรือไม่ครับ เพราะต้นฉบับบันทึกมาเป็น mono ด้วยซ้ำ

ถ้าดีขึ้นจริงจะได้หันมาเล่นด้วย หรือจะได้แต่ distortion มากขึ้น หรือจะกลายเป็นเพียงเหยื่อการตลาดของ marketing อย่างที่ด้านบนว่าเอาไว้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 117

ipodgen315

19/05/2015 07:11:28
0
ผมว่าความแตกต่างนอกจากข้อมูลรายละเอียดของไฟล์แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือหูของคนฟังครับ ว่าจะฟังออกแค่ไหนบางคนก็ว่าไม่แตกต่างกันบางคนฟังแล้วก็สามารถรู้ถึงความแตกต่างได้ เช่น ผมฟังแล้วรับรู้ถึงความแตกต่างได้แต่ให้เพื่อนที่ทำงานฟังเขาบอกพอๆกันครับ อันนี้ผมว่ามันขึ้นอยู่กับหูของผู้ฟังด้วยจริงๆละครับ
ในความเป็นจริงความแตกต่างยอมมีแน่นอนครับ เป็นต้นว่าความเงียบสงัดของเสียง เวลาฟังแล้วมันได้ฟิวมากกว่าครับ อันนี้ต้องสัมผัสเองครับถึงจะรู้ ขนาดผมฟังแค่ 96k 24bit ยังรู้สึกถึงความแตกต่างได้เลยครับ บรรยายไม่ถูก
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 118

nan79

19/05/2015 09:46:23
2
เล่าจากประสบการณ์การฟังนะคะ เพลงบางเพลอย่างเพลงป๊อบทั่วไป ไม่ต้องมีเครื่องดนตรีเยอะชิ้นมาก บางทีฟัง 16 bits แล้วเพราะกว่าค่ะ อาจจะเพราะพอมีรายละเอียดเยอะขึ้น มันฟังแล้ว "ล้น"

แต่ถ้าเทียบกันอย่างเพลงที่มีรายละเอียดชิ้นดนตรีมากๆ อันนี้จะชัดมากค่ะ ที่เคยตอบข้างบน มีงานซิมโฟนี่หลายชิ้นที่มีแผ่นอยู่แล้ว แล้วซื้อ master recording จาก hdtrack มันมีรายละเอียดและความลึกของชิ้นดนตรีแตกต่างกันมาก มากจนเห็นชัดจริงๆ โดยไม่ต้องหูเทพหูทองหรอกค่ะ ถ้าเคยฟังซ้ำๆมาหลายหลายรอบ

ฟังเพลงเอาที่ชอบ ถูกรสนิยม ถ้าเป็นของที่ชอบต่อให้เป็นแค่ mp3 ก็มีความสุขค่ะ

ปล. แต่ถ้าได้ดีๆ กว่า เราก็อยากได้ดีที่สุดอ่ะนะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 119

nan79

19/05/2015 09:50:57
2
เรื่องแผ่นโมโน เอาแค่วิธีรีมาสเตอร์ก็ยุ่งแล้วค่ะ เพราะอันนี้คือ ฝีมือ จริงๆ ที่เคยฟัง CD หลายแผ่น remastered ที่บันทึกสมัย mono ออกมาดีจนน่าตกใจ แต่บางแผ่น - ขอโทษที่ต้องใช้คำนี้ - แม่งกากชิบหาย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 120

