555 ที่พูดรายชื่อมาทั้งหมด ผมไม่เคยฟังเลยแม้แต่ชิ้นเดียว แต่ลองไปร้านปิยะนัสหรือร้านเครื่องเสียงอื่นๆเพื่อดูเป็นแนวทางก่อนได้ครับ และผมว่าสำคัญที่สุดคือต้องพิจารณาก่อนว่าเราฟังแบบไหนกันแน่ เพราะตอนนี้เงินบาทแรกยังไม่จ่ายออกไป ยังไงเกมส์ยังพลิกทันครับ 555
เอาคร่าวนะครับเท่าที่ผมนึกออก
- มีที่ทางพอจะวางชุดก่อนหรือเปล่า แล้วไลฟ์สไตล์ชอบนั่งฟังเพลงยาวๆโดยไม่ทำอะไร หรือทำงานไปฟังเพลงไป เพราะระดับชุดมันจะซีเรียสต่างกันมากครับ
- ฟังเพลงอะไรเป็นประจำ และสามารถเปิดได้ดังค่อยแค่ไหน เช่นในคอนโด หรือบ้านที่ไม่ติดกับใคร พวกนี้มีผลต่อการตัดสินใจในยุคนี้จริงๆนะครับ เพราะซื้อแล้วแก้ไม่ได้เลย
- ถ้าสัมผัสแรกชอบ Sonus เดาว่าชอบเสียงก่อนล่ะ และชอบดีไซน์หน้าตา ซึ่งตรงนี้อาจจะหนีไม่ออกครับ แต่ตอนนี้ก็ยังมีสิทธิ์ อยากใหลองเลือกลำโพงให้ถูกใจที่สุดก่อน เพราะคือคาแรกเตอร์หลักครับ
- ต้องวางแผนว่า source และแอมป์จะใช้แบบไหน Soid หรือ หลอด ปรีเพาเวอร์หรืออินทิเกรท และกำลังขับที่เหมาะสมหรือต้องเผื่อกำลังอีกมากไม๊ (มีผลต่อการขับลำโพงและขนาดห้องด้วยครับ) อันนี้สำคัญมาก เพราะค่าวัตต์ที่สูงขึ้นบางทีผมเองเห็นยังเหงื่อตกเลยครับ
- ส่วนพวกสายต่างๆหรือ accessories อื่นๆเป็นเรื่องเล็กครับ มาเติมเองภายหลังได้ แต่ต้องกันงบเผื่อตรงนี้ไว้ด้วย เพราะบอกตามตรงผมไม่เคยเห็นใครไม่บานปลายแม้แต่รายเดียวครับ
ของสนุกครับ แค่เดินเลือกหรือวางแผนนี่ก็มีอะไรให้ทำสนุกไปอีกเป็นปีๆแน่นอนครับ (ไม่จบ) 55555
ของสนุกครับ แค่เดินเลือกหรือวางแผนนี่ก็มีอะไรให้ทำสนุกไปอีกเป็นปีๆแน่นอนครับ (ไม่จบ) 55555
Sonus กับ Mcintosh มันเข้ากันสุดๆอยู่แล้วครับ ถ้าชอบความหนา เนื้อหนัง ยังไงก็ต้อง Mcintosh ครับ ถ้าอยากได้ถูกลงมาหน่อยแต่เสียงดีมากเหมือนกัน (ฝั่ง Tube) ให้ไปลอง Cayin ที่ร้าน Audio Absolute ครับ อ้อถ้ามีโอกาสอยากให้ลองฟัง BW จับกับ Octave ด้วยนะครับ เสียงน่าจะตอบโจทย์ได้พอสมควรเลย
ถ้าแอมป์เพียวๆ Octave จะอยู่ตรงกลางระหว่าง Solid state กับ Tube ครับ จากที่ จขกท ต้องการยังไงก็ต้องไปตามแนวด้านบนครับความเห็นผม
ผมชอบความเห็ฯที่ว่า Proac เสียงดีแต่ Design ไปไม่ไหวจริงๆครับ ผมก็เป็นคนนึงที่พามันกลับบ้านไม่ได้จริงๆ ไม่ว่าเสียงมันจะดียังไงก็ตาม 55555
ชุดบ้านนี่ถ้าชอบแล้ว เล่นไปอีกหลายปีครับ ยันแก่
Sonus กับ Mcintosh มันเข้ากันสุดๆอยู่แล้วครับ ถ้าชอบความหนา เนื้อหนัง ยังไงก็ต้อง Mcintosh ครับ ถ้าอยากได้ถูกลงมาหน่อยแต่เสียงดีมากเหมือนกัน (ฝั่ง Tube) ให้ไปลอง Cayin ที่ร้าน Audio Absolute ครับ อ้อถ้ามีโอกาสอยากให้ลองฟัง BW จับกับ Octave ด้วยนะครับ เสียงน่าจะตอบโจทย์ได้พอสมควรเลย
ถ้าแอมป์เพียวๆ Octave จะอยู่ตรงกลางระหว่าง Solid state กับ Tube ครับ จากที่ จขกท ต้องการยังไงก็ต้องไปตามแนวด้านบนครับความเห็นผม
ผมชอบความเห็ฯที่ว่า Proac เสียงดีแต่ Design ไปไม่ไหวจริงๆครับ ผมก็เป็นคนนึงที่พามันกลับบ้านไม่ได้จริงๆ ไม่ว่าเสียงมันจะดียังไงก็ตาม 55555
ชุดบ้านนี่ถ้าชอบแล้ว เล่นไปอีกหลายปีครับ ยันแก่
Passive ดีๆต้องไปลองครับว่าชอบตัวไหน ตี ว่า ลำโพง กับ Amp งบ 50/50 ก็ได้ครับ
Speaker brand : KEF , Elac , Proac , Dyaudio , PSB etc
AMP : Rotel , NAD , Marantz etc.
คุยต่อครับ 555
ตอนนี้ผมได้ Rogers LS3/5A มาได้ราวๆ เดือนกว่าๆ จริงๆผมเล่น Rogers ผ่านมือมาหลายตัวครับ ส่วนมากของที่วนในไทยสภาพไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ทั้งไดรเวอร์ทั้งตัวตู้ ส่วนของจาก yahoo.jp นี่ผมก็หงายท้องมาเหมือนกัน ถึงไทยทวีตเตอร์ขาด ต้องวุ่นหาอีกนานเป็นปีๆๆ
แต่เดือนก่อนไปเจอ Rogers 3/5A 15 โอห์ม ซึ่งนักเล่นวินเทจนิยมเล่นตัว 15 โอห์มมากกว่า 11 โอห์ม เพราะเค้าถือว่าตัว 15 โอห์มนั้น ครอสโอเวอร์ทำจากสเปคของ BBC ส่วนรุ่นที่เป็น 11 โอห์มทำจาก KEF เอง ซึ่งอันนี้ผมว่าเสียงคงไม่ได้ต่างอะไรกันครับ แต่สำหรับนักสะสมเค้าเล่นว่าหายากกว่า และราคาในตลาดสูงกว่า 1-2 เท่าตัว
พอได้ตัว 15 โอห์มมาเล่นดู ชอบมากครับ คือผมเคยเล่น ProAc, Totem มาหมดแล้ว แต่ผมว่า Rogers มันเรียลกว่า ความเป็น 3 มิติสูงกว่า เสียงนักร้องหญิงจะมีเนื้อเสียงที่ดีกว่า และผมชอบ Sound ที่เสียงจมๆหน่อย Laid Back เพราะเสียงถ้าหากพุ่งมาก ฟังพักเดียวต้องปิด เพราะมันทนไม่ไหวครับ 555 ผมไม่อยากแนะนำให้เล่น Rogers ที่เป็นวินเทจ บอกตามตรงวัดดวงมากไปครับ โอกาสเสียมากกว่าได้