Nuy_musiclover

19/05/2015 10:52:05
ติดตามกระทู้นี้มาหลายวัน ขอแสดงความเห็นบ้าง ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าผมไม่มีความรู้ด้านการบันทึกเสียงอะไรพวกนี้เลย แค่ฟังอย่างเดียว เล่นเครื่องเสียงมาทั้งชุดบ้าน เครื่องเสียงรถยนต์ จนหันมาเล่นหูฟัง รวมแล้วน่าจะเก์อบ 20 ปีแล้ว ไฟล์ 24 bit กับ 16 bit ผมไม่เคยลองเลยไม่ค่อยให้ความสำคัญมากนักเพราะเพลงที่ผมชอบฟังเขาไม่ทำ 24 bit มาขาย แค่แผ่น CD ยังหายากแล้ว (Clair Marlo : Let it Go : Sheffield Lab )ได้แต่หวังว่าสักวัน Sheffield Lab จะเอาไฟล์ Studio Master (24/96) มาปล่อยขายบ้าง จะได้เอามาฟังเทียบกันได้ ตอนนี้ฟังเฉพาะ 16 bit ที่ริปจากแผ่น CD นี่แหละ ใช้โประแกรม Itune ริปเป็นไฟล์ aiff แล้วก็ wav เอามาลองฟังเทียบกันดู มันก็แตกต่างกันนะ พอฟังออกได้ว่าอะไรคือ wav แล้วอันไหนคือ aiff พอลองมาใช้ EAC ริป เป็น wav เทียบกับ wav ที่ริปจาก itune เสียงก็แตกต่างกันอีก ถึงแม้จะเป็น wav เหมือนกันก็ตาม สุดท้ายเลยหันมาฟังเฉพาะ wav ที่ริปจาก EAC ความเห็นส่วนตัวล้วนๆครับ ไม่มีข้อมูลด้านวิชาการแต่อย่างใด ใช้หูฟังเอาล้วนๆครับ หูก็ธรรมดา ไม่ได้หูเทพหูทองแต่อย่างใด
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 121

ipodgen315

19/05/2015 13:46:30
0
ริบจาก EAC ผมเห็นด้วยกับท่าน Nuy_musiclover ครับ ผมว่าเสียงอิ่มและดีสุดในบรรดา

โปรแกรมริบเพลงทั้งหลาย

ผมว่าที่ท่านฟังแล้วสามารถแยกออกได้ว่าตัวไหนเป็นตัวไหนนี่ หูท่านไม่ได้ตะกั่วแล้วละครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 122

JPJ

19/05/2015 14:33:01
0
ขอบคุณคุณ nan79 คุณ Nuy_musiclover และท่านอื่นๆที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์ครับ ^^

ผมยิ่งไปใหญ่เลยครับ แต่ก่อนคิดริบแผ่นเทียบมือระดับพระกาฬ
ใช้ EAC ripper เหมือนกัน พารามิเตอร์เดียวกัน
แต่คอมคนละตัวกัน สุดท้ายลองฟังเทียบกันดู
สู้ไฟล์ริบ by ลุงพระกาฬไม่ได้
สุดท้ายยอมยกธงขาว ส่งซีดีให้ตาลุงริบแทนครับ 555
สงสัยเหมือนกันว่ามันต่างกันได้ยังไง 555

ไม่เกี่ยวกับ 24 bit vs 16 bit นะครับ 555


ปล. ผมก็เป็นหนึ่งในคนที่ฟัง CD และ 16 bit เป็นหลักฮะ
Jazz เก่าๆ นี่ผมก็ชอบที่บันทึกมาเป็น mono มากกว่าครับ
24 bit ผมชอบฟังพวกคลาสสิคกับพวก jazz บรรเลงครับ ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 123

ชอบอุปกรณ์ไอที

19/05/2015 14:49:22
ดูกระทู้นี้แต่ผมไม่กล้าออกความเห็น เพราะไม่มีความรู้เรื่องดนตรีเท่าไรนัก
แต่ขอตั้งข้อสังเกตเรื่องอุปกรณ์ดิจิตัลสักหน่อย ผลิตภัณฑ์สเป้กสูงๆจะออกมาล่อเงินในกระเป๋าลูกค้าเรื่อยๆ

ตั้งแต่กล้องดิจิตัล ผู้ซื้อมักเข้าใจผิดว่ายิ่งจำนวนพิกเซลเยอะๆจะยิ่งดี แต่มือโปร ให้ความสำคัญกับเลนส์มากกว่า
พริ้นเตอร์ คนก็มักเข้าใจว่า dpi ยิ่งเยอะ ก็ยิ่งดี แต่สมัยก่อน 300 dpi ที่เป็นเทอร์มอลก็ชัดกว่า 600 dpi ที่เป็นเลเซอร์
จอภาพ สเป้กสูงๆถ้ามีขนาดแค่จอมือถือเล็กๆ จะ 1080p หรือจะ 4K ดูยังไงภาพวีดีโอก็ชัดไม่ต่างกัน

เรื่องพวกอุปกรณ์ฟังเพลงเมื่อเข้าสู่ยุคดิจิตอล ก็คงไม่หลุดพ้นวงจรนี้ไปได้

เท่าที่อ่านความเห็นต่างๆ เชื่อว่าเจ้าของกระทู้คงจะมีประสบการณ์และอุปกรณ์การฟังระดับไฮเอนไม่ใช่เล่น น่าจะเจ็บตัวเสียตังค์มาเยอะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 124

Nuy_musiclover

19/05/2015 14:51:27
96



EAC ถ้าคอมคนละตัวริป ตรงตั้งค่า offset/speed มันไม่เท่ากันนะครับ ถ้าตั้งค่าเหมือนกัน เสียงมันจะเพี้ยนได้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 125

nan79

19/05/2015 16:09:13
2
@JPJ คลาสสิคที่บันทึกยุคที่เป็นโมโนก็เยอะค่ะ รุ่นเทพเจ้าที่ตายไปก่อนเราเกิดทั้งนั้น คนเล่นยุคใหม่ยังไม่มีใครสู้ได้ มันไม่แปลกค่ะ คนบางประเภทร้อยปีอาจจะมีแค่คนเดียว (ถ้าเรากำลังพูดถึง Horowitz กับ Heifetz)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 126

raymee_4

19/05/2015 19:46:37
19
ใครอยากเห็นความแตกต่าง ใาลอง PONO ผมได้ มีให้ลองกับ เฟรอมแวร์ใหม่
https://www.ponomusic.com/ccrz__CCPage?oId=a201500000BtIphAAF&pageKey=product&type=Update
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 127

raymee_4

19/05/2015 19:47:08
19



1
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 128

JPJ

20/05/2015 07:50:49
0
@คุณ Nuy_musiclover ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ^^

@คุณ nan79 ปู่ Horowitz นี่ผมเคยฟังแค่ 2 แผ่น กับฟังจาก youtube เอาครับ
เป็นนักเล่นเปียโนที่มีเสน่ห์มากครับ ^^ ยอมรับว่าน้ำหนักมือคุณปู่นี่สุดยอดไปเลยครับ
มีไดนามิกคอนทราสต์ที่หาฟังได้ยากในยุคนี้เลยฮะ คุณ nan79 มีแผ่นไหนแนะนำผมไหมฮะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 129

Nuy_musiclover

20/05/2015 11:28:13
96
พูดถึงเรื่อง 24 กับ 16 บิตหน่อยก็แล้วกัน เคยมีนักทดสอบสอบเครื่องเสียงคนหนึ่งได้มีโอกาสไปลองฟังไฟล์ studio master 24/96 เทียบกับ แผ่น cd 16/44.1 ของศิลปิน ป้างนครินทร์ อัลบั้ม ดอกเดียว (ชุดฟังอ้างอิงเป็นของคนที่ทำซาวด์เอ็นจิเนียริ่งให้กับอัลบั้มชุดนี้ แกเลยเก็บตัวมาสเตอร์ไว้ชุดหนึ่งด้วย) ผลจากการลองฟังเทียบกันไปมา เสียงที่ได้แตกต่างกันพอสมควร 24 bit เสียงอิ่มกว่า รายละเอียดเยอะกว่า เขาเลยสรุปว่า ที่ต่างกันอาจจะเป็นเพราะมาตรฐานการบันทึกลงแผ่น CD ของค่ายเพลงมันห่วย 555 เป็นงั้นไปได้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 130

nan79

27/05/2015 15:21:15
2
@JPJ ขาดไม่ได้ต้องชิ้นนี้อ่ะ ว่าแต่ชอบแนวไหนคะ เราไม่ค่อยอินกะเปียโนเท่าไหร่เลยฟังเป็นบางคนเท่านั้น ถ้ายังไงรอเผื่อมีคนทำ remastered เป็น 24 bits ก็จะดีเลยอ่ะ the rach 3 นี่บางคนชอบ argerich บางคนชอบ rachmaninoff เล่นเอง แต่เราว่าเทพสุด พริ้วสุดต้อง horowitz