และตอนนี้ผมชักปวดหัวเหมือนกัน คืออยากได้แอมป์หลอดมาเล่นเทียบกับ MCintosh MC240 ที่มีอยู่เดิม แต่ที่มองๆๆไว้ดันเหมือนกันเลยครับคือแอมป์ Willsenton R800i มีรีโมท ได้ 300B/805 แถมมี XLR ครบๆๆ แต่ขอคิดอีกนิดเดียวเพราะเห็นหลายคนบ่นว่าร้อนเกินไป ก็เลยยั้งๆอยู่ครับ ถ้ามีข้อมูลดีๆๆเกี่ยวกับ R800i บอกผมด้วยนะครับ
ฟังจากที่เล่ามาอยากเชียร์ให้ซื้อ Rogers LS3/5a ตัว Classic ที่เป็น Retro ครับ ไหนๆก็ไหนๆ ลองพิจารณา Rogers ไว้อีก 1 ตัวเลือกนะครับ 555
เรื่องแอมป์ Willsenton R800i นั้นผมลองหาอ่านแล้ว ปรากฏว่ารุ่นที่คนซื้อกันเยอะคือรุ่น R8 แต่เป็นหลอด EL34 แต่ R800i นั้นคนบ่นว่าร้อน ซึ่งผมเห็นบ่นกันทุกๆๆคนครับ(ทั้งคนขายก็เขียนลงไว้) ตรงนี้แหละที่ต้องคิดหนักนิดนึงครับ 555 เพราะแอมป์หลอด mc240 ที่ผมใช้อยู่มันไม่ได้ร้อนกันจนขนาดนั้น แต่ 300B+805 ดูแล้วคงเหมือนเอาเตาอั้งโล่ไว้ในห้อง ก็เลยชลอขออ่านให้ดีๆๆก่อนครับ 555
ส่วน Rogers 3/5A ลองดูว่าชอบตัวไหน แต่ถ้าผมๆคงเอาตัวที่ร้าน M Sound ครับ เพราะอ่านในแง่ของการพยายามคงไว้ซึ่งความเป็น Rogers รู้สึกว่าเที่ยวนี้เอาจริง และเค้าทำเป็น 15 โอห์มด้วย ก่อนหน้านั้นผลิตจีนจนเหมือนชื่อเสียงหดหาย แต่รุ่นใหม่นี่ทำใน UK และดูรูปทรงแล้วเอาจริงเลยครับ ลองถามข้อมูลร้าน M Sound ก่อนได้เลยครับ
Rogers ตอนนั้นเห็นคนบอกว่าขายในไทยราคา 17000-18000 (เป็นพวกรุ่น 11 โอห์ม) ซึ่งต้องบอกว่ามันไม่ใช่ลำโพงที่เปิดเพลงได้หลากหลายเหมือนลำโพงที่วูฟเฟอร์ 8 นิ้วนะครับ คือไม่ต้องคิดถึงเรื่องฟังเอามันส์หรือเอาดัง เพราะมันไม่ตอบสนองเพลงร็อคหนักๆๆแน่นอนครับ
แต่รสนิยมคนเรามักเปลี่ยนไป สมัยก่อนอาจจะฟังเพงร็อคเป็นหลัก แต่พอแก่ตัวเข้ากลายมาเป็นฟังเพลงร้องหรือแจ๊สเก่าๆได้ไงก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมเลยแก้ปัญหาด้วยการต้องมีลำโพงหลักอย่างน้อย 2 คู่ครับ แต่ถ้าไม่ได้เปิดดังอะไรมากมาย ผมว่า Rogers มันก็พอให้ได้สำหรับห้องที่ไม่ใหญ่มากนัก