Rachmaninoff: Piano Concerto 3
http://www.amazon.com/Rachmaninoff-Piano-Concerto-3-Sergei/dp/B000003FFK/ref=sr_1_17?s=music&ie=UTF8&qid=1432714442&sr=1-17&keywords=horowitz

แต่ถ้าเป็น heifetz แนะนำชิ้นนี้เลย มีใน HDtrack แล้วด้วย เสียงมันเต็มกว่ามากอ่ะ อย่างโน๊ตถี่ๆ นิ้วปีศาจมันเร็วจนฟังไม่ทัน เป็น 24 bits นี่ไม่มีเลือนไม่มีเบลอ

Brahms / Tchaikovsky: Violin Concertos
http://www.amazon.com/Brahms-Tchaikovsky-Violin-Concertos-Johannes/dp/B0009U55RE/ref=sr_1_9?s=music&ie=UTF8&qid=1432714617&sr=1-9&keywords=heifetz
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 131

nan79

27/05/2015 20:55:44
2



@JPJ ไหนๆ ก็ออกนอกเรื่องแระ รบกวนพื้นที่นิดนึง แนะนำงานชิ้นนี้ ปกติของ Bach จะมีเล่นแบบทั้งที่ใช้ piano และ Harpsichord แต่งานชิ้นนี้ฟังเทียบกันหลายเวอร์ชั่น ชอบ Harpsichord มากกว่า คนนี้เล่นดี มี 24 bits ใน HDtrack ด้วย ลองดูๆ

http://www.hdtracks.co.uk/air-the-bach-album
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 132

dewringmaster1997

28/05/2015 03:04:03
2
คห 131 เพลง air ฟังแล้วจะหลับเลยครับ *---*
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 133

nopphong

29/05/2015 02:21:46
5
ลองฟังกันเล่นๆดูครับ มาสเตอร์เดียวกันเพลงเดียวกัน มา 3 แบบ 16/44.1 , 24/192 กับ dsd 1bit/2.8MHz

http://www.positive-feedback.com/Issue64/hfs1.htm

ลองฟังแล้วได้ผลยังไง ต่างกันแค่ไหน แล้วแบบไหนเพราะกว่า เล่าสู่กันฟังด้วยนะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 134

Akuma

29/04/2017 15:58:00
16 , 24 Bitต่างกันแน่นอนครับ ผมใช้ชุด2หมื่นกว่าบาทก็ฟังออกแต่จริงๆเราฟังให้มีความสุขแต่ท่าฟังแล้วมานั่งจับผิดกันให้เครียดขนาดนี้...เลิกฟังเถอะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 135

ต่อตรง เมท8

01/05/2017 11:02:20
ขอถามแบบโง่ ๆ ว่า jook music
ความละเอียด Med กับ hi มันกี่บิท 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 136

Asepaexeni

09/03/2022 17:18:18
I can look for the reference to a site with the information on a theme interesting you. https://how6youtoknowc.org/map.php
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 137

LosInBlue

09/03/2022 17:47:06
116
มีเลยไปถึงที่ 32 bit float เลยนะครับ แต่อัดเสียงกันจริงๆแปลงไฟล์ต่างๆก็ยังเป็นที่ 24 bit อยู่ดี 555


ผมสนใจมากกว่าว่า เพลงแนว Jpop ที่ผมฟังจะได้มีโอกาสอัดเป็น DSD เร็วๆนี้ไหม ดูจากตลาดแล้วคงยังจะอีกนานเลยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 138

LosInBlue

09/03/2022 18:13:43
116
Hi-res 48khz~192khz คล้ายๆกับจอทีวี 40 นิ้วเหมือนกัน แต่ภาพ 1080p 720p นี่ดูแล้วไม่ต่างกันมาก แบบว่าความสนุกของหนังมันจะหายไปครับ ยังคงไพเราะเหมือนเดิม 555