สำคัญคือแมทช์กับแอมป์หลอดที่มี output 16 โอห์ม ผมว่าตรงนี้ได้ประโยชน์ดีมาก และจากที่อ่านๆมา พวกแอมป์หลอดวัตต์ต่ำเกินไปก็ไม่แนะนำให้ใช้ร่วมกัน พวก 8-12 วัตต์ อาจจะต้องเลี่ยงครับ^^
ลำโพง Rogers ถ้าในหมู่ Collector ทั่วโลก ส่วนมากจะสะสมรุ่น 15 โอห์มก่อน แต่พวกเล่นหนักๆคือมีทุกยี่ห้อ มีทุกโอห์มครับ 555 แต่มูลค่า 15 โอห์มสูงกว่า 1-2 เท่าตัวอย่างที่ผมเคยบอกไว้ ส่วนลำโพงมือสองบอกตามตรงว่าวัดดวงทุกขณะจิต
ผมซื้อมา 3 รอบแล้วครับ รอบนี้รอบที่ 4 เพิ่งจะได้สภาพที่โอเคและเสียงยังสมบูรณ์อยู่มาก ราคาในอีเบย์รวมภาษีและค่าส่ง ถึงไทยก็ไม่ต่ำกว่า 7-10 K ครับ ซึ่งตรงนี้พูดยากมากเลยครับ เพราะนักเล่นวินเทจจะนิยมเล่นเรื่อง "อายุ" ของมันด้วย เลยทำให้ของเก่ามีมูลค่าขึ้นมาทันที
แล้วการเล่นลำโพงวินเทจ มันจะถูกผูกเชื่อมโยงถึงเพลงที่ฟังในยุคนั้นๆด้วยครับ คือคนเล่นส่วนมากจะขวนขวายเครื่องเล่นและอุปกรณ์ทุกอย่างที่เคยใช้ร่วมกันในยุคนั้น และแน่นอนว่าเพลงที่ฟังในยุคนั้นก็คือส่วนหนึ่งการของการเล่นเครื่องเสียงวินเทจครับ
ถ้าไม่มีเรื่องนี้เลย ผมแนะนำว่าซื้อของใหม่ดีกว่าครับ เพราะเท่าที่อ่านมา คนทำ Rogers เค้าพยายามอนุรักษ์ทุกอย่างไว้ โดยเอา Rogers ในยุคที่รุ่งเรืองที่สุดซึ่งเป็นยุคที่ Rogers แข็งแกร่งที่สุด นั่นก็คือตอนที่เป็น Black Badge (แต่ราคาสะสมถูกกว่า Gold Badge) พวกป้ายดำคือยุครุ่งเรือง แต่ป้ายทองคือยุคบุกเบิกทำนองนั้นครับ
ลองอ่านจากลิงค์นี้ครับ เป็นภาษาจีนแต่รวบรวมไว้ละเอียด ส่วนรูปที่ผมโพสนี่ให้อ่านพอเข้าใจครับ
อธิบายเพิ่มคร่าวๆครับ ในตารางจะแสดงถึงช่วงเวลาการผลิต 5 ช่วงของ Rogers (ไม่รวมแบรนด์อื่นๆที่ผลิตใต้ License ของ BBC) จะเห็นว่าตารางแรกคือป้ายทองหรือ Gold Badge ครับ ช่วงที่ผลิตคือ 1974-1977
ส่วนตารางที่สองคือป้ายดำหรือ Black Badge ผลิตในปี 1978 ถึงปี 1980 ให้สังเกตุเลข Serial number ด้วยครับ จะมีบอกเลขไว้ด้วยว่าเลขไหนเป็นป้ายแบบไหน
ตารางที่สามคือป้ายขาวคือ White Badge ครับ ผลิตช่วงปี 1981-1984
ตารางที่สี่คือตัวอักษร Rogers ขนาดเล็ก ไม่ใช่ป้ายสี่เหลี่ยม จะผลิตรุ่น 15 โอห์มอยู่ส่วนหนึ่งในปี 1986-1987 ที่เหลือเป็นแบบ 11 โอห์ม และ 11 โอห์มก็คือการสิ้นสุดของ Cross Over ที่ออกแบบโดย BBC เหตุผลคือทำให้ขับง่ายขึ้น และตอบสนองได้ดีขึ้น รวมถึงเปลี่ยนวูฟเฟอร์ใหม่