แต่ DSD นี่เหมือน จอ 40 นิ้วที่บ้าน เปลี่ยนเป็นคุณภาพระดับ IMAX 40 นิ้ว เลยครับ 555

Wow ถึง Wow Shark มากๆ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 139

LosInBlue

09/03/2022 18:30:41
116
ปล. ถ้าจอใหญ่ซัก 80 นิ้ว (อย่างเช่นใช้ HD820 หรือ Amiron Home ที่ขับหมด) จะยิ่ง Shark Wow หนักเข้าไปอีก 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 140

LosInBlue

09/03/2022 19:04:11
116
ปล. ไม่เกี่ยวกับกรุทู้นี้ แต่ผมพยายามจะออกแบบทำโปรแกรม Parametric EQ (เพราะหาแล้วไม่มี) ให้สามารถปรับได้ทุก Bandwitdh ไปถึงระดับ 60db ได้โดยไม่เกิด Distrotion เลยซักนิดครับ!!

เอาให้เสียงมันปรับแล้วสดหวานไพเราะไดนามิคโครตดังหลุดโลก ไปถึงระดับ Galaxy ได้เลยครับ ฮ่าๆๆ

(จริงๆแล้วใช้ Filter คล้ายๆ อย่าง Clip Protection ใน Jriver หรือ Headroom ใน Roon จะง่ายกว่ามากๆครับ  แถมต่อให้ผมทำเสร็จทำได้จริง ก็ไม่มีใครสนใจจะเอาไปใช้อยู่ดี ฮา )
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 141

เฟี้ยว

10/03/2022 13:49:35
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 140 - LosInBlue

ปล. ไม่เกี่ยวกับกรุทู้นี้ แต่ผมพยายามจะออกแบบทำโปรแกรม Parametric EQ (เพราะหาแล้วไม่มี) ให้สามารถปรับได้ทุก Bandwitdh ไปถึงระดับ 60db ได้โดยไม่เกิด Distrotion เลยซักนิดครับ!!

เอาให้เสียงมันปรับแล้วสดหวานไพเราะไดนามิคโครตดังหลุดโลก ไปถึงระดับ Galaxy ได้เลยครับ ฮ่าๆๆ

(จริงๆแล้วใช้ Filter คล้ายๆ อย่าง Clip Protection ใน Jriver หรือ Headroom ใน Roon จะง่ายกว่ามากๆครับ  แถมต่อให้ผมทำเสร็จทำได้จริง ก็ไม่มีใครสนใจจะเอาไปใช้อยู่ดี ฮา )

Linear Phase EQ ไงครับผมว่าถ้าทำเล่นๆเป็นกรณีศึกษาก็ดีเลยครับ แต่ถ้าทำขายจริงผมว่าไม่เวิร์คเท่าไหร่เพราะในท้องตลาดนี้มีค่อนข้างจะเกลื่อนเลยครับ แถมบางตัวก็มีฟังก์ชั่นอย่างเทพที่ทำได้ครอบคลุมทุกอย่างเท่าที่ Digital Parametric EQ มันจะสามารถทำได้ อย่างเช่นบางตัวปรับ Bandwidth ได้ในจำนวนเป็น Infinity ไม่มีสิ้นสุด บางตัวปรับค่า Q ได้ในระดับที่แคบมากๆจนเสียงที่ได้ยินนั้นออกมาเป็น Sine Wave ก็มี บางตัวทำได้ทั้ง M/S Processing,Dynamic EQ,Matching EQ
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 142

LosInBlue

10/03/2022 14:08:39
116
ขอบคุณมากครับ หาข้อมูล Linear Phase EQ ดูแล้ว เดี่ยวลองเอามาใช้งานปรัปแต่งลงสีสันแบบโหดๆสวยงามดูเลยครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
"อยากทราบความเห็น ว่าไฟล์เพลง 24 bits เสียงดีกว่า 16 bits จริงหรือไม่"