ตารางที่ห้าคือตัวอักษร Rogers แบบใหญ่ ยุคนี้เป็น 11 โอห์มล้วนๆครับ ผลิตช่วง 1989-1992 พอหลังจากยุคนี้ก็คือทุกอย่างเลิกฮิตและยกเลิกสายพานการผลิตครับ
Rogers ที่พีคที่สุดคือช่วงปี 1978-1980 จะสังเกตุได้ว่าป้ายในยุคนี้เป็นป้ายพื้นดำ ตัวอักษรสีเงิน พีคมากคือขายมากที่สุดในยุคนี้ และสร้างชื่อที่สุด จนปัจจุบัน ตอนเอามาทำ Reissue ก็เอารุ่นป้ายดำนี่แหละครับมาเป็นตัวต้นแบบ
ถามผม ถ้าใจเอนเอียงไปทางวินเทจแต่อยากได้ของใหม่ ให้ลองสอบถามร้าน m sound ดูครับ แต่ถ้าไม่ชอบหน้าตาเลย ผมแนะนำว่าไป Sonus faber ครับ เพราะถือว่ามันคนละสไตล์กันเลย ส่วนของเก่าไม่อยากให้แนะนำ เพราะปวดหัวมากครับ 555
Rogers เก่าๆส่วนใหญ่ไม่ว่าในหรือนอกประเทศ มักจะเจอปัญหาเรื่องวอยซ์คอยส์เบียดกับตัวแม่เหล็ก เพราะถ้าเจ้าของอัดหนักหรือเปิดดัง มันจะกระทุ้งลำโพงจนเสียศูนย์ครับ และอีกปัญหาหนึ่งก็คือทวีตเตอร์จะไหม้ เพราะส่วนมากคนที่เล่น Rogers หากมีแอมป์ Solid Stage ที่วัตต์ต่ำ แล้วไปเร่งดังมากๆต่อเนื่อง ทวีตเตอร์ก็จะไหม้ก่อนครับ
ใครมาเล่นใหม่ๆผมไม่แนะนำให้เล่นมือสองครับ ส่วนผมนั้นด้านชาไปหมดแล้ว อาศัยใจรักเท่านั้นถึงควานหา หรือรอของเข้าในอีเบย์แล้วประมูลสู้กัน ซึ่งมันมีฟิลลิ่งของการแข่งขันเข้าไปอีก ทำให้ Rogers มันมีคุณค่าเพิ่มขึ้นยังไงก็ไม่รู้ 555 และนักเล่นนักประมูลก็จะเป็นพวกคนหน้าเดิมที่จ้องจะแข่งกันในอีเบย์ครับ
เรื่องแอปม์นี่ผมยังรอหาข้อมูลอยู่ ปัญหาคืออยากได้ตัวที่เล่นแล้วเข้ากันได้ดี แล้วต้องจบได้เลย ซื้อมาแล้วเสียงกั๊กๆกันหรือไม่แมทช์กันดีจะเซ็งมากเวลาหาใหม่อีกครับ 555 แล้วถ้าจะเล่น Rogers ต้องเป็นแอมป์หลอดเท่านั้นด้วยครับ^^
ถ้าข้างบนใช้งานมากกว่าข้างล่างและเป็นชุดเมนหลักที่ฟังจริงๆจังๆ รีบไปเอา wattgate ข้างล่างมาเปลี่ยนก่อนเลยครับ 555
ส่วน DAC ใหม่ เลือกตามความชอบครับ แต่มีข้อแนะนำอยู่ 2 อย่าง
DAC R2R ประกอบด้วยวงจรและ R มาต่อเข้ารวมกันเป็นแผงๆแทนที่จะใช้ชิพสำเร็จรูปตัวเดียว (ผมอธิบายหลักการไม่เป็นนะครับ) แต่รู้แบบคร่าวๆล่ะ ซึ่ง DAC R2R เท่าที่ผมใช้อยู่ทุกวันนี้ ผมว่ามันให้รายละเอียดสูง พรั่งพรู การแยกเลเยอร์ต่างๆลดหลั่นเข้าไปทำได้ดี ไดนามิกดีกว่า dac ที่ใช้ชิฟทั่วไป ให้ความเป็น holographic สูงมากครับ ฟังสนุกกว่า dac ทั่วไป แต่ฟังแรกๆจะเหวอๆหน่อย เพราะ R2R นั่นมีชั่วโมงการรันอินที่ยาวนานพอสมควรครับ
DAC หลอด ยังไม่เคยเอามาเล่น มีแต่ได้ฟังมาบ้าง ภาคถอดรหัสก็ว่ากันไปแต่ละยี่ห้อ แต่เสียงของหลอดที่เป็นภาคขยายสุดท้ายแล้วออกมาเป็น output จะให้เสียงที่มีฮาร์โมนิกที่ได้ยินมากกว่า เสียงที่ได้ยินไม่ได้ความเที่ยงตรงแต่อย่างใด(เพี้ยนด้วยซ้ำ) แต่ได้เรื่องเวอร์วังและเอื้อนไปมาแบบหลอดครับ ซึ่งหลอดให้ความสมจริงของเสียงร้องที่ดีกว่า ถ้าจะใช้คำว่าฟังเพลงร้องจากหลอดมันเหมือนมี "มายา" มากกว่าครับ
ถ้าความเห็นผม ผมว่าหา DAC r2r ก็ไม่เลวนะครับ คือทำต้นทางให้เที่ยงตรง และเก็บ detail ได้ครบถ้วน แล้วเราก็มาฟังเสียงจากหลอดแบบเต็มๆในตัว integrated ของ Willsenton R800i ได้อยู่แล้วครับ ที่ออกความเห็นแบบนี้เพราะผมใช้สูตรนี้อยู่ครับ และที่ชอบตัว R800i เพราะมันมี output tab ที่ 16 โอห์ม ซึ่งถ้าแมทช์กับลำโพง 3/5A แล้วมันแจ๋วมากครับ
ผมมี Mcintosh MC240 ซึ่งมี output 16 โอห์ม เดี๋ยวอาทิตย์นี้จะเอาแอมป์ไปอัพเกรดคาแปซเตอร์ทุกตัวใหม่หมดครับ (อุตส่าห์สั่งเจ้าใหญ่ที่ made in USA แบบโรงงานเดิมๆเลย)
ถ้าฟังเพลงร้องเป็นหลักหรือมากกว่า 70% ผมว่ามาถูกทางแล้วครับ
คือผมบรรยายให้มันรู้สึกถึงความแตกต่างน่ะครับ 555
พวกหลอดมันมีบุคลิกเฉพาะตัว เรื่องความเที่ยงตรงคงไม่ต้องพูดถึง พวกหลอดมันจะมี noise บางๆ และมีเสียง microphonic ซึ่งเกิดจากการแปลงไฟฟ้ากับขดลวดออกมาเป็นสัญญาณ ซึ่งจะเป็นเสียงพร่านิดๆ เป็นความเพี้ยนอย่างหนึ่งที่บางคนชอบบางคนไม่ชอบ หลอดให้เสียงฮาร์โมนิคหรือ Overtone ได้ดีกว่าพวก Solid State ทำให้รู้สึกและเกิดคำพูดที่ว่าหลอดให้เสียงที่ "หวาน" นั่นเอง
และเสียงของหลอดมันมีหางเสียงที่ยาวกว่าโซลิดก็เหมือนนักร้องๆเอื้อนเสียงยาวขึ้น หรือกีตาร์สไลด์จะทำหางเสียงยาวมากกว่า ซึ่งบางท่านอาจจะเลี่ยนกับความเป็นหลอดก็มี อันนี้แล้วแต่ชอบครับ 55
ส่วนที่ผมบอกไปอัพเกรดคาแปซิเตอร์ของ Mc240 อันนี้ไม่ใช่อะไรครับ ของวินเทจเวลาเก่าแล้ว ถ้าจะเอามาใช้งานจริงๆจังๆ สมควรเปลี่ยนอะไหล่ที่สำคัญออก ซึ่งผมเพิ่งสั่งอะไหล่ที่ทำจากโรงงานเดิมๆที่เคยทำคาปาซิเตอร์ป้อนให้กับ Mcintosh ก็เลยสั่งมาเปลี่ยนซะเลย จะได้ใช้ได้อีกยาวๆ ปรีเพาเวอร์คู่นี้ดีหมดทุกอย่าง ยกเว้นไม่มีรีโมท 555
ระบบเสียงดีสุด Tidal = Qobuz เอาไปเปิดเทียบกับ spotify connect ใน Aurender ได้เลยครับ จะพบว่าเสียงของ Tidal กับ Qobuz "จะหนาและชัดเจน" กว่า spotify หลายช่วงตึก 5555
ระบบเสิชเพลงฉลาดสุด Spotify แถมแนะนำเพลงไปเรื่อย AI มันเก่งกว่าชาวบ้านครับ
ใช้งานง่าย เสียงดี เล่น Tidal Qobuz ได้แต่เล่น Spotify ไม่ได้ = ROONNNNNN แถมตอนนี้มันแนะนำเพลงได้ฉลาดขึ้นมากๆๆๆๆๆๆๆ ผมว่าขยับเข้ามาใกล้ spotify มากขึ้นมากๆ แต่เพลงจาก Tidal และ Qobuz มันไม่อาจจะไม่เยอะเท่า spotify ครับ ยิ่งถ้าชอบเพลงไทยนี่ roon ไม่ตอบโจทย์
ระบบเสียงดีสุด Tidal = Qobuz เอาไปเปิดเทียบกับ spotify connect ใน Aurender ได้เลยครับ จะพบว่าเสียงของ Tidal กับ Qobuz "จะหนาและชัดเจน" กว่า spotify หลายช่วงตึก 5555
ระบบเสิชเพลงฉลาดสุด Spotify แถมแนะนำเพลงไปเรื่อย AI มันเก่งกว่าชาวบ้านครับ
ใช้งานง่าย เสียงดี เล่น Tidal Qobuz ได้แต่เล่น Spotify ไม่ได้ = ROONNNNNN แถมตอนนี้มันแนะนำเพลงได้ฉลาดขึ้นมากๆๆๆๆๆๆๆ ผมว่าขยับเข้ามาใกล้ spotify มากขึ้นมากๆ แต่เพลงจาก Tidal และ Qobuz มันไม่อาจจะไม่เยอะเท่า spotify ครับ ยิ่งถ้าชอบเพลงไทยนี่ roon ไม่ตอบโจทย์
ระบบเสียงดีสุด Tidal = Qobuz เอาไปเปิดเทียบกับ spotify connect ใน Aurender ได้เลยครับ จะพบว่าเสียงของ Tidal กับ Qobuz "จะหนาและชัดเจน" กว่า spotify หลายช่วงตึก 5555
ระบบเสิชเพลงฉลาดสุด Spotify แถมแนะนำเพลงไปเรื่อย AI มันเก่งกว่าชาวบ้านครับ
ใช้งานง่าย เสียงดี เล่น Tidal Qobuz ได้แต่เล่น Spotify ไม่ได้ = ROONNNNNN แถมตอนนี้มันแนะนำเพลงได้ฉลาดขึ้นมากๆๆๆๆๆๆๆ ผมว่าขยับเข้ามาใกล้ spotify มากขึ้นมากๆ แต่เพลงจาก Tidal และ Qobuz มันไม่อาจจะไม่เยอะเท่า spotify ครับ ยิ่งถ้าชอบเพลงไทยนี่ roon ไม่ตอบโจทย์